web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 158
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 138
Total: 138

ผู้เขียน หัวข้อ: Fake Love Chapter VIII : คำตอบ  (อ่าน 1285 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ drunk_ladii

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 10
Fake Love Chapter VIII : คำตอบ
« เมื่อ: 12 มกราคม 2014 เวลา 22:13:51 »
นี่มันวันศุกร์นะ มันก็ต้องสุขเหมือนชื่อวันซิ ไม่ใช่มีเรื่องยุ่งๆที่มาพร้อมความกลัวอย่างนี้!

   กลัวว่ามันจะร้ายแรง..

   เรื่องที่เอริกา และ เจนจิรา ไม้เบื่อไม้เมาเกิดมีปากเสียงต่อกันทะเลาะกัน จน เกินกำลังที่ดรุณีจะรับไหว ถึงกับต้องขอกำลังเสริมให้เธอไปเป็นกาวใจโดยด่วน  มันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ

   กลัวว่าอลิซเบซจะเกิดความรู้สึกในด้านลบ..

   เจ้านายเธอจะคิดยังไงนะที่เห็นเพื่อนสาวในกลุ่มทะเลาะ เหวี่ยง และ วีนแตกใส่กัน ต่อหน้าคนแปลกหน้าทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก?

   กลัวความรู้สึกของคนข้างๆ..

   เมื่อคราวที่แล้วที่เจอว่าที่สามีซึ่งไม่ถูกชะตาแม้แต่น้อย หากเธอไม่รีบเบี่ยงประเด็นเห็นทีคงได้เห็นการทะเลาะครั้งยิ่งใหญ่  แล้วการได้เจอสามสาวแปลกหน้าในสถานการณ์ข้างต้นมันจะเป็นอย่างไรนะ จะสร้างความอึดอัดใจให้แก่ทุกฝ่ายยิ่งกว่าที่เคยเจอหรือเปล่า?
 
   ทุกๆเรื่องที่ยังไม่เกิด สร้างความกังวลจนสิตางค์ไม่อยากจะนึกถึง   

   แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่เธอกลัวกลับไม่เกิดขึ้นเลยสักอย่าง

   จากที่เคยคิดว่าเพื่อนๆจะทะเลาะกันแบบเอาเป็นเอาตาย กลับตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว

   สามสาวดูมีความสุข ร้องคาราโอเกะในบ้านของดรุณีเสียงดังลั่นให้ได้ยินตั้งแต่เมื่อรถของเธอขับไปจอด แถมยังพร้อมใจกันส่งยิ้มให้เมื่อเห็นใบหน้าหวานๆของเธอโผล่เข้ามา

   ต้มกันซะเปื่อยเลยนะไอ้เพื่อนเวร!

   “เนี่ยนะไอ้ณี ที่แกว่าเอรีกะยัยเจนมันทะเลาะกันบ้านแทบแตกจนต้องเรียกฉันมาช่วยเคลียร์”

   “โถ่! เพื่อน นี่มันฟรายเดย์ไนท์ ฉันก็มีอารมณ์อยากจะมิ๊ตติ้งกันพร้อมหน้า ถ้าไม่ปดไปแบบนี้แล้วคนบ้างานอย่างแกจะยอมมาไหม?”

   ดรุณีมองผู้มาใหม่อย่างตะลึง ไม่ใช่เพราะความสวยของเพื่อนสาวอย่างสิตางค์ แต่เป็นคนที่อยู่ด้านหลังร่างบางซึ่งกำลังส่งยิ้มมา

   “อัยย่ะ! สตางค์แกพาใครมาด้วยเนี่ย?”

   ดรุณีแถบจะถลาเข้ามาใกล้ด้วยความชื่นบาน เช่นเดียวกับสองสาวที่กำลังตรงดิ่งมาที่เธอ ก็มีอาการไม่ต่างจากดรุณีสักเท่าไหร่นัก  โดยเฉพาะเอริกาที่นอกจากจะแนะนำตัวบอกคุณสมบัติคร่าวๆพร้อมส่งสายตาหวานๆแถมยังเน้นเสียงคำว่า โสด อย่างจงใจ เรียกร้อยยิ้มกว้างของผู้มาใหม่ แถมเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆรอบกลุ่มที่ดังขึ้น 

   “เอ่อ..เกือบลืม นี่คุณอลิซ เจ้านายฉันเอง”

   สิตางค์หันไปแนะนำคนที่มาด้วยให้เพื่อนสาวของเธอได้รู้จัก จากที่คิดไว้ว่าเจ้านายของเธออาจจะแสดงปฏิกริยาด้านลบก็กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เธอยิ้มและยืนมือซ้ายออกไปทักทายก่อนพร้อมแนะนำตัว

