web stats

ข่าว

 


Angels & Devils_S4 - บทที่ 1 The Catcher (1)

โพสต์โดย: anhann วันที่: 15 พฤศจิกายน 2017 เวลา 22:29:32 อ่าน: 188



บทที่ 1 The Catcher (1)





เบลคใจหายวาบ  นึกว่าจะร่วงลงไปจากกำแพงหินผุๆ ที่ปีนขึ้นมาถ่ายรูปนี่แล้ว  หากมือวิเศษของใครบางคนที่เธอคิดว่ารู้ว่าใครมาดึงคอเสื้อด้านหลังเอาไว้ก่อน  เหลียวใบหน้ามายิ้มแหยๆ ให้เจ้าของมือนั้น  เฟทก็ทำหน้าดุใส่เธอเสียนี่  แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสักเท่าไหร่หรอก

"ฉันจะไม่บอกออเดรย์หรอกนะ  ว่าเธอซนขนาดนี้"  เฟทพูด  พลางกระโดดลงไปบนพื้นข้างล่างก่อน  และส่งมือมาให้เด็กสาวที่ซนจนเกือบจะได้เรื่อง  เบลคไม่ยอมรับมันตามคาด  เธอจึงต้องพาตัวเข้าไปรับร่างที่ไม่ได้สูงน้อยกว่ากันเท่าไหร่นั้นไว้  เมื่อเห็นอีกฝ่ายเซถลาหน้าจะทิ่ม

"ตัวหนักขึ้นหรือเปล่า"

เบลคสะดุ้ง  รีบผละออกมาจากอ้อมแขนของเทวทูตรูปงาม  กลิ่นจากกายของเฟทยังเชื้อเชิญเธอได้เสมอ  หลักๆ แล้วที่เธอไม่ชอบเขาก็คงเพราะแบบนี้แหละ  อันที่จริงเธอควรจะเกลียดตัวเองมากกว่าสินะ

"ออเดรย์อยากให้เธอกลับบ้านละ"  เฟทบอก  พยักหน้าชวนให้แขกพิเศษของคฤหาสน์เดินตามกันไปบนทางเดินอิฐสีขาวที่ประกาศความเก่าครึของมันแทบทุกก้อน 

"แล้วฉันกลับได้?"  เบลคย้อน  เฟทเลิกคิ้ว  ดูจากแววตาแล้วก็เห็นคำตอบโดยที่ไม่ต้องพูด  "สรุปว่าที่นั่นมีอะไร  ทำไมฉันยังกลับไม่ได้"

"อยู่เป็นเพื่อนเบย์ลีส์ก่อนเถอะนะ"  เฟทพูด  ดูเหมือนเบลคจะได้คำตอบที่สองมาแล้ว  เธอไม่อยากมองดวงตาคู่นี้เลย  ให้ตายสิ!

"แล้วทำไมคุณไม่อยู่เองล่ะ"  เบลคถาม  สรรพนามเปลี่ยนไปเป็นการแสดงความเคารพมากขึ้น  ถึงจะรู้ว่าเฟทไม่ถือสา  หากเธอก็ควรทำ  เมื่อเราไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนก่อนแล้ว

"ก็ไปๆ มาๆ ไงคะ"

เอาอีกแล้ว  จะตอบดีๆ แบบคนอื่นเขาไม่ได้เลยหรือไงนะ

"แล้วคุณไปดูภรรยาคุณมาหรือยัง  เธอไม่ค่อยสบายนะ  ท่าทางจะแพ้อากาศ  หรือไม่ก็อ่อนเพลีย"

"กำลังไป  แต่เห็นเธอก่อน"  เฟทพูดแค่นั้น  แต่เบลคก็รู้แล้วว่ามันหมายความว่ายังไง  ใจหนึ่งก็ดีใจ  อีกใจก็ไม่ชอบ  ไม่ชอบที่ต้องให้เทวทูตคอยช่วยเหลือดูแลอยู่ร่ำไป

