web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 413
Most Online Ever: 413
(วันนี้ เวลา 20:36:53)
Users Online
Members: 0
Guests: 397
Total: 397

ผู้เขียน หัวข้อ: ประมูล... รัก ตอนที่ 15  (อ่าน 929 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ UPsidedown

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 31
ประมูล... รัก ตอนที่ 15
« เมื่อ: 28 ธันวาคม 2013 เวลา 16:10:11 »
ตอนที่ 15
วันเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ นับตั้งแต่แมวใหญ่พาลูกแมวน้อยไปเที่ยววังน้ำเขียว แมวตัวโตกลับมานั่งข้างหน้าต่าง ร้องเหมียว ๆ คิดถึงแมวตัวเล็กอยู่ร่วมหกวัน นอนนับหยาดฝนที่หยดกลิ้งบนกระจกใสอยู่หกคืน พอมาถึงย่ำค่ำของวันอาทิตย์ หน้าต่างส่งยิ้มร้องทักแมวโตเต็มวัย วันนี้ดูหน้าตาสดใสกว่าทุกวันนะ แมวใหญ่ยิ้มกว้าง นั่งลงแล้วบอกกับคุณหน้าต่าง ที่วันนี้แมวใหญ่หน้าชื่นตาบาน เป็นเพราะว่าไม่ได้มาตัวเดียว มีน้องแมวเหมียวตัวเล็กมาอาศัยอยู่ด้วยกันชั่วคราว... นี่ไง นี่ไง น้องแมวของเค้าน่ารักไหมจ๊ะ

ปณิตานั่งอยู่ริมเตียง มองเด็กน้อยเอาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายออกจากกระเป๋าเพื่อจัดเก็บเข้าตู้ ช่วงที่คุณอรทัยไม่อยู่ ไปพักฟื้นร่างกายยังไร่องุ่นของคุณปู่นรินทร์ อรินทิพย์จะมาอยู่ร่วมบ้านหลังใหญ่ อยู่ใต้ชายคามุงกระเบื้องสีน้ำตาลเข้มหลังเดียวกันกับเธอเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
ขณะนั่งมองลูกแมวจัดของ แมวใหญ่ก็ร้องเหมียวหง่าว ชวนคุย
“น้องอินไม่ต้องเกรงใจ อยากได้อะไรก็บอกพี่ ไม่ก็คุณนมแจ่มเลยนะคะ”
“ค่ะ พี่ปริม”
“พรุ่งนี้ต้องไปเรียนพิเศษใช่ไหม? เรียนกี่โมง เลิกกี่โมงคะ?”
“เริ่มเรียนเก้าโมงเช้า เลิกเรียนบ่ายสามค่ะ”
“อืม... ตอนเช้าก็ออกจากบ้านพร้อมพี่ละกัน หลังจากส่งพี่ที่ทำงานแล้ว พี่เก้าจะได้ขับเลยไปส่งน้องอิน... แล้วตอนเลิกเรียนล่ะ? ให้พี่เก้าไปรับแล้วมารอพี่ที่ทำงานดีไหม?”
“อินขอกลับบ้านเองดีกว่าค่ะ”
“ไม่อยากไปนั่งกดดันให้พี่ทำงานเสร็จเร็ว ๆ เหรอคะ?”
“อินขอกดดันทางอ้อมดีกว่าค่ะ อินจะกลับบ้านมาช่วยนมแจ่มทำกับข้าว ถ้าพี่ทำงานช้า กลับบ้านดึก อินจะกินข้าวก่อน จะกินกับข้าวให้หมดเลยด้วย ไม่รอพี่หรอก”
ลูกแมวน้อยหันมาลอยหน้าลอยตา พูดจาข่มขู่ แมวใหญ่จึงยิ้มขำอย่างนึกเอ็นดู แกล้งส่งเสียงโวยวาย
“อ๊า! ได้ไงล่ะ! แบบนี้พี่ปริมรีบปั่นงานตาเหลือกทุกวันแน่เลยค่ะ กลัวลูกแมวน้อยกินกับข้าวหมด เดี๋ยวต้องกินข้าวเปล่าราดน้ำปลา”
“อินจะเอาขวดน้ำปลาไปซ่อนด้วย ให้พี่ปริมกินข้าวเปล่าคลุกน้ำตา อิอิ”
“ลูกแมวน้อยใจร้ายยย~  พี่ไม่กินข้าวคลุกน้ำตาหรอก กินข้าวหน้าลูกแมวดีกว่า... ว่าแล้วก็อยากกินขึ้นมาเลยเนี่ย”
“อ๊าย! อย่าเข้ามาน้า”
แมวใหญ่ทำตาลุกตาวาว กางขาหน้าสองข้างออกกว้าง โผกระโดดจากเตียงไปตะครุบลูกแมวใจร้ายที่นั่งกับพื้นอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า แมวโตเต็มวัยหยอกแหย่กอดรัด ก้มหน้าไปเม้มริมฝีปากแทะเล็ม กัดแก้มแมวเด็กกินเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ลูกแมวน้อยหดคอพลางหลับตาปี๋ หัวเราะคิกคิกสลับกับร้องมี้มี้ บอกกับพี่แมวใหญ่ว่าหนูจั๊กจี้ พอแล้ว พอแล้ว แต่แมวตัวโตก็ไม่ฟัง ยังไม่เลิกแกล้งแมวเด็ก จนกระทั่งหูได้ยินเสียงกระแอมกระไอของใครดังขึ้น