   บรรยากาศรอบข้างอบอวลไปด้วยความสุข การพูดคุยของพวกเธอช่างครื้นเครง ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะสาวหล่อแสดงอาการเป็นมิตรตั้งแต่เจอหน้าเพื่อนๆของเธอ แถมยังให้การบริการอย่างดีเยี่ยม ทั้งรินเครื่องดื่ม ตักอาหารที่อยู่ตรงหน้าให้คนที่อยู่ไกลๆได้ทานอย่างทั่วถึง ร่วมร้องเพลงกับพวกเพื่อนๆเมื่อได้รับไมค์ที่ถูกส่งต่อ จนทั้งสามสาวติดอกติดใจกันเป็นแถว และอลิซเบซยังกลายเป็นจุดสนใจเมื่อถ่ายทอดการใช้ชีวิตด้วยตัวเองในต่างประเทศที่ทำให้ทุกคนทึ่ง เรียกว่างานนี้สาวหล่อได้ใจเพื่อนของเธอไปเต็มๆ ต่างจากวันที่ไปพบคุณภัทรที่บ้านของเขาเมื่อวานก่อนราวฟ้ากับเหว

   สิตางค์มองภาพข้างหน้าด้วยความโล่งอก ขณะที่รอดรุณี เจ้าของบ้านที่ขมีขมันเตรียมเสบียงเพิ่มเติมแก่ปาร์ตี้ของกลุ่มที่เริ่มไปได้เพียงสองชั่วโมงเศษ   

   “ตอนแรกที่ได้ยินแกเล่าฉันคิดว่าเจ้านายแกต้องเป็นผู้หญิงมาดเคร่งขรึม ติสท์แตกหลุดโลกซะอีก ที่ไหนได้โคตรน่ารักเลย เฟรนลี่มากๆ  แถมยังหล่อซะด้วยผู้ชายแท้ๆยังอายเลยนะแก”

   “แกนี่ก็เว่อร์ไปละ แล้วก็ช่วยเปลี่ยนลักษณะนามใหม่ด้วยนะ หล่อน่ะมันใช้กับผู้ชายเว้ย”
   
   “แกจะให้ชมทอมว่าสวยเหรอ? มันก็ต้องหล่อซิว๊ะถึงจะถูก”

   “โน..ว์! เข้าใจซะใหม่นะ ถึงลุคจะใช่ แต่นางก็เป็นผู้หญิงเหมือนเราๆนี่แหละ”

   “นี่สตางค์แกบ้าหรือเปล่า..แกลองมองดูดีๆซิ ผู้หญิงบ้าอะไร ดูการแต่งตัวแบบนั้น ท่าทางยังดูกระโดกกระเดกเก้งก้าง ขนาดท่านั่งนางยังแมนเลย แถวบ้านฉันแบบนี้เนี่ยส่วนใหญ่จะมีเมียมากกว่ามีสามี”

   “เลอะเทอะ แกอย่า! ตัดสินคนจากภายนอกซิวะ ฉันอยู่กับเขาทุกวัน ไม่เห็นว่าคุณอลิซจะแตกต่างจากเราๆเลย ผู้หญิงบางคนก็เป็นแบบนี้ยังเห็นคบผู้ชายเป็นแฟนเยอะแยะไป”

   “แล้วแกเคยเห็นแฟนเขาแล้วเหรอ ถึงกล้ายืนยันขนาดนั้น?”

   “ก็..คุณภัทรไง”

   “ภัทรไหนวะ..ผู้ชายชื่อภัทรมีแค่คนเดียวในโลกหรือไง?”

   “คุณภัทร เจ้าของคาเฟบาเลสต้าที่แกเคยชวนฉันไปชิมเค้กที่ร้านเขาไงล่ะ”

   “อ๋อ..ห๊า!?! ชายในฝัน ที่ลงในนิตยสารไฮโซประเทศไทยไปน่ะเหรอ?”

   เจ้าของบ้านหน้าเหวอ ส่ายสายตาไปมองสาวห้าวที่นั่งจ้องหน้าจอและกำลังหัวเราะอย่างไม่เชื่อสายตา

   อะไรกันเนี่ย? ผู้หญิงแท้ๆอย่างเธอ ยังไม่มีผู้ชายที่ไหนมาเคียงข้างแม้แต่ชายตามาแลยังหายาก แต่สาวทอมบอยเจ้านายของสิตางค์นั่นซิทำไมถึงได้ผู้ชายเพียบพร้อมทั้งฐานะ หน้าตา การศึกษาแถมยังเป็นคนในฝันของสาวๆหลายๆคน ที่คิดอยากจับจองแต่ไม่มีโอกาส

   พระเจ้า..โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมซะเลย

   “แกอย่าบอกนะว่า..มันเป็นเรื่องจริง”

   แม้จะไม่บอกออกมาเป็นคำพูด แต่แววตาของเธอที่จ้องมองเพื่อนสาวแสดงออกได้ว่าชัดเจนว่า สิตางค์คงไม่พูดปดแน่นอน

   “เอ..หรือว่าเซ้นต์ของฉันมันเพี้ยนว๊ะ?”

