web stats

ข่าว

 


Photograph - บทที่ 1 In Between

โพสต์โดย: anhann วันที่: 11 เมษายน 2019 เวลา 22:30:18 อ่าน: 93






บทที่ 1 In Between







สองทุ่มเกือบครึ่ง  ไมลส์กลับถึงบ้าน  เธอล้วงกุญแจบ้านออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ต  พลางชะโงกมองหารถบรูค  เธอเจอฮอนด้าซีวิคของพี่จอดอยู่ในโรงรถ  แน่ละ  บรูคเข้ากะเช้า  ป่านนี้ก็ต้องกลับบ้านแล้วสิ  และตอนนี้ก็อาจจะกำลังรอเฉ่งเธออยู่  พี่จะต้องพูดเรื่องเรียนต่ออีกแน่ๆ  ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากกลับเข้าบ้านมากกว่าไปเดินเตร่ที่อื่น  กลางคืนมันหนาวมากนะ

"เฮ้  กินอะไรมาหรือยัง"  บรูคถาม  เสียงดังมาทั้งที่ตัวยังอยู่ในครัว 

ไมลส์แขวนเสื้อโค้ต  ถอดหมวกไหมพรมออกพร้อมผ้าพันคอ  เดินมาหาพี่สาวที่ยืนอยู่หน้าเตา  บรูคกำลังทำอะไรสักอย่างที่กลิ่นหอมใช้ได้

"แกงกะหรี่  สนใจไหม"  ว่าที่คุณหมอบอก  น้ำเสียงเชิญชวน  "ถ้าจะกินก็ไปล้างมือ  และมาช่วยพี่จัดโต๊ะ"

ไมลส์ไม่ตอบ  แต่ทำตาม  เธอกินฮอตดอกกับมินนีตอนหกโมงเย็น  ตอนนี้มันย่อยหมดเกลี้ยงแล้ว 

"เอาถั่วแดงให้พี่หน่อย"  บรูคว่า  ไมลส์ยกถั่วแดงให้เธอทั้งกระป๋อง  เธอรับมันมาและเปิดเอง  มองน้องที่ตักข้าวใส่จานให้เราทั้งคู่เงียบๆ  บางทีเธอก็รู้สึกห่างเหินกับน้องทั้งที่อยู่ด้วยกันทุกวัน

"วันนี้เป็นไงบ้าง"

"ก็ดี"  ไมลส์ตอบ  ตักข้าวเข้าปากคำโต  บรูคทำแกงกะหรี่อร่อย

"แล้ว... เอ่อ  ภาษาญี่ปุ่นล่ะ"  บรูคถามเลี่ยงๆ  ที่จริงอยากพูดถึงเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัยของน้องมากกว่า  แต่มันคงดีกว่าถ้าจะไม่ทะเลาะกับไมลส์ตอนกินมื้อเย็นด้วยกัน

"ฉันแค่หัดเขียนเล่นเฉยๆ  ไม่ได้จะเรียนจริงจัง  แต่ถ้าได้ก็ดี"  ไมลส์ตอบพร้อมยักไหล่  "แล้วพี่ล่ะ  โรงพยาบาลน่าเบื่อไหม"

"ก็ไม่ถึงกับแย่"  บรูคตอบ  ดีใจที่น้องยังสนใจเธอ  "ถ้าได้เป็นหมอจริงๆ แล้วคงจะเหนื่อยน้อยกว่านี้  ไม่รู้สิ  แล้วที่ร้านหนังสือเป็นไง"

"ก็เหมือนเดิม"  ไมลส์ตอบ  แล้วนึกขึ้นได้  "ฉันเจอผู้หญิงแปลกๆ  แต่ช่างมันเถอะ  คงไม่มาอีกแล้วละ"

"ใครเหรอ"

"พี่ไม่รู้จักหรอก  ไม่สิ  พี่คงรู้จักแหละ  ใครๆ ก็คงรู้จัก" 

"เออ  แล้วมันใครกันล่ะ  พูดแบบนี้ทั้งวันฉันก็ไม่รู้หรอก"

"ช่างเหอะ  ฉันอิ่มแล้ว  ล้างจานแล้วเข้าห้องเลยนะ"

"ไม่ดูหนังกับพี่เหรอ  วันนี้เนตฟลิกซ์มีเรื่องที่เธอชอบนะ"  บรูคถามอย่างมีความหวัง  เห็นไมลส์ลังเล  เธอก็เกือบจะดีใจ  แต่ยายน้องจอมมึนก็ส่ายหัว  ข้าวแกงกะหรี่ของเธอก็อร่อยน้อยลง