"งั้นก็ไปเถอะ  เธอคงรอคุณอยู่"  เธอพูด  เฟทมองตาเธอคล้ายจะให้แน่ใจว่าเธอต้องการแบบนั้นจริง  สองนาทีต่อมาเบื้องหน้าของเธอก็ไม่มีร่างสูงเพรียวของเทวทูตรูปงามอยู่แล้ว

เบลคยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเธอรู้สึกหนาว  รู้สึกว่าลมหายใจของเธอกลายเป็นไอ  เธอจึงตัดสินใจวิ่งเข้าบ้านโอซัลลิแวนซึ่งที่จริงควรจะถูกเรียกว่า 'ปราสาท' มากกว่า

........................................

เบย์ลีส์กำลังเบื่อแสนเบื่อ  เธอคิดว่ามันอาจเป็นผลข้างเคียงของการตั้งครรภ์นี่แหละ  เธอเพิ่งเสียพ่อผู้ซึ่งเป็นญาติสนิทที่สุดในครอบครัวไปเมื่อสองวันที่แล้ว  แน่นอนว่าเธอเศร้ามาก  เศร้าสุดๆ  แต่มันกลับหายไปเร็วเกินกว่าที่เธอคาด  ความรู้สึกสูญเสียนั้นมันดูจะรุนแรงน้อยไปหน่อยจนเธอรู้สึกเหมือนตัวเองจิตใจไม่ปกติ  หรือเพราะเธอกับพ่อห่างเหินกันมานานมาก  นานจนความผูกพันแทบจะไม่มีแล้ว 

บ้านกว้างใหญ่หลังนี้ก็ดูไม่เหมือนบ้านเลย  จริงๆ เธอก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นบ้านมาตั้งแต่ก่อนเธอจะหนีไปอยู่อเมริกาแล้วละ  มันใหญ่โตเกินไปจนความอบอุ่นแทบไม่มี  แม้ว่าภายในห้องนอน  ห้องนั่งเล่น  ห้องอาหาร  จะมีการเปิดเครื่องทำความร้อนยามอากาศหนาวเวลาเธอเข้ามาใช้อยู่เสมอ  เธอก็ไม่รู้สึกว่ามันอุ่นอะไร  อาจเพราะความหนาวยะเยือกนั้นมันเกิดขึ้นจากข้างในหัวใจของเธอ  หัวใจของเธอขาดความอบอุ่นมาตลอด

จนกระทั่งวันนั้น...วันที่ได้เจอกับแสงสว่างของเทวทูตองค์นั้น

"ทำไมเธอถึงชื่อ  เฟท"  ครั้งหนึ่งเธอเคยถามเฟท  และได้คำตอบมาแบบที่ทำให้ตกใจหน่อยๆ  เฟทบอกว่าเพราะมันเป็นชื่อของเจ้าของร่างซึ่งเขาใช้อยู่  ไม่ใช่ชื่อจริง  เธอได้รู้ชื่อที่แท้จริงของเฟทก่อนเขาหายไปครั้งนั้น  ครั้งที่หายไปนานมาก  นานจนเธอเหนื่อยจะรอ  หนาวเกินไปที่จะรอ  แล้วไปคว้าหาความอบอุ่นใหม่มากอดแทน  ซึ่งมันก็ไม่ได้อุ่นอะไรเท่าไหร่  ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียความอุ่นที่ใจเธอต้องการนั้นไปนั่นเลย  สาบานเลยว่าเธอไม่คิดแล้วว่าเฟทจะกลับมาหาเธอ  มารับเธอกลับไปเป็นคนรักของเขาอีกครั้ง  เป็นแม่ของลูกด้วย  ทุกวันนี้เธอยังคิดว่าตัวเองฝันอยู่...