“อะแฮะ อ่ะแฮ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม”

ปณิตาสะดุ้งโหยง รีบผละใบหน้าออกห่างจากแก้มเนียนของเด็กสาว แต่อ้อมแขนยังไม่คลายความแน่นลงเลยสักนิด คนกระแอมกระไอจึงเดินเข้าไปหา กางมือออกแล้วตีลงตรงไหล่ปณิตาดังแปะ นมแจ่มซึ่งพักอาศัยอยู่ห้องติดกันได้ยินเสียงอย่านะ อย่าน้า ของเด็กน้อย เลยรีบวิ่งออกมาดู พอเห็นว่าคุณหนูของบ้านกอดรัดฟัดแก้มเด็กน้อยอยู่ คุณแม่นมก็ทำจมูกบานและทำตาโต
“ทำอะไรเกรงใจคนอื่นเขาบ้างสิคะคุณหนู! ห้องนี้อยู่ชั้นล่างนะ เด็กรับใช้เดินผ่านไปผ่านมาออกจะบ่อย...”
“ก็ปริมจะให้น้องพักบนห้องชั้นสองติดกับห้องของปริม แต่นมแจ่มไม่ยอมเองนี่คะ โอ๊ย!”
เสียงโอดโอยปิดท้ายนั้นมาจากการโดนฝ่ามือของคุณแม่นมตีเอาอีกครั้ง ผู้สูงวัยทำเสียงดังเฮอะ ชักมือกลับมาเท้าสะเอว กัดฟันส่งเสียงแหวแบบเบา ๆ เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน
“ปล่อยให้พักห้องติดกัน นมแจ่มกลัวว่าหนูอินจะเสร็จโจรน่ะสิ”
แมวตัวใหญ่เถียงว่า... “โจรที่ไหน เจ้าของบ้านต่างหากค่ะ อิอิ... โอ๊ย! อู๊ย! อ๊าย! เจ็บ ๆ”
“คุณหนูนิ่ ถ้าไม่เกรงใจใคร ก็เห็นใจ เห็นแก่หน้าหนูอินบ้าง”

คุณแม่นมพูดไปตีไปแบบไม่ยั้งมือ ปณิตาจึงเลิกพูดเล่น ยอมพยักหน้าหงึกหงัก พูดรับคำเสียงอ่อยว่าค่ะ ค่ะ คุณแม่นมชี้นิ้วสั่งย้ำ พูดกำชับกำชาอีกสามหน บอกกับทั้งสองคนว่าห้ามอยู่ในห้องส่วนตัวเพียงลำพังสองต่อสอง หรือถ้าอยู่ด้วยกันก็ให้เปิดประตูแบบตอนนี้ เด็กน้อยไม่ควรขึ้นไปหาผู้ใหญ่บนชั้นสองถ้าไม่จำเป็น ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อ อรินทิพย์รีบพยักหน้า รับปากว่าจะทำตาม แต่คุณหนูยังกอดเด็กน้อยเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทำหน้ายู่ย่นคิ้วใส่ ส่งเสียงงอแงถามว่าทำไมห้ามไม่ให้ปิดประตู จะขอความเป็นส่วนตัว จู๋จี๋กุ๊กกิ๊ก กอดกันนิด หอมกันหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร คุณแม่นมจึงถอนใจดังเฮือกพลางส่ายหน้าอย่างระอา รู้สึกว่าปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่ตัวเด็กน้อยนะ
“นมแจ่มไม่ได้ห้ามนะคะคุณหนู แต่บอกว่าอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ นี่นมแจ่มเข้ามาก็เพราะเล่นกันซะเสียงดัง...”
“อ่อ... งั้นทีหลังปริมกับน้องจะแอบหลบมุมไปเล่นกันแบบเบา ๆ นะคะ อู๊ย!”
คราวนี้เสียงอู๊ยของแมวใหญ่ไม่ได้ดังเพราะฝีมือของนมแจ่ม แต่เป็นเพราะโดนลูกแมวน้อยเอาศอกแหลมกระทุ้งตรงสีข้างด้านขวา อรินทิพย์พูดเสียงอุบอิบ
“ใครจะเล่นกับพี่?... เล่นไปคนเดียวเหอะ อินไม่ได้อยากเล่นด้วยซะหน่อย...”
“อ่าว!”
“ทีหลังอินจะไม่ให้พี่เข้ามาในห้องแล้ว...”
“อ้าว!”
“เข้ามาทีไรก็หาเรื่องเอาเปรียบอินได้ทุกทีนิ่ >//////<”
“อ๊าว! ถ้าพี่ไม่หาเรื่องเอาเปรียบน้องอิน จะให้พี่ไปหาเรื่องเอาเปรียบใครล่ะคะ?”
ผู้ใหญ่ชอบเอาเปรียบพูดกลั้วหัวเราะ แถมยังกอดรัด ยื่นหน้าไปจุ๊บแก้ม กระทำการเอาเปรียบเด็กไม่เลิก ไม่เห็นแก่ศีรษะที่มีผมขาวแซมราวกับทำไฮไลต์ของนมแจ่มบ้างเลย ลืมไปแล้วมั้งว่ายังมีใครอยู่ในห้อง คุณแม่นมจอมเฮี้ยบจึงแจกขนมจีบให้สองเข่ง แค่จีบไม่พอ ขอหนีบแบบบิดข้อมือด้วย ผู้สูงวัยจีบนิ้วจิกไหล่แมวใหญ่พร้อมกับส่งเสียงพูดลอดไรฟัน
“ไม่รู้จะไปหาเรื่องเอาเปรียบใครใช่ไหม? มาหาเรื่องกับนมแจ่มนี่... มา”
“อ๊า! เจ็บ ๆ ๆ ๆ นมแจ่มขา... ปล่อยยย~ ปริมไม่ทำอะไรน้องแล้วก็ได้ค่ะ อยากอยู่กับน้องเฉย ๆ... ปล่อยปริมน้า~”
“ไม่ต้องแล้ว อย่ามากวนหนูอิน... ให้น้องได้จัดข้าวจัดของ เสร็จแล้วจะได้พักผ่อน คุณหนูก็ไปอาบน้ำอาบท่าซะ คุณท่านบอกว่าจะโทรมาหานี่...”

