web stats

ข่าว

 


Love เหมือนจะใช่ความรัก : ตอนที่ ๓ เครื่องเล่นแผ่นเสียง

โพสต์โดย: ลำเนา วันที่: 22 เมษายน 2017 เวลา 22:18:57 อ่าน: 372

   กล่องที่ถูกวางไว้มีกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนชื่อ ดีเจริซ่าแปะอยู่พร้อมรูปลายเส้นเหมือนที่ถ้วยกาแฟเมื่อวาน ริศาเปิดกล่องดูเห็นเครื่องเล่นแผ่น เสียงซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับตัวแผ่นเสียงพอดีดูแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน

   "สวัสดีค่ะ ดีเจริซ่า" วรันธรทักทายคนที่กำลังปิดฝากล่อง

   "สวัสดีค่ะ พี่รัน"

   "มีงานอยากมาคุยด้วย"

   "ค่ะ"

   "ฝ่ายรายการโทรทัศน์อยากสัมภาษณ์ดีเจหน้าใหม่ พี่เลยมาคุยกับริซ่าก่อนว่าคิดเห็นอย่างไร จะรับเชิญหรือไม่" วรันธรพยายามพูดหาทางที่จะให้ริศารับงาน

   "ปฏิเสธได้ด้วยหรือคะ" ริศาถาม

   "ได้นะ แต่ไม่อยากให้ปฏิเสธ" วรันธรบอก

   "ปฏิเสธไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราไม่อยากทำหรือคะ"

   "บางทีเราอาจจะต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำ เพื่อส่วนรวมนะ"

   "สรุปคือ ต้องทำหรือเปล่าคะ พี่รัน" ริศาเป็นพวกไม่ค่อยชอบถูกชี้ นำหรือถูกบังคับจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบในทันที

   "ได้แบบนั้น จะดีมากค่ะ" วรันธรพูดรวบรัด

   "ขอคิดก่อนนะคะ ค่อยให้คำตอบ"

   "ไม่เห็นต้องรอเลย โปรโมทตัวเอง โปรโมทคลื่นด้วย"

   "ค่ะ แต่ขอคิดนิดหนึ่งนะคะ ต้องตอบพี่รันเมื่อไรคะ"

   "เย็นนี้ได้ไหมคะ" วรันธรพยายามรวบรัดให้งานบรรลุเป้าหมาย

   "ค่ะ เดี๋ยวจัดรายการเสร็จ จะแจ้งพี่รันอีกทีนะคะ"

   "ขอบใจจ้ะ เด็กว่าง่ายน่ะ น่ารักรู้ไหม" วรันธรกระซิบบอกยิ้มๆ ริศาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองดูกล่องที่วางอยู่

   ริศาถือกล่องมายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของอาภา ซึ่งไม่ทันได้สังเกตทั้งๆ ที่ประตูเป็นกระจกใส จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะ

   "เชิญค่ะ" อาภาใบหน้าเรียบนิ่งมีรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย

   "เอาของมาคืนค่ะ" ริศาวางของที่โต๊ะของอาภาและกำลังจะเดินออกจากห้องไป

   "ทำไมล่ะคะ" อาภาถาม ริศาจึงหันกลับมาถอนใจเล็กน้อย

   "แค่คุยกัน ริซ่าไม่ได้บอกว่าอยากได้"

   "ให้ยืมไปฟังก่อน อิ้งค์มีสองเครื่อง คิดมากไปหรือเปล่า"

   "ไม่อยากยืมด้วยค่ะ"

   "เหตุผลล่ะ" อาภามองที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ริศารู้ว่าเป็นคำสั่งให้นั่งลงเพื่อจะได้คุยกัน

   "ไม่มี แค่ริซ่าไม่อยากได้และไม่อยากยืมด้วยค่ะ"

   "เสียใจจัง อยากขอบคุณที่เลี้ยงข้าวเมื่อวาน แค่นั้นจริงๆ"

