web stats

ข่าว

 


Love เหมือนจะใช่ความรัก : ตอนที่ ๒๔ ง้อ

โพสต์โดย: ลำเนา วันที่: 27 กันยายน 2017 เวลา 14:30:05 อ่าน: 560

   ริศายืนยิ้มโบกมือไหวๆ อยู่หน้าห้องทำงานของอาภา ซึ่งหันมาเห็นแต่ทำเป็นไม่เห็น ริศาอมยิ้มๆ ยังคงโบกมือแกล้งอาภาอยู่ด้านนอกเหมือน เดิมหันไปเห็นแก้วใสกำลังเดินมาจึงเลิกยั่วคนที่ทำเป็นไม่สนใจ

   "เป็นบ้าหรือเปล่า" แก้วใสถามริศาที่ยิ้มอายๆ

   "ไม่เคยปกติ เป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา" ริศาบอกกับแก้วใส

   "เจ้านายงอนหรือ"

   "บ้า เจ้านายที่ไหนงอน" ริศายิ้ม

   "แฟน"

   "กล้าถามนะนั่น"

   "อืม น้าก็ได้เอ๊า" แก้วใสหัวเราะ

   "ไปทำงานเลยอย่ามาอู้นะ เดี๋ยวจะฟ้อง" ริศาพูดขู่แก้วใสที่ยิ้มอยู่

   "แก้วน่ะ หลานรักนะ เพราะมีอยู่คนเดียว ตัวเองเป็นใคร"

   "เออว๊ะ เป็นใครว๊ะเนี่ย" ริศาและแก้วใสหัวเราะขึ้นพร้อมกัน อาภามองดูสองสาวที่ยืนคุยและหัวเราะกันอยู่ด้านนอก แต่ยังคงทำงานปล่อยให้คุยกันไป

   "ตกลงว่าไง จะได้ไปรายงานแม่ ได้ยินเขาพูดกันเรื่องริซ่ากับพี่แพง" แก้วใสบอกเพราะยังไม่ได้ไปช่วยงานศพมารดาของพะแพงเลย

   "พูดว่า"

   "ไปช่วยงานขนาดนั้นน่ะ แฟนไหม" แก้วใสพูดตามตรงและมองเลยเข้าไปในห้องทำงานของอาภา

   "แฟนเก่าย่ะ"

   "เดี๋ยวก็ใจอ่อน เพราะสงสาร รู้นะว่ายังรักอยู่น่ะ" แก้วใสพูดเสียงเข้มรู้สึกหวงริศาแทนอาภา

   "หวงแทนใครหรือเปล่า" ริศาพูดแหย่

   "ระวังเถ๊อะ ยังไม่รู้จักฤทธิ์น้าอิ้งค์เวลาจะเลิกล่ะก็ไม่เหลือเยื่อใยเลยนะจะบอกให้" แก้วใสพูดดูจริงจังมาก

   "อย่าขู่ดิ"

   "ไม่ได้ขู่ เรื่องจริง ดูอย่างพี่รันสิเป็นไงล่ะ เลิกแล้วเลิกเลย"

   "พูดดังเดี๋ยวพี่รันได้ยินเข้า โดนไล่ออกทั้งคู่" ริศาทำเป็นพูดกระซิบกับแก้วใสที่ส่ายหน้ากับความกวนของริศา

   "อย่าลืมพาน้าอิ้งค์ไปให้แม่ซักฟอกล่ะ" แก้วใสยักไหล่เล็กน้อย

   "ซักฟอกอะไร คนพาไปต้องน้าตัวเองหรือเปล่า"

   "ฮั่นแน่ ไหนว่าไม่มีอะไรไง รอน้าอิ้งค์พาไปคืออะไร"

   "ไปแล้ว ไม่มีคือ ไม่มีอะไรทั้งนั้น" ริศาอมยิ้ม

   ริศาเคาะประตูหน้าห้อง อาภาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์คล้ายเวลาทำงาน แต่ริศาเชื่อว่า ไม่น่าจะทำงานอยู่แอบเห็นชำเลืองมองออกไปด้านนอกบ้างระหว่างที่ริศาคุยอยู่กับแก้วใส