   สิตางค์แอบอมยิ้มกับท่าทางของเพื่อน ดรุณีเกาศีรษะแกร๊กพร้อมกับทำหน้างงต่อหน้าเพื่อนสาว แม้สิ่งที่ดรุณีสงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อสิ่งที่ดรุณีสงสัยจะเป็นแค่เพียงแค่ความคิด เพราะ

   ความจริง..สาวหล่อที่ดรุณีสงสัยจะต้องกลายไปเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่ผู้เป็นตาเลือกในเร็วๆนี้

   
   งานเลี้ยงในคืนวันสุขของกลุ่มสวยดำเนินมาได้จนเริ่มเข้าวันใหม่ อาหารตรงหน้ารวมถึงน้ำสีเหลืองอัมพันที่เอริกานำมาก็หมดลง แต่ด้วยอารมณ์ความสนุกที่ยังคั่งค้าง เจนจิราจึงนำเสนอว็อดก้าขวดใสที่เธอเตรียมมาฉลองอย่างต่อเนื่อง

   “ขี้เมาจังนะนังเมรี” เอริกาแอบค้อนก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

   “แกจะไปไหนน่ะ?” เจนจิราถามเพื่อนที่กำลังจะเดินไปในครัว

   “ไปหยิบแก้วช็อต”

   “โถ่เอ๊ย! แกก็เมรีเหมือนกันหล่ะว้าแล้วทำเป็นมาว่าฉัน อย่าลืม!ฝานมะนาวและเอาเกลือป่นมาด้วย เร็วๆด้วย” เจนจิราหันไปค้อนกลับสาวร่างนุ้ยที่เดินเข้าไปในครัว ก่อนจะหันมาหาอลิซเบซที่นั่งขำกับการประทะคารมของสองสาวที่จบไป

   “คุณอลิซอย่าถือสาเลยนะคะ นี่เป็นการสนทนาพื้นฐานมากๆของกลุ่มเรา แล้วเราก็ไม่ใช่กลุ่มขี้เมานะคะ แต่คืนวันศุกร์แบบนี้เลยต้องหาจัดซะหน่อย”

   “ฉันคงอยู่ต่อไม่ได้นะ” สิตางค์รีบออกตัวก่อนที่จะได้รับแก้วใบเล็กที่เอริกากำลังจะส่งให้
   
   “อ้าว! ทำไมล่ะวันศุกร์ทั้งทีและนานๆจะครบกลุ่มน่าจะอยู่ฉลองกันก่อน” เอริกาที่เพิ่งเดินกลับมาส่งเสียงโวยวายพร้อมวางแก้วไว้ที่กลางโต๊ะที่ทุกคนนั่งล้อมวงอยู่

   “นั่นซิยังไม่อยากให้กลับกันเลยอยู่ต่ออีกแป๊บนึงเหอะนะ” เจนจิราพยายามรบเร้า

   “ก็อยากอยู่ต่อ แต่พรุ่งนี้มีเราต้องทำงานแต่เช้า ไว้โอกาสหน้านะเพื่อนๆ” สิตางค์ยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นและพยักหน้าให้ผู้ที่มาด้วยลุกโดยที่สามสาวที่ตามออกมาส่งหน้าบ้าน

   “เฮ้ย! แกเห็นหมีเหมือนฉันไหม?”

   “อะไรของแกว๊ะเจน? พูดออกมาได้นะ ทะลึ่งชะมัด” ดรุณีหันมาดุเจนจิราที่ตะโกนขึ้นมาเมื่อเดินมาส่งแขกทั้งสองไปที่รถ

   “ฉันไม่ได้ทะลึ่ง นั่นไง..แกไม่เห็นหมีหรือไง อยู่ข้างหลังรถน่ะ”

   “อ๋อ ตุ๊กตาหมี คุณอลิซ ปาเป้ามาได้น่ะ” สิตางค์ตอบหันไปมองคนที่เดินไปอยู่ฝั่งประตูคนขับของรถอย่างชื่นชม