   "แต่แบบนี้มันเยอะไปค่ะ" ริศาบอก

   "ยืมไปฟังเยอะตรงไหน นอกจากรังเกียจ"

   "เปล่าสักหน่อย"

   "ยกไปใส่รถ มีแผ่นด้วยนะคะ คล้ายๆ เพลงที่เราฟังกันเมื่อวาน"

   "ทำไมมีแต่คนสั่งให้ทำโน่นทำนี่ เพราะเด็กกว่า เพราะเด็กใหม่เลยต้องทำตามหรือเปล่าคะ" ริศาบ่นพึมพำแล้วถอนใจ

   "อิ้งค์ไม่ได้สั่งนะคะ คิดว่าชอบอะไรเหมือนกันเลยอยากให้ได้ชื่นชมเสียงเพลงในอีกแบบหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้บังคับ ไม่เคยบังคับใครด้วย"

   "แต่บังคับริซ่า เรื่องออกรายการโทรทัศน์" ริศาเอ่ยขึ้นทำให้อาภาแปลกใจ

   "หมายความว่าไง" น้ำเสียงอาภากลับมาเหมือนตอนเข้าประชุมที่ถามอย่างชัดเจน

   "ปฏิเสธได้ไหมล่ะคะ"

   "ได้สิ" ริศาถอนใจ เพราะเชื่อว่าอาภากับวรันธรคงคุยกันก่อนแล้ว

   "แต่อยากให้รับงาน"

   "ใช่แล้วยังไง ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย" อาภาถาม

   "ไม่ได้อารมณ์เสียค่ะ แค่ไม่อยากทำ"

   "เอาใหม่นะ อารมณ์เสียเรื่องงาน หรือรำคาญที่เอาของมาให้ยืม"

   "เรื่องของเข้าใจแล้วค่ะ แต่เรื่องงานไม่เข้าใจ"

   "ทำไมถึงไม่อยากทำ"

   "ริซ่าแค่อยากเปิดเพลง อยากจัดรายการเท่านั้น"

   "เคยคิดไหมว่า มีอะไรที่อยากทำมากกว่านี้ในอนาคต" อาภาถาม

   "มีค่ะ"

   "งานที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะเป็นหนทางทำให้เราก้าวไปถึงจุดหมายที่เราอยากทำ เราไม่รู้หรอกนะว่า เราจะไปเจออะไรในงานแต่ละงานยิ่งโดย เฉพาะผู้คนที่เราจะได้เจอ ได้รู้จัก อาจจะพาเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำได้สักวัน ถ้าริซ่าคิดว่า เราหยิบยื่นโอกาสให้กันเสมอ เพราะพวกเราทำงานด้วย กันเป็นทีมเดียวกัน แต่ถ้าไม่อยากทำแจ้งที่คุณรันได้เลยไม่มีปัญหา" อาภามองสบตากับคนที่ดูไม่อยากนักว่ากำลังคิดกับสิ่งที่ได้รับฟังไป

   "โอเคค่ะ ถ้าเหตุผลแบบนี้เข้าใจง่ายหน่อย" ริศาบอก

   "แจ้งที่คุณรันได้เลย หลังจากตัดสินใจแล้ว"

   "ขอบคุณค่ะ ส่วนกล่องนี้ริซ่าเอาไปเก็บที่รถก่อนนะคะ"

   "ค่ะ" อาภายิ้มน้อยๆ น้อยกว่าเมื่อวานมาก

   "มีของให้ยืมเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวริซ่าเอามาให้นะคะ"

   "อยู่ที่รถหรือ" อาภาถาม

   "ใช่ค่ะ"

   "เดี๋ยวลงไปเอาที่รถก็ได้ค่ะ จะได้ไปหากาแฟดื่มด้วย" อาภาลุกขึ้นหยิบแผ่นเสียงออกจากกล่อง เพื่อที่ว่าน้ำหนักจะได้เบาลงเป็นการช่วยริศา