ลูกแมวน้อยเอาหลังมือปิดปากแอบขำ แมวตัวเล็กอมยิ้ม ใช้สายตามีแววขบขันปนสงสารมองส่งแมวตัวโต พี่แมวใหญ่โดนคุณแม่นมเอามือขยุ้มหนังตรงหลังคอ โดนลากโดนหิ้วตัวพาออกจากห้องไปแล้ว ลูกแมวน้อยเป่าปากดังฟู่อย่างโล่งใจพลางเอามือลูบแก้ม ส่วนอีกมือเปิดแง้มบานประตูตู้เสื้อผ้า ขอเอาหน้าส่องกระจกหน่อย สำรวจตรวจตราดูซิว่าเนื้อบริเวณแก้มยังอยู่ครบถ้วนดี ไม่มีตรงไหนเว้าแหว่ง เมื่อกี้โดนพี่แมวใหญ่เม้มริมฝีปากแทะเล็มไปตั้งหลายที พอเห็นเงาในกระจก ลูกแมวน้อยก็เกิดอาการหน้าเปลี่ยนสี เพราะเนื้อหนังตรงแก้มของตัวเองยังอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์ดี แต่มีของแถมเป็น...

อ๊ายยย~ พี่แมวใหญ่อ่า... ทิ้งรอยลิปสติกสีชมพูรูปริมฝีปากไว้ตรงแก้มเค้าด้วย
ลูกแมวน้อยเขินนน~ >///////<

ห้าทุ่มของคืนวันเดียวกัน
เด็กน้อยเดินไปใกล้ประตู กดปิดสวิชต์ไฟเพดาน ห้องนอนกว้างขวางจึงเหลือแค่เพียงแสงสว่างสีส้มสลัวจากโคมไฟเหนือหัวเตียง อรินทิพย์นั่งพับเพียบบนฟูกนอนหนานุ่ม พนมมือสลับกับก้มลงกราบที่หมอน หลังสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ เด็กน้อยก็เอื้อมมือไป จะดับแสงโคมไฟ แต่ว่าโทรศัพท์มือถือส่งเสียงเรียกสั้น ๆ เธอจึงยั้งมือเอาไว้ ขอดูก่อนว่าใครส่งข้อความมาหาเอาป่านนี้ อ่าว... พี่แมวใหญ่นี่นา อยู่บ้านเดียวกันนะคะนี่ พี่ปริมจะส่งข้อความมาหาทำไม พี่ปริมคงส่งข้อความมาอวยพรให้เธอหลับฝันดีอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำทุกวันละมั้ง อรินทิพย์อมยิ้ม รีบเปิดเครื่องมือสื่อสาร อ่านข้อความที่พี่ปริมส่งมา

แง้ว... ออกมาเปิดประตูให้พี่หน่อยจิ

ลูกแมวน้อยลุกขึ้นนั่ง ตามองไปยังประตู สองจิตสองใจว่าจะไปเปิดดีไหม เพื่อให้ตัดสินใจได้ แมวเด็กจึงพิมพ์ข้อความถามกลับไป

พี่ปริมมาทำไมคะ? อินจะนอนแล้ว

โทรศัพท์มือถือรายงานข้อความตอบมา พี่ปริมบอกว่า...
อยากจะมาห่มผ้าให้ ส่งน้องเข้านอน