   "งานยุ่งหรือคะ"

   "นิดหน่อยค่ะ มาเช้าเชียว" อาภายิ้มจางๆ ให้

   "มาง้อไง" ริศาพูดเสียงอ่อยๆ ทำหน้าจ๋อยๆ แต่อาภายังคงนิ่งเฉยริศาจึงเดินอ้อมไปยืนด้านหลังอาภา ซึ่งยังคงนั่งนิ่งและดูงานเหมือนเดิม

   "ไม่เห็นมีอะไรต้องง้อเลย"

   "วันเกิดไม่ได้อยู่ด้วย ไม่ต้องง้อหรือคะ" ริศาถามและหมุนเก้าอี้อาภาให้หันมาเผชิญหน้า

   "มีเรื่องจำเป็น นี่นา"

   "ซ้อมง้อก็ได้ เผื่อคราวไหนโกรธ จะได้ง้อได้ถูกวิธี" ริศาอมยิ้มนั่ง คุกเข่าจ้องมองอาภาที่ทำคิ้วขมวด

   "จะขอแต่งงานหรือ" อาภาถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

   "หาเงินทั้งชีวิตจะพอขอไหมล่ะคะ" ริศาพูดเสียงอ่อยๆ อาภาแอบยิ้ม

   "นั่นสิ ไม่น่าจะสู้ค่าสินสอดไหว" อาภาบอก

   "เอาตัวใส่พานแทนได้ปะคะ" ริศายิ้มทะเล้นให้และขยับเข้าไปใกล้ๆ แนบใบหน้าไปกับหน้าอกของอาภาทำเป็นแมวน้อยอ้อนเจ้าของ

   "ขอคิดดูก่อนเนอะ"

   "อ้อนเป็นแมวน้อยแล้วยังไม่สนใจอีก โกรธจริงปะเนี่ย" ริศาแหงนหน้ามามองทำตาละห้อย

   "ง้อเก่งไม่ใช่หรือ ง้อสิ ง้อเลย" อาภาพูดแหย่

   "หรือต้องปลดกระดุม" ริศาพูดแล้วทำท่าคิด

   "จะเขกหัวให้"

   "อะไรก็ไม่ได้สักอย่าง"

   "ลุกขึ้นได้แล้ว จะทำงานแล้ว"

   "ไม่ลุก คุกเข่าให้ขาหักเลย" ริศาพูดเสียงอ่อยๆ อาภาแทบจะกลั้น ขำเอาไว้ไม่อยู่

   "ลีลาเยอะ จูบทีเดียวก็หายแล้ว"

   "เอ๊าแล้วก็ไม่บอก งัดตำราแทบแย่" ริศาหัวเราะคิกคัก เมื่ออาภากอดเอาไว้

   "มีตำราด้วยหรือ"

   "ไว้ใช้กับคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ ไม่สบายใจหรือเปล่า" ริศาเริ่มพูดเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น

   "แป๊บนะ ขอเอาป้ายไปแขวนหน้าห้องก่อน" อาภาบอกริศายิ้มๆ บางทีก็รู้สึกบ้าบอที่มานั่งคุกเข่าง้ออยู่แบบนี้

   "หวิวๆ นิดหน่อย"

   "หวิวเรื่องอะไรคะ"

   "กลัว"

   "ไม่กลัวสิ เรื่องมีอยู่ว่า พอกลับถึงบ้านพี่แพงร้องไห้ใหญ่เลย หนูเลยเข้าไปกอด พอกอดแล้วพี่แพงเลยจูบ พอจูบแล้วไม่รู้ว่า รู้สึกอย่างไรเลยจูบตอบไปนิดเดียวเท่านั้นเอง" ริศาก้มหน้าเล็กน้อย

   "จะรู้ได้ไงว่า นิดเดียว" อาภาถาม

   "นิดเดียวจริงๆ ไม่โกหกหรอก" ริศาพูดเสียงอ่อยๆ และเริ่มกอดอ้อนเหมือนแมวอีกครั้ง

   "โกหกแล้วจะรู้ไหมล่ะ"

