web stats

ข่าว

 


Another Me - Chapter 12

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 24 กันยายน 2017 เวลา 18:39:23 อ่าน: 569

"อย่าปล่อยมือนะ อย่าปล่อยมือพี่นะ..."

แจนบอกกับคนที่นั่งข้างๆ ในโรงภาพยนตร์ ขณะนี้เธอกำลังดูหนังสยองขวัญพร้อมๆ กับบีบมือคนข้างๆ ไปด้วย

.
.
.

3 ปีก่อน...

วันนี้เป็นวันทำงานแต่สาวลูกครึ่งลางานเพื่อมาติดต่อธุระให้กับแม่ หลังจากจัดการธุระเสร็จในช่วงเช้าจึงทำให้มีเวลาว่างในช่วงบ่าย ด้วยความเบื่อๆ เซ็งๆ และยังไม่อยากกลับบ้าน เธอจึงตีตั๋วดูหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งคนเดียว

แจนในชุดเก่งของเธอ ชุดเดรสแบบสปอร์ตสีน้ำตาลกับรองเท้าผ้าใบสีขาวซื้อป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมเข้ามาในโรงหนังด้วย ภายในโรง... ที่นั่งด้านขวาของเธอเป็นนั้นว่าง ส่วนทางด้านซ้ายเป็นผู้หญิงในชุดนักศึกษาหน้าตาน่ารักที่ดูเหมือนจะมาคนเดียวเช่นกัน

สาวลูกครึ่งยิ้มให้กับคนที่นั่งข้างๆ เล็กน้อยแล้วให้ความสนใจกับหน้าจอ... หนังที่เธอดูออกจะเป็นหนังสยองขวัญบวกกับแนวสืบสวนที่ชวนให้งง ให้คิด หนังเปิดมาตามสไตล์หนังผีแฮปปี้แล้วค่อยบิ้วให้น่ากลัวจนจบ และมันก็เป็นแบบนั้นตามแพทเทิร์นของหนังแนวนี้ พอเดินเรื่องไปสักพักบรรยากาศก็เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฉากในตอนกลางคืน

"Shoot! (บ้าเอ้ย!)" แจนเริ่มส่งเสียงออกมาเมื่อมีฉากที่ทำให้ตกใจ

พอมีช่วงน่ากลัว เสียงซาวด์หลอนๆ กับฉากมืดๆ ก็ทำให้เธอยิ่งนั่งไม่ติด นั่งดูไปหลบไป แถมยังยกกล่องป๊อปคอร์นขึ้นมาแนบอกด้วยความลุ้นระทึก ความหลอนจากหนังยังคงดำเนินต่อไปพร้อมๆ กับที่เธอเริ่มกระเถิบเข้าไปทางซ้ายมากขึ้นเช่นกัน

"Goshh! no no no no no"

สาวลูกครึ่งสะดุ้งพร้อมกับอุทานออกมาเมื่อผีโผล่ออกมาให้ตกใจ แล้วมือของเธอก็เผลอไปจับที่มือของคนที่นั่งข้างๆ

"ขอโทษค่ะ" เธอหันไปพูดกับอีกฝ่ายเบาๆ

"ไม่เป็นไรค่ะ"

แต่แจนก็สะดุ้งเพราะเสียงประกอบของหนัง เธอจับมือคนข้างๆ อีกครั้ง... ที่พักแขนระหว่างเธอและที่นั่งข้างๆ ถูกยกขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เท่าที่รู้คือเธอขยับเข้าหาหญิงสาวในชุดนักศึกษามาขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเข้าไปกอดอีกฝ่ายอยู่แล้ว

"I don't like it, I don't like it, I don't like it, I don't like it (ไม่ชอบๆๆๆ)"

เธอยกมือขึ้นมาปิดตา กลั้นหายใจ และเมื่อเสียงซาวด์ที่ทำให้ตกใจดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็กอดแขนและซุกไหล่คนที่นั่งข้างๆ ทันที

"เอ่อ... พี่โอเคมั้ยคะ?" คนถูกกอดแขนกระซิบถาม

"โอเคค่ะๆ แค่ตกใจ"

"งั้นหายใจลึกๆ นะคะ"

สาวลูกครึ่งทำตามที่อีกฝ่ายบอก เธอแอบมองคนที่ถูกเธอกอด ใบหน้านั้นหันมาหาเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ แขนของเธอกอดแขนและบีบมือของคนข้างๆ แน่น กล่องป๊อปคอร์นของเธอก็ย้ายไปตั้งอยู่บนตักของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ซาวด์น่ากลัวและชวนใจสั่นดังขึ้นมาเรียกความสนใจของแจนไปที่หน้าจออีกครั้ง แต่แล้ว...