"ตัวร้อนหน่อยๆ เหมือนกันนะคะ"

เบย์ลีส์ปรือตามองมือเย็นๆ แต่ทำให้อุ่นใจอย่างน่าประหลาดบนหน้าผากตัวเอง  เฟทยิ้มให้  หากแววตาเป็นกังวล  เธอจึงยกมือขึ้นหยิกแก้มนุ่มๆ ใสๆ ไปหนึ่งที  เทวทูตจอมทะเล้นจึงกลับมายิ้มแย้มได้แบบเดิม  อย่างที่เธออยากหยิกตัวเองเหมือนกันว่าไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม  แต่ถ้าเธอฝัน  มันคงประหลาดมาก  เพราะเฟทกำลังให้เธออมปรอทวัดไข้อย่างหมอแน่ะ

"โอเค  ไม่ถึงขนาดต้องกินยา"  เฟทพูด  ฟังดูเหมือนหมอจริงๆ

"เพิ่งรู้ว่าเรียนจบแพทย์มาจากออกซ์ฟอร์ด"  เบย์ลีส์แซว  เฟทยิ้ม  หันไปเก็บของอย่างคล่องแคล่ว  ไม่เหมือนเป็นเทวดาเลย  มองเพลินจนเกือบลืมว่าเบื่อจะเป็นจะตายเมื่อกี้

"นึกว่าจะยังไม่กลับวันนี้"  เธอพูด  แล้วตอบรับจูบทักทายอ่อนโยนบนริมฝีปาก  จูบเบาๆ แต่อ้อยอิ่งอยู่นานกว่าเฟทจะลงมานอนข้างๆ

"กลับสิคะ  ก็เธออยู่ที่นี่  ฟินน์ด้วย"  เฟทว่า  ลูบครรภ์สี่เดือนของภรรยาอย่างถนอม  เบย์ลีส์ขยับตัวเข้ามาซุกในอ้อมแขนของเธอราวกับเด็กขาดความอบอุ่น  ริมฝีปากอุ่นจนเกือบร้อนแตะซอกคอเธอ  เธอจึงจูบศีรษะ  พลางลูบไหล่คนตัวเล็ก  "นอนต่อเถอะ  ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ"

"เบื่อมาก  ไม่อยากนอนเลย  แต่มันเหนื่อย  ไม่เคยเหนื่อยแบบนี้เลยนะ  ฉันว่าฟินน์คงจะสูบเลือดสูบเนื้อฉันอยู่ข้างในนี้แน่ๆ"

"เบย์คะ  ลูกไม่ใช่ผีดิบหรืออสูรกายนะ"

เบย์ลีส์ยิ้มให้กับน้ำเสียงขำขันนั้น  พลางลูบต้นคอเจ้าของมันอย่างเพลิดเพลิน  เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก  และคิดว่าเฟทก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน

"เจอเบลคหรือเปล่า  เขาทำอะไรอยู่"

"ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อยค่ะ  แต่ป่านนี้คงเข้ามาแล้วละ  อากาศเริ่มเย็นขึ้น  มันมืดแล้วด้วย"

"เหรอ  ฉันอยู่ในนี้แทบไม่รู้เลยว่ามืดหรือสว่าง"

"ช่วงนี้ที่นี่พระอาทิตย์ตกตอนสองทุ่มค่ะ  ที่รัก"  เฟทอธิบาย  เข้าใจว่าคนที่จากบ้านไปนานอาจจะลืมมันไป  แต่เบย์ลีส์ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้ารับอยู่กับอกของเธอ  ดูท่าทางจะเหนื่อยจริงๆ 

"หลับดีกว่าค่ะ  แล้วฉันจะหลับด้วยนะ  ตกลงไหม"

"ก็ดี  แต่เธอกินอะไรมาหรือยัง"  เบย์ลีส์ถาม  ทั้งที่เสียงในตอนนี้ฟังอู้อี้เต็มทีแล้ว  เธอเปิดเปลือกตาหนักๆ ขึ้นมองเจ้าของความอบอุ่นและแสงสว่างในหัวใจของเธอ