   "ตอนนั้นรู้สึกว่า ยืนอยู่กลางทางตรงที่เคยโดนทิ้ง ซึ่งอันที่จริงหนูคง งี่เง่าด้วยแหละ ยืนอยู่กับที่พี่แพงโผเข้ากอดและจูบหัวใจดีขึ้นนิดนึง แต่คิดถึงอีกคนที่อยู่เส้นทางข้างหน้ามากกว่า หนูเข้าใจที่คุณรู้สึกกับคุณน้ำตาลแล้วไม่ใช่ว่าจะกลับไปเหมือนเดิมได้ แต่ยังคงผูกพันและห่วงใยอยู่"

   "เล่าซะดี เอาคุณกับตาลไปพ่วงด้วย คิดนานไหมล่ะนั่น"

   "รู้ทัน จะฉลาดไปไหนเนี่ย ดีกันน๊า ง้อแล้ว" ริศาพูดอ้อน

   "จะโกรธลงไหมล่ะ จัดมาซะขนาดนี้" อาภาพูดดุแต่ริศายิ้มแป้น

   "น่ารักจะตายไป โกรธลงได้ไงเนอะ" ริศาขยิบตาให้อาภาที่แทบจะหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็น

   "เล่ามาให้จบอย่าขยักไว้" อาภาจ้องเขม็ง

   "ตาทิพย์ปะเนี่ย รู้ด้วยว่าเล่าไม่หมดไปแอบดูเหรอ" ริศาพูดแหย่

   "ลีลาเยอะ ไม่ฟังก็ได้นะ"

   "ฟังนิดหนึ่ง อีกนิดเดียวหมดแล้ว"

   "ว่ามา"

   "อย่าเสียงเข้มสิ ใจฟ่อหมดเลย จะกล้าเล่าไหมเนี่ย"

   "ไม่เล่า ก็ไม่ฟัง"

   "เล่าค่ะเล่า นอนกอดไว้ทั้งคืนเลย" ริศาพูดเสียงอ่อยๆ เอาใบหน้าแนบไปกับตักของอาภาและเอาหน้าถูๆ เหมือนแมวเวลาอ้อนเจ้าของอีกครั้ง

   "ใส่เสื้อผ้าหรือเปล่า" อาภาพูดดุ ริศารีบเงยหน้าขึ้นในทันที

   "ใส่สิคะ โอ๊ยถามเสียงดังเชียว" ริศาแกล้งทำเป็นหวาดกลัว

   "นี่ๆ ชอบล้อเล่นนัก น่าโกรธไหมล่ะ ดูสินอนกอดกันทั้งคืน"

   "แค่ปลอบเอง ไม่เป็นไรเน๊าะ ผู้ใหญ่เข้าใจใช่ไหมคะ" ริศาถาม

   "ไม่เข้าใจ งอนมากกว่าเดิมอีก" อาภาพูดเสียงเข้ม

   "ง้อไปซะเยอะ งอนหนักตอนสุดท้าย ตายตอนจบเลยสิแบบนี้"

   "สวดอีกตั้งกี่คืน ต้องไปปลอบทุกคืนหรือเปล่า" อาภาถาม

   "อาจจะนะคะ" ริศาแกล้งพูดแหย่

   "เอาที่สบายใจเลย" อาภาจะหันเก้าอี้กลับมา แต่ริศาจับตัวไว้และจูบปลอบโยนคนที่ออกอาการงอแง เมื่อริศาบอกว่าจะไปอยู่กับพะแพงอีก

   "อยู่กับคุณน่ะ สบายใจที่สุดแล้ว" ริศายิ้มให้อาภาที่ยังคงมีใบหน้าเรียบนิ่งอยู่

   "ไม่เห็นรู้เลย" อาภาบ่นพึมพำ

   "หรือไม่รู้สึกคล้ายกันว่า เวลาอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจคะ"