   “มีเจ้าของหรือยังน้อ?” เจนจิราเอ่ยถามอย่างกำกวม เล่นเอาคนที่ฟังถึงกับเขิน และหันมาหาผู้จัดการส่วนตัวเหมือนจะขอร้องให้ช่วยตอบ

   “แกหมายถึงคนหรือตุ๊กตายะ..ถ้าตุ๊กตาน่ะ คุณอลิซเขายกให้ฉันแล้ว” สิตางค์เลือกที่จะตอบคำถามเพียงข้อเดียวและหันไปมองคนตรงข้ามที่ยืนยิ้มอยู่ ซึ่งอลิซเบซเองก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามตัดบท ก่อนที่จะสอดร่างเข้ารถและขับออกไป

   “ถ้าคุณเจนอยากได้ คราวหน้ามีโอกาสอีกจะเอามาฝากนะคะ”

   เมื่อสองสาวได้ร่ำลาก็รีบกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อจัดการกับว็อดก้าขวดใส ทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนอยู่ลำพังมองรถที่ขับออกไปจากตัวบ้านจนลับตาพร้อมกับข้อข้องใจที่ยังค้างคาอยู่ 

   จากประสบการณ์ที่ต้องคลุกคลีอยู่โรงเรียนหญิงล้วนมาสิบกว่าปีไม่น่าจะพลาดได้ ทั้งกริยา ท่าทางรวมถึงสายตาแปลกๆที่ผู้เป็นนายเลือกมองลูกน้องอย่างสิตางค์ สื่อให้คนนอกอย่างเธอรู้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เธอสงสัยมันถูกต้อง 

   ยกเว้น เรื่องที่สิตางค์จะบอกเธอ มันจะไม่ใช่ เรื่องจริง

   ดรุณีเก็บความสงสัยไว้ในใจ เดินตามเพื่อนสาวทั้งสองที่ตะโกนให้เธอรีบเข้าไปในบ้านเพื่อเริ่มการฉลองอีกครั้ง

   แต่อีกไม่นานหรอก เรื่องที่เธอสงสัยต้องได้รับการพิสูจน์ให้กระจ่างชัดด้วยตัวเธอเอง









   คุณพรพรรณยิ้มแย้มให้กับลูกชายที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร แต่งตัวด้วยเชิ๊ตสีขาว กางเกงสแลคสีเทา และเน็คไทสีแดง วางเสื้อสูทสีเดียวกับกางเกงไว้บนเก้าอี้ก่อนจะสอดร่างให้นั่งลงและรับประทานอาหารเช้าร่วมกับผู้เป็นแม่  แม้จะการแต่งตัวของภัทรจะเนี๊ยบเฉกเช่นทุกวัน แต่ความพิเศษมันอาจจะแตกต่างกว่าทุกวัน

   เพราะนี่คือการเริ่มต้นสานสัมพันธ์อย่างเป็นกับว่าที่ลูกสะไภ้ตามแผนของลูกชายของเธอยังไงล่ะ

   “ยิ้มอะไรครับ?”

   “นานๆทีจะได้เห็นแกใส่สูทผูกไทด์กะเขาบ้าง หล่อไม่เบาเลยนะลูกชายฉัน”

   “ต้องเข้าร่วมประชุมกับว่าที่ลูกสะไภ้ของแม่นี่ฮะ ก็ต้องสร้างจุดเด่นให้เขาสะดุดตาสักหน่อย” ภัทรยกกาแฟดำในแก้วเซรามิกขึ้นดื่ม ดูดเวลาและขอตัวออกไปยังสถานที่นัดหมาย โดยมีมารดาตามมาส่งที่หน้าประตูบ้าน

   “แกแน่ใจนะว่าจะไปเป็นตัวแทนของห้องเสื้อแม่ตามลำพัง?”

   “ครับ แค่ผู้หญิงคนเดียวผมจัดการได้ แม่เตรียมตัวไปตามนัดกับพวกคุณหญิงป้าเถอะครับ ขับรถดีๆนะ แล้วเย็นนี้ผมจะนำความคืบหน้ามาบอก”

   ภัทรบอกมารดาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขับบีเอ็มดับเบิ้ลยูเอ็กซ์ซิกส์สีดำออกไปจากคฤหาสน์หรู มุ่งตรงไปยังถนนลาดพร้าว สถานที่ที่ใช้ในประชุมของเช้าวันเสาร์กับการถ่ายแฟชั่นให้กับนิตยสารมาดามทูสโซในวันพุธหน้า

   สายตาของเขาสอดสายหาที่จอดรถในลานกว้างที่พอจะให้รถคันใหญ่แทรกเข้าไปได้เมื่อมาถึง และคงมีที่เดียวนั่นคือ ข้างต้นหูกวางใกล้ๆกับรถมินิคันสีดำตัดขาว