"เรียบร้อยแล้วค่ะ  อิ่มแปล้เลย  ดูพุงฉันสิ  จะแข่งกับเธอแล้วนะ"

"บ้า"  เฟทแกล้งทำหน้าตาจุกเมื่อเธอชกหน้าท้องแบนๆ ของเขาที่ถกเสื้อขึ้นให้ดูอย่างไม่รู้จักอาย  จะอายทำไมล่ะ  กล้ามเป็นลอนขนาดนี้

"โอเค  นอนได้แล้ว  ว่าที่คุณแม่"

เบย์ลีส์อยากจะแย้ง  แต่เธอเลือกเก็บแรงไว้ดีกว่า  แล้วเธอก็ได้จูบราตรีสวัสดิ์ (หรือคงเป็นอย่างนั้น  แม้คุณจะหลับตอนสองทุ่มในไอร์แลนด์)  จากเทวทูตผู้อบอุ่นที่สุดในโลกสำหรับเธอ  เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อตื่นขึ้นมาจะเจอเฟทหรือเปล่า  เทวทูตส่งสารจะมีธุระไปที่อื่นหรือไม่  ทว่าเธอมั่นใจอย่างดื้อรั้นว่า  เฟทจะกลับมาในเวลาที่เธอต้องการแน่นอน

..........................................................

เคซีย์ผลักประตูไม้สีเขียวขี้ม้ามีช่องกระจกด้านบนให้คนข้างในส่องคนข้างนอกและคนข้างนอกส่องคนข้างใน  เข้ามาในร้านขายเครื่องดื่มที่เน้นขายชาสมุนไพรเป็นหลัก  มันถูกตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศสแบบที่ใครๆ อาจหลงเข้าใจผิดได้ว่าเจ้าของส่งตรงมาจากเมืองน้ำหอมนั้น  แต่จริงๆ แล้วมันเลิศเสียยิ่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า  ยกเว้นว่าพวกเขาจะมีอคติกับชาวสวรรค์

"ฉันไม่มีชาที่ทำให้คนรักกัน  เชิญไปที่อื่น" 

เสียงไม่เป็นมิตรเอ่ยขึ้นมาในความเงียบสงบของร้านซึ่งมีแขกนั่งกันอยู่ไม่กี่โต๊ะ  แต่ละโต๊ะมีแขกคนเดียวและทุกคนมีหนังสือในมือ  แตกต่างจากร้านของเธอสุดๆ  ดูเหมือนว่าถ้าใครทำเสียงดังที่นี่ละก็  จะเสียมารยาทมากๆ  คงจะโดนมองอย่างเหยียดหยามแน่นอน  เจ้าของร้านแหละตัวดี

"เอาชามะลิธรรมดา  ชาอังกฤษก็ได้  ไม่เกี่ยง"  เคซีย์พูด  ยักคิ้วให้คนตัวสูงด้านหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน  เอวาส่งสายตาเย็นชากลับมา  แต่มันทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว 

แขนผอมๆ ยกขึ้นเท้าเคาน์เตอร์  นัยน์ตาสีนิลมองไปรอบๆ ร้านอย่างสนใจ  เธอไม่ค่อยมาที่นี่แม้มันจะเปิดมาหลายปีจนเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นต้องเปลี่ยนใหม่  และต้องซ่อมแซมบางจุดแล้ว  นั่นเพราะเจ้าของร้านเองก็ไม่ค่อยจะโผล่มาเหมือนกัน

"นี่ถ้าร้านไม่สวยขนาดนี้  คงเจ๊งไปนานละ"

