web stats

ข่าว

 


Determine

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 17 มกราคม 2017 เวลา 16:35:57 อ่าน: 1215

ตอนจบซีรีส์ของมีนกับทราย

...

เสียงหอบหายใจ เสียงร้องครางเบาๆ พร้อมกับเสียงริมฝีปากที่บดเบียดกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องนอนเล็กๆ เหงื่อจากผิวกายของคนสองคนที่กำลังกอดรัดกันอยู่ดูไม่เข้ากับห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ชิ้นส่วนของเสื้อผ้าส่วนใหญ่ตกอยู่ข้างเตียงโดยที่เจ้าของไม่แยแส และเมื่อเสียงร้องหยุดลง ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความสงบ มีแต่เพียงเสียงลมดังออกมาจากแอร์คอนดิชั่นที่ติดอยู่บนผนังเท่านั้น

หญิงสาวสองคนนอนกอดกันบนเตียงนุ่มขนาด 5 ฟุตที่อยู่กลางห้อง ร่างของทั้งสองเปลือยเปล่าและมีเม็ดเหงื่อเกาะพราวอยู่ตามตัว มือของหญิงสาวที่นอนอยู่ทางด้านซ้ายค่อยๆ คลี่ขึ้นผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองและคนที่เธอนอนกอดอยู่

"ไม่เอาอ่ะมีน เรายังร้อนอยู่เลย" เสียงร้องห้ามออกมาจากคนที่กำลังนอนซุกหน้าอกของอีกฝ่าย

"ห่มเถอะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"

"ไม่เอา ไม่ห่มนะ แค่กอดเราแบบนี้ก็โอเคแล้ว" พูดจบเธอก็กอดมีนแน่น

"ตามใจ" สาวแว่นพูดจบก็หยุดมือที่ดึงผ้าห่มขึ้นมา แล้วก็เปลี่ยนมือไปกอดอีกฝ่ายแทน

คืนนี้เป็นคืนที่มีนมานอนที่บ้านของทราย แฟนสาวของเธอ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เธอยุ่งน้อยที่สุดก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของการสอบกลางภาค สาวแว่นมองหน้าอีกฝ่ายที่เธอกำลังนอนกอดอยู่แล้วจูบที่หน้าผากเบาๆ ก่อนที่จะหลับตาลงเพื่อพักเหนื่อยจากกิจกรรมที่พวกเธอเพิ่งจะเสร็จสิ้นลงไป หลังจากนั้นอีกไม่นานนั้นเธอก็ค่อยๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายของเธอและแฟนสาวอย่างแผ่วเบา

แต่หลังจากนั้นไม่นานนักมีนก็ลืมตาขึ้นมา เธอนอนไม่หลับและเธอรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เธอนอนไม่หลับเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ สาวแว่นแอบหนีออกมาจากงานเลี้ยงของที่บ้านมาหาสาวหมวย เธอคิดว่าการที่ได้อยู่กับแฟนสาวของเธอจะทำให้เธอสบายใจขึ้น แต่เธอกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น แถมยังรู้สึกหนักใจขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อเห็นหน้าคนที่เธอนอนกอดอยู่

'บ้าที่สุด! เราขอโทษนะทราย...'

...

เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...

"ว่ายังไงนะ!" ทรายกรอกเสียงลงในโทรศัพท์ด้วยความตกใจ

"วันเสาร์นี้คงไปเที่ยวกับเธอไม่ได้แล้วล่ะ" มีนตอบกลับมา

"แต่พวกเราวางแผนกันมาตั้งแต่เดือนที่แล้วนี่นา"

"ใช่... เราขอโทษ แต่มันเป็นเรื่องของที่บ้านเรา เข้าใจเราหน่อยนะ แล้วพวกเราค่อยไปเที่ยวกันวันอื่นนะ" สาวแว่นพูดด้วยเสียงเซ็งๆ เธอรู้สึกผิดเมื่อต้องผิดนัดกับแฟนสาว

สาวหมวยถอนหายใจออกมา "ก็ได้ๆ ทำไมที่บ้านมีนถึงบอกอะไรกะทันหันแบบนี้ล่ะ"

"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าเราจะโทรหาเธอให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน โอเคนะ"

"...ก็ได้"

ทรายกดวางสายพร้อมๆ กับคิ้วที่ขมวดแน่น เธอรู้สึกแปลกๆ กับเรื่องนี้ เกือบ 4 เดือนที่คบกันเธอไม่เคยพบกับครอบครัวของมีนเลย มีแต่เพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่มาพบกับครอบครัวของเธอ พ่อกับแม่ของเธอชอบสาวแว่นมากและพูดเหมือนกับเพื่อนๆ ของเธอทุกคนว่าแฟนของเธอคนนี้เป็นคนที่ดูดีที่สุดเท่าที่เธอเคยคบมา

'ยอมให้ก็ได้'

สาวหมวยดีใจมากที่อยู่ๆ มีนโทรมาหาขณะที่เธอกำลังเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าแก้เซ็ง หลังจากนั้นสาวแว่นก็มาหาเธอ ระหว่างที่นั่งกินข้าวและดูหนังด้วยกันเธอรู้สึกว่ามีนมีท่าทางเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ไม่กล้าถามอะไรมากนอกจากกอดอีกฝ่ายแน่นๆ ตามที่สาวแว่นขอเท่านั้นเอง

"วันนี้เราขอไปนอนบ้านเธอได้มั้ย?" มีนพูดออกมาเบาๆ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปที่ลานจอดรถ

"จริงเหรอ" ทรายพูดอย่างดีใจ "แม่ต้องดีใจมากๆ เลยที่มีนไปที่บ้าน แม่ถามหาแต่มีนนะรู้มั้ย"

"เหรอ... แต่เราไม่มีอะไรไปฝากบ้านเธอเลยนะ"

"ไม่ต้องหรอกน่า แค่มีนไปแม่กับพ่อก็ดีใจแล้ว แถม..."

"แถมอะไรเหรอ..."

"อาจจะยกเราให้ฟรีๆ ด้วยไง" สาวหมวยพูดเขินๆ

สาวแว่นหัวเราะออกมาเบาๆ "ขนาดนั้นเชียว"

"อื้อ..." ทรายพยักหน้าแล้วบีบมืออีกฝ่าย "ยิ้มออกแล้วนะ... เราไม่ชอบให้มีนทำหน้าบึ้งเลย"

มีนสบตาแฟนสาวแล้วยิ้มเล็กน้อย "ขอโทษนะ" เธอพูดแล้วลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ

"ไม่รับย่ะ" ทรายพูดแล้วบีบแก้มซ้ายของสาวแว่นแรงขึ้นแล้วแกล้งเดินหนี

"แล้วจะต้องทำยังไงให้เธอหายงอนล่ะ?" มีนรีบเดินให้ทันอีกฝ่าย

"ไม่รู้!" สาวหมวยตอบด้วยเสียงสะบัดๆ แล้วรีบเปิดประตูเข้าไปในรถทันที

มีนรีบเดินไปที่ฝั่งคนขับแล้วปิดประตู เธอมองแฟนสาวที่แกล้งทำหน้างอนในที่นั่งข้างคนขับแล้วพยายามจะยื่นมือไปแตะตัวแต่แล้วก็ถูกอีกฝ่ายตีมือ

"ไม่ให้จับ!"

"ไม่ให้จับแล้วเราจะง้อเธอยังไงล่ะ"

สาวหมวยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันแก้มให้กับอีกฝ่าย คนที่นั่งข้างๆ ก็หัวเราะออกมาแล้วจูบแก้มของแฟนสาว

"หายหรือยัง?"

"ยัง"

"อ้าว... แล้วเราต้องทำอะไรเพิ่มอีกล่ะ?" มีนพูดพลางขมวดคิ้ว

"ก็... ถึงบ้านแล้วค่อยบอกก็แล้วกัน" ทรายพูดแล้วขยิบตาให้

"ไม่ทิ้งลายคาสโนวี่เลยนะเธอเนี่ย... จริงๆ เลย" สาวแว่นพูดพลางส่ายหน้า

"อะไร... ทำไมเหรอ..."

"เปล๊า..." มีนพูดแล้วฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย เธอหันมาหาอีกฝ่ายแล้วหัวเราะเบาๆ

"ทราย..."

"ว่า..."

"เรา..." สาวแว่นพูดแล้วเงียบเสียงลงไป

"มีอะไรเหรอ?" สาวหมวยทำท่าสงสัยแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ

"วันนี้มีนดูแปลกๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า?"

"ก็... มีแหละ" มีนพูดเบาๆ พลางยื่นมือไปกุมมืออีกฝ่าย

"บอกเราได้มั้ย?"

สาวแว่นถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "ไว้... เราค่อยบอกเธอทีหลังก็แล้วกันนะ"

ทรายขมวดคิ้ว "มีนอยากให้เราทำอะไรก็บอกได้นะ เราอยากช่วยมีนนะ"

มีนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย "กอดเราหน่อยสิ"

สาวหมวยดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด เธอรู้สึกว่าวันนี้แฟนสาวของเธอดูแปลกไปและมันน่าจะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของสาวแว่นแน่ๆ

...

ทรายกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง โต๊ะจีนกลมๆ หลายต่อหลายตัวเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งกลุ่มนักธุรกิจ คนทำงาน ครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน เมื่อเธอเดินเข้าไปยังห้องด้านในซึ่งระบุเอาไว้ว่าเป็นห้อง VIP เธอก็พบกับมีนที่กำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ข้างๆ แฟนสาวของเธอเป็นผู้ชายตี๋ หน้าตาดีราวกับดาราคนหนึ่งใสชุดสูทกำลังปลายหางตามองมาที่สาวแว่นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

"อามีน นี่เฮียโจไง ตอนเด็กๆ เคยเล่นด้วยกันไม่ใช่เหรอ?" สาวใหญ่ร่างท้วมผิวขาวที่มีทองเส้นเท่านิ้วโป้งในชุดคอจีนสีแดงพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "อาโจอีเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยว ไปที่ไหนมานะ?"

"สวิตกับออสเตรียครับอี๊" หนุ่มตี๋ตอบ "ทำงานเหนื่อยๆ ก็เลยอยากพักร้อนบ้าง ทำงานอย่างเดียวพาลจะเป็นบ้าเอา"

"เหรอๆๆ ดีๆๆ วันหลังพาอามีนไปเที่ยวบ้างสิ เรียนเครียดๆ จะได้ผ่อนคลายบ้าง" สาวใหญ่พูดต่อไปแล้วพยักพเยิดไปทางพ่อกับแม่ของสาวแว่น

มีนไม่ตอบ เธอทำได้แต่นั่งนิ่งๆ จิบชาร้อนจากถ้วยกระเบื้องใบจิ๋ว และขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อโจคีบอาหารวางไว้ในจานของเธอ

"ทานเยอะๆ นะครับ"

"...ขอบคุณค่ะ"

"แหม... เขินเฮียเค้าเหรออามีน นั่งเงียบเชียว" สาวใหญ่ที่หนุ่มตี๋เรียกว่าอี๊แซวเมื่อเห็นสาวแว่นนั่งเงียบ

"อามีนแกเป็นคนเงียบๆ แบบนี้แหละเจ้ พูดน้อย มีอะไรก็จะยิ้มอย่างเดียว" ทรงพล พ่อของมีนพูดขึ้นมา

"อ๋อ... พูดน้อยๆ ยิ้มเก่งๆ น่ารักนะเนี่ย" ชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยพูดขึ้นมา

"ป๊าอย่าแซวน้องสิฮะ ยิ่งแซวน้องยิ่งเงียบนะครับ แล้วผมจะคุยกับน้องเค้ายังไงละทีนี้" โจพูดแล้วหันมายิ้มให้สาวแว่น

ทรายเห็นแฟนสาวตัวเองนั่งนิ่ง ริมฝีปากเม้มราวกับกำลังกดอารมณ์ แล้วเทน้ำชาจากกาน้ำชาลงแก้วของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ตามคำสั่งของบรรดาผู้ใหญ่ที่บอกเธอ...

เกือบๆ ตีสี่ ท้องฟ้าข้างนอกยังคงมืดอยู่ สาวหมวยลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ ตัว

"ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย... เฮ้อ"

ทรายหันไปหามีนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิท แต่ก็ยังไม่วายทำคิ้วขมวด สาวหมวยขยับตัวเข้าไปจูบที่ระหว่างคิ้วของแฟนสาวเพื่อให้คิ้วที่ขมวดอยู่คลายลงแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอพยายามข่มตาให้นอนต่อแต่ก็ทำไม่ได้ ภาพในฝันนั้นยังติดตาอยู่ ในฝันนั้นดูท่าทางสาวแว่นถูกบังคับให้ไปดูตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

'ไม่จริงมั้ง... ไม่จริงหรอกน่า' ทรายคิด

สาวหมวยพยายามข่มตานอนด้วยการหันไปกอดคนที่กำลังหลับอยู่ แต่ยิ่งหลับตาก็ยิ่งเห็นภาพในร้านอาหารทุกครั้ง เธอเม้มปากแน่นเมื่อเห็นชายหนุ่มปรายตาไปทางมีน สายตาของเขาดูแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ดูเต็มไปด้วยเล่ห์กลและน่ากลัว ทรายลืมตาขึ้นมาแล้วมองใบหน้าของแฟนสาวอยู่นานจนกระทั่งอีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะตื่นแล้ว

"ตื่นเร็วจัง... ยังไม่สว่างเลย" สาวแว่นพูดออกมาเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา

"มีนเองก็เหมือนกันแหละ ได้นอนบ้างหรือเปล่า?"

มีนลืมตาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ "...นิดหน่อย"

"มีนอยากจะบอกอะไรเราเหรอ?"

"เรา... เราไม่รู้จะเริ่มยังไงดี"

"...ไปดูตัวมาใช่มั้ย?"

สาวแว่นเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม "รู้ได้ยังไง?"

"เดาเอา... เราฝันว่ามีนไปงานดูตัวมา"

"อื้อ... เราถูกที่บ้านบังคับให้ไปน่ะ ไม่ใช่งานเป็นทางการอะไรหรอก แค่ให้ไปรู้จักกับพวกลูกๆ ของเพื่อนๆ พ่อกับแม่น่ะ"

"เหรอ... แต่ดูท่าทางพวกผู้ใหญ่จะคิดจริงจังนะ" ทรายพูดพลางลูบใบหน้าของแฟนสาว "ดูเหมือนอยากให้มีนคบกับผู้ชายคนนั้นมากเลย"

มีนยิ้มน้อยๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย "ฝันได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ... ไม่ใช่เดจาวูแล้วละมั้ง"

"ยังจะมาทำเป็นตลกอีกนะ ตัวเองเครียดจะแย่แล้วไม่ใช่เหรอ" สาวหมวยพูดงอนๆ แล้วหันหน้าหนี

สาวแว่นรีบเข้าไปกอดแล้วหอมแก้ม "ก็แค่ไม่อยากให้เธอเครียดไง ขอโทษนะ..." เธอพูดแล้วบีบแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ "ไหนเลาให้ฟังหน่อยสิว่าฝันอะไรบ้าง?"

ทรายทำเสียงฮึดฮัดแบบไม่พอใจเล็กน้อยแล้วหันกลับมา "อย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะ เราไม่ชอบ ถ้าทำอีกจะตีแผลให้ระบมไปเลย" เธอพูดพลางใช้มือตีที่รอยแผลยาวสีแดงจางๆ บริเวณท้องด้านซ้ายของอีกฝ่ายเบาๆ

"อย่าน่า... ถึงมันจะหายดีแล้วแต่แตะโดนทีไรก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันนะ"

"ก็นั่นแหละ มีนจะได้จำไงว่าเราไม่ชอบให้ล้อเล่นแบบนี้"

"โอเค... ยอมแล้ว... จะเล่าให้ฟังได้หรือยังล่ะว่าฝันว่าอะไร... คนสวย" มีนพูดยิ้มๆ

สาวหมวยทำหน้าบูดแล้วเล่าเรื่องสิ่งที่ตัวเองเห็นในฝันให้แฟนสาวฟัง เธออธิบายทุกอย่างทั้งเสื้อผ้า หน้าตาของคนที่เธอเห็นในฝัน รวมไปถึงสายตาของผู้ชายที่นั่งข้างสาวแว่น

"เหมือนอยู่นะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดล่ะ" มีนพูดหลังจากที่ฟังจบ

"ไม่ใช่ทั้งหมด? หมายความว่ายังไง?"

"ก็หลังจากนั้นเราก็ขอตัวออกมาแล้วก็มาหาเธอไง"

ทรายหัวเราะออกมาเล็กน้อย "ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ยว่ามีนจะกล้าทำแบบนี้"

"อยู่ตรงนั้นอึดอัดจะตายไป อะไรก็ไม่รู้ บ้านเราก็แบบนี้ทุกทีนั่นแหละ เราเป็นลูกคนโต ที่พ่อกับแม่คาดหวังไว้สูง ถูกสอนให้ต้องมีความรับผิดชอบ เรายังมีน้องอีก 3 คนที่ต้องคอยดูแล เราทำตามที่คนโน้นคนนี้บอกให้ทำจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง"

"ฟังดูเครียดจัง"

"อื้อ... จะบอกว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่เราถูกทำแบบนี้"

"จริงดิ?"

"จริง... ความจริงแล้วเราก็ไม่ได้ตั้งแง่ หรือรังเกียจอะไรหรอกนะ แค่ไปเจอตามที่ผู้ใหญ่อยากให้ไป  ส่วนใหญ่แล้วเราจะออกตัวตั้งแต่แรกเลยว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน กลับมาบ้านก็จะมาบอกกับที่บ้านว่าเราไม่ชอบ... ก็แค่นั้นเอง"

สาวหมวยพยักหน้าอย่างเข้าใจ "แล้วที่บอกว่าไม่ใช่ครั้งแรก... มีนเคยไปแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว?"

สาวแว่นทำท่านึก "ก็... สามสี่ครั้งแล้วมั้ง"

"โห... ก็ไม่น้อยนะเนี่ย แล้วเคยเจอใครที่ถูกใจบ้างมั้ย?"

มีนส่ายหน้า "ที่ผ่านมาพวกเค้าก็เหมือนกับเรานั่นแหละ คือต่างคนก็ต่างไม่ชอบการจับคู่ดูตัว แล้วก็มาตามสั่งของผู้ใหญ่มากกว่า บางคนมีแฟนอยู่แล้วด้วย เกือบทั้งหมดเราก็นับถือกันเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันมากกว่า"

"แล้วทำไมครั้งนี้ดูแปลกๆ ไปล่ะ?" ทรายถาม "ทำไมมีนดูกังวลขนาดนั้น?"

คนถูกถามถอนหายใจ "พ่อเราชอบคนๆ นี้มาก แถมผู้ใหญ่ยังสนิทกันด้วย อย่างที่บอกพวกเขาคาดหวังอะไรสูงกับเรื่องแบบนี้ แต่ในความรู้สึกเรา... เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นน่ากลัว เอาใจพ่อแม่เรา เอาใจเรามากจนน่ากลัว"

"แค่ผู้ชายเจ้าชู้ละมั้ง" สาวหมวยพูด "แต่งตัวเนี้ยบ พูดเพราะ เทคแคร์ดีเลิศประเสริฐศรีจนโอเวอร์ ตาเป็นประกาย รอยยิ้มหมาป่าหวังกินลูกแกะ"

สาวแว่นหันไปมองหน้าอีกฝ่าย "เดจาวูเธอบอกได้ขนาดนั้นเชียว!"

"ไม่ต้องเดจาวูก็บอกได้ ลืมไปหรือเปล่าว่าเราก็เป็นอดีตตัวแม่เรื่องนี้เหมือนกันนะ"

มีนยิ้ม "นั่นสินะ... อดีตตัวแม่ แต่ตอนนี้ล่ะ?"

"ก็... เป็นแฟนมีนไง"

สาวแว่นหัวเราะแล้วโถมตัวเข้าใส่อีกฝ่าย ทั้งสองประทับจูบกันอีกครั้งแล้วเริ่มกิจกรรมของคนรักกันในยามเช้า

...

สองสัปดาห์ต่อมา...

มีนนัดกับแฟนสาวที่ห้างสรรพสินค้าในกลางเมืองหลังจากที่ทั้งสองไม่ได้เจอกันในช่วงสอบ ขณะที่สาวแว่นในชุดนักศึกษาและเสื้อช็อปของคณะกำลังยืนรอรถเมล์ภายในมหาวิทยาลัยนั้นก็มีรถยนต์ยุโรปคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์ ทุกคนที่ยืนรอต่างขมวดคิ้วไม่เว้นแม้แต่มีน

กระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับเลื่อนลง ชายหนุ่มแต่งตัวดีตะโกนออกมาจากรถ

"น้องมีน!"

สาวแว่นตกใจ เธอขมวดคิ้วแล้วก้าวเท้าเข้าไปใกล้รถเพื่อให้มองเห็นหน้าคนเรียกชัดๆ และพอเธอเห็นหน้า ริมฝีปากของเธอก็เม้มแน่น

"สวัสดีค่ะพี่โจ" เธอยกมือไหว้

ชายหนุ่มรับไหว้ "ไม่ต้องยกมือไหว้ก็ได้ จะไปไหน? กลับบ้านหรือเปล่า?"

"เอ่อ... เปล่าค่ะ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้"

"งั้นพี่ไปส่งนะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ ไปเองได้"

โจเปิดประตูรถแล้วเดินเข้ามาหา เขายิ้มมุมปาก "ไม่ต้องเกรงใจ พี่จะไปส่งน้องมีนให้ถึงที่เลย"

"ไม่เป็นไรค่ะ" มีนปฏิเสธ ในมือของเธอมีโทรศัพท์มือถือเตรียมที่จะส่งข้อความไปหาแฟนสาวว่าเธออาจจะไปถึงช้าหน่อย

"รอรถเมล์อีกนานนะ"

ในเวลาเดียวกันนั้นเองทรายก็ส่งแชทข้อความมาบอกว่าใกล้จะถึงสถานที่นัดแล้ว ซึ่งชายหนุ่มเห็นข้อความนั้นพอดี

"เพื่อนน้องมีนใกล้จะถึงแล้ว... ให้ไปพี่ส่งดีกว่านะ"

โจไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาเปิดประตูรถให้พร้อมกับคว้ากระเป๋าสะพายออกจากไหล่ของอีกฝ่ายเข้าไปวางไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับ สาวแว่นขมวดคิ้วเพื่อกลั้นความรู้สึกไม่พอใจ เธอหันไปมองคนที่ยืนรอรถเมล์ ซึ่งมีเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของเธออยู่ด้วย พวกเขาทำท่าทางว่าอยากจะให้ช่วยหรือเปล่า แต่เธอก็ส่ายหน้า

"ส่งข่าวด้วยนะเว้ย!" เพื่อนคนนั้นตะโกนบอกก่อนที่ประตูรถจะถูกปิดลง

ชายหนุ่มบึ่งรถออกจากป้ายรถเมล์ทันที ในขณะที่มีนส่งแชทข้อความบอกเพื่อนคนนั้นว่าให้จดป้ายทะเบียนรถไว้ให้เธอด้วย

"เพื่อนน้องมีนเรียนที่เดียวกันหรือเปล่า?" โจชวนคุยขณะที่กำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย

"ไม่ใช่ค่ะ เรียนที่อื่น"

"นัดทานข้าวกันเหรอ?"

"ประมาณนั้นค่ะ"

"ประมาณนั้น... แสดงว่าไม่ได้ทานข้าวกันอย่างเดียวแน่เลย" ชายหนุ่มส่งสายตากรุ้มกริ่มมาหาเธอ "สาวๆ นัดกันถ้าไม่ดูหนังก็ช็อปปิ้งใช่มั้ย?"

"ก็... ไม่เชิงหรอกค่ะ"

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถมีนรู้สึกอึดอัด โจพยายามดูแลเธอทุกอย่างแบบโอเวอร์ ตั้งแต่ปรับเบาะ ปรับความเย็นของแอร์ ถามเธอว่าอยากได้หมอนหรือตุ๊กตาไว้กอดหรือเปล่า เปิดเพลงเพราะๆ ให้ฟัง และอื่นๆ อีกมากมาย จนเธอรู้สึกว่ามันมากเกินไป ผู้หญิงหลายคนอาจจะชอบแบบนี้ แต่กับเธอไม่ใช่

"น้องมีนมีเฟซบุ๊คมั้ย?"