   ชายหนุ่มลงมาจากรถเมื่อถอยไปจอดได้ตามต้องการ มองรถที่จอดขนาบข้างด้วยความรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

   สายตาที่กำลังพิเคราะห์เหลือบไปเห็นสาวสวยที่กำลังเดินรี่ลงมาจากตึก สิตางค์ตรงมาที่รถข้างหน้า กดรีโมตเพื่อปลดล็อค หยิบเอกสารกองใหญ่ที่อยู่เบาะหลังและรีบกลับขึ้นไปบนอาคารทันที โดยไม่สังเกตเห็นคนที่ซ่อนกายอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

   ที่แท้ก็เป็นรถของผู้จัดการคนสวยของยัยน้ำแข็งนี่เอง

   ชายหนุ่มเผยกายหลังจากที่หญิงสาวลับตาไปแล้ว หันไปมองรถคันข้างๆ พร้อมกับความคิดบางอย่าง

   มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กดหาปลายสายและกรอกเสียงลงไปเพื่อสั่งการณ์
   
   “จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่ฉันกลับออกมาอีกครั้ง”

   ชายหนุ่มจะกดวางและหันกลับมามองรถคันเล็กด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเดินไปประชุมยังในอาคารตามที่ผู้เป็นแม่ได้นัดหมายไว้ให้แล้ว

   ท่าทางสง่างามของชายหนุ่มที่เดินเข้าไปในอาคารเป็นจุดสนใจให้หลายคนหันมอง เขาโปรยยิ้มให้โดยไม่เคอะเขิน และตรงเข้าสู่ห้องประชุมชั้นห้าของอาคารที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า

   สายตาของทุกคู่หันมามองผู้มาใหม่คล้ายเป็นจุดสนใจ ทีมงานในห้องยิ้มและกล่าวต้อนรับ เชื้อเชิญให้เขามานั่งใกล้ๆกับตากล้องสาวที่เลือกจะตีหน้าขรึมใส่ในขณะที่ทุกคนต่างยิ้มแย้มทักทาย

   “เอาล่ะค่ะ พี่ขอแนะนำคุณภัทร ตัวแทนจากห้องเสื้อวีว่าที่จะมาถ่ายแฟชั่นกันกับเราในธีมบิวตีฟูล เนเชอรอลค่ะ”

   “งานนี้เป็นงานของคุณแม่ครับ แต่บังเอิญช่วงนี้ท่านมีงานเยอะมาก ผมเลยอาสามาทำหน้าที่นี้แทน ยังไงมือใหม่อย่างผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านในที่นี้ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะหันมาจับจ้องกับคนข้างๆที่ตั้งใจเรียกชื่ออย่างจงใจ

   “ยินดีที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งนะครับคุณอลิซ”

   สาวหล่อหันมองคนข้างๆที่โค้งศีรษะและโปรยยิ้มให้ แต่ยังพยายามข่มความไม่พอใจไว้ในใบหน้าที่เรียบเฉยและนั่งประชุมร่วมกันกับทุกคนแม้จะรู้สึกอึดอัดจนแทบจะประทุออกมาจากอก

   ความไม่พอใจที่ซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉยจนไม่มีใครที่รู้สึกผิดสังเกตนอกจากผู้จัดการสาวที่นั่งอยู่ข้างๆกัน การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวันทำให้สิตางค์พอจะรับรู้ความรู้สึกของผู้เป็นนายได้ เธอมองภาพของคนทั้งคู่อยู่เงียบๆ รู้สึกเห็น และ รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เจ้านายของเธอรู้สึก แต่จะให้แสดงออกอย่างชัดเจนก็คงจะทำไม่ได้ในเมื่อเป็นรู้อยู่เต็มอก ว่านอกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวเธอยังต้องคนที่คอยสนับสนุนให้คนทั้งสองใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน

   คนที่อยู่ในสภาพน้ำท่วมปากอย่างเธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการใช้ภาษากายเพื่อเป็นการปลอบโยนจึงเป็นสิ่งที่เธอเลือกจะทำ

   หญิงสาวค่อยๆเลื่อนมือบางไปแตะเบาๆบนหน้าตักของสาวหล่อที่นั่งหน้านิ่งให้หันกลับมามอง                      พร้อมความห่วงใยผ่านทางสายตาให้สายตาจนเธอรู้สึกได้ มือของสาวหล่อไม่รอช้าเลื่อนเข้ากุมและกระชับความอบอุ่นจนแน่นเข้า รอยยิ้มบางๆถูกส่งให้คล้ายกับแสดงความขอบคุณคนที่อยู่ข้างๆที่แสดงความเข้าใจในสิ่งที่เธอรู้สึก