   ริศาอมยิ้ม เมื่อหยิบเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทแบบพกพายื่นให้อาภาที่หัวเราะออกมา แต่ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก ริศาถือได้ว่าเป็นนักฟังเพลงเลยทีเดียวถึงกับมีเครื่องเล่นเก่าๆ เก็บเอาไว้ สภาพยังดูดีอยู่และคิดว่าคงยังใช้งานได้ เจ้าของเครื่องหยิบหูฟังทั้งสองข้างเสียบเข้าที่หูของอาภา ซึ่งยืนยิ้มมองดูคนที่กดปุ่มเพื่อเล่นเพลงคงอยากให้ทดลองฟัง อาภากำลังได้ยินเพลงสากลของวงอีเกิ้ล ระบบเสียงยังคงใช้ได้ดีอยู่เสียงแปลกดีอาภาคิด ไม่รู้เลยว่าตัวเองยิ้มกว้างมากแค่ไหน แต่สายตาวาววับของสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง จูบอันอ่อนโยนเบียดริมฝีปากแนบชิดต่างจากเมื่อวานซึ่งเป็นเพียงจุมพิตเล็กๆ แต่จูบนี้นั้นอ่อนหวานจนอดไม่ได้ที่จะตอบรับสัมผัสนั้น จนดึงตัวริศาให้ขยับเข้าเบียดชิดให้มากขึ้นอีก

.   "ถามจริงๆ คิดอะไรอยู่" อาภาถามคล้ายเมื่อวาน

   "ไม่ได้คิด แต่รู้สึก" ริศาบอก

   "คืออิ้งคกับคุณรัน" อาภาถอนใจ

   "ทราบค่ะ คุณอิ้งค์ไม่อยากให้ริซ่าทำแบบนี้อีก"

   "อิ้งค์น่ะ ไม่เป็นไร แต่เราน่ะยังเด็กอยู่นะ"

   "โตแล้ว ทำงานแล้ว เลี้ยงข้าวแล้วด้วยเมื่อวาน" ริศาบ่นพึมพำ

   "ที่ว่ารู้สึก จะจูบทุกคนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยหรือเปล่า"

   "ต้องมีพิเศษนิดหนึ่งค่ะ" ริศายิ้มทะเล้น

   "ไม่เห็นจะมีอะไรให้รู้สึกพิเศษเลย"

   "คุณอิ้งค์อาจจะไม่รู้สึก" ริศาบอก

   "ไม่รู้เหมือนกัน" อาภาหัวเราะเล็กๆ แต่ชอบสายตาที่จ้องมองอยู่

   "ลองเปิดใจให้เด็กจีบดูบ้างไหมล่ะคะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปจัดรายการก่อนนะคะ เจ้านายดุเดี๋ยวจะไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานค่ะ" ริศาอมยิ้มและขอตัวไปทำงานตามที่บอก อาภาหัวเราะกับความแก่นเซี้ยวและช่างพูด

   "ง่ายๆ แบบนี้ ต้องเปิดใจให้เด็กจีบหรือเปล่าล่ะเรา รุ่นหลานเลย" อาภาหัวเราะมองดูเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทที่ถืออยู่

   เสียงเพลงจากคลาสเซ็ทนั้น ทำเอาคนที่หยิบมาฟังก่อนนอนถึงกับยิ้ม เพราะให้ความรู้สึกย้อนวัยไปเหมือนสมัยวัยรุ่น อาภานึกขำเมื่อมาย้อนคิดถึงสมัยที่บ้าฟังเพลงสากล ฟังอยู่วันละหลายๆ ชั่วโมง บางทีเปิดเอาไว้จนหลับไป