"ถ้าอยากดูจะออกมา"  ไมลส์พูด  คว่ำจานที่ล้างเสร็จแล้วใส่เครื่อง  เช็ดมือกับเสื้อ  เดินมากอดคอบรูคและจูบแก้ม  "ขอบคุณสำหรับอาหาร"

"เธอเป็นน้องฉันนี่"  บรูคพูดไล่หลัง  ไมลส์หันกลับมา  ทำท่ายิงปืนใส่เธอแล้วหัวเราะก่อนจะหายตัวไป  หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ  บางทีเธออาจคิดมากไปก็ได้  ไมลส์ไม่เป็นอะไรหรอก

...............................................

ไมลส์เดินเข้าห้อง  ถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกโยนใส่ตะกร้า  ใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงินแทน  แปรงฟันและหยิบหนังสือมานอนอ่านบนเตียง  เหยียดแขนขาให้สบาย  จะว่าทำงานแบบเธอไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่  งานของเธอเป็นงานใช้แรงงานและดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเกียรตินัก 

ใครสนกันล่ะ  เธอได้เงิน  แล้วมันก็ไม่ใช่งานไม่ดีสักหน่อย  มันก็แค่ไม่ใช่งานที่เธออยากทำจริงๆ  แล้วก็...

ไมลส์ผุดลุกขึ้นมานั่ง  มองลิ้นชักตู้ตั้งโคมไฟ  วางหนังสือการ์ตูนลง  ดึงลิ้นชักเปิด  สมุดบันทึกของเธออยู่ในนั้น  เธอหยิบมันออกมาเปิด  มือเธอสั่นน้อยๆ ขณะหยิบภาพที่สอดไว้ขึ้นมาดู  มันเป็นรูปครอบครัว  พ่อแม่  บรูคและเธอ  ครอบครัวของเธอ

ไม่มีอีกแล้ว  เราไม่สามารถถ่ายภาพแบบนี้ด้วยกันได้อีกแล้ว...

ไมลส์ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าตัวเองอย่างเคืองๆ  เธอตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว  ต่อให้ร้องดังแค่ไหน  พ่อกับแม่ก็คงไม่กลับมา  เก็บภาพใส่สมุดเหมือนเดิม  เธอกำลังจะยัดมันกลับลิ้นชัก  แต่รูปอีกบานก็ร่วงลงมา 

เธอเก็บมันขึ้นมาดู  เลิกคิ้วแปลกใจเพราะลืมไปแล้วว่าถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่เธอไม่ได้ลืมว่าคนในภาพเป็นใคร

"เธอไม่อยากรู้จักคนขี้แพ้อย่างฉันหรอก  ฉันไม่มีอะไรที่ควรสนใจ  ฉันเป็นแค่เด็กจูงหมา  พนักงานร้านหนังสือ  พี่เลี้ยงเด็ก  นั่นแหละ  ฉันละ  ไมลส์  คูเปอร์"  ไมลส์พูด  ยกรูปขึ้นแตะริมฝีปาก  เก็บมันเข้าสมุด  ยัดใส่ลิ้นชักไว้ใต้ของชิ้นอื่น  กระแทกปิดมัน  คว้าตุ๊กตาหมีเน่าจากเตียงออกไปหาพี่สาวในห้องนั่งเล่น  บรูคยิ้มรับเธออยู่ตรงนั้น

................................................

ไมลส์ส่งเจ้าคลาวด์เข้าบ้านเป็นตัวสุดท้ายเหมือนทุกวัน  มันจะไม่ยอมให้เธอกลับ  จะต้องตามมางับชายเสื้อเธอดึงไว้ตลอด 

"ไม่  เข้าบ้านไปเลย  คลาวด์"  เธอดุ  แต่เจ้าหมีขาวไม่เคยกลัว  มันยังมองเธอด้วยดวงตาสีน้ำตาลแป๋วแหวว  น่าสงสาร  "กลับเข้าบ้านไป"

"มันชอบเธอมากกว่าฉันอีกนะ  ยายหนู" 

"ไม่หรอกค่ะ  คุณคลากส์  แค่มันอยากจะไปเที่ยวเท่านั้นแหละ"  ไมลส์ตอบ  ดันคลาวด์เข้าบ้าน  คุณคลากส์ที่เป็นคุณตาอายุเจ็ดสิบเศษคอยจับคอเจ้าหมีขาวเอาไว้ให้