"ไม่เอาๆๆๆๆๆ"

สาวลูกครึ่งร้องออกมาเบาๆ ขณะที่ดูหนังไปด้วย ถึงแม้จะยกมือขึ้นมาบังตาแต่ก็ยังแอบดูผ่านซอกนิ้วเพราะอยากรู้ความเป็นไปของตัวละคร

"อย่าปล่อยมือนะ อย่าปล่อยมือพี่นะ พี่ขอร้อง นะๆๆๆๆ" เธอพูดด้วยเสียงสั่นๆ พร้อมกับบีบมืออีกฝ่ายแน่น

"...ค่ะ" คนที่นั่งข้างๆ ตอบ น้ำเสียงฟังดูเหมือนกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ เธอยังคงนิ่งเฉยและดูเหมือนไม่กลัวอะไรที่อยู่บนหน้าจอเลย

แจนบีบมือและซุกหน้าลงกับไหล่ของคนข้างๆ จนกระทั่งหนังจบ ด้วยความเกรงใจและรู้สึกผิด เธอจึงชวนหญิงสาวในชุดนักศึกษากินขนมเพื่อตอบแทนที่ยอมให้เธอบีบมือ กอดและซุกไหล่ตลอดเวลาที่หนังฉาย

"ทำไมน้องตองถึงไม่กลัวเลยละ?" สาวลูกครึ่งถามขณะที่กินไอศกรีมด้วยกัน

"จริงๆ ก็กลัวแหละค่ะ แต่มีช่วงนึงดูหนังประเภทนี้บ่อยๆ ก็เลยเริ่มชิน"

"พี่ก็ดูบ่อยนะแต่ไม่ชินสักที"

ตองยิ้ม "พี่แจนลองคิดแบบนี้สิคะ คิดว่าตัวเองเป็นผู้กำกับ"

"เป็นผู้กำกับ?"

"ค่ะ... แบบว่าถ้ามีผีหน้าตาหน้ากลัวก็ให้คิดว่ามันต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงในการแต่งหน้าให้ออกมาเป็นแบบนั้น หรือไม่ก็ใช้ CG กี่เฟรม เรนเดอร์กี่ชั่วโมงถึงจะทำให้มันออกมาดูน่ากลัวแบบนั้นได้"

"เอางั้นเลยเหรอ?"

"ค่ะ อย่างเวลามีซาวด์ตื่นเต้นๆ หรืออยู่ๆ เสียงก็เงียบลง มันก็มีแพทเทิร์นแบบว่าอีกไม่เกิน 30 วิ ผีต้องออกมาแน่นอนแล้วพอมันออกมาจริงๆ ก็แบบว่า... ขอโทษก่อนนะคะ กูว่าแล้วมึงต้องออกมา อะไรแบบนั้นอ่ะค่ะ"

สาวลูกครึ่งหัวเราะออกมาเบาๆ "น่าสนใจนะ ไว้พี่จะลองทำดูบ้าง"

ขณะที่กำลังนั่งคุยกันทั้งคู่ก็แลกเบอร์ติดต่อ รวมถึงเฟซบุ๊คและไลน์ แจนรู้สึกถูกชะตากับรุ่นน้องคนนี้มาก เธอชอบทั้งแนวคิด วิธีการพูด ไม่นับรวมถึงหน้าตาที่น่ารักถูกใจเธอ และในวันเดียวกันนั้นเองเธอก็ได้พบกับต้าร์