   "ฝันดีค่ะ เปิดแผ่นฟังอยู่น่าจะฝันดี" ริศาส่งรูปถ่ายของตัวเองมาให้อาภา ซึ่งหัวเราะกับภาพที่ได้เห็นเป็นรูปของริศากำลังถือซองใส่แผ่นเสียงซึ่งคงกำลังฟังแผ่นนั้นอยู่ อาภาจึงส่งรูปถ่ายกล่องเทปคลาสเซ็ทที่กำลังฟังอยู่กลับไปให้ริศา เพียงแค่กล่องเท่านั้นไม่ใช่รูปตัวเองถือกล่อง

   "ฝันดี เด็กน้อย" อาภาอมยิ้ม อยากจะรู้เหมือนกันไอ้เด็กท่าทางแสบๆ นั้น จะอดทนจีบไปได้สักกี่น้ำ

   อาภายิ้มให้กับคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จล้มตัวลงนอนข้างๆ และหัวเราะอาภาที่กำลังฟังเพลงจากเครื่องเล่นยุคเก่าในความรู้สึกของวรันธร

   "ไปเอามาจากไหน เก่าแล้วนะนั่น โบราณมากอ๊ะ อิ้งค์"

   "คลาสิคดีออก ฟังสิ" อาภาทำท่าจะสวมหูฟังให้วรันธร

   "ไม่อยากฟังเพลง" วรันธรยิ้มและเริ่มพรมจูบไปที่แก้มและลำคอของคนที่อมยิ้มกับความเย้าย้วนของคนที่คลอเคลียอยู่ไม่ยอมห่าง

   "อิ้งค์อยากนอนแล้ว" อาภาบอก

   "นอนเฉยๆ ก็ได้ ถ้าอิ้งค์ทนไหว" วรันธรยิ้มกับคนที่ยิ้มน้อยๆ จ้องมองตัวเธอซึ่งใบหน้าอยู่ใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน

   "ร้ายกาจ ใครจะไปทนไหว" อาภาพูดดุ

   "เพิ่งสี่ทุ่มเอง รีบนอนไปไหน โตแล้วนะ" วรันธรหัวเราะ แต่หัวใจฟูขึ้นในทันทีเมื่อจูบอันร้อนแรงของอาภาเริ่มสัมผัสเข้าที่ริมฝีปาก มืออันอบอุ่นนั้นคลึงเคล้าอยู่ที่เนินอก ซึ่งวรันธรแกล้งหยอกเย้าเช่นเดียวกัน อาภาเป็นคนร้อนแรงและเซ็กซี่ในความรู้สึกของวรันธร ซึ่งชอบที่จะคลอเคลียหากได้อยู่ข้างๆ กัน บางครั้งในแววตาเรียบนิ่งนั้นทำให้รู้สึกอยากแนบชิดถึงแม้จะอยู่ในที่ทำงาน แต่จำเป็นต้องห้ามใจเอาไว้ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ทรงเสน่ห์ในความเป็นอาภา

   "ยั่วเข้าสิ จะร้อนให้ละลายเลย" อาภากระซิบบอกและจูบเบาๆ ไปที่หูและขบเบาๆ ความช่างยัวเย้าทำให้ไฟเสน่หานั้นครุกรุ่นได้ไม่ยากนัก ซึ่งอาภารู้ดีว่า วรันธรรู้ดีในข้อนี้