   "เฉยๆ นะ" อาภาบอก

   "จริงดิ เศร้าเลย จูบจนกว่าจะหายเฉยๆ แล้วสบายใจ" ริศาอมยิ้ม

   "จูบเก่งขนาดนั้นเลย"

   "เอ๊ะหรือไม่เก่ง จูบแล้วนิ่งเงียบมากเหอะ"

   "ต้องแบบนี้หรือเปล่า" อาภายิ้มจางๆ ให้ จูบริศาอย่างอ่อนหวานโดยไม่ยอมถอยห่างและคลอเคลียอยู่จนคนถูกจูบยิ้ม

   "สอนบ่อยๆ นะคะ หนูน่ะไร้เดียงสา แต่พร้อมที่จะเรียนรู้" อาภาส่ายหน้าแต่อดที่จะขำคนที่แสนจะน่ารัก ชอบกวน ชอบแกล้ง ชอบแหย่ไม่ได้

   "ร้ายกาจมากนะเราน่ะ ใครจะไปโกรธได้"

   "ดีกัน ดีกัน" ริศาพูดอ้อน

   "คุณต้องทำงานแล้วนะ กอดก่อน" อาภาบอกและยิ้มอายๆ

   "เราสองคนเหมือนโดนทิ้งกลางทางทั้งคู่เลยนะคะ ว่าไหม จับมือกันแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกัน จะเจอความรักไหมค่อยว่ากัน มีความสุขกับความสบายใจไปด้วยกันสองคนระหว่างทาง เชื่อว่า วันหนึ่งผู้ใหญ่แถวนี้จะบอกรักชัดๆ ไม่งอแงแล้วเนอะ" ริศาหัวเราะเล็กๆ ทำหน้าตาใสซื่อ

   "อย่ามาโมเม ใครงอแง ตัวเองนั่นแหละเป็นต้นเหตุ"

   "ต้นรักดีกว่าป่าว" ริศาหัวเราะรีบลุก แล้ววิ่งหนีออกจากห้องไป

   "เด็กบ้าดูสิ อ้อนจนลืมงอน ลืมโกรธเลย" อาภาหัวเราะมองดูคนที่ยังไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำหน้าทะเล้นให้ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องจัดรายการ

   เสียงเรียกเข้าจากเครื่องโทรศัพท์ของอาภาดังขึ้น ซึ่งเจ้าตัวมองดูนาฬิกาสี่ทุ่มกว่าๆ อาภาลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่ที่ชั้นวางแผ่นเสียงและรอยยิ้มนั้นปรากฎขึ้นในทันทีเมื่อเห็นรูปยิ้มทะเล้นๆ ของริศาซึ่งเป็นคนที่โทรศัพท์เข้ามา

   "ว่าไงเด็กน้อย" อาภาอมยิ้ม

   "ไม่ว่าค่ะ อยู่ข้างล่างลงมารับด้วยค่ะ คิดถึง อยากกอด" ริศาพูดเสียงอ่อยๆ เสียงแห้งๆ คล้ายคนที่จะเริ่มเป็นหวัด

   "อย่ามาอำ ไม่ลงไปใส่ชุดนอนแล้ว" อาภาหัวเราะเล็กๆ

   "โห แล้วไงหนูต้องขับรถกลับไปนอนบ้านเหรอ" ริศาบ่นพึมพำ

   "ใช่สิ"

   "ลงมารับเหอะ อยากนอนแล้ว อยากให้คุณกอดด้วย เหนื่อยค่ะ"

   "อยู่ข้างล่างจริงๆ หรือ" อาภาถามเริ่มรู้สึกกังวลกับคนที่น้ำเสียงฟังดูเหนื่อยๆ

   "ค่ะ"

   "เดี๋ยวรีบลงไปรับ รอแป๊บนะ"

   ริศายิ้มน้อยๆ และยื่นมือให้อาภาจับ ตั้งแต่ลงมารับจนมาถึงห้องพัก อาภาแตะไปที่หน้าผากเล็กน้อยเดินไปหยิบยามาให้ ริศารับไปทานพร้อมกับดื่มน้ำตาม โดยแทบจะไม่ต้องพูดหรือบอกอะไรถึงความห่วงใย