"แล้วพรุ่งนี้หนูจะมาใหม่  --  ค่อยเจอกัน  คลาวด์"

"เอาไหม  ฉันยกให้"  ตาคลากส์ถามกะทันหัน  ไมลส์ทำหน้าไม่ถูกอยู่นอกรั้ว  ชายชรายิ้มใจดี  "แค่ถามดูน่ะ  เผื่อฉันตายไป  มันจะได้มีเพื่อน"

"อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ  คุณยังอยู่ได้อีกนาน"

"โอเคๆ  แล้วเจอกันพรุ่งนี้  ไมลส์" 

ไมลส์พยักหน้าให้ตาคลากส์  ชี้หน้าเจ้าคลาวด์ที่ยื่นจมูกแทรกซี่รั้วออกมาหาเธอ  ยิ้มให้มันก่อนจะเดินจากไปอย่างตัดใจ  ที่ต้องส่งมันเป็นตัวสุดท้ายทุกวันก็เพราะแบบนี้แหละ  เจ้าของของแบล็กกับเจคอบเป็นแม่บ้านที่ไม่มีเวลาพาสุนัขมาเดินเล่นจึงจ้างเธอ  แต่คลาวด์ต่างออกไป  ตาคลากส์ลำพังเดินก็ไม่ค่อยไหวแล้ว  ถ้าจะให้เอาหมาบ้าพลังอย่างเจ้าคลาวด์มาเดินในสวนสาธารณะก็คงจะเป็นไปได้ยาก  จำได้ว่าครั้งแรกที่เจอมันก็เพราะมันหนีตาคลากส์มาระหว่างเดินเล่นนี่แหละ  เธอกำลังเดินจูงแบล็กกับเจคอบอยู่พอดี  เลยไปตามจับมันมาให้คุณตา  จากนั้นมาเธอก็ถูกจ้างให้พามันมาเดินเล่นแบบนี้ทุกวัน  ตาคลากส์เล่าให้ฟังว่ามันเป็นหมาของลูกสาวตาที่ส่งมาให้อยู่เป็นเพื่อน  ตาจะได้ไม่เหงา  เพราะลูกสาวตากับครอบครัวย้ายไปอยู่ไกลถึงฟลอริด้าตามสามีไป  นานๆ จะมาเยี่ยมสักครั้ง 

ก็แบบนี้แหละนะ  ชีวิตคนเรา

เด็กสาวเดินซุกสองมือในกระเป๋าเสื้อโค้ต  เธอต้องกลับบ้านก่อนไปทำงานที่ร้านหนังสือ  กินอาหารเช้าแบบเต็มอิ่ม  ไม่ใช่ขนมปังปิ้งแผ่นเดียวที่กินพร้อมกับบรูคก่อนออกไปจูงสุนัข  เธอต้องเอาเป้ที่ใส่ข้าวของส่วนตัวไปทำงานด้วย  ผ้ากันเปื้อนร้านที่เอามาซัก  หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น  สมุดคัดอักษร  และของจิปาถะอื่นๆ อยู่ในเป้นั้นทั้งหมด 

บรูคออกไปโรงพยาบาลแล้ว  อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์พี่เข้ากะกลางวัน  ไม่อย่างนั้นตอนกลางคืนเธอก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว  และพี่ก็จะเป็นห่วงอีก  เธอไม่ใช่เด็กน้อยแล้วสักหน่อย  เธออายุสิบแปดและกำลังจะสิบเก้า  แค่รออีกหกเดือน

ไมลส์เช็กโทรศัพท์มือถือขณะกินแซนด์วิชทำเองอยู่ในครัวเงียบๆ  บรูคไปทำงานแล้ว  บ้านก็เงียบจนเหมือนจะวังเวงเกินไป  แต่เธอชินแล้ว

มีข้อความมาจากเบนตั้งแต่เมื่อวาน  เธอได้ยินเสียงมันดัง  แต่ไม่ได้สนใจเพราะยุ่งอยู่กับมินนี  แล้วก็ลืมไปเลย  ปกติเธอก็ไม่ค่อยได้ยุ่งอะไรกับโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว  นอกจากจะคุยกับบรูค  แล้วก็อย่างกับพี่จะมีเวลาคุย  ถ้าบรูคไปโรงพยาบาลแล้วก็ยุ่งแทบตลอด