"มีค่ะ แต่ไม่ค่อยโพสต์อะไรเท่าไหร่"

"พี่ขอแอดเฟรนด์หน่อยสิ" พูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา "บอกหน่อยๆ"

สาวแว่นต้องบอกไปแบบเสียไม่ได้และจำใจต้องกดรับเพิ่มเป็นเพื่อนในทันทีที่คำร้องขอส่งมาถึงเนื่องจากอีกฝ่ายจ้องมองอยู่

"ไม่ค่อยโพสต์อะไรจริงๆ ด้วยแฮะ" ชายหนุ่มพูดพลางเลื่อนดูหน้าไทม์ไลน์ของคู่สนทนาที่มีแต่รูปเพื่อนหรือคนในครอบครัวแท็กมา หรือเช็คอินสถานที่ที่ไปกับเพื่อน สเตตัสข้อความสั้นๆ รูปอาหาร หรือโปรเจ็คงาน

"...ค่ะ"

ตอนนี้เธอรู้สึกดีที่ทรายไม่เคยแท็กอะไรมาเลย เพราะถึงแม้สาวหมวยมีแอคเคาท์ในโซเชียลมีเดียทุกชนิดแต่ด้วยความที่เคยเป็นคาสโนวี่มาก่อน ทรายจึงค่อนข้างจะเงียบๆ นิ่งๆ ในการโพสต์สเตตัสต่างๆ เพื่อให้ตัวเองดูเป็นโสดตลอดเวลา แตในอินบ็อกซ์แชทนั้นมีคนคุยด้วยมากมาย

'ถ้าโพสต์สเตตัสหวานๆ หรือสถานะว่ามีแฟนเอาไว้ในวอลล์ เรตติ้งก็ตกหมดน่ะสิ'

สาวหมวยเคยบอกกับเธอก่อนที่ทั้งสองจะคบกัน เธอเคยถามทรายว่าการคบคนหลายๆ คนในเวลาเดียวกันนั้นทำได้อย่างไร หรือคุยอย่างไรถึงมีคนมาชอบมากมาย และสาวหมวยก็ยอมบอกทุกอย่างกับเธอ แม้กระทั่งเทคนิคในโซเชียลเน็ตเวิร์ค

'คนแบบเราส่วนใหญ่ถ้าทำเนียน ทำแบ๊ว บอกว่ามีแอคเคาท์ไว้เพราะเพื่อนสมัครให้ เล่นไม่เป็น จริงๆ แล้วอ่ะตอแหล กับอีกพวกนึงที่ชอบโพสต์เยอะก็จะโพสต์แค่ของตัวเองคนเดียวทั้งแบบฟรุ้งฟริ้ง แบบอ่อย แบบแซ่บ แต่จะไม่ลงรูปคู่เด็ดขาดเพราะถ้าลงไปคนในสต็อกได้หายหมดกันพอดี'

มีนเริ่มเห็นข้อดีของการมีแฟนที่เคยเป็นผู้หญิงเจ้าชู้ก็วันนี้

'ที่เราไม่ลงรูปคู่กับมีน หรือไม่ได้โพสต์อะไรเกี่ยวกับมีนไม่ใช่ว่าเราไม่รักมีนนะ แต่เรารู้ว่ามีนไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งเรื่องของเราสองคน'

นี่คือเหตุผลที่พวกเธอถึงไม่เคยโพสต์อะไรด้วยกันลงในโซเชียลมีเดียเลยซึ่งก็ส่งผลดีในวันนี้นี่เอง

ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีคนโทรเข้ามาหาโจ ระหว่างที่เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นก็ทำให้เธอสบโอกาสที่จะส่งแชทข้อความไปหาแฟนสาวว่าตอนนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเธอ ทรายดูท่าทางตกใจและอยากให้อีกฝ่ายมาถึงที่หมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อหาทางสลัดชายหนุ่มทิ้ง

"ขอโทษที พอดีมีเรื่องนิดหน่อย" โจพูดหลังจากกดตัดสาย คำพูดของเขาเหมือนการโยนหินถามทางให้กับคู่สนทนาเพื่อให้ถามต่อ

"ค่ะ" แต่สาวแว่นแค่ตอบรับ ไม่ได้ถามอะไรอย่างที่อีกฝ่ายคาด

"คนที่โทรมา..." ชายหนุ่มพูดแล้วชายตามองท่าทีของคนข้างๆ "เค้าทำงานที่เดียวกับพี่แต่คนละแผนก"

'ห่าเอ้ย... กูไม่ได้อยากรู้' มีนบ่นในใจ

"เค้าชอบมากดไลค์พี่ทั้งในเฟซ ไอจี ตามในทวิตเตอร์ทุกอย่างเลย ชอบโพสอะไรหวานๆ ที่หน้าวอลล์พี่ด้วย... ผู้หญิงคนนั้นชอบพี่ แอบรักพี่ แต่พี่ไม่เอาหรอกผู้หญิงแบบนี้ พี่ไม่ชอบผู้หญิงเล่นเฟซ"

สาวแว่นไม่ตอบ เธอได้แต่กดความไม่พอใจเอาไว้

"มีนเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ?" โจถามเมื่อเห็นท่าทางนิ่งเฉยของอีกฝ่าย

'คะ... เหรอ?'

มีนคิดหลังจากที่ได้ยินคำถาม เธอเคยเห็นพวกเพื่อนผู้ชายที่มีแฟนแล้วชอบพูดคะขากับผู้หญิง เท่าที่เธอสังเกตเพื่อนที่พูดแบบนี้ก็รู้สึกว่าบางคนก็แอ๊บให้มันดูน่ารัก บางคนก็โดนแฟนบังคับให้พูด แต่บางคนที่พูดแบบนี้ก็มีนิสัยที่ออกแนวกะล่อนและเจ้าชู้

'ถ้ามึงสงสัยนักมึงก็ถามไปเลยตรงๆ ว่าเค้าพี่น้องเป็นผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าเค้าตอบว่าไม่มีก็จงรู้ไว้เลยว่า เค้าฝึกพูดนะคะกับผู้หญิงคนอื่นมา กูจะบอกเลยว่าพูดคะ นะคะ ขา เนี่ย เป็นหนึ่งในสเต็ปเทพของผู้ชายเจ้าชู้'

เพื่อนในกลุ่มของเธอที่เป็นคาสโนว่าตัวพ่อตอบข้อสงสัยของเธอ เขาไม่เคยจีบเธอ เพราะเธอไม่ใช่สเปคเขา แต่ก็มีบางครั้งที่เธอก็เคยถูกมือปลาหมึกของหมอนั่นแตะตัว แต่หลังจากที่เธอจัดการด้วยการพูดตรงๆ และตีตัวออกห่างเขาก็ไม่เคยทำอีกเลย

'เหรอวะ?'

'เออดิ... วิธีการพูดแบบนี้มันทำให้ดูเป็นผู้ชายอ่อนโยนง๊องๆ แง๊งๆ แล้วก็ทำให้เข้ากับผู้หญิงได้ง่ายและไวมาก ถ้ามีคนพูดกับมึงแบบนี้ รู้ไว้เลยว่ามึงกำลังโดนม่อ'

"น้องมีนคะ... น้องมีน" ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นแล้วเริ่มขยับหน้าเข้ามาใกล้เมื่อเห็นคู่สนทนาไม่ตอบ

สาวแว่นเอียงตัวหนีเมื่อเห็นว่าใบหน้านั้นใกล้เข้ามามากเกินไป

"ไฟเขียวแล้วค่ะ" เธอรีบบอก

"ขอบคุณนะคะ" โจตอบพลางยื่นมือที่กุมคันเกียร์มาจับที่มือของอีกฝ่าย มีนดึงมือออกทันทีแล้วแสร้งทำเป็นกดโทรศัพท์มือถือ ในใจก็เร่งให้ถึงที่หมายเร็วๆ

เมื่อถึงหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีนนัดกับแฟนสาวแทนที่ชายหนุ่มจะจอดรถที่ด้านหน้า เขากลับเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถ สาวแว่นกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด

"พี่ว่าจะแวะซื้อของไปฝากบ้านน้องมีนสักหน่อย"

"ไม่ต้องหรอกค่ะ"

"ไม่ได้ๆ อุตส่าห์ได้เจอผู้ใหญ่น่ารักๆ อย่างพ่อกับแม่ของน้องมีน ยังไงก็ต้องฝากเนื้อฝากตัว" เขาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้และพยายามแตะตัวเธออีกครั้ง

มีนรีบเปิดประตูรถทันทีเมื่อรถจอดสนิท เธอไม่อาจทนกับความรุ่มร่ามของผู้ชายคนนี้ได้ เพราะหลังจากที่ถือวิสาสะจับมือของเธอแล้วทุกครั้งที่สบโอกาสเขาก็พยายามจะจับต้นขา โอบไหล่ หรือเอามือและแขนมาเฉียดตัวของเธอตลอดเวลา สาวแว่นลงจากรถและรีบวิ่งไปยังประตูทางเข้า เธอแกล้งบอกเขาไปว่าเธออยากเข้าห้องน้ำ มีนรีบโทรหาทรายทันทีที่เข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ และเมื่อออกมาก็ยิ่งหัวเสียเพราะเธอเห็นโจยืนรอเธออยู่

"น้องมีนนัดเพื่อนไว้ที่ไหนคะ?"

"แถวนี้แหละค่ะ" สาวแว่นตอบเสียงเรียบแล้วรีบออกเดิน

ไม่กี่อึดใจต่อมาเธอก็ได้พบกับแฟนสาว ทรายส่งยิ้มกว้างๆ มาให้แล้วเดินเข้ามากอด

"คนนี้น่ะเหรอ?" สาวหมวยกระซิบถามเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนยิ้มมุมปากอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย

"อื้อ"

"ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราจัดการให้"

ทรายยกมือไหว้โจหลังจากที่มีนฝืนใจแนะนำให้รู้จักอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าของชายหนุ่มยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสาวหมวยหน้าตาดี บุคลิกแอบเปรี้ยวนิดๆ ที่สาวแว่นแนะนำให้รู้จัก

"เพื่อนน้องมีนน่ารักจังเลยค่ะ... วันนี้พี่โชคดีจังที่มีสาวน่ารักตั้งสองคนมาอยู่ด้วย" เขาพูดแล้วหันไปยิ้มให้

โจตามสองสาวไปทุกทีโดยที่ทั้งสองไม่ได้เชิญ เขาจ้องหญิงสาวทั้งสองด้วยดวงตาวาววับ โดยเฉพาะช่วงเวลากินข้าวที่สองสามนั่งตรงข้ามกับเขา ชายหนุ่มจ้องทั้งมีนและทรายอย่างไม่ลดละและเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสบตากลับเขาก็จะยิ่งจ้องและส่งยิ้มน้อยๆ ให้

สาวแว่นรู้สึกเหมือนว่ารอยยิ้มนั้นเหมือนกำลังยิ้มเยาะอยู่ในที ราวกับว่าพวกเธอเป็นลูกไก่ในกำมือ ในขณะที่สาวหมวยรู้สึกเซ็งกับท่าทางแบบนั้นเพราะนี่คือสิ่งที่เธอเคยทำมาแล้วทั้งหมดกับคนที่เธอสนใจ ทรายมองไปที่แฟนสาวที่มีอาการเซ็งๆ ก็รู้สึกเซ็งไปด้วย  เธอจึงเริ่มเอาคืนด้วยการแสร้งทำเป็นสนใจโจด้วยการสบตาแล้วทำท่าเขินอายและแอบมองกลับ ชวนเขาคุยด้วยเสียงออดอ้อน รวมทั้งแอบถามข้อมูลส่วนตัวไปด้วยซึ่งได้มาค่อนข้างน้อยมาก แต่ก็พอจะดูออกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่เจ้าชู้ธรรมดาแน่นอน และอาจจะแอบซ่อนอะไรอย่างอื่นอีก คุยไปคุยมาสักพักเธอก็ขอตัวเพราะดูเหมือนกว่าแฟนสาวนั้นจะเริ่มทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แล้ว มีนเริ่มถอนหายใจบ่อยครั้งและตีต้นขาของเธอเบาๆ ที่ใต้โต๊ะ

"ไปก่อนนะคะ พอดีทรายซื้อตั๋วหนังไว้ก่อนแล้ว ไปเถอะมีน" เธอลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยปากชวนสาวแว่นที่นั่งมองโทรศัพท์มือถือเงียบๆ อยู่นาน

"ขอโทษด้วยนะคะ พอดีไม่รู้ว่าพี่โจจะมาส่งมีน ทรายก็เลยไม่ได้ซื้อเผื่อ" สาวหมวยพูดพลางส่งตาหวานไปให้คู่สนทนาอีกครั้ง

"ไม่เป็นไรค่ะ" ชายหนุ่มตอบ "มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง" เขาพูดเมื่อเห็นมีนเปิดกระเป๋าสตางค์

ทรายดึงมือแฟนสาวไปข้างหลังทันที เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้โจเลี้ยงเป็นแน่ แต่นี่คือโอกาสที่ดีที่จะโบกมือลา เธอรีบดันตัวมีนให้เดินไปที่บันไดเลื่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อโจลับสายตาไปแล้วเธอก็บีบมือสาวแว่นแน่น

สองสาวไปหาที่นั่งคุยกัน พวกเธอได้ที่นั่งในโซนที่ไม่ห่างจากลานสเก็ตเท่าไหร่นัก

"ไหน... เอาเฟซหมอนั่นมาดูหน่อย" สาวหมวยยื่นมือขอโทรศัพท์อีกฝ่าย เธอเลื่อนนิ้วดูแล้วขมวดคิ้ว

"หือ... ถ้าไม่ใช่เกย์ก็คงเป็นพวกคนอวดกล้าม"

รูปที่ทั้งสองเห็นในเฟซบุ๊คของโจคือ รูปของเขาเองในหลากหลายอิริยาบท และรูปพวกนั้นเป็นรูปแบบถอดเสื้อโชว์หุ่น บางรูปเป็นท่าทางงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน มีรูปที่ใส่เสื้อไม่ถึง 10% และมีแคปชั่นเป็นเชิงหมือนผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดเต็มแล้วบอกว่า 'โทรมจัง'

"ดูก็รู้และว่าเป็นพวกที่ชอบคิดว่าตัวเองเพอร์เฟค ชอบคิดว่าผู้หญิงที่มาคุยด้วยนี่จะต้องมาจีบตัวเอง" ทรายพูดต่อ "ฟอร์มจัด เก๊กเท่ หลงตัวเองชะมัด... วันนี้พี่โชคดีจังที่มีสาวน่ารักตั้งสองคนมาอยู่ด้วย มาอยู่ด้วยพ่อมึงสิ ตามมาเองแท้ๆ" เธอบ่นออกมายืดยาว

"ผู้หญิงคนนั้นให้ท่า ชอบพี่ แอบรักพี่ แต่พี่ไม่เอาหรอกผู้หญิงแบบนี้ พี่ไม่ชอบผู้หญิงเล่นเฟซ" สาวหมวยพูดทวนบทสนทนาที่เกิดขึ้นบนรถที่อีกฝ่ายเล่าให้เธอฟัง "บ้าป่ะเนี่ย คิดได้ไง กดไลค์รูปคือให้ท่า ไม่ชอบหรอกผู้หญิงเล่นเฟซ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เล่น เห้ยยยยย... เพี้ยนป่ะ"

มีนไม่ตอบ เธอได้แต่ซบหน้าลงบนไหล่ของแฟนสาว

"เป็นอะไรไป?"