ช่วงระหว่างที่สาวหล่อพยายามจีบสาวลูกครึ่ง ทั้งตองและแจนก็นัดกันไปดูหนังด้วยกันหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งสาวแก้มป่องขอเก็บตั๋วหนังเอาไว้ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่าตองนับจำนวนครั้งที่ทั้งสองได้ไปด้วยกันไว้ด้วย และครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ไปดูหนังด้วยกันนั้นเป็นวันที่สาวลูกครึ่งตัดสินใจและบอกกับอีกฝ่ายว่าเธอจะคบกับต้าร์

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองก็ไม่เคยไปดูหนังด้วยกันอีกเลย และดูเหมือนตองพยายามหลบหน้า และห่างหายจากเธอไปพักหนึ่งโดยบอกว่าติดโปรเจ็คจบ จนกระทั่งได้มาพบกันอีกครั้งที่โรงพยาบาลในวันที่แม่ของแจนเสียชีวิต

.
.
.

แจนนอนมองดูตั๋วหนังที่เธอเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ มันคือตั๋วหนังในวันที่เธอได้พบกับตอง

สาวลูกครึ่งเริ่มพอจะจำได้ลางๆ แล้วว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งเธอมักจะชอบเผลอเรียกชื่อของสาวแก้มป่องเวลาที่ดูหนังจนทำให้เพื่อนของเธอแซว และมีช่วงหนึ่งเธอก็มักจะเล่าเรื่องของตองให้โอ๊คกับจอยฟังทั้งๆ ที่ตอนนั้นต้าร์กำลังจีบเธออยู่

'ฉันยังเคยถามแกเลยว่าตองเป็นใคร แกก็ทำหน้างงๆ แล้วก็ไม่ตอบ บางทีมีเขินด้วย ฮั่นแน่ แอบชอบน้องเขาอ่ะดิ กิ้วๆ' ข้อความของเกย์หนุ่มถูกเปิดอ่านอีกครั้ง

"Do I really like her? (นี่เราชอบน้องเขาจริงๆ เหรอวะ?)"  แจนถามตัวเอง

'ไว้ลองพยายามด้วยกันใหม่นะคะ' สาวแก้มป่องพูดในวันที่ทั้งสองดูหนังด้วยกันอีกครั้ง สาวลูกครึ่งก็ยังคงกอดแขนและซุกไหล่กับฉากน่ากลัวอีกเช่นเคย

'สงสัยพี่จะแพ้ทางกับหนังแบบนี้ ดูสิเนี่ยกวนตองอีกแล้ว'

ตองยิ้ม 'ไม่เป็นไรค่ะ'

สาวลูกครึ่งยอมรับว่าก่อนที่เธอจะตกลงคบกับสาวหล่อนั้นเธอก็แอบหยอดใส่คนน้องไปมากเหมือนกัน อีกทั้งยังรู้สึกหวั่นไหวกับการกระทำของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะแคร์และใส่ใจเธอมาก แจนพยายามคิดว่าที่เธอรู้สึกแบบนี้ก็คงเป็นเพราะถูกชะตา ความเอ็นดูหรือเป็นห่วงที่รู้ว่าอีกฝ่ายจากบ้านที่เชียงรายมาอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ ทั้งต้องเรียน และบางครั้งก็ต้องทำงานพิเศษเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

'พี่เป็นห่วงนะ... ดูแลตัวเองด้วย' นี่เป็นคำพูดทุกครั้งก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันกลับ

สาวแก้มป่องมักไม่ตอบแต่จะส่งยิ้มที่มุมปากกลับมา มันเป็นยิ้มที่ชวนใจละลายในสายตาของเธอ แต่หลังจากที่เธอคบกับต้าร์ รอยยิ้มแบบนั้นก็เลือนหายไปจากใบหน้าของตอง

'พี่แจนยังมีตองนะคะ ตองจะอยู่ข้างๆ พี่เอง'

คำพูดของสาวแก้มป่องในวันที่แม่ของเธอเสียเป็นความทรงจำที่ชัดที่สุดที่เกี่ยวกับตอง หญิงสาวในชุดนักศึกษาที่อยู่เคียงข้างเธอที่หน้าห้องฉุกเฉิน มือของทั้งคู่เกาะกุมกันเพื่อส่งกำลังใจให้คนที่อยู่ในห้องนั้น

'ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตองจะอยู่ตรงนี้นะคะ'

เธอมองใบหน้านั้นด้วยความตื้นตัน และอ้อมกอดที่ซับน้ำตาแห่งความเสียใจที่ไหลลงมาไม่ขาดสายทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นที่จะเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป

สาวแก้มป่องห่างหายจากเธออีกครั้งหลังจากที่พี่ของเธอย้ายเข้ามาอยู่ด้วย แจนได้พบกับตองไม่บ่อยนัก ขนาดในวันรับปริญญาของเจ้าตัวพวกเธอก็มีรูปคู่เพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น และจากวันนั้นพวกเธอก็คุยกันน้อยลงเรื่อยๆ จนความสนิทสนมแบบเมื่อก่อนแทบจะไม่มีเหลือ

แต่ในวันนี้สาวแก้มป่องทำให้หัวใจของสาวลูกครึ่งหวั่นไหวได้อีกครั้ง และดูเหมือนว่าจะมากกว่าครั้งที่แล้วอีกด้วย

[ทานยาแล้วพักผ่อนนะคะ]

เธออ่านข้อความจากคนที่คิดถึงด้วยรอยยิ้ม แล้วก็กดสติ๊กเกอร์ Thank you กลับไป

...

"ส่งไปแบบนี้ดีมั้ยวะ?" ต้าร์ถามน้องสาวขณะที่กำลังง่วนอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

"อะไรอ่ะ?"

สาวหล่อยื่นหน้าจอให้อีกฝ่ายดู ในนั้นเป็นแอปพลิเคชั่นไลน์และมีข้อความที่ยังไม่ได้กดส่งเขียนว่า

[วันนี้เป็นยังไงบ้าง? กินยากับพักผ่อนเยอะๆ นะ รักเธอนะ]

ตองดูข้อความนั้นแล้วตอบสั้นๆ ว่า "ก็ดี"

"ก็ดี? แค่นี้อ่ะเหรอ ฉันอยากให้แจนตอบอะไรกลับมาบ้าง"

"แล้วเขาเคยตอบกลับมาหรือเปล่าล่ะ?"

ต้าร์ถอนหายใจ "อ่านแต่ไม่ตอบ บางทีก็ไม่ได้อ่านเลย โทรไปก็ไม่รับ ตัดสายทิ้งตลอด หรือไม่ก็ปิดเครื่องไปเลย"

ผู้ฟังนั่งพับผ้าไปเงียบๆ ไม่ตอบอะไร ทำให้อีกฝ่ายพูดต่อ "ไม่คิดว่าแจนจะใจแข็งขนาดนี้"

สาวแก้มป่องมองพี่ตัวเองแล้วส่ายหน้ากับคำพูดนี้ "ทำไม... หมดมุกที่จะง้อแล้วหรือยังไง"

สาวหล่อทำตาเขียวใส่อีกฝ่าย "ฉันรู้ว่าฉันทำผิด ผิดเต็มๆ แต่ฉันก็รักแจนมากนะเว้ย พ่อกับแม่ก็ชอบแจน รักแจน แกก็รู้นี่"

"แล้วไงล่ะ... ตอนเขาอยู่ละไม่ใส่ใจพอเสียเขาไปก็เพิ่งเริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้วล่ะสิ"

"ไอ้ตอง!"

"ก็สมควรแล้วนี่" ตองตอบเสียเรียบ "มีของดีอยู่ในมือแต่ไม่รู้จักรักษา"

ต้าร์กัดฟันกรอดแต่ก็เถียงอะไรน้องสาวตัวเองไม่ได้ "นี่ฉันพยายามง้อ ทำดีด้วย แล้วก็พยายามเปลี่ยนตัวเองแล้วนะ"

"เปลี่ยนแล้วทำไมยังไปนอนกับคนนั้นอยู่อีกล่ะ แล้วก็คนอื่นๆ ด้วย รู้นะว่าไม่ได้มีคนนั้นแค่คนเดียว" สาวแก้มป่องกอดอกมองอีกฝ่าย สายตาของเธอบ่งบอกถึงความโกรธ

"ถามจริงๆ เหอะว่ารักพี่แจนจริงๆ หรือเปล่า?"