   และนี่คือ..กำลังใจที่สำคัญให้การประชุมที่แสนอึดอัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

   การประชุมสิ้นสุดลง สิตางค์รีบเก็บเอกสารไปพลางและเดินไปรออลิซเบซที่กำลังคุยกับโปรเจ็คเมเนเจอร์ของงานนี้เรื่องสถานที่ที่จะไปถ่ายทำอีกครั้ง ในขณะที่คนอื่นๆทะยอยกันลงลิฟต์โดยสารตัวใหญ่ไปยังชั้นล่างแล้ว
 
   “แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้รถบริษัทไปรับ”

   “ค่ะ แค่ไปเซอร์เวย์เอง พวกเราไปกันเองสะดวกกว่า อีกอย่างสตางค์เขาก็รู้จักเส้นทางดีอยู่แล้วด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ส่งจีพีเอสไปทางอีเมลล์ของหนูสตางค์อีกทีแล้วกันนะคะ แล้วพรุ่งนี้พบกันค่ะ” เมื่อสิ้นสุดการสนทนา สาวหล่อก็รีบเดินมาหาสาวร่างบางที่หอบเอกสารไว้ในอก รอเธออยู่ที่หน้าลิฟต์ ท่าทีของสิตางค์เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอแต่ก็ไม่กล้า

   “มีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่าคะ?”

   “คือ..ฉันอยากจะบอกว่า ฉันไม่ทราบมาก่อนนะคะว่าวันนี้คุณภัทรจะมาประชุมด้วย ฉันเพิ่งทราบรายละเอียดตอนที่เขาก้าวเข้ามาพร้อมๆกับคุณ”

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ทำไมเหรอคะ?”

   “ฉันกลัวคุณเข้าใจผิด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก”

   “ฉันรู้แล้วค่ะ แต่ไม่เห็นต้องแคร์ฉันมากขนาดนี้เลยนี่คะ” อลิซเบซยิ้มให้คนร่างเล็กที่พยายามหลบตาเมื่อถูกเธอจ้องมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

   “ไม่ได้หรอก ฉันจำเป็นต้องแคร์คุณนี่ ก็เราเป็น..”

   “เป็นอะไรเหรอคะ?” อลิซเบซถามซ้ำ จดจ่อกับคำตอบของคนร่างเล็กที่กำลังอ้ำอึ้ง สิตางค์เงยหน้าขึ้นสบตา

   เอายังไงดีนะจะเลือกบอกตามความคิด หรือสิ่งที่เธอควรจะตอบในสิ่งที่ควรจะบอกดี? แต่ยังไม่ทันจะได้พูดดังกล่าวออกไป ลิฟต์ตรงหน้าก็ดึงความสนใจของผู้เป็นนายจนไม่สนคำตอบที่เธอกำลังกล่าว

   ประตูลิฟต์ตรงหน้าเปิดออกพร้อมกับผู้คนที่กำลังโดยสารลงไปด้านล่างเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งสองดูลังเลที่จะก้าวเข้าไปข้างในร่วมกับผู้คนที่ยืนเบียดกันอย่างแออัด

   “ยังพอมีที่เหลือให้คุณค่ะ เข้ามาเถอะ” พนักงานคนหนึ่งตะโกนออกมา อลิซเบซหันก้มลงมองคนตัวเล็กที่เงยหน้าขึ้นสบตาก่อนจะฉวยมือสาวร่างบางอีกรอบให้เข้าไปข้างในพร้อมกัน

   เมื่อออกมาจากลิฟต์โดยสาร หญิงสาวกล่าวขอบคุณคนร่างสูงที่ยิ้มแทนคำตอบใดๆ ปล่อยมือที่ยังเกาะกุมให้เป็นอิสระและดึงเอกสารในอ้อมกอดของสิตางค์ไปช่วยถือ

   “คุณอยากไปไหนต่อไหมคะ?”

   “อืมม์ ฉันอยากไปดูหนังสักเรื่องนึง บิ้วอารมณ์ให้ดีๆก่อนทำงานพรุ่งนี้”

   “แล้วคุณอยากดูเรื่องอะไรล่ะคะ มีแพลนหรือยัง?”

   “ยังเลยค่ะ เอาไว้ไปดูโปรแกรมที่หน้าโรงหนังก่อนได้ไหมแล้วฉันจะบอกคุณ?”