"เหนื่อยชะมัด"

สาวหมวยลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ "โอ๋ๆ ไม่เป็นไรน้า..."

"ขอโทษนะที่เราทำให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องอะไรพวกนี้" มีนพูด

"ขอโทษทำไม... เราต้องช่วยมีนสิ คนแบบหมอนั่นต้องเจอแก้เกมแบบเรา ถ้ามาอีกทีจะเอาให้เงิบเลย"

"ขอบคุณนะ"
 
หลังจากที่นั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ก็ได้เวลาที่พวกเธอต้องกลับกันแล้ว "เราไปส่งเธอที่หอก็แล้วกัน"

"อื้อ"

ก่อนที่มีนจะกลับไปนอกจากจูบหวานๆ แล้วเธอก็ฝากคำพูดทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงไปถึงใบหูว่า

"ที่ร้านอาหาร... เราหึงนะ ไม่อยากให้เธอทำแบบนี้กับคนอื่นเลย บอกตรงๆ ว่าเราหวง"

...

ทรายกำลังวิ่ง...

เธอกำลังวิ่งไปตามทางที่ดูคล้ายกับระเบียงของโรงแรมหรือคอนโดมิเนียม เธอวิ่งไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องหมายเลข 2007 และยื่นมือเข้าไปบิดลูกบิดประตู

ภายในห้องนั้นเหมือนเป็นห้องชุดของคอนโดมิเนียม เธอเดินผ่านเคาน์เตอร์ครัวเข้าไปในห้องนั่งเล่น มีโซฟาเบด โทรทัศน์จอใหญ่ เครื่องเสียง มุมสุดของห้องเป็นห้องน้ำ ทางด้านขวาเป็นประตูห้องนอน และเธอมุ่งความสนใจไปที่ห้องนั้น

ห้องนอนมืดแต่ก็ยังพอมองเห็นจากแสงที่มาจากห้องนั่งเล่น เธอกดสวิชต์ไฟ เมื่อห้องทั้งห้องสว่างเธอก็มองเห็นเตียงขนาด 6 ฟุตอยู่ที่กลางห้อง ทางซ้ายของห้องเป็นคอมพิวเตอร์ ส่วนทางขวานั้นเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีความยาวจากริมผนังด้านหนึ่งไปสุดที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออกก็เดาได้ว่าห้องนี้เป็นห้องของผู้ชาย เธอเปิดประตูตู้ทีละบานๆ ดึงลิ้นชักออกมาทีละชั้นราวกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ และเธอก็พบของสิ่งนั้นในลิ้นชักชั้นล่างสุด ลิ้นชักถุงเท้า

เอ็กซ์เทอร์นอลฮาร์ดดิสถูกต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะภายในห้องนอนหลังจากที่เปิดเครื่องแล้ว สาวหมวยกดดูโฟลเดอร์แต่ละโฟลเดอร์ ทั้งหมดเป็นไฟล์รูปภาพและไฟล์วิดีโอที่มีความยาวแตกต่างกัน และทั้งหมดเป็นรูปการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา

"ชิบหาย" ทรายอุทานออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของคนคุ้นเคยอยู่ในโฟลเดอร์หนึ่ง

จู่ๆ ไฟก็ดับลง สาวหมวยสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ เธอรีบหาที่ซ่อนตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องด้านนอกเปิด เธอวิ่งเข้าไปซ่อนที่หลังประตูห้องนอนด้วยหวังว่าจะใช้มุมอับสายตาเป็นที่ซ่อนเมื่อถูกเปิดออก

แต่แล้วเธอก็รู้สึกอึดอัดเหมือนถูกบางสิ่งรัดคอ มือของเธอป่ายไปมา เธอหายใจไม่ออก และพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไร้ผล สติของเธอเริ่มจะจางหาย แต่แล้วสิ่งที่รัดคอก็ถูกคลายออกหลังจากที่เธอทรุดตัวลงบนพื้นห้อง ปอดของเธอได้รับอากาศอีกครั้ง สายตาที่เริ่มชินกับความมืดก็เห็นร่างๆ หนึ่งยืนอยู่หน้าเตียงนอน ร่างนั้นเป็นร่างของผู้หญิงตัวค่อนข้างสูง เธอคนนั้นบอกกับทรายว่า

"ช่วยด้วย"

"ห้ะ!" สาวหมวยร้องตอบพลางพยายามดันตัวขึ้นมายืน

"ช่วยด้วย... ช่วยมีนด้วย"

"มีน?" ทรายทวนขณะที่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาร่างนั้น "มีนเป็นอะไร? เธอเป็นใคร?"

หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีใบหน้าคล้ายฝรั่ง แต่ภาษาไทยที่พูดออกมานั้นชัดมาก ใบหน้าคมคาย ดวงตาเฉี่ยวของเธอเว้าวอน ร้องขอให้ช่วย สาวหมวยคิดว่าเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนสักแห่งแต่ก็จำไม่ได้ สิ่งที่เรียกความสนใจของเธอคือชื่อของมีน

"ช่วยมีนด้วย" สาวหน้าฝรั่งพูดขึ้นมาอีก "เรารู้ว่าเธอช่วยมีนได้"

"มีนเป็นอะไร?"

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วชี้ไปที่ชั้นวางของที่อยู่ปลายเตียง มีขวดเหล้าฝรั่งขวดหนึ่งวางอยู่

"...ทราย"

"...ทราย"

"ทราย... ทราย... ไอ้ทราย..."

หญิงสาวเจ้าของชื่อสะดุ้งตามแรงเขย่าของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ

"อะไร!" ทรายหันไปหาเพื่อน แล้วมองไปรอบๆ ตัว

"มึงจะนอนไปถึงเมื่อไหร่ ลงมาได้แล้ว ถึงแล้ว" จิ๊บ เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ พูด "นอนได้นอนดี แถมยังละเมองึมงำด้วย"

สาวหมวยขยี้ตาด้วยความงงๆ แล้วลากตัวเองมายืนงงต่อที่หน้าหอพัก

"เป็นอะไรไปวะ?" เตย รูมเมทของเธอถาม "ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอนต่อบนห้องไป"

"...เออ"

ขณะที่เดินเข้าไปที่ตึก ทรายก็เริ่มปะติดปะต่อได้ว่าเธอเพิ่งจะกลับมาจากหัวหินกับเพื่อนๆ ฉลองการสอบเสร็จ สิ่งที่เธอเห็นทั้งหมดเมื่อกี้คือ... ฝัน

"น้องทรายๆ มีจดหมายด่วนมาแหนะ" รปภ. หญิงใต้หอตะโกนบอกเธอแล้วยื่นซองสีขาวมีตราครุฑให้

"อะไรอ่ะ?" รูมเมทถาม

"แกะดูก็รู้" พูดจบสาวหมวยก็ฉีกซอง

ข้อความในจดหมายทำให้เธอขนลุก และยิ่งขนลุกมากขึ้นไปอีกเพราะเสื้อแจ๊คเก็ตที่เธอใส่อยู่นั่นเอง...

จดหมายที่ทรายได้คือหมายเรียกไปเป็นพยานบุคคลในศาลในคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในทุ่งแสลงหลวง เมื่อเห็นนามสกุลของจำเลยเธอก็จำได้ว่าผู้หญิงที่เธอเห็นในฝันนั้นคือแนน น้องสาวของนัท จำเลยของคดีนี้ สาวลูกครึ่งถูกเพื่อนๆ ต่างมหาวิทยาลัยของเธอล่อลวงไปกักขัง หน่วงเหนียว และข่มขืน หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกนัทฆ่าตายทั้งหมด และเกือบจะฆ่าเธอด้วยถ้ามีนไม่เข้ามาช่วย

"แนน..." สาวหมวยพึมพำออกมาเบาๆ เธอมองไปที่เสื้อแจ๊คเก็ตที่เธอใส่คลุมกันหนาวในรถ เสื้อตัวนี้เคยเป็นเสื้อของแนนมาก่อน แล้วสาวแว่นให้เธออีกทีหนึ่ง

ทรายรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องแล้วกดโทรศัพท์หาแฟนสาวทันที

...

"หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ... สวัสดีค่ะ"

สาวหมวยยกมือไหว้พ่อกับแม่ของแฟนสาวหลังจากการพิจารณาคดีจบลง

ผู้ใหญ่ทั้งสองยกมือรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ พวกเขามองหญิงสาวคนนี้ด้วยสายตาไม่สู้ดีนัก เพราะทรายเป็นเพื่อนกับคนที่ทำร้ายแนน และเป็นคนที่ทำให้ลูกสาวของพวกเขาต้องนอนโรงพยาบาลเพราะเข้าไปรับมีดแทนอีกฝ่าย นั่นยังไม่รวมถึงคดีที่อดีตแฟนของสาวหมวยทำร้ายมีนบนรถเมล์อีกด้วย

"มีนกลับบ้านเถอะ" แม่ของสาวแว่นเรียกเมื่อเห็นลูกสาวยังคงยืนคุยกับทรายอยู่

"เดี๋ยวเราโทรหานะ" มีนกระซิบบอกอีกฝ่าย มือของทั้งสองบีบกันแน่น

"อื้อ... ระวังตัวด้วยนะ"

ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านสาวหมวยนึกถึงไปที่รูปของแนนที่พ่อกับแม่ของสาวลูกครึ่งถือติดมือมาด้วยในการพิจารณาวันนี้ ช่วงเบิกความเธอเห็นนัทนั่งก้มหน้าตลอดเวลา เขาเหลือบตาขึ้นมามองเธอกับมีนนิดหน่อย หันไปมองพ่อกับแม่ของตัวเองแล้วก้มหน้าต่อ ทรายได้แต่มองหน้าแฟนสาวและรูปของแนนแล้วก็ได้แต่นั่งคิดถึงสิ่งที่เธอฝันเห็น

...

สามสัปดาห์ต่อมา...

"เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแฟนแกเลย มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าวะ?" เตยถามขณะทรายที่ทั้งสองนั่งอยู่บนรถแท็กซี่เพื่อไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า

"ช่วงนี้มีนยุ่งๆ น่ะ บอกว่าอาจารย์เรียกติวเพราะอยากให้สอบชิงทุน"

"สอบชิงทุนเหรอ?"

"อื้อ... สอบได้คะแนนดี เห็นว่าน่าจะมีหวังก็เลยติวให้น่ะ"

"โห... ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้ว แบบนี้เวลาเจอกันก็น้อยลงไปอีกดิ แล้วแกไม่เซ็งแย่เหรอวะเนี่ย?"

สาวหมวยถอนหายใจ "ทำไงได้ล่ะ ก็ต้องทนสิ ตอนนี้ก็โทรคุยกันวันเว้นวัน บางทีก็สองสามวันครั้ง เหงาเป็นบ้า"

"เหงาก็คุยกับคนในสต็อกของแกดิ" รูมเมทพูดแซว "ยังมีอยู่ไม่ใช่เหรอ?"