"รักสิวะ!"

"รักแล้วทำไมยังทำตัวแบบนี้ นี่น่ะเหรอที่พยายามเปลี่ยน นี่แฟนนะไม่ใช่หมาแมว ให้เกียรติกันบ้างสิ เวลาทำไม่คิด ตอนแก้ไขปัญหายังจะไม่คิดอีก อนาถว่ะ พยายามบ้าอะไรโคตรกระจอกเลย"

สาวหล่อพุ่งเข้าไปหาน้องสาวและเงื้อมือหมายจะตบหน้าอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องยั้งมือเพราะใบหน้าที่ท้าทายของตองที่ดูเหมือนจะไม่กลัวอะไรเลย

"ตอนทำนี่กล้าเนอะ ทำไมตอนขอโทษดันง่อยประสิทธิภาพ เครื่องรวนคิดไม่ออก ถ้าไม่ได้รักพี่แจนจริง แค่คิดเสียดายของก็ปล่อยพี่แจนไปดีกว่า"

ต้าร์เม้มปากแน่น เขาทั้งรักทั้งหวงแฟนสาวแต่ก็ยังรู้สึกเสียดายกับความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาแอบมีระหว่างที่คบกับสาวลูกครึ่ง

"ทำผิดกับเขา พอเขาจับได้ก็ยังแถ พอเขาบอกเลิกก็ยังมาเรียกร้องให้กลับมาเหมือนเดิม มันง่ายไปไหม เอาแต่ใจตัวเองมากไปหรือเปล่า"

สาวหล่อเถียงน้องสาวไม่ออก เขาได้แต่กัดฟันกรอดๆ ฟังอีกฝ่ายพูดแทงใจดำต่อไป

"พี่แจนขออะไรก็ยังทำตามที่พูดไม่ได้ แค่ไปเก็บของ ย้ายออกมาก็ยังไม่ทำ แล้วที่บอกจะปรับเปลี่ยนนั่นนี่ จะทำได้เหรอ... ผู้หญิงอย่างพี่แจนเขาไม่ได้มองอะไรสั้นๆ เหมือนที่พี่มองหรอกนะ เขามองไปถึงอนาคตอะไรไกลๆ โน่นเลย เอะอะก็บอกว่ารัก คำนั้นมันทำให้เชื่อไม่ได้หรอกนะ พิสูจน์ได้มั้ยล่ะว่าตัวเองคู่ควรกับพี่แจน ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกเหอะ"

ต้าร์นิ่ง คำพูดของอีกฝ่ายที่พูดมาทั้งหมดยิ่งทำให้เขาเถียงอะไรไม่ออก

"แต่ฉันยังรักแจนอยู่นะ ไม่เคยรู้สึกกับใครขนาดนี้มาก่อน ฉันคิดว่าแจนก็ยังรักฉันอยู่" เขาพูดเสียงเครือ

สาวแก้มป่องมองใบหน้าเศร้าๆ ของพี่ เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ

"ลองยกคำว่ารักออกไปก่อนดีกว่า เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะหาคำตอบว่ายังรักกันอยู่หรือเปล่า เพราะสุดท้าย คำว่าไม่ใช่มันก็ชัดเจนกว่า ตองว่าพี่ก็น่าจะเข้าใจดี มันคงถึงเวลาที่พี่ก็ควรปล่อยวางมันลง แล้วก็ทำใจยอมรับมัน ก็แค่นั้นเอง"

สาวหล่อทรุดตัวลงนั่งบนเตียงพลางคิดตามคำพูดของน้องสาว

"คิดบ้างมั้ยว่าพี่แจนไม่ได้สำคัญพอที่จะทำให้พี่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนนิสัยเดิมๆ ที่เคยเป็น และคิดบ้างมั้ยว่าพี่ก็ไม่ได้สำคัญพอที่จะทำให้พี่แจนต้องอดทนกับเรื่องแบบนี้ พอเรื่องเป็นแบบนี้คำว่ารักมันยังสำคัญอยู่หรือเปล่าล่ะ?"