   "เปิดน้ำอุ่นอาบนะ" อาภาบอกขณะยื่นผ้าเช็ดตัวให้ริศา ซึ่งไม่ค่อยได้พูดจานัก

   "ขอบคุณค่ะ" ริศาจุมพิตเล็กๆ ด้วยความขอบคุณ

   "ตัวรุมๆ แล้วนะคะ" อาภาบอกขณะที่ริศาเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอด

   "คิดถึงจัง" ริศาบอก

   "ขอบคุณนะ ที่คิดถึงเวลาเหนื่อยล้า" อาภาลูบศีรษะของริศาอย่างแผ่วเบา เพื่อที่คนที่ดูอ่อนล้านั้นจะได้หลับสบายอยู่ในอ้อมกอด

   "ดีขึ้นมากค่ะ อ้อมกอดมหัศจรรย์" ริศาพึมพำแต่ทำให้อาภายิ้มได้

   "นอนเถอะ คุณจะกอดหนูไว้แบบนี้แหละ" อาภายิ้มจูบเบาๆ ไปที่ศีรษะของเด็กน้อยที่เงียบไปแล้ว

   อาภายิ้มอยู่ในความมืดกระชับอ้อมกอดที่กอดเด็กน้อย ริศาทำให้รู้สึกสุขใจยามที่พูดคุยและทำทะเล้นใส่เหมือนเมื่อช่วงกลางวัน แต่ยามนี้ทำให้รู้สึกสุขใจยิ่งกว่ากับโอกาสที่ได้ดูแล จนกระทั่งหลับไปถือเป็นความสุขใจเป็นที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ดีเจสาวของคลื่นได้เดินเข้ามาเปิดเพลงและแง้มหัวใจของอาภาที่กำลังมองเห็นความหมายของคำว่าความรัก การได้ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การที่ริศาขับรถมาหาทั้งๆ ที่บ้านตัวเองนั้นอยู่ใกล้กว่า เพียงแค่อยากให้กอดในยามหลับนั้น ทำให้อาภารู้สึกสุขใจ หัวใจรู้สึกอบอุ่นจนน้ำตารื้น เมื่อนึกถึงเด็กน้อยในอ้อมกอดที่แสนจะน่ารัก อาภายิ้มนึกถึงวันแรกที่ได้พบกัน วันที่ริศาต้องเข้ามาพบและรายงานตัวซึ่งเจ้าตัวบอกว่า อาภามีท่าทางหยิ่งๆ ไม่ยอมแม้แต่จะหันมามอง แต่จริงๆ แล้วเป็นการแอบมองโดยที่ริศาไม่รู้ตัวเสียมากกว่า จากวันนั้นซึ่งมีความรู้สึกแปลกๆ เข้ารบกวนในหัวใจ จนมาถึงวันนี้เด็กน้อยผู้แสนน่ารักซึ่งอยู่ในอ้อมกอดได้นำพาความสุขเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความทะเล้น น่าเอ็นดู การเอาใจใส่ ความห่วงใย รวมถึงความรู้สึกอีกมากมายที่ไม่รู้จะบรรยายออก มาอย่างไร เพราะรวมๆ ความรู้สึกของอาภาคล้ายกับริศาเหมือนกันนั่นคือ ความสุขที่ได้มีกันและอยู่ใกล้ๆ กัน

   "เมื่อยไหม" ริศายิ้มหลังจากหลับไปพักใหญ่รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง แต่อาภาขยับตัวเล็กน้อยทำให้เป็นห่วงว่า อาภาอาจจะนอนไม่สบายนัก

   "ไม่เมื่อยหรอก"

   "แล้วทำไมคุณไม่นอนล่ะคะ" ริศาถามจุมพิตเบาๆ ไปที่ริมฝีปากของอาภา ซึ่งตอบรับไปอย่างแผ่วเบา

   "มีความสุข จนไม่อยากหลับอยากนอน" อาภาหัวเราะเล็กๆ เมื่อริศาทำหน้าเหมือนสงสัยแต่มีรอยยิ้ม