"ไม่มีแล้วเว้ย!" ทรายตอบเสียงดัง "เลิกหมดแล้ว บอกแล้วไงว่าคนนี้เอาจริง"

"เออๆๆ แซวหน่อยก็ไม่ได้ แตะมีนไม่ได้เลยเนี่ย ชักอยากรู้ซะแล้วละสิว่าทำยังไงถึงเปลี่ยนคนอย่างแกจากเมื่อก่อนเป็นแม่เสือสาวให้เป็นลูกแมวแบบนี้ได้"

สาวหมวยไม่ตอบ เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้ สาวแว่นไม่ใช่แค่คนในสเปคเท่านั้น แต่เป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอ คนที่ยอมเปลี่ยนใจจากแนน เพื่อนสมัยเด็กที่แอบรักมานานมาคบกับเธอ คนที่ดูแลและช่วยเหลือเธอในเวลาที่เดือดร้อน คนที่คิดถึงเธอก่อนตัวเองเสมอ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เธอเลิกทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำ และยิ่งคำว่า 'หึง และ หวง' มีนเคยเอ่ยปากบอก ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าที่จะมองใครอีกเลย

เมื่อสองสาวเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าได้พักใหญ่ ทรายก็ได้พบกับคนที่เธอไม่อยากจะเจอ นั่นก็คือโจ...

"สวัสดีครับน้องทราย" ชายหนุ่มเดินเข้ามาทักขณะที่เธอและเตยกำลังเลือกดูเครื่องเขียน

สาวหมวยหันไปมอง เธอปั้นหน้าฉีกยิ้มแล้วยกมือไหว้ในเวลาไม่กี่วินาทีแต่ในใจกำลังร้องกรี๊ดดวยความหงุดหงิด

"สวัสดีค่ะพี่โจ"

"น้องทรายมาซื้อของเหรอครับ?"

"ค่ะ... มากับเพื่อนค่ะ นี่เตย" เธอแนะนำรูมเมทให้รู้จัก "นี่พี่โจ รุ่นพี่ของมีน"

ที่เธอใช้คำว่า 'รุ่นพี่' เพราะว่าเธอไม่อยากนับญาติผู้ชายคนนี้กับแฟนสาวของเธอ

โจยิ้มมุมปากให้กับคำพูดของอีกฝ่ายแล้วปรายตาวาวๆ มองไปที่เตยและสบตาทราย เป็นสายตาที่สาวหมวยรู้ได้ทันทีเลยว่าเขากำลังเริ่มหว่านสเน่ห์กับพวกเธอ

"น้องเตยผิวสวยจังเลยครับ" ชายหนุ่มพูดพลางใช้สายตาโลมเลียไปทางเพื่อนสาว

ใบหน้าของเตยร้อนขึ้น ผิวสีน้ำผึ้งที่เธอภูมิใจและไม่สนใจว่าใครจะด่าว่าเธอดำดูมีค่าในสายตาของหนุ่มหล่อคนนี้ คำพูดนั้นทำให้เธอประทับใจมาก รูมเมทสาวยิ้มกว้างๆ ด้วยความดีใจปนเขิน

"ขอบคุณค่ะ"

"สาวๆ มาซื้อของกันแค่สองคนแบบนี้ อยากได้บอดี้การ์ดช่วยถือของมั้ยครับ?"

"ม... / ได้สิคะ" เตยตอบรับก่อนที่ทรายจะพูดออกไป

สาวหมวยหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วทำมือว่าขอคุยด้วย "ขอเวลาแป๊บนึงนะคะ"

"แก... ฉันว่าไม่ดีว่ะ" ทรายกระซิบหลังจากดึงเพื่อนออกมาให้ห่างจากโจ

"ทำไมวะ?"

"คนนี้เป็นคนที่มีนดูตัวตามคำสั่งของที่บ้าน ท่าทางโคตรร้ายอ่ะ"

รูมเมทสาวแอบมองชายหนุ่ม "นี่ผีเห็นผีสินะถึงรู้ว่าร้าย"

"เออ"

"ลองแกล้งให้เลี้ยงข้าวแล้วชิ่งมั้ยล่ะ" เตยเสนอ

"จะดีเหรอวะ?"

"ดีสิ ตอนนี้อยากกินอะไรแพงๆ"

สาวหมวยเม้มปากอย่างชั่งใจ แต่เพื่อนสาวก็แซวว่า "อะไรวะ อย่าบอกนะว่าป๊อด ตั้งแต่มีแฟนแล้วไม่กล้าทำอะไรเลย สิ้นลายคาสโนวี่จริงๆ แล้วอ่ะดิแกอ่ะ"

"เออๆๆ ก็ได้ๆ" ทรายเชิดหน้าขึ้นแล้วเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมา เธอและเตยเดินกลับเข้าไปหาโจที่ยืนรออยู่

ระหว่างที่ทั้งสามเดินไปที่ร้านอาหารนั้นทรายก็เริ่มส่งสายตา แอบๆ มองพอให้ชายหนุ่มรู้ตัว แต่พออีกฝ่ายหันมาก็ทำเป็นมองไปทางอื่นแล้วก็แกล้งทำตัวนิ่งๆ เพื่อให้โจสนใจ ในขณะที่รูมเมทสาวใช้วิธีพูดแบบโยนหินถามทาง

"พี่โจมาเดินเล่นที่ห้างแบบนี้คนเดียวบ่อยเหรอคะ?"

"ก็แล้วแต่โอกาสครับ วันนี้มาหาลูกค้าข้างนอกเลยแอบมาเดินเล่นบ้าง"

"แฟนไม่ว่าเหรอคะ?"

"ไม่..." ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบเตยก็พูดแทรกต่อ

"ไม่ว่าหรอคะ แฟนพี่ใจดีจัง"

"พี่ยังไม่มีแฟนครับ"

"อ้าวเหรอคะ... นึกว่าพี่มีแฟนแล้วซะอีก"

"เอ... หน้าพี่เหมือนคนมีแฟนแล้วเหรอครับ?"

"ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ พี่ทั้งหล่อ ทั้งใจดี แถมยังมาเทคแคร์เด็กกะโปโลอย่างพวกเตยอีก ก็เลยสงสัยว่าทำไมแฟนพี่ใจดีจังถึงให้พี่มาเดินห้างคนเดียว"

รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม สาวหมวยและเพื่อนรู้ตัวแล้วว่าพวกเธอกำลังเล่นอยู่กับไฟ แต่พวกเธอก็ยังแกล้งทำเนียนๆ นิ่งๆ แอบสบตา คุยหยอด และยิ้มตอบขณะที่กำลังกินอาหารญี่ปุ่นชุดใหญ่

"ทำไมวันนี้น้องทรายไม่ค่อยพูดเลย?"

"เอ่อ... มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ" ทรายตอบ ก่อนที่เธอจะอธิบายอะไรออกไปมีนก็โทรศัพท์เข้ามาหา "ขอโทษนะคะ" เธอกดรับสายแล้วเดินออกไปข้างนอกร้าน

"ทราย... เราไปหาเธอได้มั้ย?" เสียงของสาวแว่นไม่สู้ดีนัก

"ได้สิ... มีนเป็นอะไร?"

"เราค่อยเล่าให้เธอฟังทีหลังนะ ตอนนี้เราอยากเจอเธอมากเลย"

"โอเค... งั้นเจอกันที่บ้านเราละกัน"

เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ สาวหมวยก็แอบโจกุมมือของเพื่อนสาวอยู่ พอเธอไปถึงเตยก็รีบดึงมือกลับ เธอลงไปนั่งข้างๆ แล้วยิ้มให้

"คุยอะไรกันอ่ะ?" ทรายแอบเนียนถาม

"คุยเรื่องแฟน เรื่องความรัก" รูมเมทสาวตอบ "เราบอกว่าเราถูกกั๊กมาสักพักล่ะ จนตอนนี้เริ่มปลง เผื่อชีวิตจะเจออะไรที่ดีกว่า"

ทรายขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย สิ่งที่เพื่อนสาวพูดเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ และคนที่จะติดกับนั้นก็คงจะเป็นตัวของเตยเอง ซึ่งสาวหมวยไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

"แล้วเมื่อกี้ใครโทรมา?"

"แม่น่ะ วันนี้อยากให้เข้าบ้าน อยากให้แกไปด้วย" ทรายโกหก เธอไม่อยากบอกว่ามีนโทรมา แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยเพื่อนสาวทิ้งไว้กับผู้ชายคนนี้

"แม่แกอยากเจอฉันเหรอ?"

"อื้อ"

"งั้นเดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วค่อยไปบ้านแกละกัน"

โจที่แอบฟังอยู่ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า "ให้พี่ไปส่งมั้ยครับ?"

"ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราไปกันเองได้ พี่อุตส่าห์เลี้ยงข้าวแล้ว เกรงใจค่ะ"

เตยเดินไปเข้าห้องน้ำทิ้งสาวหมวยอยู่กับชายหนุ่มไว้ตามลำพัง เธอรู้สึกถึงสายตาโลมเลียของโจที่จ้องมองเธอ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาใกล้ แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ใกล้เธอมาก ใกล้จนเธอเห็นเขาสูดกลิ่นแชมพูจากเส้นผมของเธอ เธอแอบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก

"วันนี้ไม่ค่อยพูดเลย... หรือว่าตื่นเต้นที่ได้เจอพี่คะ?"

"ก็เขินๆ อ่ะค่ะ"

"เขินอะไรเหรอ?"

"ไม่ค่อยได้กินข้าวกับผู้ชายนานแล้ว ส่วนมากทรายจะไปไหนมาไหนคนเดียว หรือไม่ก็กับเพื่อนผู้หญิงมากกว่า"

"แสดงว่าพี่เป็นผู้ชายที่ได้ทานข้าวกับน้องทรายในช่วงนี้สินะคะ?"

"ก็... ประมาณนั้นแหละค่ะ"

"น้องทรายคิดว่าถ้าพวกเราไม่ใช่แค่ทานข้าวแต่ไปทำอย่างอื่นด้วยกัน ประมาณว่าดูหนังหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดนี่พอได้มั้ยคะ?" เขาใช้มือโอบเอวของเธอแล้วพูดเสียงเบาพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้แก้มของเธอ

"แบบที่พี่พูดทรายว่าไปกับเพื่อนๆ ก็ดีนะคะ ไปกันเยอะๆ สนุกดี ทรายเป็นพวกเพื่อนเยอะค่ะ ทั้งเพื่อนผู้ชายแล้วก็เพื่อนผู้หญิง" สาวหมวยขยับตัวออกห่างทันที

"พูดถึงเพื่อนผู้หญิง... แล้วน้องทรายสนิทกับน้องมีนมากมั้ยครับ?"

ทรายไม่ตอบ และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เตยเดินมาพอดี เธอจึงชวนออกไปข้างนอก

"หงุดหงิดว่ะ คิดว่าตัวเองหล่อ คารมดี มีเงิน มีรถขับ ก็คว้าสาวไปกิน แต่ขอโทษเหอะ กูไม่ได้ชอบผู้ชายเว้ย" สาวหมวยบ่นตอนที่กำลังรอรถแท็กซี่ ในขณะที่เพื่อนของเธอยืนมองโทรศัพท์เงียบๆ

"มีอะไรวะ?"

"ไปกับแกไม่ได้แล้วว่ะ... นึกได้ว่ามีธุระ"

ทรายมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อนัก แต่เตยก็ไม่ได้ส่อพิรุธอะไร "มีธุระจริงๆ" รูมเมทสาวพูด

"เออๆ ไปเหอะ โทรหาด้วยนะ"

"เออ แกก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ"

เตยเดินแยกตัวออกไปในช่วงที่สาวหมวยได้รถแท็กซี่พอดี หลังจากนั้นเธอก็รีบกลับบ้านเพื่อไปหาแฟนสาวที่กำลังเดินทางไปพบเธอที่บ้านเช่นกัน

มีนกอดเธอทันทีที่เจอหน้า ทรายได้แต่ขมวดคิ้วแล้วก็รีบพาอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน วันนี้พ่อกับแม่ของเธอไม่อยู่ จึงมีพวกเธออยู่แค่สองคน

"หิวมั้ย... อยากกินอะไรหรือเปล่า..." สาวหมวยถามเมื่อพาอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียงในห้องนอน

สาวแว่นส่ายหน้าแล้วซบหน้าลงบนไหล่แฟนสาว "ขออยู่แบบนี้สักพักนะ"

"อื้อ" ทรายรับคำแล้วค่อยๆ ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาหาเธอ ตอนนี้ทั้งสองนั่งกอดกันบนเตียง มีนดูอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกินในเวลานี้

"อยากเล่าอะไรให้เราฟังมั้ย?"