สาวแก้มป่องหยิบเป้ขึ้นมาสะพาย เธอกำลังจะออกไปเรียน ก่อนออกจากห้องเธอก็พูดออกมาว่า

"คิดดูดีๆ ก็แล้วกันว่าควรจะต้องทำยังไงต่อ เลิกกันไปทั้งที่ยังรักบางทีเป็นทางเลือกที่ดีกว่าฝืนอยู่ด้วยกัน จบกันแบบสวยๆ แบบที่ยังรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่มันก็น่าจะดีกว่า"

...

บ่ายวันอาทิตย์...

แจน โอ๊คและจอยคุยกันอย่างออกรสขณะที่เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์

"นี่แกก็เลิกนิสัยกอดแขนคนอื่นกับพูดเป็นภาษาอังกฤษเวลามีฉากตื่นเต้นสักทีสิวะ นี่เพื่อนนะเว้ยไม่ใช่สาว ซุกยังไงฉันก็ไม่เอาแกหรอก" เกย์หนุ่มพูดกับสาวลูกครึ่งที่เดินควงแขนเพื่อนทั้งสองคน

"ก็มันตื่นเต้นอ่ะ ไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ไหน"

"ข้ออ้างหรือเปล่า หรือทำแบบนี้เวลาตอนอ่อยคนอื่น" สาวอวบแซว

"ไอ้บ้า ถึงเป็นลูกครึ่งก็รักนวลสงวนตัวนะเว้ย"

"เคยทำแบบนี้กับคนอื่นบ้างป่ะ?" โอ๊คถาม "แบบที่ไม่ใช่กับ... แฟนน่ะ"

แจนมีใบหน้าเรียบเฉยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพาดพิงถึงต้าร์ เธอตอบกลับไปสั้นๆ ว่า "เคย"

"จริงดิ กับใคร?"

"น้องตอง"

"หูยยย ลงล็อคเป๊ะ" จอยพูดแล้วหันไปพยักเพยิดกับเพื่อน

"อะไรของพวกแกวะ?"

"เปล๊า..."

"อะไรเล่า!" สาวลูกครึ่งคาดคั้นเพื่อน

"ก็ไม่มีอะไรมาก" เกย์หนุ่มพูดด้วยเสียงยียวน "แค่อยากจะบอกว่า วันนี้แกพูดชื่อน้องตลอดเวลาที่อยู่ในโรงหนังเลย รู้ตัวบ้างป่ะ?"

"กิ้วๆ ชอบน้องเขาอ่ะดิ๊"

ใบหน้าของผู้ฟังร้อนขึ้น "นี่เราพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?"

"จริง ได้ยินเต็มสองหู ไอ้จอยด้วยอีกสอง เป็นสี่"

"ก็..." แจนพยายามหาข้อแก้ตัวในหัว "ช่วงนี้คุยกับน้องบ่อยน่ะ คงหลุดปากออกมา"

"ให้มันจริง" เสียงของสาวอวบดังแทรกขึ้นมา "แกชอบน้องจริงก็บอกมาเหอะ"

"ถึงจะชอบน้องจริงก็คงไม่ได้คบกันหรอกน่า นี่เราเพิ่งเลิกกับพี่เขาไปเองนะ... เลิกพี่แล้วมาคบน้องต่อนี่โคตรแปลกเลย แถมถ้าต้องเจอหน้ากันอีกก็ไม่รู้จะทำยังไง พ่อแม่เขาอีกล่ะ คนจะคบกันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนนะเว้ย มันมีคนที่ 2 3 4 5 6 7 เข้ามาวุ่นวายเต็มไปหมด" สาวลูกครึ่งพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

เพื่อนสองคนมองหน้ากันราวกับรู้กันเอง

"แกพูดแบบนี้ฟังๆ ดูแล้วแกคิดแบบนั้นกับน้องจริงๆ ใช่มะ?" โอ๊คพูด

"คิดแบบไหน?"

"แกชอบน้องจริงๆ ไม่ได้ชอบแบบพี่น้อง แต่ชอบแบบคนอยากคบกันเป็นแฟน"

"ร... เรา..."