   "ความสุข" ริศาพูดขึ้น

   "หนูไงล่ะ" อาภาเอามือแตะไปที่จมูกของคนที่มีรอยยิ้มกว้างมากขึ้นในทันทีเมื่อได้ยิน

   "ตอนขับรถมาอยากหลับจะแย่ อยากให้คุณกอดจะได้หายเหนื่อยรู้สึกได้จริงๆ ด้วยหลับไปพักหนึ่งสดชื่นขึ้นมากค่ะ ขอบคุณนะคะ" ริศาบอกขอบคุณและจูบคลอเคลียจนอาภายิ้ม

   "คนกอดอยู่สุขใจจนไม่อยากนอนเลยเหอะ"

   "แววตาที่จ้องมองตอนเอายาให้หนูทานน่ะ ทำให้คิดถึงแม่เลย"

   "แก่อะดิ" อาภาหัวเราะจูบเบาๆ ไปที่หน้าผากของริศาที่ยิ้มๆ

   "ไม่ได้ว่าสักหน่อย แม่หนูสวยนะ ไว้พรุ่งนี้เอารูปให้ดู"

   "มั่นใจได้ว่าสวย ลูกสาวถึงได้สวยขนาดนี้"

   "เนอะ เด็กอะไรก็ไม่รู้ น่ารักแล้วยังสวยอีก" ริศาหัวเราะอาภาเองก็เช่นกัน

   "แหมชมนิด ชมหน่อย ชักจะหลงตัวเองนะ นอนได้แล้วเสียงแห้งเชียวเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีเสียง เจ้านายจะดุเอานะ" อาภาแกล้งพูดเสียงเข้มๆ

   "เจ้านายดุไม่กลัว แต่กลัวคุณดุ"

   "หนูน่ารักขนาดนี้ ใครจะดุลง ฝันหวานนะ เด็กน้อย" อาภาจูบริศา

   "จะฝันถึงเน๊าะ ฝันดีค่ะ คุณของหนู" ริศาแนบใบหน้าไปที่เนินอกของอาภาซึ่งกอดกระชับให้พอรู้สึกสบายและหลับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม

   วรันธรงัวเงียตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์กลางดึก มองดูนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งกว่าๆ คว้าโทรศัพท์โดยไม่ได้ดูชื่อของผู้โทรฯ เข้า หลายคืนที่ผ่านมานั้นไปช่วยงานศพมารดาของพะแพงทุกคืนในนามตัวแทนของบริษัท

   "สวัสดีค่ะ" เสียงงึมงำนั้นทำให้ปลายสายหัวเราะ

   "นอนต่อไหม" เสียงของน้ำตาลทำให้วรันธรยิ้มเอื้อมไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างเตียง

   "เขียนหนังสืออยู่หรือคะ" วรันธรถาม

   "คิดถึงรัน เลยโทรฯ มากวน" น้ำตาลยิ้ม

   "คิดถึงทำไมไม่มาหา" วรันธรพูดแหย่

   "กลัวไปเจอคนอื่นอยู่ก่อนน่ะสิ ไปหาตอนนี้พร้อมต้อนรับไหมล่ะ" น้ำตาลหัวเราะเล็กๆ

   "อยากมา ก็มาได้นะ"

   "นอนคนเดียวล่ะสิท่า" น้ำตาลหัวเราะอีกครั้ง

   "อยากมานอนด้วยหรือเปล่าล่ะ"

   "อยากค่ะ ไปได้หรือ" น้ำตาลถาม

   "ถึงแล้วโทรฯ หารันนะ จะรอ"

   "พร้อมมากเลยนะคะ คุณผู้ช่วยเรื่องต้อนรับสาวๆ น่ะ" น้ำตาลพูดแขวะวรันธรที่กำลังหัวเราะออกมา

   "ทำไมโทษกันอย่างนั้นล่ะคะ เป็นคนโทรฯ มาหารันเองนะ"

   "อิ้งค์รู้จะฉีกอกตาลไหม" น้ำตาลถาม เพราะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างวรันธรกับอาภานั้นเป็นอย่างไรในขณะนี้