   "คืนนี้เหมือนจะกินรันไม่ให้เหลือเลยนะคะ" วรันธรหัวเราะเล็กๆ

   "รันน่ะ น่ากินเสมอแหละ" อาภาจูบวรันธรอย่างร้อนแรง

   สองสาวผลัดกันรุกและรับ ด้วยความอ่อนโยนระคนร้อนแรงเมื่อเริ่มรู้สึกว่า ความต้องการนั้นครอบงำความรู้สึกนิดคิด วรันธรเบียดตัวให้แนบชิดเมื่อรุกเร้าสลับกันไปมา อาภาเองอยากจะกลืนกินผู้หญิงที่ชอบจ้องมองอย่างยั่วยวนยามสบตาในเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิด โดยไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ แต่รอยยิ้มแปลกๆ ของอาภาปรากฏขึ้น เมื่อนึกถึงจูบจากเจ้าของเทปคลาสเซ็ทที่วางอยู่หัวนอน ความร้อนแรงยิ่งปะทุมากขึ้นเมื่อได้นึกถึง อาภารุกเร้าอย่างหนักหน่วงจนวรันธรยิ้ม เมื่อได้รับสัมผัสนั้น ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มหนักขึ้นต่างกับทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน วรันธรล่อหลอกให้อาภาย่ามใจกับการรุกเร้าอันร้อนแรงของตัวเองจนร่างกายชะงักงันไปชั่วครู่ เมื่อเริ่มถูกวรันธาบอกความ รู้สึกแทรกผ่านเข้าไปในร่างกาย วรันธรยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่จ้องมองและมีรอยยิ้มมุมปากที่ทรงเสน่ห์ อาภายิ้มและขยับสะโพกเคลื่อนไหวด้วยอยากแนบชิดกับความรู้สึกดีๆ จากวรันธรและบอกความรู้สึกของตัวเองเข้าไปในเรือนร่างของวรันธรเช่นกัน แต่รุกเร้าอย่างร้อนแรงและหนักหน่วงจนคนที่ถูกรุกถึงกลับมีเสียงครวญเบาๆ อยู่ข้างหูของอาภา หัวใจทั้งสองดวงเบ่งบานดุจดอกไม้แรกแย้ม วรันธรหายใจแรงมองดูคนที่ทาบทับอยู่บนเรือนร่างของตัวเอง อาภาจูบอย่างอ่อนหวานและดูดดื่ม แนบใบหน้าไปกับหน้าอกอันเปลือยเปล่าของวรันธร

   "อิ้งค์ไปทำอะไรมาหรือเปล่า ทำไมถึงได้" วรันธรหัวเราะและกอดกระชับอาภาเอาไว้แนบแน่น

   "ช่างยั่วดีนัก สมน้ำหน้า"

   "เดี๋ยวหลงรักไป ทำไงล่ะ" วรันธรจูบเบาๆ ไปที่ศีรษะของอาภา

   "อย่างรัน รักใครเป็นด้วยหรือ"

   "ไม่แน่นะ" วรันธรอมยิ้ม

   "รักใครช่วยมาบอกด้วยนะ"

   "อิ้งค์ทำให้รันรักสิ ร้อนแรงขนาดนี้ไม่ยากหรอกนะ" วรันธรเชยคางอาภาให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย

   "อิ้งค์ไม่อยากรักรันนี่" อาภาอมยิ้ม

   "โหเสียใจเลย รันจะทำให้อิ้งค์หลงรักและบอกรักรันก่อน คอยดู"

   "โอ๊ย สาวๆ บอกเยอะแยะแล้วมั้ง ระวังเถอะ รถไฟชนกันอย่าโทรฯ ให้ไปช่วยก็แล้วกัน" อาภาบ่นพึมพำเอาใบหน้าแนบชิดกับเนินอกของวรันธร    ซึ่งกำลังหัวเราะกับคนที่บ่นอยู่

   "ฝันดีนะ สาวฮอทตลอดกาล" วรันธรบอก แต่อาภาเพียงแค่ยิ้ม

   อาภาลงมาซื้อกาแฟด้วยตัวเอง แต่อันที่จริงเหมือนเป็นการเดินดูและสำรวจพื้นที่ด้วยมากกว่า ถือเป็นกลยุทธ์ในการดูลูกน้องทำให้ไม่มีใครรู้ว่าอาจจะถูกลอบสังเกตบ้างหรือเปล่า เพราะอาภาทำให้เป็นเรื่องปกติ

   "อ้าวไงจะ สาวอินดี้" อาภาทักทายริศา ซึ่งมาถึงก่อนเวลาจัดราย การค่อนข้างมาก

   "เหมือนกันค่ะ หวานน้อย" ริศาบอกกับพนักงานร้านกาแฟและยื่นแก้วที่ได้มาก่อนหน้าแล้วให้อาภา