   “งั้นก็ได้ค่ะ แต่ขอทานอะไรก่อนด้วยได้ไหมคะ พลังงานตอนเช้าของฉันเริ่มร่อยหรอแล้วล่ะ”

   “ได้ซิคะ” อลิซเบซยิ้ม เดินรี่ไปที่ประตูรถข้างหน้าและเตรียมจะเปิดให้สิตางค์ก้าวไปนั่ง แต่สาวหล่อกลับหยุดชะงักเมื่อมองเห็นความผิดปกติกับล้อหน้าด้านคนนั่งของรถมินิคันเล็ก ในขณะที่ร่างบางกลับรู้สึกประหลาดใจ เพราะตอนที่เธอลงมาเอาเอกสารที่ลืมไว้ รถของเธอยังอยู่ในสภาพปกติอยู่แท้ๆ

   “คุณมียางอะไหล่หรือเปล่า?”

   “มีค่ะ อยู่ที่ท้ายรถ”

   “งั้นช่วยเปิดรถหน่อยได้ไหม? เดี๋ยวฉันเปลี่ยนยางเอง แป๊บเดียวก็เสร็จค่ะ” สิตางค์พยักหน้า เดินอ้อมไปอีกด้านและกลับหยุดนิ่ง มองคนร่างสูงที่กำลังเดินไปรอที่ท้ายรถ

   “คุณอลิซคะ ล้อข้างคนขับก็แบนค่ะ”

   “คุณมียางอะไหล่กี่เส้นน่ะ?”

   “เส้นเดียวค่ะ”

   “งั้นเอาอย่างนี้คุณเข้าไปรอที่ข้างในก่อน ตอนขับรถมาฉันเห็นฝั่งตรงข้ามมีร้านยางอยู่ เขาน่าจะช่วยเราได้”

   “แต่ฉันไม่อยากให้คุณเดินไปคนเดียวนี่ ทางตั้งไกล ฝนก็จะตกด้วย”

   “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวจะรีบกลับมานะคะ” อลิซเบซบอกสิตางค์ ในที่อีกฝ่ายกลับพยักหน้ารับกับสิ่งที่ผู้เป็นนายสั่งถึงแม้เธอจะไม่อยากให้อลิซเบซเดินออกไปตามลำพังแต่ก็คงไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้

   แต่ก่อนที่อลิซเบซกำลังจะหันหลังและเดินออกมา ภัทร ที่เพิ่งเดินออกมาจากอาคารด้านหน้าตรงเข้ามาหายังจุดที่สาวทั้งสองยืนใกล้ๆ ณ จุดที่เขาจอดรถไว้
 
   “อ้าว ยังไม่กลับกันอีกเหรอครับ?” ชายหนุ่มมองสองสาวที่ยืนคุยกันก่อนหน้าอย่างประหลาดใจ

   “ยังค่ะ พอดีรถฉันยางแบนทั้งสองข้างเลย เราเลยออกไปไม่ได้”

   “แย่เลยนะครับ เอาแบบนี้เดี๋ยวผมโทรบอกอู่ประจำให้เอาไปจัดการให้ดีกว่าเสร็จแล้วผมจะให้เขาเอาไปส่งให้ที่บ้าน ส่วนพวกคุณอยากไปไหน เดี๋ยวผมไปส่งให้”

   “เราคงไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ เรื่องง่ายๆแค่นี้เองฉันจัดการเองได้ ขอบคุณมากค่ะ” อลิซเบซปฏิเสธทันควัน และเตรียมตัวจะเดินออกไปจากวงสนทนาที่มีชายที่เธอไม่ชอบขี้หน้ายืนอยู่

   “กว่าคุณจะเดินไปเรียกรถ ฝนคงตกพอดี พรุ่งนี้เราก็จะเริ่มงานกันแล้วด้วย ถ้าตากล้องป่วยอีกครั้งงานที่วางไว้ทั้งหมดก็ต้องยกเลิก คุณคงไม่อยากให้คนทั้งกองต้องมาเสียเวลาเพราะคุณเพียงคนเดียวใช่ไหม?” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ประโยคที่กล่าวมากลับประชดประชันสาวหล่อที่หันหน้ามามอง แต่คงไม่สามารถหยุดการกระทำใดๆ ทิฐิของอลิซเบซทำให้เธอหันหลังกลับและเดินต่อไปโดยไม่สนใจคำพูดของชายหนุ่ม

   “ขอโทษนะคะ ฉันขอลองดูอีกครั้ง” สิตางค์หันมาบอกชายหนุ่มก่อนจะวิ่งตามและคว้าข้อมือของร่างสูงที่กำลังเดินลิ่วไปข้าวหน้าได้ทัน