ทำไมไม่บอกว่าเธอคือ  เทีย  โคเวนต์  ฉันทำตัวเปิ่นเลย  อายชะมัด  ถ้าเทียมาอีก  เธอจัดการเองเลยนะ  ไมลส์  ยายเด็กนรก --  เบน

ไมลส์ส่ายหน้า  วางโทรศัพท์ลง  กินแซนด์วิชต่อ  ไม่คิดจะตอบเขา  อีกไม่ถึงชั่วโมงเธอก็ต้องเจอเขาที่ร้าน  ตอนนี้ขอพักสมองก่อนแล้วกัน  เธอเก็บครัวเรียบร้อย  ตรวจล็อกประตูอย่างดีแล้วจึงออกจากบ้าน  เป็นนิสัยที่จำเป็นต้องทำให้ติดตัว  เธอกับพี่เหลือกันแค่สองคน  ถ้าไม่ดูแลกันและกัน  ใครที่ไหนจะมาดู  คิดถึงตรงนี้ก็ต้องสั่นหัวแรงๆ และออกวิ่ง  ปัดมันทิ้งไป

เธอต้องอยู่ให้ได้สิ  เราต้องอยู่กันให้ได้  ใช่ไหม  บรูค

......................................................

เบนทำโทษเธอด้วยการให้เติมหนังสือบนชั้น  จริงๆ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย  อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอ  ทำไมเธอจะต้องบอกเขาด้วยว่า  ลูกค้าคนเมื่อวานเป็นนางแบบดาวรุ่งหน้าใหม่คนดังทั้งที่เขาควรจะรู้เองได้อยู่แล้ว  แต่ก็เอาเถอะ  ยังไงการเติมหนังสือก็เป็นหน้าที่ของพนักงานพึงทำ  ยังดีกว่าไปยืนแจกของหน้าร้าน  ร้องเรียกลูกขาเย้วๆ แบบร้านโดนัทฝั่งตรงกันข้ามละ

"เบน  อันนี้ตีพิมพ์ใหม่เหรอ"  ไมลส์ถามผู้จัดการร้านระหว่างหยิบหนังสือจากรถเข็นขึ้นเติมบนชั้นหนังสือขายดี  เบนร้องตอบว่าใช่โดยไม่ต้องเดินมาดู  และยังเติมข้อมูลให้อีกด้วย

"เพราะหนังไงล่ะ  หนังกำลังฉายอยู่  เธออ่านหรือยัง"

" 'กลับจากป่าช้า (Pet Sematary)'  น่าสนเหมือนกันนะ"

"ฉันไปดูหนังมาเมื่อคืน  ก็ทำโอเคอยู่นะ  แต่ก็อย่างว่า  คนอ่านหนังสือแบบเรา  ยังไงก็เห็นหนังสือเจ๋งกว่าอยู่ดี"  เบนพูด  หยิบหนังสือจากชั้นวางที่ไมลส์เพิ่งวางลงไปขึ้นมาเปิดดูอย่างระวังไม่ให้ยับ  "ถ้าเทียมาอีก  เธอก็แนะนำให้ซื้อสิ"

"คงมาหรอก"  ไมลส์พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจและเข็นรถไปเติมหนังสือที่ชั้นอื่นต่อ  เสร็จแล้วก็เข็นรถไปเก็บแล้วมาเฝ้าเคาน์เตอร์ระหว่างที่เบนไปพักกินมื้อกลางวัน 

ร้านมีพนักงานสองคน  เธอกับเขาจึงผลัดกันพัก  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเขาที่พักก่อนเพราะเขามาเปิดร้านแต่เช้าและเป็นคนปิดร้านด้วย  เมื่อก่อนเธอเป็นแค่พนักงานพาร์ตไทม์ที่ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นาน  แค่หาอะไรทำไม่ให้ว่างจนโดนบรูคบ่นเท่านั้น  หากพอพนักงานประจำคนเก่าลาออกไป  เบนจึงขอให้เธอมาทำประจำ  แต่ไม่ต้องเปิดปิดร้าน  เขาจะทำเอง  เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นร้านของคุณลุงของเขา