เด็กน้อยอมยิ้ม ขยับนิ้วพิมพ์ข้อความ...
อินห่มผ้าเองได้ค่ะ ขอบคุณ

พี่ปริมส่งสติ๊กเกอร์แมวนั่งหันหลัง หูตกหูเหี่ยว มีเส้นคลื่นแสดงอาการหดหู่ขีดลากลงมา บรรทัดถัดจากสติ๊กเกอร์แมว พี่ปริมบอกว่ายืนคอยจนเมื่อยแล้ว ออกมาเปิดประตูให้พี่ทีเถอะ ต่อด้วยสติ๊กเกอร์แมวร้องไห้น้ำตาท่วม ลูกแมวอ่านข้อความจบก็ถอนหายใจ ยอมลุกไปเปิดประตูให้ก็ได้ ไม่ได้กลัวพี่แมวใหญ่จะยืนรอจนเมื่อยหรอกนะ แต่แมวเด็กกลัวว่าจะไม่ได้นอน เพราะต้องพิมพ์ข้อความโต้ตอบกับแมวตัวโตทั้งคืน

แกร็ก
“พี่ปะ... อื้อ! อื้อ!”
“ชู่ว์... จุ๊ ๆ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวนมแจ่มตื่น”
แมวน้อยขมวดคิ้ว แต่ยอมพยักหน้า แมวใหญ่จึงปล่อยมือออกจากปากของเธอ อรินทิพย์ยืนกอดอก มองผู้ใหญ่ที่เดินยิ้มร่าไปยังเตียงกว้าง เมื่อเห็นพี่ปริมคลานขึ้นไปนอน ตลบผ้าห่มคลุมตัวเองถึงปลายคาง เด็กน้อยก็เดินมายืนข้างเตียง อรินทิพย์ย่นคิ้ว สองมือเท้าสะเอว
“พี่ปริมคะ ไหนว่าจะมาห่มผ้าให้ ส่งอินเข้านอน แล้วนี่อะไร?”
“ก็... พี่มาห่มผ้าให้จริง ๆ นะคะ... นี่ไง”
แมวใหญ่ยิ้มกริ่ม พูดพลางเลิกผ้านวมที่ตัวเองห่มอยู่ ลูกแมวน้อยกัดริมฝีปากล่างด้านในและแอบยิ้มเขิน เอาแล้วไงล่ะ พี่แมวตัวโตจอมเจ้าเล่ห์มาขอนอนด้วยตั้งแต่คืนแรกเลย อรินทิพย์คิดในใจว่านี่เธอจะเสร็จโจร... เอ้ย! เสร็จเจ้าของบ้านตั้งแต่คืนแรกเลยใช่ไหมเนี่ย >_<
 
“พี่ปริมอ่า...” แมวน้อยส่งเสียงงอแงงู้งี้แบบเบา ๆ
“โธ่... น้องอินจ๋า พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า ถ้าพี่คิดจะทำจริง ๆ คงทำไปนานแล้วล่ะค่ะ ก่อนหน้านี้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองตั้งหลายครั้ง แถมไม่มีนมแจ่มคอยเฝ้าด้วย”
“... >///////<...”
“นอนกันเร้ว” แมวใหญ่พูดชักชวน พยักหน้าและกวักมือเรียก
“เกิดคุณนมแจ่มรู้เข้าล่ะ” แมวน้อยยืนก้มหน้า พูดเสียงอุบอิบ
“พี่จะบอกว่าพี่เป็นคนแอบไขกุญแจเข้ามาเอง”
เมื่อแมวใหญ่บอกว่าจะยอมแอ่นอกรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ลูกแมวก็เงยหน้าแดง ๆ มาถามเสียงค่อย
“พี่จะไม่ทำอะไรเค้าแน่นะ?”
“แน่จ้ะ ขอแค่นอนกอดแค่นั้น... จริง ๆ นะ สาบานเลย ถ้าพี่ผิดคำพูด ขอให้ตายวันตายพรุ่ง...”
ลูกแมวน้อยรีบกระโดดขึ้นเตียง พุ่งตัวไปเอานิ้วชี้ทาบริมฝีปากพี่แมวใหญ่ “ตายวันตายพรุ่งอะไรกันคะ! อย่าพูดสาบานอะไรแบบนี้อีกนะคะ”
“พี่มั่นใจไงคะว่าจะไม่ผิดคำพูด ก็เลยกล้าสาบานอย่างนี้”
“ถึงจะมั่นใจขนาดไหนก็ห้ามพูดค่ะ อินฟังแล้วรู้สึกไม่ดี”
“โอเคค่ะ... พี่จะไม่พูดแล้ว ปิดไฟนอนกันดีกว่า”
พูดจบปุ๊บ แมวใหญ่ก็เอี้ยวตัวเอื้อมมือไปปิดสวิชต์โคมไฟ