   "ไม่ไงค่ะ กาแฟค่ะ"

   "ขอบคุณค่ะ อิ้งค์เป็นเจ้านายที่แย่นะ ให้ริซ่าเลี้ยงมาหลายครั้งแล้ว" อาภาบอกคนที่กำลังรับเงินทอนมาจากพนักงาน

   "เอาไว้ตังค์หมด จะมาอ้อนนะคะ" ริศายิ้มอย่างมีเลศนัย

   "อ้อนเป็นด้วย" อาภาถามระหว่างรอกาแฟของริศา

   "ต้องรอติดตามค่ะ" ริศาอมยิ้ม

   "จะตั้งตารอเลย เออตอบคุณรันเรื่องสัมภาษณ์รายการโทรทัศน์หรือยังคะ" อาภาวกกลับมาเรื่องงานและไปหาที่นั่งคุย

   "เรียบร้อยค่ะ พี่รันเรื่องงานชัดเจนดีนะคะ" ริศาพูดขึ้น

   "ไม่ดีหรือคะ" อาภาถาม

   "คงดีในเรื่องงาน" ริศาไม่ได้เหตุผลมากมายนั้นไม่อยากพูดอะไรลับหลังคนที่ถือได้ว่าเป็นเจ้านายอีกคนหนึ่ง

   "มีเพื่อนร่วมงานอีกหลากหลายที่ริซ่าจะต้องเจอ"

   "โดยเฉพาะเจ้านายที่ดุเอาเรื่อง" ริศายิ้ม

   "น่าจะประมาณนั้น" อาภายิ้มน้อยๆ เหมือนปกติที่เคยเห็น

   "ลูกน้องลงมาซื้อกาแฟเห็นคุณอิ้งค์นั่งอยู่ กลับเข้าลิฟท์ไปเลย"

   "ขนาดนั้นเชียว แล้วคนนี้ล่ะ ไม่กลัวเลย" อาภาแสร้งถาม

   "ถามริซ่าหรือคะ"

   "ค่ะ"

   "ชอบคนดุๆ"

   "เวลาโดนดุเข้าอย่ามาบ่นแล้วกัน ขึ้นไปทำงานกันดีกว่าไหมคะ คนมาซื้อกาแฟจะได้ไม่ต้องถอยหลังกลับ เพราะเห็นอิ้งค์นั่งอยู่" อาภาหัวเราะเล็กๆ ไม่ค่อยได้สังเกตอย่างที่ริศาพูด หรืออันที่จริงไม่ค่อยได้มานั่งคุยกับใครแบบนี้มากกว่า

   อาภากับริศาอยู่ในลิฟท์เพียงลำพัง ริศาเอานิ้วก้อยเกี่ยวที่นิ้วก้อยของคนที่ยิ้มๆ ยืนอยู่ใกล้ไหล่แนบชิดหันมามองสบตาด้วย

   "จะจีบไม่จับมือมาจูบเสียเลยล่ะ" อาภายิ้มที่มุมปากมองสบตากับคนที่อมยิ้มและจับมือของอาภาขึ้นมาจูบ หลังจากมองที่ลิฟท์แล้วเห็นว่าอีกหลายชั้นกว่าจะถึง

   "โอเค ถือว่า ชนะ" อาภาหัวเราะ เมื่อลิฟท์เปิดออกสองสาวเดินอมยิ้มออกมาด้วยกันทั้งคู่

   "แค่ชนะคำท้า ครั้งหน้าจะชนะใจนะคะ เจ้านาย" ริศายิ้มกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ต้องเรียกว่าขำมากกว่า การได้พูดแหย่คนดุๆ ให้ยิ้มได้ทำให้รู้สึกสนุกแต่สุขใจด้วย

   "พอดีเป็นพวกใจเป็นหินผาเสียด้วยสิ ขอเพลงสักเพลงได้ไหมคะ"