   "น่าจะฉีกอกรันมากกว่า"

   "กลัวหรือเปล่า"

   "ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย เรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน"

   "ไปตอนนี้ล่ะก็ รันไม่ได้นอนแน่" น้ำตาลหัวเราะ

   "มาเถอะ อยากไม่ได้หลับไม่ได้นอน" วรันธรพูดยั่วน้ำตาล

   "ไม่ต้องมาทำยั่วเลย เดี๋ยวไปอีกครึ่งชั่วโมงถึงอย่าแอบหลับล่ะ"

   "ค่ะ ถึงแล้วโทรฯ มานะ" วรันธรอมยิ้ม

   "รับทราบค่ะ"

   น้ำตาลมาถึงภายในยี่สิบนาที เพราะท้องถนนของการเริ่มต้นวันใหม่แทบจะเรียกได้ว่า มีเพียงรถของน้ำตาลเท่านั้นที่วิ่งอยู่บนท้องถนน

   "บาปนะ ปลุกคนอื่นดึกๆ ดื่นๆ น่ะ" วรันธรกระซิบบอกหลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยและเข้าตะกองกอดน้ำตาลเอาไว้

   "กลัวบาป กลับดีกว่า" น้ำตาลยิ้มทะเล้นให้

   "อย่าได้หวังเชียว ปลุกรันมาขนาดนี้ต้องบริหารร่างกายกันหน่อย"

   "ทะลึ่งนะ รันน่ะ" น้ำตาลหัวเราะ

   "เรื่องธรรมชาติ หรือที่มาน่ะ จะมานั่งดูรันนอน" วรันธรแกล้งพูดและขยิบตาให้ก่อนที่จะเริ่มจุมพิตอย่างอ่อนหวาน

   "กำลังทำงาน อยู่ๆ คิดถึงรัน โดยเฉพาะ" น้ำตาลมีแววตาวาววับ

   "หื่นนะนั่น" วรันธรหัวเราะ ก้มมองเนินอกของน้ำตาลที่สวมเสื้อยืดโดยไม่มีอาภรณ์ชั้นในกับกางเกงลำลองที่สวมใส่สบายคล้ายกางเกงนอนผ้านุ่มนวล น้ำตาลหัวเราะอย่างเขินอายเมื่อเห็นวรันธรจ้องที่บริเวณเนินอก

   "รีบออกมา" น้ำตาลกระซิบบอก วรันธรจึงพรมจูบไปที่ใบหูและขบเบาๆ ที่บริเวณลำคอไล่เรื่อยมาที่เนินอกอันแสนสวยงาม เมื่อเสื้อยืดตัวนอกถูกปลดเปลื้องโดยเจ้าตัวไม่ได้ห้ามปรามอะไร วรันธรยิ้มมองสบตากับน้ำตาลที่ยิ้มให้อยู่เช่นกัน

   "เสน่ห์แรงนะ สวยด้วย" วรันธรบอกผลักน้ำตาลให้ล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนสีขาวสะอาดและเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเอง

   "ปากหวานนะ"

   "ไม่ต้องมาชวนคุยเลย" วรันธรอมยิ้มและเริ่มจูบน้ำตาลอย่างร้อน แรง เพราะความเย้ายวนไม่ว่าจากร่างกายที่เบียดแนบชิดหรือแววตาที่แสนซนและเซ็กซี่นั้นทำให้วรันธรเริ่มหลงใหลเสน่ห์ของผู้หญิงที่ดูก๋ากั่น