อรินทิพย์ค่อย ๆ ขยับเคลื่อนร่างกายตัวเองลงนอนราบบนฟูกนุ่ม ทำท่าว่าจะเอาหัวหนุนหมอน ขาก่ายหมอนข้าง นอนตะแคงหันหลังให้ห่างจากผู้ใหญ่สักสองช่วงศอก แต่มีหรือที่คนขอนอนกอดจะยอมให้เธอทำอย่างนั้น เด็กน้อยยังไม่ทันได้หลับตา ตรงช่วงเอวก็มีแขนเรียวมาวางพาด แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงร่างกายเจ้าของแขน แถมยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ พัดแผ่วตรงบริเวณหลังต้นคอ อรินทิพย์นอนตัวเกร็งแข็งทื่อเป็นลูกแมวโดนสตัฟฟ์ คนทำสัตว์สตัฟฟ์คงลืมควักหัวใจลูกแมวไปใส่โหลแก้ว ปล่อยให้มันเต้นถี่เต้นตึกตักเร็วแรงอยู่ในช่องอกของลูกแมว

“น้องอินตัวหอมจัง”
“...>////////<...”
พอแมวใหญ่พูดอะไรพึมพำ พ่นลมออกจากปากมาเป่ารดตรงหลังต้นคอ ลูกแมวน้อยก็ปิดเปลือกตาลงอย่างแน่นหนาจนหางตามีร่องขึ้นเป็นริ้ว อรินทิพย์เกิดอาการขนลุกขนตั้ง กำมือขยุ้มจิกหมอนข้างจนหมอนอยากจะแหกปากร้อง คุณน้องจ๋า เบา ๆ มือหน่อย! พี่หมอนข้างหนังจะขาด นุ่นจะพุ่งออกมาแล้วจ้า จะเขินก็เขินไป แต่อย่ามากำมือบิดขยุ้มพี่แบบนี้ได้ไหมค้า พี่ท้องจะแตกแล้ววว~ ใครก็ได้ ช่วยที้~

ก่อนที่หมอนข้างจะโดนเด็กน้อยกำขยุ้มแก้เขินจนหนังท้องขาด นุ่นกระจุย  ผู้ใหญ่ก็อาสาเข้ามาช่วยหมอนข้างเจรจาไกล่เกลี่ย ช่วยคลี่คลายปัญหาความแน่นของการกำมือ

“น้องอินนอนตัวแข็งทื่อเชียว... ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ พี่ปริมแค่นอนกอดเฉย ๆ นะ... นอนกอดกันอุ่นดีออกน้า”
“พ... พ... พี่ปริมหยุดพูดได้ไหมอ่า >///////<...”
“ทำไมล่ะ?”
“ขนลุก >///////<...”
เด็กน้อยตอบสั้น ๆ แบบละประธานของประโยค พูดอะไรยาว ๆ ไม่ได้ เสียงมันจะตะกุกตะกักติดอ่าง

คำตอบของเด็กสาวทำให้ผู้ใหญ่อมยิ้ม กลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ แทนที่จะแก้ปัญหาโดยการเลิกกอด ถอยตัวถอยหน้าออกห่างจากเด็กน้อย ปณิตากลับเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดย...
“ถ้าไม่อยากขนลุก น้องอินก็เลิกนอนตะแคงหันหลังให้พี่สิคะ นอนหันหน้ามาทางพี่นี่”
“...>//////<...”
เด็กน้อยมัวแต่เขิน ไม่ทันได้คิดถึงวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าและไม่ซับซ้อน ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์จึงได้รับผลประโยชน์ไปแบบเต็ม ๆ ปณิตายิ้มกริ่มในความมืด ช่วยจัดท่าทางการนอนให้เด็กน้อยใหม่
อรินทิพย์โดนผู้ใหญ่ดึงตัวให้เอาหัวมาหนุนตรงไหล่ มือกอดก่ายรอบเอวบางของพี่ปริมแทนกอดหมอนข้าง พอนอนท่านี้ เธอไม่โดนลมหายใจเป่ารดต้นคอแล้ว ขนที่เคยลุกยืนทั่วร่างพากันค่อย ๆ นอนราบไปบนผิวหนังเหมือนเดิม แต่ว่า...

จมูกของเด็กน้อยรับรู้สูดกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ที่โชยมาจากตัวของพี่ปริม ไหนจะร่างกายอบอุ่นกับหน้าท้องแบนราบที่ขยับขึ้นลงอยู่ใต้ท่อนแขนของเธอนี่อีก ตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยนอนกอดใครนอกจากคุณแม่ พอต้องมานอนกอดคนอื่นแบบนี้ เด็กน้อยจึงเกิดอาการใจเต้นตึกตักเร็วขึ้นแรงขึ้นอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้ อรินทิพย์คิดว่าถ้าคนนอนร่วมเตียงเป็น “คนอื่น” จริง ๆ ก็คงไม่เกิดอาการแบบนี้ แต่คนที่เธอกำลังนอนกอดก่ายอยู่นี่คือพี่ปริมนะ คือคนที่เธอรักนะ คิดแล้วก็พาให้ใบหน้าร้อนวูบวาบผะผ่าว...
 