สาวแว่นถอนหายใจ "เรื่องมันเยอะไปหมดเลย... ทั้งเรื่องติว เรื่องที่หมอนั่นมาหาพ่อกับแม่เราที่บ้านทุกอาทิตย์ ไปดักเจอเราที่มหา'ลัยแทบจะทุกวันอีก"

"บ้าเอ้ย!" สาวหมวยสบถ

"ตอนแรกเราจะคุยกับพ่อกับแม่เรื่องที่เราจะสอบชิงทุน แต่พ่อกับแม่เอาเรื่องนี้มาพูดก่อนก็เลยไม่ได้คุยเรื่องทุน พวกเขาก็ชอบหมอนั่นมาก... เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไม... เราว่าเรามันธรรมดาเกินกว่าที่จะทำให้ผู้ชายแบบนั้นสนใจเราได้"

"นี่มีนไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน" ทรายพูด "เราเองก็เคยเป็นเหมือนหมอนั่น แต่พอมองดูมีนแล้วเรารู้เลยว่ามีนเป็นคนพิเศษที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ เราถึงไม่มองคนอื่นนอกจากมีนไง ในสายตาของเรามีนเป็นคนที่โคตรเพอร์เฟค โคตรน่าค้นหาเลยนะ ไม่แปลกหรอกที่หมอนั่นจะเข้าหาแล้วก็อยากเอาชนะ"

มีนนิ่งแล้วพูดต่อไปว่า "ก่อนหน้านี้ที่เคยดูตัวส่วนใหญ่พ่อกับแม่เราก็แค่แนะนำ ไม่ได้บังคับ ชอบก็คุยต่อ ไม่ชอบก็ไม่ต้องคุย แต่กับคนนี้พวกเขากลับบังคับให้เราต้องคบกับเค้าให้ได้ บอกว่าครอบครัวเขากับครอบครัวเรารู้จักกันมานาน เค้าจะดูแลเราได้ พอเราบอกว่าหมอนั่นเจ้าชู้ พวกเขาก็บอกว่าผู้ชายที่ไหนก็เจ้าชู้หมด เค้าจะคบ หาเศษหาเลยที่ไหนก็ตามใจแต่อย่าให้มีเป็นตัวตนก็พอ แล้วก็บอกว่าเราไปเจอกับผู้ใหญ่ทางนั้นเอาไว้แล้วด้วย บอกว่าเราเคยเข้าบ้านเค้าแล้วยังไงก็ต้องคบ"

"แค่พาเข้าบ้านการันตีไม่ได้หรอกว่าจะอยู่กันยืด จากประสบการณ์เรานะเราเคยเห็นญาติผู้ชายของเราคนนึงพาผู้หญิงมาเจอแม่เค้าที่งานเลี้ยงของบ้านหรืองานแต่งของคนในบ้านมามากกว่า 10 คน พอใครต่อใครถามเค้าว่าใช่แล้วใช่ไหม เค้าจะกระซิบบอกคนในบ้านว่ายังไม่ไช่หรอกพี่ ถ้าไม่พาผู้หญิงมา ก็จะว่าไม่จริงใจกับเค้า" สาวหมวยพูด

"เราก็บอกไปอย่างนั้นเหมือนกัน" มีนพูดต่อ "แต่พูดยังไงพวกเขาก็ยังไม่ฟังจนเราบอกว่าเรามีแฟนแล้ว"

"แล้วพวกเขาว่ายังไง?"

"ก็ถามว่าแฟนเราเป็นใคร เราก็บอกว่าเธอเป็นแฟนเรา คบกันมาสักพักแล้ว" สาวแว่นถอนหายใจ "พอเราพูดจบแม่ก็นิ่งไปเลย ส่วนพ่อก็ด่าเรายาว"

ทรายจูบผมของอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ "แล้วมีนทำยังไงล่ะ?"

"เราไม่พูด ไม่ได้เถียงอะไร พอพ่อด่าเราจบเราขึ้นไปเก็บของที่ต้องใช้แล้วก็ออกมาหาเธอ... เรารู้ว่าสำหรับพวกเขามันรับได้ยาก เราพยายามทำใจ ไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจ เราคิดว่าเราคงต้องให้เวลาพวกเขาปรับตัว แต่ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน"

มีนขยับตัวขึ้นมา เธอสบตาอีกฝ่าย

"ตอนนั้นเราคิดถึงแต่เธอ... เธอเป็นคนเดียวที่เราอยากเจอ อยากอยู่ด้วย"

สาวหมวยประคองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วจูบอย่างอ่อนโยน เธอรู้สึกสงสารแฟนสาวจับใจ เมื่อถอนจูบออกสาวแว่นพูดพูดต่อว่า

"ถ้าเรียนจบแล้วพวกเรามาอยู่ด้วยกันนะ"

"ว่าไงนะ?"

"เราอยากอยู่กับเธอ... ตอนนี้เรากำลังหาทางอยู่"

"หาทาง? ยังไง?"

มีนเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่า มีคนที่เธอเคยไปดูตัวด้วยเป็นเกย์ และเธอนับถือผู้ชายคนนี้เป็นพี่และค่อนข้างสนิทกัน คุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง เขาคนนี้ทำงานในบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ รับปากเธอว่าจะช่วยแนะนำงานและหาที่อยู่ใหม่ให้ถ้าเรียนจบ และในเทอมหน้าเธอก็จะได้ฝึกงานที่บริษัทนี้ด้วย

"เราคุยกับพี่เค้าเพราะเราปรึกษากับเค้าเรื่องเธอก่อนที่พวกเราจะคบกัน"

"แล้วเรื่องสอบชิงทุนล่ะ?"

"ไม่รู้สิ ไม่อยากติวแล้ว ถึงสอบได้เราก็ไม่อยากไป"

"ทำไมล่ะ?"

"เราไม่อยากไป... บอกแล้วไงว่าเราอยากอยู่กับเธอ"

ทรายยิ้ม "ขอบคุณนะ... แต่มีนไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้หรอก ติวกับอาจารย์ต่อแล้วไปสอบเถอะ ถึงมีนจะได้ทุนไปเรียนต่อจริง เราจะรอมีนอยู่ทางนี้ เราไม่หนีมีนไปไหนหรอก"

สาวหมวยดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด "มีนพักก่อนเถอะ... อย่าแบกอะไรเอาไว้คนเดียว เราอยากให้มีนรู้ว่าตอนนี้มีนไม่ใช่ลูกคนโตของบ้าน มีนไม่ใช่คนที่ถูกอาจารย์คาดหวัง มีนเป็นแฟนเรา แล้วเราจะอยู่ข้างๆ มีนเอง"

พักใหญ่ต่อมาสาวแว่นก็หลับไป ทรายค่อยๆ ลุกออกจากเตียงนอนแล้วกดโทรศัพท์หาเตย แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย

"มันทำอะไรอยู่วะ?" เธอบ่นออกมาเบาๆ แล้วเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหาของกิน

...

สองสัปดาห์ต่อมา ที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะ...

"ไอ้มีน เอาหวานคืนมา" ชายหนุ่มผมยาวตัวใหญ่ในเสื้อชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์และเสื้อช็อปเดินเข้ามาโวยวาย

หญิงสาวเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาจากกองชีท เธอทำหน้างงๆ

"อะไรนะ?"

"เอาหวานคืนมา!"

"เราไม่ได้เจอหวานมาเป็นอาทิตย์แล้ว" มีนตอบแล้วก้มหน้าอ่านชีทในมือต่อ

หนุ่มผมยาวปัดชีทออกจากมืออีกฝ่ายด้วยความโมโห เขาคว้าคอเสื้อสาวแว่นขึ้นมา

"ไอ้ป๊อป!" เพื่อนๆ ที่อยู่แถวนั้นร้องเสียงหลง "มึงจะทำอะไร!"

"มึงไปบอกให้ไอ้เหี้ยนั่นคืนแฟนกูมา!"

มีนพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกจากคอเสื้อของตัวเอง "ใคร! หวานไปกับใคร?"

"ไอ้ตี๋ที่เคยมารับมึง มาเฝ้ามึงไง มึงไปบอกมันให้คืนแฟนกูมา"

สาวแว่นแกะมืออีกฝ่ายได้สำเร็จโดยมีเพื่อนๆ คอยช่วย เธอมองหน้าหนุ่มผมยาว

"กูไม่รู้เรื่อง"

"มึงอย่ามาโกหกกู!" ป๊อปตะโกนใส่หน้าเธอ "กูเห็นหวานขึ้นรถไปกับไอ้เหี้ยนั่น รถคันเดียว ป้ายทะเบียนเดียวกับที่มึงบอกให้กูจด"

"กูไม่รู้เรื่องจริงๆ"

"มึงต้องรู้! ไอ้เหี้ยนั่นมาหามึงแล้วก็เอาหวานไป"

มีนเม้มปาก "มึงก็เห็นอยู่ว่าวันๆ กูอยู่ในห้องเรียน อยู่แล็ป ติวกับอาจารย์ ขนาดแฟนกูกูยังไม่ได้เจอเลย ผู้ชายคนนั้นกูก็เลี่ยงพยายามไม่เจอมันตลอด มึงก็รู้มึงก็เห็นใช่มั้ย?"

หนุ่มผมยาวทำท่าฮึดฮัดเพราะอีกฝ่ายหนึ่งพูดถูกต้องทุกอย่าง "กูเห็นหวานไปกับมันหลายครั้งแล้ว ทำไมวะ! ทำไมต้องเอาแฟนกูไปด้วย!" เขาทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่ง

"มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ" สาวแว่นพูดแล้วหันไปบอกเพื่อนคนอื่นๆ ว่าไม่มีอะไรแล้ว เพื่อนๆ จึงแยกย้ายกลับไปทำกิจกรรมของตัวเองตามเดิม

"เรื่องหวานกูจะช่วยมึงอีกทาง" เธอตบไหล่เขา

"เออ... ถึงมึงไม่ช่วยกูก็จะบังคับให้มึงช่วย"

 ป๊อปและสาวแว่นเริ่มวิธีการที่ง่ายที่สุดในการตามหาตัวหวาน นั่นคือโทรศัพท์หาอีกฝ่าย

...

"เชี่ยยยยย" เตยสบถออกมาขณะที่นั่งอยู่บนเตียงในหอพัก บ่ายนี้เธอและรูมเมทไม่มีเรียนทั้งสองเลยนอนเล่นที่หอแทนที่จะออกไปข้างนอก

"อะไรวะ?" ทรายที่ได้ยินเสียงก็หันมาถาม

"ป... เปล่า" รูมเมทสาวตอบ เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปที่โต๊ะหนังสือ เปิดลิ้นชักแล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาหลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำ

ในห้องน้ำ เตยรูดซิปกระเป๋าใบเล็กออก ด้านในมีสมุดบัญชีธนาคารอยู่สองเล่ม เธอเปิดดูยอดเงินคงเหลือในสมุดบัญชีแล้วถอนหายใจ

'ทำไงดี?'

อาการของรูมเมทสาวดูกระสับกระส่ายหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอยืนมองดูสาวหมวยที่นอนคว่ำหน้าอ่านนิยายอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ปากของเธอสั่นก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

"ก... แก"

"หือ" ทรายขานรับในลำคอ ดวงตายังจ้องที่หน้ากระดาษ

"ยืมตังค์หน่อยดิ"

"อื้อ... เอาเท่าไหร่อ่ะ?"

"อ... เอ่อ... สาม..."

"สามสิบ สามร้อย หรือสามพัน?" สาวหมวยถามกลับ

"ส... สามหมื่น"

ทรายเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนทันที เธอเห็นใบหน้าของเตยเต็มไปด้วยความกังวล ความกลัว และความเศร้า ดวงตาของอีกฝ่ายมีน้ำตาคลอ

"เกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นอะไรทำไมถึงต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้?" สาวหมวยรีบลุกจากเตียงเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายแล้วถามทันที

รูมเมทสาวโผเข้ากอดเพื่อนแล้วร้องไห้โฮออกมา ทรายตกใจแต่ก็กอดตอบแล้วพยายามปลอบเพื่อนและพยายามให้อีกฝ่ายเล่าว่าทำไมถึงต้องใช้เงินมากขนาดนี้

"แกจำวันที่แกกลับบ้านไปก่อนได้มั้ย? วันที่เจอกับพี่โจ"

"จำได้... หรือว่าแก..." สาวหมวยพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ

"ฉันไปกับเค้า ฉัน... พวกเรามีอะไรกัน"

 "แล้ว..."

"ตอนนั้นอารมณ์มันพาไป รู้ตัวอีกทีก็เห็นกล้องวิดีโอที่ตั้งถ่ายอยู่ในห้องแล้ว"

"ชิบหาย!" ทรายอุทาน "แล้วไงอีก!"

"มันบอกว่าถ้าไม่ยอมทำตามที่สั่งหรือเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น มันจะปล่อยคลิปลงเน็ต" เตยพูดเสียงเครือพลางปาดน้ำตา "หลังจากนั้นเวลาโดนเรียกตัวไปอีก 2 - 3 ครั้ง ฉันก็ต้องไปหา ไปให้มันเอาแล้วก็โดนถ่ายคลิปอีก"

"เลว!"