"ใช่ป่ะ?"

"I... I don't know, I really don't know (เราไม่รู้ เราไม่รู้จริงๆ)" แจนพูดเป็นภาษาอังกฤษออกมา เธอมักจะเป็นแบบนี้เวลาตื่นเต้น รู้สึกกังวลมากๆ มันเป็นการรับมือกับอาการแพนิคของตัวเอง

"เอาแล้ว ภาษาอังกฤษมาอีกแล้ว ทำตัวไม่ถูกซะแล้วเพื่อนกู" จอยบ่นออกมาเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มเดินวนไปวนมา

เกย์หนุ่มและสาวอวบพาเพื่อนไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่ร้านอาหาร เมื่อสาวลูกครึ่งรู้สึกดีขึ้นพวกเขาก็เริ่มถามคำถามเกี่ยวกับสาวแก้มป่องอีก และครั้งนี้แจนก็ให้คำตอบไปว่าเธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับน้องสาวของแฟนที่เพิ่งบอกเลิกไป

"รู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?" จอยถาม

"ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าเราทนกับสายตาของน้องไม่ได้เวลาที่เขามองเรา เราต้องหลบตาเขาทุกที ตั้งแต่อยู่โรง'บาลแล้ว"

"ทำไมต้องหลบตาล่ะ?" โอ๊คถาม

"ไม่รู้... เวลามองตาน้องเรารู้สึกแปลกๆ เวลาเราแตะตัวน้องเหมือนกัน มันอึดอัดนิดๆ มันตื่นเต้น หัวใจเต้นเร็ว แต่ก็ไม่รู้สึกแย่อะไร ...เราแทบไม่อยากให้น้องไปไหนเลย อยากให้อยู่แล้วก็จับมือเราไปเรื่อยๆ"

"เป็นเอามาก" สาวอวบพูด

"แล้วแกคิดว่าน้องเป็นตัวแปรที่ทำให้แกกับแฟนเลิกกันหรือเปล่า?" เกย์หนุ่มถาม

"เราว่าไม่... เพราะเรื่องต้าร์เราเป็นคนจับได้เอง"

"Is it love? (นี่มันเป็นความรักใช่มั้ย?)"

"ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครล่ะ ถามตัวเองดีกว่าว่าจริงๆ แล้วแกรักใครกันแน่ คนพี่หรือคนน้อง"

สาวลูกครึ่งส่ายหน้า "ไม่เอาอ่ะ เรายังไม่อยากมีใครแล้วตอนนี้ อยากพักเรื่องนี้"

"อยากพัก... แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงคิดเยอะเรื่องที่พวกฉันแซวว่าแกชอบน้องละวะ" จอยพูด "คิดไปซะไกล คิดไปถึงว่าถ้าแกจะคบน้องจริงๆ จะต้องทำตัวยังไง คิดไปจนถึงพ่อแม่เขาอีก"

"ไม่รู้สิ ในหัวมันคิดอะไรออกมาเยอะมาก" แจนเอามือกุมหัว "อะไรต่อมิอะไรมันเข้ามาพร้อมกันไปหมดเลย ทำตัวไม่ถูกแล้ว"

เพื่อนสองคนมองหน้ากันอย่างหารือ แล้วสาวอวบก็ถามว่า "กินยาบ้างหรือเปล่า?"

"กินทุกวัน"

"แล้วนอนล่ะ?"

"หลับตามฤทธิ์ยา แต่พอยาหมดฤทธิ์ก็ตื่นแล้วนอนต่อไม่ได้"

"ทำไมอ่ะ?"

"เหมือน... เรารู้สึกว่าเราไปที่นู่นที่นี่ตลอดเวลาเลย"

"ไปไหนอ่ะ?" โอ๊คถาม

"หลายที่... แต่ภาพที่เห็นเหมือนเรามองมาจากคนที่หน้าเหมือนเรา"

เกย์หนุ่มและจอยมองหน้ากัน พวกเขาตัดสินใจที่จะจบบทสนทนาลงแค่นั้นเพราะดูเหมือนอาการของแจนดูไม่ค่อยดี นี่อาจเป็นอาการแทรกซ้อนหลังจากเกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้

...