ไมลส์กำลังคัดอักษรฮิรากะนะอยู่ตอนเสียงหนึ่งทักขึ้น

"เรียนญี่ปุ่นด้วยเหรอ"  เทียยิ้มให้ไมลส์อย่างเป็นมิตร  แต่หน้านิ่งๆ ไม่แสดงไมตรีตอบก็ทำให้เสียเซลฟ์ไปเยอะเหมือนกัน  "เอ่อ  มาซื้อหนังสือ"

"ที่ซื้อไปเมื่อวานอ่านหรือยัง"  ไมลส์ถามกลับ  หน้ายังนิ่งอยู่  "มาดูเฉยๆ ก็ได้นะคะ  ใครๆ เขาก็ทำกัน"

"มันน่าเกลียด  ที่นี่ร้านหนังสือไม่ใช่ห้องสมุด"  เทียว่า  เสียงไม่ดังแต่ก็ยังสะกิดหูเด็กหนุ่มที่ตั้งใจว่าจะมายืนอ่านอย่างเดียวจนเขาต้องค่อยๆ ย่องออกจากร้านไปด้วยสีหน้าอับอาย  ไมลส์แอบยิ้มตามหลังเขา  เทียไม่รู้เรื่องด้วยจึงมองตามไปอย่างงงๆ

"อีกยี่สิบนาทีฉันจะเบรก"  ไมลส์พูด  เทียทำหน้างง  ไมลส์ถอนใจ  กลอกตามองเพดาน  "ก็ถ้ามาหาฉันก็รอก่อน  ตอนนี้ฉันไม่ว่าง  แต่ถ้าจะซื้อหนังสือก็เชิญไปเลือกค่ะ  ซื้อเสร็จก็ไป  เก็ทไหม"

"ร้ายจัง"  เทียบ่น  แต่ยิ้มชอบใจ  "อ่านหนังสือรอก็ได้"

ไมลส์ไม่ยิ้ม  แต่ก็ไม่บึ้ง  เธอพ่นลมหายใจโล่งตามหลังเมื่อเทียเดินไปหาหนังสืออ่านแล้ว 

"มาทำไมเนี่ย"  เด็กสาวพึมพำ  ไม่เข้าใจเจตนาเทียเลย  ใช่ว่าเราจะสนิทกัน  เธอได้คุยกับเทียครั้งเดียวตอนถ่ายรูปเทียวันนั้นเท่านั้นเอง 

มันเป็นงานเลี้ยงอะไรสักอย่างที่พ่อแม่เอาเธอไปด้วย  เธอกำลังเดินถ่ายรูปเล่นด้วยกล้องโพลารอยด์ตัวใหม่ที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดปีนั้นระหว่างที่พวกท่านคุยกับคนรู้จักและอนุญาตให้เธอ (ที่ดูก็รู้ว่าเบื่อแล้ว) ไปเดินเล่น  แล้วเธอก็บังเอิญเจอเทีย  ความสวยของเด็กสาวรุ่นพี่สะดุดตาเธอจนเผลอกดชัตเตอร์ไป  เทียก็หันมาเห็นพอดี  เธอเกือบจะวิ่งหนีไปเพราะกลัวจะโดนเอาเรื่อง  แต่ขาไม่รักดีก็แข็งทื่อจนเทียเดินเข้ามาและขอรูปไปดู  จากนั้นฟิลม์ก็ค่อยๆ ปรากฏรูปของเจ้าของ  เทียพูดอะไรสักอย่างแต่เธออึ้งจนไม่ทันฟัง  รู้แล้วนี่ว่าเทียเป็นใคร  นางแบบหน้าใหม่ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้เชียวนะ  ตอนนั้นเธอจำได้แค่เทียจูบแก้มเธอ  ยัดภาพใส่มือและจากไป

นั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอถ่ายรูป  วันสุดท้ายที่เธอได้อยู่กับพ่อแม่

"เฮ้  แนะนำหรือยัง"  เบนถาม  ไมลส์กะพริบตา  เพิ่งเห็นว่าเขากลับมาจากพักแล้ว  "อะไร  ให้เฝ้าร้าน  ยืนเหม่อเหรอ  เดี๋ยวตัดเงินเดือนเลยนี่"             

"เมื่อวานฉันขายหนังสือได้เยอะกว่าพี่ขายทั้งเดือนอีกนะ"  ไมลส์ย้อนทันควัน  เบนทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง  แต่เทียโผล่มายืนยิ้มก่อน

"โทษที  พี่ชาย  ฉันคิดว่าได้เวลาพักของฉันแล้วละ"  เธอพูดพลางถอดผ้ากันเปื้อนยัดใส่มือผู้จัดการหนุ่มที่ได้แต่มองเธอสลับกับเทียไปมา

"เฮ้  แล้ว --"

"เดี๋ยวมา  ไม่หนีกลับบ้านหรอก  ไม่ต้องร้องตามนะ" 

"ไอ้เด็กบ้า"  เบนพูดตามหลัง  มองไมลส์กับเทียที่เดินออกจากร้านไปด้วยกันแล้วยิ้มทั้งงงๆ

.....................................