ปุ้ง!
ฉ่า~ 
นอนกอดกันด้วย นอนกอดพี่ปริมด้วย โอ๊ย... เด็กน้อยเขินอ่า... >////////<

ปณิตาอมยิ้มแอบขำ รู้สึกได้ว่าเด็กน้อยกดหน้าซุกกับไหล่ของเธอ แถมอ้อมกอดตรงเอวก็แน่นขึ้น แรงสะเทือนจากหน้าอกของอรินทิพย์ที่กดแนบอยู่บริเวณข้างลำตัวของเธอบ่งบอกว่าเด็กสาวใจเต้นแรงขนาดไหน เด็กขี้อายคงกำลังรู้สึกเขินมากมายอยู่แน่ ๆ เลย น้องจะเขินมากจนนอนไม่หลับรึเปล่านี่ คิดแล้วปณิตาก็หาทางกล่อมเด็กให้ง่วง มือบางขยับลูบผมนิ่มลื่นของเด็กน้อยไปมาเบา ๆ ส่วนลำคอก็สั่นสะเทือนส่งเสียงสูงต่ำฮื้มฮืม ปณิตาฮัมทำนองเพลงเชื่องช้าชวนหลับกล่อมเด็กน้อย ไม่นานนักหญิงสาวก็รู้สึกว่าท่อนแขนที่วางพาดอยู่ตรงเอวของเธอเลิกเกร็ง คนนอนกอดก่ายเธอเริ่มปล่อยตัวตามสบาย เลิกทำตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ หัวใจลดความแรงของการเต้นลง เมื่อครู่หัวใจของเด็กสาวเต้นระรัว กระทืบเท้าส่งเสียงตึกตักเต้นระบำฟลามิงโกจนเธอรู้สึกได้ บัดนี้มันคงหันมาเต้นลีลาศจังหวะวอลซ์ สืบเท้าเคลื่อนไหวเชื่องช้าตามจังหวะเนิบนาบของเพลงที่เธอฮัมในลำคอกล่อมเด็ก ปณิตาลองส่งเสียง กระซิบเรียกชื่อเล่นของเด็กน้อยเบา ๆ พอได้รับเสียงตอบเป็นลมหายใจเข้าออก หญิงสาวก็อมยิ้ม กดจมูกแทรกกลุ่มผมนิ่มสลวยราวกับเส้นไหมพลางขยับริมฝีปากพูดพึมพำ
“ฝันดีนะคะ... ลูกแมวน้อยของพี่”
.
.
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
โทรศัพท์ที่รับงานพิเศษเป็นนาฬิกาปลุกส่งเสียงดังและทำตัวสั่นอยู่ตรงหัวเตียง อรินทิพย์รีบผงกหัว หมุนตัวนอนคว่ำ คว้าเครื่องมือสื่อสารมาจิ้มกด รายงานตัวให้รู้ว่าเธอตื่นแล้ว ลูกแมวน้อยวางโทรศัพท์ลง เหลียวซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตามองหาพี่แมวใหญ่ที่แอบมาขอนอนด้วย แต่ก็ไม่เจอ พี่ปริมคงตื่นก่อนและรีบย่องเบากลับห้องตัวเองก่อนรุ่งสาง คงกลัวคุณแม่นมจะจับได้ว่าแอบลงมานอนกกกอดแมวตัวเล็กทั้งคืนทั้งที่โดนสั่งห้าม  อรินทิพย์ลุกขึ้นจากที่นอน ทำกิจวัตรยามเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อนึกถึงอ้อมกอดอุ่นของพี่แมวใหญ่ ลูกแมวน้อยก็ยิ้มเขินให้ผ้าเช็ดตัว พอนึกถึงเสียงฮัมเพลงกล่อมเป็นท่วงทำนองเชื่องช้าหวานหู เด็กสาวก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มหวานให้ฝักบัว ตอนหวีสางจัดทรงเส้นผมตรงยาวเคลียไหล่ อรินทิพย์ขอมอบขนมหวานเป็นอมยิ้มให้คุณกระจก เนื่องจากเด็กน้อยหวีผมตัวเองไปก็ระลึกถึงสัมผัสของพี่สาวคนสวยไป เมื่อคืนพี่ปริมลูบสางผมเธออย่างนุ่มนวล ทำให้เธอรู้สึกเพลิดเพลินเคลิบเคลิ้ม พี่แมวใหญ่ขับกล่อม โอบอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดอุ่น ส่งเธอเข้าสู่ห้วงนิทรา จูงมือเธอเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันอันแสนหวาน อรินทิพย์เก็บหวีเข้าที่ จากนั้นก็ก้มหน้ามองไม้สีเข้มที่ใช้ทำโต๊ะเครื่องแป้ง เด็กน้อยพูดอะไรให้คุณโต๊ะฟังโดยไม่กล้ามองสบตาคนในกระจก

“พี่ปริมคะ... พี่รู้ไหมว่าความอบอุ่นอ่อนโยนของพี่ทำให้เด็กน้อยคนหนึ่งมีความสุขมากขนาดไหน...”

