web stats

ข่าว

 


Pieces Of You Vol.2- บทนำ

โพสต์โดย: anhann วันที่: 11 ตุลาคม 2017 เวลา 22:58:18 อ่าน: 281




เธอไม่เข้าใจอะไรที่คนที่นี่พูดสักคำนอกจากคำว่า "สวัสดี"  แต่เธอชอบคนที่นี่  พวกเขายิ้มเก่ง  แลเป็นกันเองมากกว่าที่เธอเคยเจอมาจากที่อื่นๆ  เธอไปมาหลายประเทศแล้ว  ติดตามบิดายามเขาไปติดต่อธุรกิจ  หากไปได้แค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น  หลังจากเธอจำต้องยอมแพ้มารดาที่ไม่เห็นด้วยกับการเรียนแบบโฮมสกูล  เพราะกลัวเธอจะกลายเป็นพวกแปลกแยก 

แม่คิดแทนเธอแทบทุกอย่าง  แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว...

เธออายุครบ 18 ปี  เป็นอิสระที่จะทำอะไรได้ด้วยตัวเอง  เลือกอะไรได้ดังใจ  ถึงอย่างนั้น  เธอก็ยังให้ความเคารพแม่  แม่ผู้แม้จะไม่ได้ให้กำเนิดและไม่มีความเกี่ยวข้องใดทางสายเลือด  เพราะความรัก  เพราะแม่รักเธอเหมือนลูกแท้ๆ  และเธอก็รักท่านไม่แพ้กัน  ถึงการแสดงออกจะแตกต่าง

"ร้อนเหรอ  หน้าแดงแจ๋เลย"

คำถามจากคนใกล้ตัวดึงความสนใจของเธอไป  และพบว่าคนถามก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีกว่ากันสักเท่าไหร่  ผิวของสาวชาวตะวันตกแดงจัด  คล้ายจะไหม้เพราะแสงแดดร้อนแรงของประเทศที่ขยับเข้ามาใกล้เส้นศูนย์สูตรแห่งนี้

"ไม่ได้ทากันแดดมาหรือไง"  เธอถาม  อีกฝ่ายพยักหน้าหงึก  มือดันแว่นกันแดดขึ้นกระชับกับสันจมูก  เพราะเหงื่อทำให้มันลื่นไหลลงมา

"ทาแล้ว  แต่ SPF คงไม่พอ"

"ที่นี่ต้อง 50 ขึ้นค่ะ  อิซซี่"  รุจิกานต์ตอบให้  พลางวางหมวกปีกกว้างบนศีรษะเด็กสาวเจ้าของชื่อ  และส่งอีกใบให้เจ้าของใบหน้าคล้ายคลึงตน

"ถ้าอยากผิวสีแทนก็ค่อยไปทำที่ทะเล  ตอนนี้ไม่ใช่เวลา  เดี๋ยวเป็นลมกันเสียก่อน"  ผู้เป็นเสมือนเจ้าถิ่นบอกเสริม  เดินนำสองเด็กสาวไปพร้อมกับรถเข็นกระเป๋าของตน  ในมือมีโทรศัพท์มือถือซึ่งกำลังใช้ติดต่อผู้ที่นัดหมายให้มารับ  แต่เขาเลทจนเธอกับลูกและหลานต้องเดินออกมาจากสนามบินกันเอง

เยลได้ยินเสียงคนที่เดินนำแว่วๆ  ไม่เข้าใจอีกแล้วว่าแม่รุจพูดว่าอะไร  เธอโกรธตัวเองที่ไม่เรียนภาษานี้มาก่อน  แต่นั่นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มาที่นี่  ดินแดนที่เป็นเจ้าของเลือดส่วนหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเธอ

ประเทศไทย...

"ครั้งก่อนที่ฉันมา  มันไม่ได้ร้อนขนาดนี้นะ"  อิซซาเบลพูด  พลางถอดแจ็กเกตออก  เหลือแค่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวมีลายสกรีนเป็นตัวการ์ตูนบนอก  และเอามันพาดบนรถเข็นไว้แทน  ความจริงเธอน่าจะเปลี่ยนชุดตั้งแต่เห็นรุจิกานต์เปลี่ยนจากสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้มมาเป็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้า  แถมพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก  เยลก็เสื้อคลุมมีฮู้ดออกแล้วเช่นกัน

"โลกเราร้อนขึ้นทุกวัน"  เยลพึมพำ  ใช้ท่อนแขนดันรถเข็นแทนมือที่ถือหมวกเอาไว้  เพราะมืออีกข้างใช้เสยผมอยู่  โคนผมเธอเปียกเหงื่อจนชุ่มแค่เดินออกมาจากแอร์ของสนามบินไม่ถึงสิบนาที  อากาศต่างจากปารีสสุดขั้ว  แต่ปารีสตอนหน้าร้อนก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันแหละ

"นึกเสียใจที่ไม่ไปอิตาลีเลยสิ"  อิซซาเบลกระเซ้า  เยลย่นจมูกให้อย่างน่ารัก  แล้วเสียงรุจิกานต์เรียกก็พาให้พวกเธอรีบจ้ำไปหาโดยเร็ว  รถปิคอัพยี่ห้อโตโยต้าสีเงินจอดเทียบฟุตปาธตรงที่อารุจยืนอยู่  ข้างกันมีชายคนหนึ่งซึ่งเธอรู้สึกคุ้นหน้ายืนติดกับตัวรถ  เขาแทบไม่สูงกว่ารุจิกานต์ผู้เป็นลูกผสมหลายเชื้อชาติ  คงเพราะเขาเป็นคนไทยแท้  เขาดูแก่กว่าอารุจมาก  คงเป็นญาติผู้พี่ที่เธอเคยเจอเมื่อหลายปีก่อน  แต่เด็กหนุ่มที่เพิ่งลงมาจากรถ  เธอจำไม่ได้

"เราไม่ได้พักบ้านพวกเขาค่ะ  แค่ใช้ให้ไปส่งโรงแรมเฉยๆ"  รุจิกานต์หันมากระซิบบอกสองสาวที่จ้องหน้าตนด้วยสายตาแปลกๆ  โดยเฉพาะลูกสาวของเธอเอง  เธอกดหัวคิ้วลงสั่นศีรษะเบาๆ ปรามเยลไม่ให้โวยวายอะไรออกมา  เพราะสัญญากับลูกไว้ว่าจะไม่ให้ใครมาวุ่นวายกับทริปของเราสามคน  ยกเว้นเอลลี่ที่จะตามมาจากนิวยอร์กพรุ่งนี้

"เรานั่งแท็กซี่ไปกันเองก็ได้"

นั่นไงล่ะ  ยังไม่ทันไร  เยลก็เริ่มออกฤทธิ์เดช  อิซซาเบลแอบกระตุกชายเสื้อยืดของคนอายุน้อยกว่า  เด็กสาววัยสิบแปดผู้เคยยิ้มง่ายดาย  หน้าตึงใส่เธอไปด้วยเสียอย่างนั้น  หันไปมองรุจิกานต์  อารุจคนดีก็กำลังคุยกับญาติเป็นภาษาไทยที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง  คงตกลงอะไรกันใหม่  แล้วพวกเขาก็จากไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร  คนที่ดูมีอายุกว่าผงกศีรษะให้  แต่คนอายุน้อยพยายามจะโบกมือให้พวกเธอด้วยท่าทางเขินๆ  หลังจากพวกเขาไปได้ไม่นาน  รุจิกานต์ก็เรียกแท็กซี่มารับเราไปโรงแรม  อาไม่ได้ดุพวกเธอหรือเยล  แต่ก็พูดกับคนขับแท็กซี่มากกว่าพวกเธอจนกระทั่งไปถึงโรงแรมที่อาบอกว่าจองเอาไว้

รถแท็กซี่จอดตรงจุดรับส่งของโรงแรม  พนักงานกุลีกุจอมาต้อนรับเรา  พวกเขาขนกระเป๋าเดินทางให้อย่างแข็งขันและมีรอยยิ้มติดบนใบหน้า  แน่นอน  พวกเขายิ้มเก่งพอๆ กับพนักงานสายการบินที่เราเจอกันมา  สมกับสมญานามของประเทศนี้...The Land of smiles   

เราเริ่มต้นทริปนี้ด้วยกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ  อารุจบอกว่าจากตรงนี้เราจะไปแต่ละจังหวัดได้สะดวกที่สุด  อีกอย่างเราต้องรอเอลลี่ที่จะมาสมทบในวันพรุ่งนี้  เอลลี่  พาเวลส์ติดธุระอยู่นิวยอร์กในวันที่เราเดินทางมา  งานด่วนเลี่ยงไม่ได้จึงทำให้ต้องเลื่อนไฟลท์  เธอดีใจที่เอลลี่จะมาร่วมทริปด้วย  เพราะลำพังเธอกับรุจิกานต์อาจเอาเยลไม่อยู่  ดูจากเมื่อกี้...