"เมื่อกี้มันไลน์มาบอกว่าถ้าอยากให้ลบคลิปก็เอาเงินให้มัน 50,000 ไม่งั้นมันจะส่งให้เพื่อนในเฟซทั้งหมด ลงเฟซมหา'ลัยด้วย แล้วมันก็แปะลิ้งก์คลิปของฉันมาด้วย"

สาวหมวยกัดริมฝีปากแน่น "แมงดาชัดๆ"

"ฉันจะทำยังไงดีวะ เสียทั้งเงิน เสียทั้งตัว แม่งเอ้ย ไม่น่าโง่เลยกู!" พูดจบรูมเมทสาวก็ร้องไห้ฟูมฟาย

"อย่าจ่าย! จ่ายปุ๊บคลิปหลุดทันที ถึงไม่หลุดมันก็จะเอามาแบล็กเมล์แกได้อีกไม่จบไม่สิ้น... แล้วนี่แกไปแจ้งความหรือยัง?"

"ไม่เอาอ่ะ ไม่แจ้ง"

"ต้องแจ้งนะเว้ย ลงบันทึกประจำวันไว้ก็ได้ว่าถ้ามีคลิปแกหลุดออกมาเป็นฝีมือของมัน ทั้งผิดกฎหมาย ข่มขู่ กรรโชคทรัพย์ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เอาผิดแม่งได้หมด"

"ไม่เอา... ไม่แจ้ง!"

ไม่ว่าทรายจะเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายไปแจ้งความสักเท่าใด เตยก็ยังไม่ยอมแถมร้องไห้หนักขึ้นจนเธออ่อนใจ เธอพยายามทำความเข้าใจว่าเพื่อนเสียใจมากแล้ว และรู้สึกอับอายกับเรื่องแบบนี้ หลังจากปลอบอีกฝ่ายให้สงบลงแล้วสาวหมวยก็ถามว่า

"แกรู้ใช่มั้ยว่ามันอยู่ที่ไหน?"

"รู้..." รูมเมทพูดด้วยเสียงปนสะอื้น แต่เธอก็ทำท่าเหมือนจะนึกอะไรได้แล้วรีบไปที่กระเป๋าถือแล้วหยิบกุญแจออกมาดอกหนึ่ง

"อะไรวะ?" ทรายถาม

"กุญแจห้องที่คอนโด ฉันแอบหยิบมาตอนมันเข้าห้องน้ำ"

"หยิบมา? แล้วมันไม่สงสัยเหรอวะ?"

"ไม่รู้ เพราะฉันชิ่งออกมาก่อนที่มันจะอาบน้ำเสร็จ"

ทรายมองดูนาฬิกา ตอนนี้บ่ายสองโมงของวันอังคาร วันนี้วันทำงานและน่าจะทางสะดวกหากพวกเธอแอบเข้าไปที่คอนโด เธอถามข้อมูลอีกฝ่ายและตกใจว่าข้อมูลนั้นตรงกับที่เธอฝัน... และเป็นฝันที่เธอเห็นแนนขอร้องให้เธอช่วยมีน

"แต่งตัวเหอะ ฉันว่าฉันคิดอะไรออก"

...

"มันมาแล้ว"

ป๊อปส่งแชทข้อความหามีนที่นั่งหลบหลังเสาอยู่ในโรงอาหาร สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่หวาน สาวหมวยผมบ๊อบแฟนของเขา

"มันเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้ว" สาวแว่นตอนกลับ

โจเดินเข้ามาทักทายหวาน ท่าทางทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ไม่นานแล้วดูเหมือนจะชวนกันออกไปด้านนอก

"กำลังออกไปแล้ว เตรียมตัวไว้" มีนกดส่งข้อความแล้วรีบแอบออกไปประตูอีกด้านหนึ่งของโรงอาหาร เธอสวมหมวกแก๊บแล้วเดินตามหลังทั้งสองไปที่ลานจอดรถกลางแจ้งของมหาวิทยาลัย เธอเห็นทั้งสองกำลังขึ้นรถของชายหนุ่ม

ไม่กี่อึดใจต่อมามอเตอร์ไซด์ระบบออโตเมติกเข้ามาเทียบจอดข้างๆ เธอ หลังจากที่บุคคลทั้งสองขึ้นรถไปแล้ว สาวแว่นรับหมวกกันน็อคมาถือไว้

"แกตั้งมือถือของหวานแล้วใช่มั้ย?"

"โหลดแอปกับตั้งค่าแล้ว" หนุ่มผมยาวยื่นมือถือของตัวเองให้อีกฝ่าย

"งั้นก็ตามตัวได้แล้ว" เธอมองไปที่แอป 'Find My iPhone' ที่เพื่อนเปิดไว้และเห็นว่าตำแหน่งของโทรศัพท์อีกเครื่องนั้นกำลังเคลื่อนออกไปจากบริเวณมหาวิทยาลัย

"ไปเหอะ"

ป๊อปขี่มอเตอร์ไซด์โดยมีมีนนั่งซ้อนท้ายตามรถของโจไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง พวกเขาคลาดกับรถคันนั้นเพราะไม่สามารถขึ้นบนทางด่วนได้ ทั้งสองจึงจอดแวะในปั๊มน้ำมันเพื่อรอให้รถคันนั้นจอดสนิทและตามพิกัดจากไอโฟนของหวานไปยังที่หมาย

ระหว่างที่รออยู่นั้นสาวแว่นก็ทำอะไรบางอย่างบนโทรศัพท์ของเธอ และโทรหาใครบางคน

"เหรอคะ? ไม่ทราบว่าออกไปนานแล้วหรือยังคะ... ค่ะ... ค่ะ... ขอบคุณมากนะคะ"

"ทำไรวะ?"

"กูเสิร์จหาชื่อมันในเว็บบริษัทที่โชว์ในเฟซ ไม่เจอชื่อมันว่ะ ไม่มีชื่อมันทุกบริษัทที่มันเขียนว่าเคยทำงานด้วย เลยลองไล่โทรเข้าบริษัททุกที่เลย รู้มะว่าคนที่นั่นบอกว่าอะไร"

หนุ่มผมยาวส่ายหน้า

"ทุกที่ตอบเหมือนกันหมดว่า มันไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้ว ที่สุดท้ายที่โทรไปบอกตรงๆ กะกูว่ามันโดนไล่ออกข้อหาชู้สาวเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว"

"ห่า! โดนไล่ออก ถึงว่ามีเวลามาจีบมึงมาม่อแฟนกู แล้วมันเอาเงินที่ไหนใช้วะ?"

"บ้านมันก็พอมีตังค์อยู่ พ่อแม่ตามใจ แต่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่ามันไม่ทำงานอ่ะดิ ท่าทางแอ๊บเก่ง"

"กูก็เพิ่งเห็นผู้ชายมารยาเยอะก็ครั้งนี้นี่แหละ" ป๊อปพูดพลางเกาหัว แล้วเขาก็หันไปมองมือถือตัวเอง

"หยุดแล้ว น่าจะใช่ที่นี่แหละ" จากแอปเขาเห็นโทรศัพท์ของแฟนสาวหยุดอยู่ที่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักใจกลางกรุงเทพฯ

มีนหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวมแล้วเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถมอเตอร์ไซด์

...

เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงจุดที่โทรศัพท์ของหวานหยุดนิ่งอยู่ในแผนที่ ทั้งสองเงยหน้ามองอาคารที่ตั้งอยู่ในกลางเมือง... คอนโดนของโจ

"จะขึ้นไปได้ยังไงวะ? อยู่ชั้นไหนห้องไหนก็ไม่รู้" หนุ่มผมยาวถาม

"ลองโทรหาหวานมั้ย?" สาวแว่นพูด

ป๊อปทำตามที่เพื่อนบอกทันที เขายืนฟังเสียงเพลงรอสายของแฟนอยู่พักหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า มีนหน้านิ่วพลางคิดว่าจะทำยังไงดี แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปที่เบอร์ของโจ

"น้องมีน?" ปลายสายปล่อยให้เธอรออยู่พักหนึ่งแล้วตอบรับ

"ขอโทษที่โทรมารบกวนเวลางานนะคะ พอดีว่าแม่จะให้มีนส่งของให้พี่โจค่ะ รบกวนขอที่อยู่ด้วยค่ะ"

"เดี๋ยวพี่ไปรับที่มหา'ลัยหรือที่บ้านก็ได้นี่นา ไม่ต้องเสียเงินส่งมาหรอกค่ะ"

"พอดีของมาจากต่างประเทศน่ะค่ะ เขาต้องใช้ชื่อที่อยู่ผู้รับ"

"เหรอๆ หม่าม้าน้องมีนส่งอะไรมาให้พี่คะเนี่ย?"

"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"

"หรือว่าเป็นของที่พี่เคยขอไปน้า..."

สาวแว่นกัดริมฝีปากเพื่อสะกดความหงุดหงิด 'นี่มันไปขออะไรที่บ้านกูวะ!' แต่เธอก็กลั้นใจแล้วพูดต่อไปว่า "ขอที่อยู่เลยได้มั้ยคะ พอดีมีนจะต้องกลับเข้าไปเรียนแล้ว"

"โอเคๆ เตรียมจดนะคะ"

มีนภาวนาให้อีกฝ่ายบอกที่อยู่ของคอนโด และคำภาวนาของเธอก็เป็นจริง ชายหนุ่มบอกเลขที่ห้องและชั้นมาให้และจุดที่ตั้งของคอนโดมิเนียมนั้นก็เป็นที่ๆ เธอและเพื่อนยืนอยู่ตอนนี้

"ขอบคุณค่ะ" เธอวางสายทันทีที่รับทราบข้อมูล

พักใหญ่ต่อมา หนุ่มผมยาวและสาวแว่นเดินตามผู้หญิงในชุดทำงานผ่านประตูคีย์การ์ดขึ้นไปยังบนชั้นที่เป็นจุดหมาย มือของป๊อปสั่นด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ประตูลิฟท์ มีนได้แต่ตบไหล่ปลอบอีกฝ่ายให้ใจเย็นลง

"แค่พาหวานกลับนะ... แค่นั้นนะเว้ย" เธอบอกกับเขา

"เออ... แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหวาน กูเอาเรื่องมันแน่"

สาวแว่นนิ่งแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ทั้งสองก็รีบเดินไปที่ห้องของโจทันที พวกเขาได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังเล็ดลอดออกมาจากห้อง เสียงนั้นทำให้หนุ่มผมยาวเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเงื้อมมือจะไปทุบประตู มีนจึงรีบเข้ามาขวางไว้ เธอกดกริ่งแล้วรีบหลบออกจากหน้าประตูเพื่อให้พ้นรัศมีของตาแมว

"..."

เสียงร้องไห้เงียบลงไป แต่ยังไม่มีใครเดินออกมาเปิด สาวแว่นจึงกดกริ่งถี่ขึ้น และถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงโวยวายดังจากในห้อง และประตูก็เปิดออกอย่างรุนแรง

"ห่า!" ชายหนุ่มเจ้าของห้องตะโกนออกมา "กดหาพ่อมึงเหรอ!"

"เฮ้ย!" โจร้องเมื่อเห็นป๊อปที่ตัวใหญ่กว่าพุ่งเข้าใส่เขาทันทีที่ประตูเปิดออก

หนุ่มผมยาวชกหน้าของอีกฝ่ายด้วยความโกรธ ส่วนมีนก็วิ่งเข้าไปในห้องเพื่อตามหาแฟนเพื่อน แล้วเธอก็เจอหวานที่อยู่ในสภาพเลือดท่วมตัวนั่งพนมมือร้องไห้อยู่ในห้องนอน เธอรีบพาอีกฝ่ายออกจากห้องนอนแล้วตรงไปที่ทางออกทันที

"หวาน!" ป๊อปอุทานเมื่อเห็นสภาพของแฟนตัวเอง

"มึง!" เขาคำรามแล้วประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าใส่อีกฝ่ายที่ยังคงพยายามสู้กลับ แต่ด้วยความที่โจตัวเล็กกว่าทำให้เขาสู้แรงของหนุ่มผมยาวไม่ไหว

"ไปเถอะ รีบไป" มีนดันตัวหวานออกจากประตูห้อง

จังหวะนั้นชายหนุ่มเจ้าของห้องก็ชกป๊อปกลับแล้วโผไปกระชากคอเสื้อของสาวแว่นจากด้านหลัง มีนล้มหงายหลังแต่เท้าของเธอก็บังเอิญไปเตะประตูให้ปิดตามหลังตัวของสาวหมวยผมบ๊อบที่เพิ่งถลาออกไปจนได้ โจลากเธอที่นอนอยู่บนพื้นแล้วจับหัวของเธอกระแทกกับเคาน์เตอร์ครัวอย่างแรงอยู่หลายต่อหลายครั้ง

หนุ่มผมยาวกระชากผมเจ้าของห้องให้ถอยห่างออกจากมีน แล้วจับหัวเขาโขกกับกรอบประตูห้องนอน ชายทั้งสองสู้กันอีกครั้งในห้องนอนที่เปื้อนไปด้วยเลือดของหญิงสาวที่เพิ่งถูกพาออกไป ตอนนี้ในห้องมีเพียงค่ป๊อป สาวแว่น และเจ้าของห้องเท่านั้น ส่วนหวานก็นั่งร้องไห้ด้วยความช็อคอยู่หน้าประตูห้องพัก