อรินทิพย์ไม่กล้ามองหน้าคนในกระจก เพราะรู้ว่าหลังจากเธอพูดประโยคเมื่อสักครู่ กระจกเงาจะสะท้อนภาพเด็กสาวอายุเกือบจะสิบหกปี ใบหน้าเหมือนกับเธอเป๊ะ กำลังออกอาการอมยิ้มเอียงอาย เขินคำพูดของเธอจนแก้มแดง

ก๊อก ก๊อก
“น้องอินคะ แต่งตัวเสร็จรึยังเอ่ย? พี่ปริมมาตามไปกินข้าวเช้าจ้า...”
เสียงของคุณพี่คนที่ทำให้เธอมีความสุขมากดังทะลุประตูไม้เข้ามา แค่ได้ยินเสียง อรินทิพย์ก็อมยิ้มจนปวดแก้ม รีบลุกหนีคนในกระจกเงาที่ทำหน้าแดงล้อเลียนเธอ เด็กสาวเดินไปเปิดประตู ริมฝีปากกางยิ้มสดใสกว้างขวางกว่ายิ้มทุกยิ้มที่เธอโปรยให้ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องเมื่อสักครู่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“ค่า... อรุณสวัสดิ์ค่ะเด็กน้อย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”
ผู้ใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีโอลโรสกับกระโปรงสีเทาเตรียมไปทำงานถามเธอยิ้ม ๆ อรินทิพย์เปลี่ยนจากยิ้มกว้างเป็นยิ้มขวยเขิน ก้มหน้าพูดเสียงอุบอิบรายงานให้ผู้ใหญ่ฟังว่า
“เมื่อคืนอินหลับสบายมากเลยค่ะ ฝันดีด้วย ฝันดีกว่าทุกคืนเลย”
พี่สาวคนสวยอมยิ้ม ลูบศีรษะเธอไปมาสองสามที จากนั้นก็ยื่นหน้ามาใกล้ กระซิบบอกเสียงแผ่ว
“ถ้าคืนนี้อยากหลับสบาย ฝันดีแบบเมื่อคืนอีก ก็อย่าล็อคห้องนะคะ เดี๋ยวพี่จะลงมาล็อคให้เอง”
“...>//////<...”
“คืนต่อ ๆ ไปก็ด้วยนะคะ ตกลงตามนี้นะ?”
เด็กน้อยกัดริมฝีปากล่างด้านใน ขยับใบหน้าขึ้นลงแค่หนึ่งเซ็นติเมตร อรินทิพย์ยิ้มเขินจนแก้มแดง ๆ ปวดไปหมด ระหว่างเดินไปยังห้องอาหาร เด็กสาวต้องแอบอ้าปากหุบปาก สลับกับขยับกราม เลื่อนกรามไปทางซ้ายและขวา ทำการบริหารกล้ามเนื้อแก้ม กลัวว่าแก้มจะเป็นตะคริวเพราะยิ้มมากเกินไป
.
.
หกโมงเย็นของวันเดียวกัน
พอประตูของรถยนต์คันใหญ่เปิดอ้า ปณิตาก็ยิ้มกว้างหวานหยดก่อนที่จะก้าวลงมายืนบนพื้น เพราะวันนี้มีเด็กน้อยน่ารักมายืนคอย รอรับเธอที่หน้าบ้าน แถมมีบริการเปิดประตูให้ด้วยล่ะ เท่านั้นยังไม่พอ มีการรับเสื้อนอกรับกระเป๋าโน้ตบุ้คของเธอไปถือ ลูกแมวน้อยเดินหอบหิ้วของตามไปส่งเธอถึงห้อง ระหว่างทางก็ซักถามด้วยเสียงหวาน
“พี่ปริมเหนื่อยไหมคะ? วันนี้งานเยอะไหม?”
“อืม... ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่นะคะ แต่เมื่อย นั่งหลังขดหลังแข็งอ่านรายงานทั้งวันเลย”
“เหรอคะ... พี่ปริมเมื่อยเหรอ? เดี๋ยวอินนวดหลังให้เอาไหมคะ?”
“น้องอินนวดเป็นเหรอคะ? ไม่ใช่ว่าจะหาโอกาสมากลั่นแกล้งเอาคืนพี่นา”
“ตอนแรกก็ว่าจะนวดให้ดี ๆ อยู่หรอกค่ะ แต่พอพี่ปริมพูดชี้ช่องทางให้แบบนี้ เดี๋ยวอินจะนวดหนัก ๆ ให้พี่ตัวน่วมตัวเขียวเลย รึว่าจะเอาเล็บลูกแมวข่วนหลังดีล่ะ พี่แมวใหญ่ชอบแกล้งชอบหาเรื่องเอาเปรียบกันดีนัก”
ปณิตาหัวเราะขำเบา ๆ “แล้วกัน... เมื่อกี้พี่เผลอพูดชี้โพรงบอกวิธีแก้แค้นให้ลูกแมวเอาไปใช้ซะได้ ลูกแมวทำเป็นไม่ได้ยินได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ค่ะ พี่แมวใหญ่... ลูกแมวน้อยได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู เดี๋ยวจะรีบไปลับเล็บให้คมกริบ เอาไว้ข่วนหลังพี่ปริม คิคิ”
“พี่แมวใหญ่ก็ได้ยินชัดเจนเหมือนกันว่าลูกแมวน้อยจะแกล้งพี่...”
แมวตัวโตพูดเสียงปกติครึ่งประโยค ส่วนอีกครึ่งประโยคที่เหลือต้องโน้มหน้าไปพูดกระซิบข้างหูลูกแมว ปณิตาพูดขู่เสียงแผ่ว
“ถ้ายังยืนยันว่าจะแกล้งกัน คืนนี้ลูกแมวน้อยก็นอนคนเดียวนะคะ”
“...(>_<“)...”
แล้วแมวใหญ่ก็ต้องยิ้มกริ่ม แอบหัวเราะขำในใจ เพราะลูกแมวน้อยก้มหน้าก้มตา พูดงุบงิบเสียงอ่อยว่า...
“ไม่แกล้งก็ได้”