"เราจะไปไหนกัน"  เทียถาม  มองไปรอบๆ อย่างเกร็งๆ  ไม่คุ้นเคยกับบรุกลินเท่าไหร่  บ้านเก่าเธออยู่แมนแฮตตัน  เพิ่งแยกจากบ้านนั้นมาซื้อบ้านของตัวเองแถวนี้เมื่อต้นเดือนนี้เอง  อะไรๆ มันจึงยังใหม่สำหรับเธอมาก

"หาอะไรกิน  ฉันหิว  หรือคุณไม่หิว"  ไมลส์ถามกลับ  "หรือคุณกินอาหารข้างทางไม่ได้  ฉันไม่มีเงินเข้าภัตตาคารหรอก  คุณไปคนเดียวเถอะ"

"เธอเปลี่ยนไป"  เทียพูด  ไมลส์เลิกคิ้วงง  "เธอเคยน่ารักกว่านี้"

"เราไม่ได้รู้จักกัน  ฉันไม่รู้ว่าคุณไปจำเรื่องนั้นมาจากไหน  แต่นั่นไม่ใช่ฉันแน่นอน"  ไมลส์พูดแล้วเดินเร็วๆ นำไป  เทียเดินตาม  ขายาวๆ ตามเธอมาได้ไม่ยากเย็น  "คุณไม่มีงานทำเหรอ  ถึงมาเดินตามคนอื่นได้"

"ฉันพัก"  เทียตอบ  หงุดหงิดที่ถูกเย็นชาใส่  ไม่เคยมีใครทำกับเธอแบบนี้มาก่อนเลย  เธอไม่เคยเดินตามใครแบบนี้ด้วย  เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไม  เธอแค่อยากเจอไมลส์อีกครั้ง  และอีกครั้ง... อยากเจอไปเรื่อยๆ

"เราเคยเจอกันที่ --"

"ฉันจะกินร้านนั้น"  ไมลส์ชี้ไปคาเฟ่ทึมๆ ที่ไฟไม่ค่อยสว่างนัก  เทียเห็นแล้วก็ชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไปอย่างขัดไม่ได้  ไหนๆ ก็มาแล้วนี่

"คุณยังตามมาอีกหรือ"

"ก็ฉันหิวเหมือนกัน  ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย"

"แล้วทำไมไม่กินล่ะ  อ้อ  รักษาหุ่น"

"ไม่มีอะไรกินต่างหาก"  เทียพึมพำ  แต่ไมลส์เหมือนไม่ได้ฟัง  หยิบเมนูที่เป็นแผ่นกระดาษเคลือบพลาสติกมายื่นให้  แล้วก้มดูของตัวเอง  เธอดูมันบ้าง  เข้ามาแล้วก็คงจะต้องกินละ

นางแบบสาวยืนฟังไมลส์สั่งอาหาร  ความที่คิดอะไรไม่ออกจึงบอกกับพนักงานไปว่าเอาแบบนั้นด้วยคน  แล้วเดินตามไมลส์มานั่งโต๊ะทั้งที่ไม่มีใครชวนนี่แหละ  --  แหม  เธอไม่เคยเจอใครเมินขนาดนี้มาก่อนเลยนะ

"โอ้โห  ทำไมชีสมันเยิ้มขนาดนั้นล่ะ"  เทียร้องตกใจเมื่อเห็นอาหารในจานเธอและไมลส์ที่เหมือนกันเป๊ะ  มันหน้าตาเหมือนฮอตดอกแต่ชีสเยอะจนแค่มองก็คงจะน้ำหนักขึ้นแล้ว

"กลัวอ้วนก็ไม่ต้องกิน  เดี๋ยวฉันสั่งซุปให้"  ไมลส์บอก  ทำท่าจะลุกขึ้นไปสั่งอาหารจานใหม่ให้เทียแต่อีกฝ่ายดึงแขนเธอให้นั่งลงใหม่