   เสียงของน้ำตาล เมื่อถูกสัมผัสจากริมฝีปากของวรันธาทาบทับไปที่เนินอกนั้น ทำให้โดนรุกเร้าอย่างร้อนแรงและตอบกลับอย่างที่หัวใจรู้สึกคิด ถึงร่างกายเปลือยเปล่าของวรันธรตั้งแต่ตอนที่ทำงานเขียนอยู่ น้ำตาลกำลังควบคุมความรู้สึกของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าคงทำได้ยากเสียแล้ว เสน่ห์ของ ความร้อนแรงในตัววรันธรนั้น ทำให้หัวใจหลงใหลไปกับสัมผัสอันหนักหน่วงที่ทำให้เลือดนั้นสูบฉีดได้อยู่ตลอดเวลาที่คลอเคลียอยู่ด้วยกัน วรันธรถึงแม้จะร้อนแรงแต่ไม่ได้รีบร้อนยังคงออดอ้อนรุกบ้างและรับบ้าง น้ำตาลรู้สึกสุขใจถึงแม้หัวใจนั้นจะไม่ได้ผูกพันก็ตาม แม้จะเป็นเพียงความใคร่ แต่ทำให้รู้สึกวูบวาบตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งๆ ที่ผ่านการคบหามาหลายครั้งหลายครา น้ำตาลปล่อยให้วรันธรรุกเร้าหวามไหวอย่างย่ามใจโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกรุกกลับ แต่รอยยิ้มที่มุมมองปากของวรันธรนั้นได้แสดงออกถึงความไม่ได้ยี่หระกับการถูกรุกด้วยการสอดแทรกสัมผัสร้อนแรงซึ่งเข้าสำรวจภายในเรือนร่างก่อน แต่กลับขยับร่างกายให้เบียดชิดเพื่อรับสัมผัสอันซุกซนของน้ำตาลที่ยิ้มน้อยๆ เพราะถือเป็นความก๋ากั่นของวรันธรที่ไม่ได้คิดจะลด ราวาศอกถึงแม้จะถูกรุกล้ำก่อนก็ตาม สะโพกที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะจะโคนคล้ายจังหวะของดนตรีนั้น ทำให้น้ำตาลที่เป็นฝ่ายรุกเร้าอยู่นั้นหลงกลจนกระทั่งรู้สึกว่า ร่างกายเริ่มถูกความร้อนแรงของวรันธรรุกกลับ น้ำตาลหอบหายใจแรง  และเบียดสะโพกเข้าหาคลอเคลียรับสัมผัสที่กำลังบอกผ่านให้กันและกัน เครื่องปรับอากาศที่เย็นช่ำดูเหมือนจะแพ้ความเร่าร้อนของทั้งสองซึ่งเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นตามเรือนร่าง วรันธรเริ่มพรมจูบคลอเคลีย เมื่อรู้สึกว่าร่างกายภายในนั้นแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียงหอบหายใจแรงของน้ำตาลกำลังยั่วยวนให้วรันธรรุกเร้าอย่างร้อนแรง และถูกรุกตอบกลับอย่างร้อนแรงเช่นกัน จนกระทั่งร่างกายที่มีเหงื่อผุดออกมากมายเริ่มตะกองกอดกันและกันอย่างสุขใจ
   
   "เปลี่ยนแอร์ใหม่ได้แล้วนะ" น้ำตาลหัวเราะเมื่อคนที่ทาบทับอยู่บนเรือนร่างซึ่งเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่จ้องมองแล้วขมวดคิ้ว

   "แอร์รันน่ะเย็นจะตาย ตัวเองนั้นแหละฮอตซะ" วรันธรยิ้มแล้วจูบคนที่อมยิ้มอยู่

   "ตาลไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"

   "เหงื่อขนาดนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยเนอะ" วรันธรยิ้มๆ จองมองดวงตาที่เคยเรียบนิ่ง แต่จะทะเล้นเวลาได้คลอเคลียแบบไร้อาภรณ์

   "เพิ่งเข้าใจคำว่า ดีต่อใจ ตอนได้อยู่กับรันนี่แหละ" น้ำตาลหัวเราะ

   "ไปอาบน้ำกันไหม รันอยากนอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย"

   "ได้ค่ะ น่ารักที่สุดเลยนะ คุณผู้ช่วย"

   "คุณนักเขียนก็เช่นกัน ช่วยถูสบู่ให้คุณผู้ช่วยด้วยนะคะ"

   "ได้ค่ะ ยินดีรับใช้" น้ำตาลหัวเราะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น