   "ค่ะ อยากฟังเพลงอะไรคะ" ริศาถามระหว่างเดินไปที่ห้องทำงาน

   "เลือกให้สิคะ เผื่อจะประทับใจ" อาภาพูดแหย่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

   "ได้เลยค่ะ แต่เดี๋ยวค่ะ ฟังรายการด้วยหรือคะ" ริศาถาม

   "ไม่บอก แต่จะรอฟังเพลงที่เลือกให้นะ" เจ้านายยิ้มยียวนก่อนที่แยก ตัวเดินไปที่ห้องของตัวเอง ปล่อยให้ริศายืนมองตามด้วยความแปลกใจ

   "เหมือนจะโดนอ้อยเหมือนกันนะ เรา" ริศาหัวเราะ

   "อะแฮ่ม" เสียงของวรันธนดังมาจากทางด้านหลัง ริศาหันไปยิ้มและพนมมือไหว้

   "จะได้เวลาทำงานแล้ว พี่รันมีอะไรหรือเปล่าคะ" ริศาถามไม่รู้มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร

   "มีดีไหมนะ" วรันธรยิ้ม

   "แล้วแต่พี่รันเลยค่ะ"

   "ไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะคะ แต่จัดเสร็จแล้วไปหาอะไรทานกันนะ"

   "กว่าจะเสร็จ คงเลยมื้อกลางวันแล้วนะคะ"

   "เจอกันตอนจัดเสร็จ" วรันธรพูดรวบรัด

   "ได้ค่ะ กินฟรีสบายอยู่แล๊ว" ริศายิ้มๆ เดินเข้าห้องจัดรายการไป

   ริศาด้วยความอยากแกล้งคนที่เป็นเจ้านาย จึงดึงเวลาเปิดเพลงที่อาภาขอเอาไว้เสียจนเกือบจะหมดเวลาจัดรายการของตัวเอง เพราะคาดเดาเอาว่าคนที่วุ่นวายกับการทำงานนั้นไม่น่าจะรอฟังอยู่

   "เพลงสุดท้ายในช่วงเวลาของริซ่าแล้วนะคะ เคยมีใครสักคนไหมที่อยากให้มาอยู่ข้างๆ หรือเราอยากไปอยู่ข้างๆ ตามคำขอของคุณนิรนามค่ะ กับเพลง At your Side จากวง The Corrs ค่ะ พบกับใหม่พรุ่งนี้เวลาดีๆ เวลาเดิมของเราค่ะ" ริศายิ้มมองออกไปด้านนอกเห็นวรันธรโบกมือให้อยู่

   "ข้างไหนดี ซ้ายหรือกว่าคะ" ริศาหัวเราะเมื่ออ่านข้อความจากอาภาที่ส่งเข้ามา หลังจากปิดไมค์และเปิดเพลงเรียบร้อยแล้ว

   "อยากอยู่ข้างใจค่ะ" ริศายิ้มกับความแสบของตัวเอง ทำไมถึงได้อยากยั่วอยากแกล้งคนนิ่งๆ เหมือนไม่ค่อยได้สนใจใครนักนะ

   "เด็กบ้า" อาภายิ้ม มองออกไปด้านนอกเห็นแก้วใสยืนยิ้มอยู่ทำท่า ทางบุ้ยใบ้ขอเข้าไปข้างใน อาภาจึงพยักหน้าให้

   "แม่ฝากขนมมาค่ะ น้าอิงค์" แก้วใสยิ้มให้อาภา

   "กล่องใหญ่ขนาดนั้น น้ากินทั้งเดือนได้เลยมั้ง" อาภายิ้ม

   "ใส่ตู้เย็นไว้ได้นานค่ะ จะทานค่อยเอาไปอุ่น"