ด้วยเหตุนี้... เวลาดึกสงัดห้าทุ่ม
แมวใหญ่ที่แน่ใจว่าคุณนมแจ่มนอนหลับไปแล้วจึงย่องเบาลงมาจากชั้นสอง แมวตัวโตยืนทำตาล่อกแล่ก หันซ้ายหันขวาอยู่หน้าประตูห้องที่ติดกับห้องของคุณแม่นม พอเห็นว่าปลอดคน ปณิตาก็ขยับมือหมุนลูกบิดประตูห้องนอนของลูกแมวน้อย คืนนี้ไม่ต้องเคาะ ไม่ต้องส่งข้อความไปเรียกให้คนที่อยู่ด้านในมาเปิด พูดจาตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่เช้าแล้วนี่นะว่าพี่แมวใหญ่จะเป็นคนล็อคประตูให้ลูกแมวน้อย... ทุกคืน

“น้องอินจ๋า~” แมวใหญ่เรียกแมวตัวเล็กเสียงหวาน
“จ๋า~” ลูกแมวส่งเสียงขานรับหวานเจื้อย
“พี่ปวดเอว เมื่อยไหล่จังเลย นวดให้พี่หน่อยสิคะ” แมวใหญ่นอนคว่ำลงบนเตียง ขอร้องแมวตัวเล็กด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ได้สิคะ... ไหน ๆ เมื่อยตรงไหน?” แมวน้อยคลานเข้ามาใกล้ ถามไถ่แมวใหญ่ บอกให้ชี้จุดที่เมื่อย
“ตรงนี้ ๆ... ตรงนี้ด้วย” แมวใหญ่เอี้ยวตัว ตบอุ้งเท้าลงบริเวณตำแหน่งบั้นเอวกับหัวไหล่
“ตรงนี้เหรอคะ... ตรงนี้เหรอคะ... ปวดไหล่ด้วยเหรอ?” แมวน้อยเอาอุ้งเท้าหน้ากดจุดนวดคลึงตามบริเวณหลังไหล่ คลายความเมื่อยขบให้แมวใหญ่
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที แมวตัวโตก็พลิกตัวมานอนหงาย บอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีบางที่ที่อยากให้ลูกแมวช่วยนวดให้อีก

“พี่เมื่อยแก้มด้วยค่ะน้องอิน ใช้ริมฝีปากนวดให้หายเมื่อยหน่อยได้ไหมคะ?”
“...>////////<...”
ลูกแมวน้อยกัดริมฝีปากล่าง ยิ้มขวยเขินเอียงอาย ใบหน้านวลขาวเปลี่ยนสีเป็นนวลแดง พอเริ่มกลั้นความเขินเอาไว้ได้ ลูกแมวน้อยก็ยอมนวดแก้มให้พี่แมวใหญ่
“นี่แน่ะ!”
“โอ๊ย! พี่เจ็บน้า...”
แมวใหญ่ร้องแง้วโอดครวญพลางเอาอุ้งเท้าหน้าลูบแก้ม เพราะแทนที่จะใช้ริมฝีปากนวดให้หายเมื่อย ตามคำเรียกร้องพิเศษ แมวเด็กกลับไม่ยอมทำตาม ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้หนีบนวดแก้มให้ แมวใหญ่ที่โดนขัดใจจึงขมวดคิ้ว ทำปากห่อปากย่นเหมือนก้นแมวเพราะกำลังงอน ลูกแมวน้อยเห็นพี่แมวใหญ่ทำหน้าแบบนั้นเข้าก็เลยอดหัวเราะขำคิกคิกไม่ได้ แต่หลังจากขำแล้ว แมวตัวเล็กก็ยอมง้อพี่แมวตัวโตนะ
“โอ๋ ๆ... จุ๊บ... พี่แมวใหญ่จ๋า เค้ายอมนวดแก้มให้แล้วน้า... หายงอนนะค้า เมี้ยว ๆ”
แมวตัวใหญ่ที่โดนลูกแมวน้อยจูบแก้มง้อกันคลี่ปากที่เคยห่อย่นเป็นก้นแมวให้ขยายกว้าง ส่งยิ้มหวานจนตาปิด อุ้งเท้าดึงรั้งตัวลูกแมวให้นอนคว่ำทับตัวเอง ขาหน้าทำเป็นวงล้อม กักแมวตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมอก ขอใช้จมูกนวดแก้มลูกแมวน้อยไปอีกหนึ่งที เท่านี้แมวใหญ่ก็กลับมาอารมณ์ดี หายงอนอย่างง่ายดาย
...............




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.