"มาทางไหน  กลับไปทางนั้นเลย  เคซีย์"  เอวาไล่  ท่าทางไม่จริงจังทำให้เคซีย์เดินร่อนเข้าไปด้านใน  และเชิญตัวเองนั่งลงตรงโต๊ะในมุมส่วนตัวที่ยังไม่มีใครจับจอง  ข้างโต๊ะมีตู้หนังสือ  มีกระดาษแผ่นเท่าป้ายราคาสินค้าแปะไว้ว่า 'อ่านฟรี  แต่ห้ามนำกลับหรือทำให้เสียหาย'  อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แขกในร้านอ่านหนังสือกันทุกคน  แล้วเธอก็หยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มโดยไม่ได้ดูหน้าปกหรือสนใจว่ามันเป็นเรื่องอะไร

" 'The Catcher in the Rye' ยายเด็กเพี้ยนบ้านไอเซนเบิร์กมาทีไรก็ต้องหยิบเรื่องนี้มาอ่านทุกที  ไม่รู้ทำไม  จริงๆ น่าจะอ่านพวกตำนานเก่าๆ คร่ำครึมากกว่านะ  ว่าไหม" 

เคซีย์พยักหน้าเห็นด้วยกับเสียงคุ้นหูของเจ้าของร้านที่กำลังรินชาจากกาเซรามิกสไตล์ฝรั่งเศสให้  ขณะที่ดวงตาเธอติดอยู่กับหนังสืออย่างสนใจ  ผงกศีรษะขอบคุณให้เอวาซึ่งเลื่อนถ้วยชามาให้ตรงหน้า  รอจนร่างผอมสูงนั่งลงบนเก้าอี้เบื้องหน้าแล้วจึงเอ่ยพูด  "เจอหมอนั่นบ้างไหม" 

เอวาเหลือบตาขึ้นมองคนถามจากริมถ้วยชาของตนเองที่ยกดื่มอยู่  กลืนชามะลิจากประเทศจีนแต่เสิร์ฟด้วยเครื่องเซรามิกสไตล์ฝรั่งเศสลงคอ

"ฉันว่า  เธอถามผิดคนแล้วละ"

คิวปิดฮัมรับเบาๆ เห็นด้วยกับผู้เฝ้าดู  เธอก็แค่หวังลมๆ แล้งๆ ว่า  ใครบางคนที่เธอช่วยเหลือมาตลอดจะเห็นแก่มันบ้าง  และปรับปรุงตัวเอง

"อีแบบนี้  เรื่องที่เมียจะยอมคืนดี  ลืมไปได้เลย"

"ไม่แน่หรอก  บางที  วิธีนั้นอาจได้ผลมากกว่าก็ได้"

เอวาทำหน้าตาคล้ายไม่อยากจะเห็นด้วย  ผู้เฝ้าดูวางถ้วยชาลงใส่จานรอง  เสยผมที่ตอนนี้สีน้ำตาลประกายแดงไปแล้วด้วยการย้อม  ท่าทางเซ็งๆ แบบนี้ก็ทำให้เคซีย์คิดคำพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน  ใจหนึ่งก็อยากจะเรียกเฟทกลับมาจากไอร์แลนด์เสียตอนนี้  แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรจะไปแยกน้องมาจากครอบครัว  ที่นี่ยังเงียบสงบ  ยังเงียบอยู่หลังจากอินคิวบัสวิ่งหนีลูกธนูไฟของเธอหางจุกก้นไป

"แล้วเธอไม่คิดจะไปเจอเมเดอลินบ้างเหรอ  ได้คุยกันบ้างไหม"

"ไม่อะ  ไม่รู้จะคุยอะไร  หล่อนเองก็ไม่ได้ทำท่าเหมือนอยากจะคุยกับฉันเท่าไหร่  และเธอก็รู้ว่า  มันไร้สาระขนาดไหน  ถ้าฉันที่อยู่มาเป็นพันปี  จะมาไล่ตามง้องอนปีศาจอายุร้อยเศษๆ นั่น  ใครอยากทำก็ทำไปเถอะ"

"ก็จริง  แต่แน่ใจนะว่ามันดีแล้ว  ไม่คิดถึงหล่อนบ้างหรือไง"