   “ใจเย็นๆนะคะคุณอลิซ ฉันว่าเราลองทำตามที่คุณภัทรบอกก็ดีเหมือนกันนะคะ”

   “ลองทำตาม? ทำไมต้องพึ่งผู้ชายคนนั้นด้วย ในเมื่อฉันก็สามารถจัดการปัญหาตรงหน้าด้วยตัวเองได้”

   “ ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้รับความช่วยเหลือจากเขา แต่ฝนเริ่มจะตกแล้วและฉันก็ห่วงคุณ ไม่อยากให้คุณไม่สบายทั้งๆที่เพิ่งหายดีเมื่อไม่กี่วัน” สิตางค์พยายามอ้อนวอนคนตรงหน้าหวังว่าเธอจะใจอ่อนและมันก็ได้ผล

   ให้ตายสิ เธอเกลียดสายตาแบบนี้ของคนร่างเล็กที่พร้อมจะทำให้เธอใจอ่อนทุกครั้งเลยซินะ

   “ก็ได้ งั้นคุณก็บอกให้เขาไปส่งที่ห้างใกล้ๆเท่านี้ก็พอ”

   “โอเคค่ะ” ร่างบางยิ้มให้เมื่อเจ้านายตอบตกลง เดินกลับพร้อมกัน ตรงไปยังจุดชายหนุ่มที่ยืนรอคำตอบ รวมถึงยอมรับการช่วยเหลือที่ฝ่ายชายเสนอตัวโดยไม่มีเงื่อนไข

   ภัทรทำหน้าที่ติดต่อประสานงานให้ จนรอจนรถลากมารับรถของสิตางค์ไปยังอู่ซ่อมรถจนเรียบร้อยแล้วจึงขับรถมาส่งสาวทั้งสองยังห้ามสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ สิตางค์เอ่ยคำขอบคุณและตามผู้เป็นนายที่เดินนำหน้าไปโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามองหรือแม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณด้วยซ้ำ

   ภัทรนั่งอยู่ในรถ มองผู้หญิงสองคนที่หันมาพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มที่เพิ่งจะลงจากรถไปด้วยกัน

   มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนทอมบอยตรงหน้า ให้กลายเป็นเจ้าสาวในเวลาไม่ถึงสามเดือน ท่าทาง               ของอลิซเบซในวันนี้ ยิ่งทำให้เขาไม่แน่ใจนักว่าจะเปลี่ยนใจสาวหล่อให้มารักผู้ชายอย่างเขาได้เลยสักนิด

   แม้จะพยายามวิธีที่แสนละมุนละม่อมหรือใช้ไม้แข็งกับสาวห้าว ท่าทีประชดประชันและคำพูดส่อเสียด ยิ่งทำให้เห็นภาพการต่อต้านที่ชัดเจนของเธอมากยิ่งขึ้น

   มันเป็นธรรมดา การอยู่เพียงลำพังในต่างแดนคงหล่อหลอมให้เด็กสาวเคยถูกมองว่าอ่อนแอและหวาดกลัวต่อทุกอย่าง สร้างเปลือกภายนอกให้ดูแข็งกร้าว และเย็นชา ไม่แคร์สิ่งใดๆ อลิซเบซเลือกที่จะพึ่งพาแต่ตัวเอง โดยที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครหน้าไหนทั้งนั้น จนใครๆที่ได้สัมผัสตัวตน ของเธอต่างเรียกเธอว่า เจ้าหญิงน้ำแข็ง กันทั้งสิ้น

   แต่น่าแปลกที่เธอกลับมีท่าทีโอนอ่อนและผ่อนตาม ให้แก่ สิตางค์  บุคคลที่สร้างความอัศจรรย์ให้เขาอย่างประหลาด แค่เพียงคำพูดไม่กี่คำ และ แววตาที่เธอมองว่าที่ภรรยาของเขาเพียงไม่กี่วินาทีกลับทำให้คนที่แข็งกระด้างอ่อนโยนได้ในพริบตา

   จากตอนแรกที่มองไม่เห็นช่องทางการเอาชนะสาวหล่อแต่เมื่อได้สังเกตความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มาสักระยะ

   ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีชัย..ในที่สุดก็มีแสงปลายอุโมงค์ส่องลงมาให้เห็นทางออก

   หากไม่สามารถเปลี่ยนใจอลิซเบซได้ด้วยตัวเอง

   เห็นทีงานนี้คงหลีกเลี่ยงที่จะดึงสาวน้อยตาโตข้างกาย มาเป็นหมากตัวสำคัญที่จะทำให้ข้อแลกเปลี่ยนกับการแต่งงานของเขาและเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.