   "ฝากขอบคุณพี่สาวใจดีของน้าด้วยนะจ๊ะ ฝากหอมแก้มสักสองฟอด เอาไว้วันหยุดจะไปหอมเอง" อาภามีเพียงพี่สาว ซึ่งเป็นมารดาของแก้วใส

   "ฝากแก้วคงโดนรำคาญใส่ น้าอิ้งค์ไปหอมเองดีกว่า"

   "เพื่อนแก้วเป็นอย่างไรบ้าง" อาภาลองเรียบเคียงถามและสังเกตดูอากัปกิริยาของหลานสาว

   "ถือว่าดีนะคะ โดยเฉพาะเสียงตอบรับจากคนฟัง"

   "ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน แสบๆ ซ่าๆ ดี ใช่ไหม" อาภาถาม

   "ไม่ค่อยนะคะ น่ารักมากกว่า" อาภารู้สึกแปลกใจและอยากรู้ด้วยว่าริศาเล่าเรื่องที่ร้านอาหารตอนเจอเธออยู่กับวรันธรหรือไม่ แต่จากสีหน้าของแก้วใสไม่มีท่าทางผิดปกติอะไร

   "น่ารัก หรือ" อาภาคิ้วขมวด

   "มากค่ะ เห็นว่าพี่รันชวนทานข้าว ส่งข้อความมาชวนแก้ว แต่ไม่ได้ไปบอกไม่ใช่เวลากินข้าวของแก้ว" แก้วใสหัวเราะนึกขำเพื่อน ซึ่งคงไม่อยากไปกับวรันธรลำพัง แต่ลืมไปว่าวรันธรกับอาภานั้น รอยยิ้มแก้วใสจึงจางลงเมื่อนึกขึ้นได้

   "แก้วล่ะ งานเป็นอย่างไรบ้าง"

   "สบายค่ะ มียุ่งๆ บ้างบางช่วง"

   "ขอบใจนะจ๊ะ ที่ตั้งใจทำงาน" อาภาบอก

   "กลัวใครจะว่า น้าอิ้งค์เลยต้องขยันหน่อย เพราะไม่อย่างนั้นแม่ด่าตายแน่ๆ" แก้วใสหัวเราะ

   "พี่สาวฉันไม่ได้ดุขนาดนั้นมั้ง เจอเดี๋ยวจะฟ้อง ไปทำงานได้แล้วมาโม้อยู่ เดี๋ยวหักเงินเดือนเลย" อาภาพูดแหย่หลานสาว

   "อยากทานอะไร บอกแก้วนะคะ รับรองได้บอกวันนี้ พรุ่งนี้ได้ทานเลย แม่น่ะรักน้าอิ้งค์มากกว่าลูกเสียอีกค่ะ"

   "นินทาผู้ใหญ่บาปนะ ไปทำงานได้แล๊ว" อาภาจะมีสองโหมดกับคนที่เป็นทั้งลูกน้องและหลาน ถ้าคุยเรื่องงานจะนิ่งๆ เรียบๆ ยิ้มน้อยๆ ซึ่งคงเหมือนกับที่คนอื่นได้รู้จัก แต่เวลาเป็นน้าสาวที่พูดคุยกัน อาภาจะเป็นแบบที่เห็นแต่ไม่ถึงกับสนิทสนมกลมเกลียวมากมายจนเกินไป ซึ่งตอนแรกๆ นั้น แก้วใสออกจะงงๆ อยู่เล็กน้อย แต่พอนานไปพอจะเข้าใจถึงสถานะของผู้บริหาร เพราะถ้าเล่นหัวกับคนเป็นหลานมากเกินไปน่าจะไม่ดีนัก แก้วใสนั้นชอบทั้งสองแบบที่อาภาเป็น เพราะในฐานะผู้บริหารดูน่าชื่นชมในความเป็นผู้หญิงเก่งซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงาน ส่วนในฐานะน้าสาว ความรักที่อาภามีและแสดงออกกับพี่สาวนั้น ทำให้คนที่เป็นหลานให้ความเคารพเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น