"ฮอร์โมนเด็กวัยรุ่น"  รุจชอบพูดแบบนี้เวลาเยลสำแดงฤทธิ์  แต่เธออดคิดไม่ได้ว่า  รุจหาข้ออ้างให้เยล  เพื่อจะได้ไม่ทำโทษลูกสาว  หรือโกรธ  จะว่าไปแล้ว  รุจก็ตามใจเยลไม่น้อยเลยทีเดียว  อย่างทริปนี้  เป็นต้น

"เธอเกเรนะ  รู้ไหม"  อิซซาเบลกระซิบกับเด็กสาวที่ยืนคู่กันอยู่ในลิฟต์  ขณะที่รุจิกานต์ผู้สวมแว่นดำก้มอ่านไกด์บุ๊กอยู่อีกมุม  ดูแบบนี้คล้ายอารุจจะไม่อยากคุยกับพวกเธอสักเท่าไหร่  หรืออยากพักสมองบ้าง

"เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีคนอื่นอีกนอกจากเอลลี่"  เยลกระซิบกลับ  ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดกล้อง  ขยับตัวเข้าไปใกล้อิซซาเบลที่กลอกตานิดหนึ่งก่อนชูสองนิ้วและยิ้มให้กับกล้อง  "ต้องอวดกันหน่อย"

"เดี๋ยว  เธอใส่แคปชั่นว่าอะไร"  อิซซาเบลถาม  คว้าโทรศัพท์ของเยลมาดูอย่างไม่ไว้ใจ  แล้วก็พบว่าเยลไม่ได้พิมพ์อะไรลงไปเลย  นอกจากโพสต์รูปเซลฟี่ของพวกเธอลงในอินสตาแกรมเท่านั้น

"แค่อยากลงน่ะ"  เยลบอก  ยิ้มแหยอย่างรู้สึกผิด  อากาศร้อนๆ ไม่ดีต่ออารมณ์ของเธอเลย  เธอขยับเข้ามาเบียดอิซซาเบลแล้วพูดเสียงเบาลงอีก  ไม่อยากให้ใครอีกคนในลิฟต์ได้ยิน  "รุจต้องโกรธแน่ๆ เลย  ทำไงดี"

"ก็ขอโทษสิ"  อิซซาเบลตอบ  มองไม่เห็นเลยว่ารุจิกานต์จะโกรธจริงอย่างนั้น  แต่เธอก็ชอบที่เยลยังรู้จักคิดว่าอาจทำให้แม่ไม่ชอบใจ  "กลัวอะไร  รุจไม่งับคอเธอหรอก"

"แม่ฉันไม่ใช่หมานะ"  เยลว่า  เสียงดังขึ้นนิดหน่อย  เธอเห็นมุมปากของรุจิกานต์โค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายรอยยิ้ม  และคิดว่าแม่คงได้ยินที่เธอพูดแน่ๆ  แต่ก็นั่นแหละ  แม่ใครไม่รู้  ขี้เก๊กชะมัด

"รุจน่ะไม่ใช่หรอก  แต่เธอน่ะไม่แน่"  อิซซี่ว่า  เยลก็ทิ้งเธอไปหาแม่เฉย

เธอสั่นศีรษะเบาๆ  มองเด็กสาวอายุสิบแปดผู้ที่ตอนนี้เป็นแฟนอย่างเป็นทางการของเธอด้วยมีผู้ใหญ่รับรู้กันทั้งสองฝ่าย  แม้จะไม่ได้เห็นชอบนัก  โดยเฉพาะทางฝั่งแม่อีกคนของเยล  โซฟีไม่ได้ชอบที่ต้องยอมรับเธอเป็นแฟนของลูกสาว  หากก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าบ่นเพราะเยลอายุครบเกณฑ์แล้วเรียบร้อย  ถึงอย่างนั้น  เยลก็ไม่ได้ทำอะไรหักหาญน้ำใจคุณแม่คนนั้นนัก  อะไรที่ยอมได้ก็ยอม  ถ้าไม่ยอมจึงจะเถียง  จะถามหาเหตุผลและค่อยสรุปปัญหา  นั่นแหละ  เยลของเธอละ

เยลไปยืนพิงผนังเหล็กเย็นๆ ของลิฟต์ด้านที่รุจิกานต์ยืนอยู่  สองมือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมมีฮู้ดที่เอามาสวมใหม่อีกครั้งตอนขึ้นแท็กซี่  ทำเป็นยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็ขยับไปชะโงกมองว่าแม่ของตนอ่านหนังสืออะไรอยู่  พอรุจหันมามองหน้าก็ส่งยิ้มแห้งๆ  อย่างไร้เดียงสาให้ไป  แล้วรุจก็หันกลับไปอ่านหนังสือนั้นต่อ  เยลก็ยิ้มเก้อๆ หันมามองเธอ  คงอยากฟ้องว่าถูกแม่เมิน  เธอจึงพยักพเยิดหน้าท้าทายให้ลองใหม่  คราวนี้เยลก็รอจนคิดว่ารุจเผลอ  จึงชะโงกหน้าไปจะหอมแก้มคุณแม่  ทว่าก็วืดจนเกือบล้มเพราะรุจหลบทัน  กลายเป็นว่าต้องจับลูกสาวเอาไว้ไม่ให้หน้าแตกต่อหน้าเธอ  แค่นี้หน้าเยลก็แดงจนลามไปถึงคอแล้ว  ยิ่งกว่าโดนแดดเมื่อกี้นี้เสียอีก  อิซซาเบลยิ้มขำ  ไม่แน่ใจแล้วว่าแม่กับลูกคู่นี้ใครต๊องกว่ากัน

เธอยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา  โดยไม่รู้ตัวเธอใช้แอพพลิเคชั่นของอินสตาแกรมถ่ายภาพรุจิกานต์กับเยลลงในระบบสตอรี่  และอัปขึ้นไปในชื่อของตัวเอง  เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้  แต่ก็ทำไปแล้ว  เพียงครู่เดียวก็มีคนส่งข้อความมาทางไลน์  อมีเลียคงนั่งเฝ้าไอจีเธอเลยกระมังจึงรู้ทันทีที่เธออัปเดต  และหลังจากอมีเลียก็มีข้อความจากลิทซ์  จากแอนเดรีย  แถมด้วยสติ๊กเกอร์แสดงความหมั่นไส้จากเจอร์ซี่ให้เธอยิ้มขำจนเยลสงสัย  ต้องเข้ามาขอกระแซะดูด้วยคน

"เฮ้  นั่นมันฉันนี่"  เยลว่า  โวยวายนิดหน่อย  เพราะอย่างน้อยคลิปวีดิโอสตอรี่สั้นๆ นี้ก็ไม่มีอะไร  นอกจากเธอถูกแม่กอดคอและคุยกัน  "รุจ  อิซซี่ถ่ายเราไปลงไอจี"

รุจิกานต์ยิ้ม  ไม่ต่อความอะไรกับลูกสาว  เยลผิดหวังนิดหน่อยที่แม่ไม่สนใจจะขอดู  แต่เสียงกระซิบตรงข้างหูก็ดึงรอยยิ้มเธอขึ้นมาใหม่  อิซซี่บอกว่า  เคยเห็นแม่รุจแอบเอาคลิปวีดิโอเก่าๆ ที่อิซซี่ชอบถ่ายไว้มาดูบ่อยๆ  พอถูกทักก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ขี้เก๊กตามเคย

"ฉันไม่เหมือนรุจหรอกนะ  เรื่องนี้น่ะ"  เยลพูดกับอิซซาเบลที่มองมาอย่างกังขา  "ฉันเป็นคนตรงไปตรงมา  ชอบใครก็บอกว่าชอบ  และฉันชอบ --"

"รู้แล้ว  เข้าใจแล้ว"  อิซซาเบลรีบตัดบท  ก่อนเจ้าเด็กพูดมากจะทำให้เธออายไปมากกว่านี้  เยลยิ้มไม่ว่าอะไรแต่ทำไมไปพยักพเยิดหน้ากับรุจิกานต์แบบนี้  หรือว่าสองคนนี้จะรวมหัวกัน...

"เยล"

"Double Bed  นะคะ  อิซซี่"  รุจิกานต์แทรก  ส่งการ์ดกุญแจห้องพักให้อิซซาเบล  "สำหรับคืนนี้ค่ะ  จะไล่เยลไปนอนโซฟาก็ได้นะคะ  แต่ห้ามไล่มาห้องอา  เขาโตแล้ว"

อิซซี่จะอ้าปากแย้ง  แต่รุจิกานต์เดินออกจากลิฟต์ไปแล้วเมื่อถึงชั้นที่เป็นห้องพักของเรา  ทิ้งเธอไว้กับคนหน้าคล้าย  และเยลกำลังยิ้มให้เธอด้วยแววตาเหมือนเจ้าตูบขี้อ้อนติงต๊อง   



.....................................................


ต่อภาคสองกันเลยค่ะ  สำหรับผู้ที่สั่งจองภาคหนึ่งเอาไว้  ตอนนี้หนังสืออยู่ในขั้นตอนการพิมพ์นะคะ  เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจะจัดส่งให้โดยเร็วที่สุดค่ะ

* แต่หากยังไม่มีภาคแรก  สามารถสั่งซื้อได้ที่นี่

อีบุ๊ก  --->>> https://goo.gl/Q4ZQHP

หนังสือเล่ม --->>> https://goo.gl/22dM5N

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

12 ตุลาคม 2017 เวลา 21:56:22
 :36: อิซซี่มาเมืองไทย มีแฝดต่างวัยมาด้วย  :69:
แสดงความคิดเห็น