แจนกลับบ้านมาพร้อมกับจอยที่จะมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอชั่วคราว เมื่อจอดรถเสร็จแล้วทั้งสองก็ช่วยกันขนกระเป๋าของสาวอวบและของอย่างอื่นลงมา ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในตัวบ้านป้าไพที่เดินออกมาจากหลังบ้านพอดีก็ส่งเสียงทัก

"อ้าว หนูแจน ทำไมกลับมาเร็วจัง?"

"คะ?"

"เมื่อกี้หนูเพิ่งออกไปข้างนอกเองนี่นา"

สองสาวหันมามองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก

"เมื่อกี้คุณป้าเจอหนูเหรอคะ?" สาวลูกครึ่งถาม

"จ้ะ ป้าเห็นหนูกำลังจะออกจากบ้านป้าก็เลยทักไปไหน หนูก็ตอบว่าจะไปเอารถที่เพื่อนยืมไป" ป้าไพพูดแล้วชะเง้อมองดูรถ

จอยมองหน้าเพื่อนสาว สีหน้าของเจ้าของบ้านดูไม่ค่อยดีนัก

"เอ่อ คุณป้าคะ แล้วก่อนออกไปแจนบอกว่าอะไรเหรอคะ?" แจนถามต่อ

"ไม่ได้พูดอะไรนะ แค่บอกว่าจะออกไปข้างนอก รถอยู่กับเพื่อนเดี๋ยวจะกลับเข้ามา ออกไปได้แป๊บเดียวเองแล้วก็มา..."

"อ๋อ พอดีหนูเองแหละค่ะที่ยืมรถแจนไปใช้" สาวอวบรีบพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าสงสัยเต็มที่ "พอดีหนูลืมโทรบอกแจนว่าจะมา รู้ตัวอีกทีก็เจอกันที่หน้าหมู่บ้านแล้ว"

"อ๋อ"

"ขอตัวก่อนนะคะ" จอยรีบดันตัวเพื่อนให้เข้าไปในบ้านทันที

"จ้า"

สาวลูกครึ่งเม้มปากแน่น สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก "มีคนเจอคนที่หน้าเหมือนเราอีกแล้ว... ออกมาจากบ้านเราด้วย"

"ใจเย็น... มีอีกทฤษฎีนึงนะที่ฉันได้ยินมาน่าจะอธิบายอะไรแบบนี้ได้"

"อะไรอ่ะ ถ้าเป็นเรื่องผีเราไม่เชื่อนะ"

"เปล่า... แกเคยได้ยินเรื่องจักรวาลคู่ขนานมั้ย?"

"จักรวาลอื่นที่อยู่ซ้อนกับจักรวาลเรา แล้วก็มีคนหน้าตาเหมือนกับเราอยู่น่ะเหรอ?"

"อื้อ"

"เคย... แต่มันเป็นแค่ทฤษฎีนะ มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ?"

"ก็ใช่ แต่อาการเดจาวูมันก็มาจากทฤษฎีไม่ใช่เหรอ แต่มันก็เกิดขึ้นจริง เอาจริงๆ นะ คนที่หน้าเหมือนแกอาจจะมาจากอีกจักรวาลนึงก็ได้"

สาวลูกครึ่งทำท่าไม่เชื่อ ดูท่าทางจอยเองก็ไม่มั่นใจในคำพูดของตัวเองเช่นกัน

"งั้นลืมๆ เรื่องนี้ไปก่อน ป้าไพบอกว่าคนนั้นเดินออกมาจากบ้านแกใช่มั้ย งั้นลองมาดูว่ามีอะไรหลายหรือย้ายที่กันดีกว่าเพื่อความสบายใจของแก"

แจนเห็นด้วยแล้วทั้งสองก็ช่วยกันเดินสำรวจบ้านแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เพราะความเหนื่อยอ่อนผสมกับความขี้เกียจทำให้สองสาวทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเปิดโทรทัศน์ดูพร้อมกับคุยไปด้วยเพื่อให้คลายความกังวลจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

To Be Continued

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น