"มันก็เงียบๆ ไปนั่นแหละ  แต่ถ้าเธอสังเกตนะ  ยายนั่นประหลาดไปตั้งแต่เรื่องแม่แล้วละ"

"อือ  ดูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง"

"ไม่  นี่แหละตัวจริงของหล่อนละ"

"เธอจะบอกว่า  ที่ผ่านมาเมเดอลินแกล้งทำเป็นกระตือรือร้นสดใสแบบเด็กสาวน่ะเหรอ"

"หล่อนก็เป็นเด็กสาวนั่นแหละ  แต่ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ  มันก็..."

"ทำโอเว่อร์เข้าไว้  เพื่อปิดบังความโศกเศร้าในใจ  ใช่มะ"

เอวาเดาะลิ้น  "จะว่าอย่างนั้นก็ได้  อีกอย่าง  หล่อนก็ไม่ค่อยชอบที่ตัวเองเป็นแบบนั้นหรอก  แบบ...ซัคคิวบัส  อะไรนั่นน่ะ"

"เหรอ  ฉันนึกว่า..."

"ไม่หรอก  หล่อนบอกกับฉันว่า  หล่อนไม่ชอบมัน  ไม่ชอบหาเหยื่อ  แต่ต้องทำ  เธอก็รู้นี่ว่า  การขาดอาหารสำหรับซัคคิวบัสมันทรมานแค่ไหน  และถ้าปล่อยให้หิวมากๆ  หล่อนก็มีสิทธิ์ฆ่าคนได้ตลอดเวลา"

"ก็เหมือนตอนที่เธอเจอหล่อนครั้งแรก"  เคซีย์เท้าความ 

เอวาฮัมรับ  หยิบถ้วยชาขึ้นจิบอีกอึก  เคซีย์ทำตาม  "นี่แปลว่า  นางไม่ได้โผล่ไปบ้านเบนเนตเลยหรือ  เธอถึงต้องถ่อมาหาฉันที่นี่"

"ไม่อะ  ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีที่ไม่เห็นหน้านาง  แต่ที่รู้แน่ๆ  คือมันประหลาด  นางจะล้มเลิกการมาง้อมีอาแล้วหรือ"

"เธอยังรู้สึกถึงพลังงานปีศาจรอบบ้านหลังนั้นอยู่หรือเปล่าล่ะ  ถ้ายังมีละก็  ก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ"

"นั่นสินะ"  เคซีย์พึมพำ  เหลือบตามองโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะที่ส่งเสียงเตือนข้อความเข้า  พลางหยิบมันขึ้นมาดู

"โดนมนุษย์ตามตัวแล้วสิ"

"อืมม์"  คิวปิดตอบ  ยกชาขึ้นเป่าและจิบอึกใหญ่  ก่อนลุกขึ้นยืน  เอวาไม่ได้ลุกตาม  เพียงส่งเสียงไล่หลัง

"รอให้เขาโผล่มาเองดีกว่านะ  เคซีย์  หมอนั่นจะต้องกลับมาแน่ๆ"

เคซีย์เหลียวกลับไปมองเพื่อน  ซึ่งที่จริงควรจะเรียกว่าเป็นพี่สาวของเธอมากกว่า  แล้วก็ยกมือขึ้นจดหางคิ้ว  ตะเบ๊ะให้เอวาที่ทำท่าคล้ายจะลุกขึ้นมาไล่เตะก้นเธอ  ถ้าไม่รีบออกไปจากร้านชาอันเงียบสงบนี้เร็วๆ


.................................


เอาไปครึ่งตอนก่อนละกันวันนี้  เผื่อจะมีคนอยากเจอ   :20:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

16 พฤศจิกายน 2017 เวลา 11:41:41
มันยังมีเรื่องชวนปวดหัวให้ติดตามต่อไป เหล่าเทวากับซานตาเฟ่
แสดงความคิดเห็น