"ไม่เป็นไร  ลองดูก็ได้  แค่มื้อเดียว"

"กินไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนหรอก"

"ฉันจะกิน"  เทียพูดอย่างดื้อรั้น  ยกฮอตดอกชีสเยิ้มขึ้นกัดคำหนึ่งพร้อมมองหน้าไมลส์ไปด้วย  เห็นรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ระหว่างเคี้ยวฮอตดอกอย่างสบายใจของอีกฝ่ายแล้วก็ทำให้ต้องพยายามกินมันเข้าไปให้ได้  จะว่าไปแล้วมันก็อร่อยดีเหมือนกัน

"ไม่เห็นต้องฝืนเลย"  ไมลส์พูด  หยิบเฟรนช์ฟรายด์เข้าปากกิน

เทียทำตามบ้าง  แม้จะรู้สึกงี่เง่า  พลางคิดว่าถ้าผู้จัดการส่วนตัวรู้เข้าคงจะบ่นตายแน่นอน  แค่เธอออกจากบ้านมาโดยไม่ได้บอกก็แย่พอแล้ว  แต่สุดท้ายเธอก็กินมันจนหมดโดยที่เราต่างคนต่างจ่ายค่าอาหารของตัวเอง  เธอไม่ให้ไมลส์เลี้ยง  และไมลส์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน 

เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นา  เพื่อนก็ไม่ใช่

"ไม่เคยอิ่มแบบนี้มาก่อนเลย"

ไมลส์เลิกคิ้วมองคนข้างๆ แล้วหลุดยิ้มออกมาไม่รู้ตัว  เทียน่ารักดีเวลาทำหน้ายุ่งๆ แก้มป่องๆ แบบนี้  ไม่เหมือนเทียในแมกกาซีนหรือในสื่อไหนๆ เลย  แต่ยังไงเทียก็อยู่คนละคลาสกับเธออยู่ดี

คนขี้แพ้อย่างฉัน  ไม่เหมาะให้ใครมารู้จักหรอก

"เอ่อ  เราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้  ฉันจะกลับไปทำงาน"  ไมลส์พูด  เย็นชาทั้งที่ไม่จำเป็น  เห็นเทียหน้าเสียก็รู้สึกเสียใจ  แต่จะทำไงได้ล่ะ

"หมดเวลาพักแล้วเหรอ  ยังไม่ถึงชั่วโมงเลย"

"ฉันจะไปนอนกลางวันหลังร้าน  ตรงนั้นคุณเข้าไปไม่ได้  และคุณคงไม่ว่างพอจะเตร่อยู่ข้างนอกทั้งวันหรอกมั้ง  อีกอย่าง  ฉันว่าพวกเขาคงอยากคุยกับคุณ"

เทียกำลังจะอ้าปากพูด  แต่ผู้คนก็กรูมาจากไหนกันไม่รู้  พุ่งมาทางเธอตรงๆ  หันไปอีกทีไมลส์ก็เดินลิ่วๆ หนีไปแล้ว  มีเสียงตะโกนเรียกเธอจากพวกที่กำลังตรงมา  แล้วเธอจะหนีไปไหนได้

ทำไม  ไมลส์ใจร้ายแบบนี้นะ  เทียคิด  หันซ้ายหันขวา  คลำหาทางเหมือนคนตาบอด  เธอเริ่มไม่ชอบไมลส์แล้ว  แต่ทว่า...

"มานี่  จะยืนเซ่อให้คนรุมหรือไง"  ไมลส์กระชากแขนเทียให้วิ่งตามตัวเองมา  ไม่เข้าใจเลยว่าจะกลับมาทำไม  แต่เธอคงชั่วร้ายมากถ้าจะไม่ช่วยคนกำลังเดือดร้อน (ที่ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันมาซะด้วย)

"เราจะไปไหนกันเหรอ"

"คุณเชื่อใจฉันหรือเปล่า  ถ้าเชื่อก็ไม่ต้องถาม"

เทียเงียบสนิท  ทำเพียงแอบมองใบหน้าด้านข้างของไมลส์ขณะวิ่งหนีแฟนคลับของตน
 




......................

มารู้จักไมลส์กับเทียกันอีกสักตอนค่ะ   :21: :02: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

18 เมษายน 2019 เวลา 21:04:53
คนที่แอบปิ๊งตอนเด็ก ตามมาหลอกหลอน
แสดงความคิดเห็น