"นักล่าผู้หญิงเหรอมึง! ผู้หญิงในลิสต์มึงมีตั้งเยอะแล้วทำไมต้องมายุ่งกับแฟนกู" หนุ่มผมยาวชกไปพูดไป

แต่แล้วป๊อปก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือของโจนั้นมีเครื่องช๊อตไฟฟ้าที่เขาดึงออกมาจากลิ้นชักใต้เตียง หนุ่มผมยาวนิ่งไปชั่วครู่พร้อมอาการเจ็บๆ ชาๆ บริเวณแขนขวาที่โดนช็อต? เขาก็ยังสู้ได้อยู่

"ของแค่นั้นคิดเหรอว่าจะทำอะไรกูได้" ป๊อปพูด "ใช้เครื่องช๊อตไฟฟ้า* มันไม่สลบง่ายๆ เหมือนในหนังหรอกนะเว้ย"

"เหรอวะ... แล้วนี่ล่ะ"

ชายหนุ่มฉีดสเปรย์พริกไทย*เข้าที่หน้าของอีกฝ่ายทันที หนุ่มผมยาวร้องเสียงดังด้วยอาการแสบร้อนบริเวณใบหน้าและตา เขาเริ่มจามและไอออกมาอย่างรุนแรง ตัวของเขากระตุกอีกครั้งเมื่อถูกช็อตที่ลำคอ และครั้งนี้ก็ทำให้เขาทรุดลงไปนอนกองกับพื้น ตัวของเขาชาและขยับไม่ได้

*เครื่องช๊อตไฟฟ้า เป็นอาวุธโดยอาวุธโดยสภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (5) การครอบครอง(ที่บ้าน)ไม่มีความผิด  แต่ถ้าพกพาไปตามทางสาธารณะก็จะมีความผิด  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371

สเปรย์พริกไทย ในประเทศไทยเป็นของผิดกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง รายชื่อวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 แก้ไขเพิ่มเติมตามประกาศ พ.ศ. 2546 พ.ศ. 2547 และ พ.ศ.2548 ในลำดับที่ 258 ได้ระบุไว้ว่า "ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญที่ใช้เพื่อขัดขวางระบบการ ทำงานของร่างกายเป็นการชั่วคราวเพื่อการป้องกัน ตัวหรือทำร้ายผู้อื่น" เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 โดย ห้ามมิให้ นำเข้า จำหน่าย พกพา สำหรับผู้ที่ฝ่าผืนมีโทษจำคุก 10 ปี หรือปรับ 1,000,000 บาท โดยทั้งนี้ คณะกรรมการอาหารและยา ตีความว่าหมายถึง สเปรย์พริกทุกชนิด


โจปาดเลือดที่มุมปากแล้วกระหน่ำเตะไปที่ลำตัวของอีกฝ่ายจนพอใจหลังจากนั้นก็เดินลากขาไปที่ด้านนอก เขากระชากผมมีนที่ยังคงอยู่ในอาการมึนงงจากการโดนกระแทกที่หัวเข้ามาในห้องนอน ปล่อยหัวของเธอทิ้งลงบนพื้นห้องแล้วขึ้นไปนั่งคร่อม

"เก่งนักเหรอมึงอ่ะ คิดว่าเก่งนักใช่มั้ย" เขาตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย "ทำมาเป็นโทรมาขอที่อยู่ คิดเหรอว่ากูไม่รู้ว่ามึงไม่ได้อยากเล่นด้วยกับกู กูเอาผู้หญิงมาแล้วตั้งไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ทำไมกูจะไม่รู้ว่ามึงคิดยังไงกับกู"

โจบีบแก้มสาวแว่นอย่างแรง เธอขัดขืนแต่แล้วก็ถูกช๊อตด้วยเครื่องช๊อตไฟฟ้าที่บริเวณท้องใกล้กับแผลที่ถูกแทง ถึงกระแสไฟจากเครื่องช๊อตจะทำอันตรายได้ไม่มากแต่เธอกลับรู้สึกเจ็บมากขึ้น

"เล่นตัวนักนะ คิดเหรอว่ากูชอบมึง กูชอบเงินพ่อแม่มึงมากกว่า"

หลังจากนั้นเขาก็บีบคอเธอ มือแข็งแรงทั้งสองกดลงบนลำคอแน่นและนานจนจะขาดอากาศหายใจ มีนพยายามดิ้นและต่อสู้ แต่ด้วยอาการเจ็บ อาการมึนจากแรงกระแทกที่หัวทำให้เธอแทบไม่มีแรงที่จะต่อสู้และแทบที่จะหมดสติ

"เฮ้ย!"

เสียงร้องของโจดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาล็อคแขนของเขาแล้วดึงตัวให้ออกจากร่างของสาวแว่น

"มึงเป็นใครวะ!"

ผู้ชายคนที่มาไม่ตอบ เมื่อชายหนุ่มหันไปมองรอบๆ เขาก็เห็นเตยกำลังประคองหวานที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องให้ยืนขึ้น

"อีนั่นแฟนมึงอีกคนหรือไง!" โจตะโกนพลางชี้ไปที่รูมเมทของทราย

"ไม่ใช่แฟนแต่เป็นเพื่อนรักกู"

"บอมระวัง!" เตยส่งเสียงร้องเมื่อเห็นเจ้าของห้องพุ่งหมัดตรงมาที่เพื่อน

บอม หนุ่มคิ้วเข้มเพื่อนของเตยและสาวหมวยรับหมัดได้อย่างไม่ยากเย็นและเตะกลับ เขาเป็นสมาชิกชมรมคาราเต้โดทำให้ถนัดกับการต่อสู้ป้องกันตัว แต่ด้วยความที่อยู่ในพื้นที่จำกัดและอีกฝ่ายเริ่มหยิบมีดทำครัวมาเป็นอาวุธ ทำให้เขาถูกต้อนเข้าไปในห้องนอนไปอีกคน

ทรายที่วิ่งไปตาม รปภ. ให้ขึ้นมาบนห้องก็เห็นว่าเพื่อนของตัวเองกำลังถูกไล่ให้จนมุมก็รีบเข้าไปในห้องนอน เธอมองเห็นสภาพของแฟนสาว และหนุ่มผมยาวที่บาดเจ็บก็ตกใจ เธอเห็นบอมที่ตกเป็นฝ่ายรับกำลังดันมีดให้ออกห่างจากคอตัวเอง สาวหมวยพุ่งไปที่ชั้นวางของปลายเตียง ฉวยเอาเอาขวดเหล้าฟาดไปที่หัวของโจ ทำให้เขาชะงัก บอมชกเขาล้มลงและจับตัวได้

...

"เขาหลอกล่อหนูไปพยายามจะข่มขืนหนู... แต่หนูไม่ยอม" หวานให้ปากคำกับตำรวจทั้งน้ำตาหลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้ว

"เขาชกหน้าหนูเพราะหนูยืนยันที่จะกลับ พยายามจะข่มขืนหนูแต่หนูไม่ยอม เลยเอามีดมาจี้หนูพอหนูไม่ยอมก็ชกหนูอีกแล้วก็เอามีดมากรีดตัวหนู หนูยกมือไหว้ก็แล้ว บอกปล่อยหนูไปเถอะ แต่เขาไม่สงสารหนูเลย"

"พอมีเสียงกริ่งเขาก็หยุด เสียงกริ่งดังถี่ๆ เขาก็โมโห พอเปิดประตูป๊อปกับมีนก็เข้ามาแล้วจะพาหนูออกไป แต่พวกเขาก็สู้กันจนมีอีกกลุ่มนึงเข้ามา"

สาวหมวยผมบ๊อบมองไปที่กลุ่มของเตย บอมและทรายที่นั่งอยู่ข้างๆ

รูมเมทของสาวหมวยให้ปากคำกับตำรวจเรื่องที่เธอถูกถ่ายคลิปช่วงที่มีอะไรกันกับโจ รวมถึงข้อความข่มขู่และรีดไถเงินที่เธอได้รับ

"หนูคิดว่าหนูไม่ใช่คนแรกที่โดนแบบนี้ ถ้ามันยังลอยหน้าลอยตาได้อยู่ หนูสงสารคนที่เขาต้องมาโดนแบบนี้อีก"

จากการสืบสวนขยายผลของตำรวจก็พบว่าโจมีพฤติกรรมเช่นนี้กับผู้หญิงมากกว่า 10 คน เห็นได้จากคลิป VDO โป๊ เปลือย อนาจาร และมีเพศสัมพันธ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์และเอ็กซ์เทอร์นอลฮาร์ดดิสที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักถุงเท้าชั้นล่างสุดในตู้เสื้อผ้า ในช่วงแรกเขาบอกว่าเขาถ่ายเอาไว้เพื่อเอาไว้แบล็กเมล์ผู้หญิง เวลาเลิกกันไปแล้วอยากให้กลับมาหา แต่ด้วยหลักฐานหลายๆ ชิ้นทำให้เขาต้องรับสารภาพว่านอกจากใช้เพื่อแบล็กเมล์แล้วเขาถ่ายคลิปเพื่อขายให้กับเว็บไซต์โป๊หรือเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อหารายได้เมื่อเวลาเงินขาดมือและช่วงเวลาที่เขาตกงาน และเขาใช้วิธีนี้มาเรื่อยๆ กับผู้หญิงทุกคนที่เขาจีบ หรือหลงเสน่ห์ของเขา และไม่คิดว่าจะถูกจับได้จนถึงวันนี้ ตำรวจตั้งข้อหาที่ร้ายแรงให้กับเขาด้วยข้อหาพยายามฆ่า

...

จากแรงกระแทกและการต่อสู้ทำให้สาวแว่นต้องนอนดูอาการตามคำสั่งของแพทย์อยู่สองวัน น้องๆ ของมีนเล่าให้ฟังว่าตอนที่พ่อกับแม่ของเธอและพ่อกับแม่ของโจรู้ว่าเขาถูกจับด้วยความผิดหลายกระทงทุกคนก็ช็อคและรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น พ่อกับแม่ขอโจร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าลูกชายตัวเองถูกไล่ออกจากงานมาแล้วหลายที่ ตกงานจนยึดอาชีพฟันและหลอกแบล็กเมล์ผู้หญิงเพื่อเอาเงินมาใช้ และถึงขั้นตัดขาดเขาออกจากครอบครัว ส่วนพ่อแม่ของเธอนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ส่วนเรื่องที่จะให้คบหานั้นตัดออกไปได้เลย เพราะตอนนี้ทั้งสองครอบครัวมองหน้ากันไม่ติดกันเสียแล้ว

"แล้วเตยเป็นยังไงบ้าง?" สาวแว่นถาม

"ก็ดีขึ้นแล้ว" ทรายตอบพลางซบหน้าลงบนแขนของแฟนสาว "จริงๆ เตยก็รู้ตัวอยู่หรอกว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่ คงจะเป็นอารมณ์อยากจะมีเซ็กซ์แบบไม่ต้องมีความรัก เจอหมอนี่ก็เลยคิดว่าวิน-วิน แต่ดันมาโดนแบล็กเมล์ซะได้"

"อื้อ... แต่ขอบคุณนะที่มาช่วย"

"ต้องขอบคุณแนนด้วยแหละมั้งที่มาเตือนเราในฝัน"

"อื้อ"

"จะว่ามีนอยู่เลย ทำไมถึงคิดทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นได้ แล้วทำอะไรทำไมไม่ยอมบอกเราด้วย" สาวหมวยพูดด้วยเสียงเข้มขึ้น

มีนทำหน้าสำนึกผิด "เราขอโทษ... พอเราเครียดก็เลยสติแตกไปเลยมั้งเลยไม่ทันคิดอะไร ป๊อปมันใจร้อนด้วย พอเห็นหวานเป็นแบบนั้นก็พุ่งเข้าใส่เลย เราพยายามพาหวานหนีแล้วแต่ไม่ทัน"

"ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็อย่าทำอย่างนี้นะ รู้มั้ยว่าเราเป็นห่วงมีนแค่ไหน" ทรายพูดเสียงอ่อน

"เราสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก" สาวแว่นตอบแล้วโน้มตัวไปจูบอีกฝ่าย

เมื่อถอนจูบออกพ่อกับแม่ของมีนก็เข้ามาที่ห้องพัก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลใจระคนไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นสาวหมวยอยู่ในห้องด้วย

"สวัสดีค่ะ... ขอตัวก่อนนะคะ" ทรายพูดทันทีเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของมีนเดินเข้ามาในห้องพัก เธอลุกขึ้นยืนแต่แฟนสาวกลับไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ

"มีน... ปล่อยนะ" สาวหมวยกระซิบพยายามดึงมือออก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อย

"พ่อคะ... แม่คะ... นี่ทราย แฟนหนู"

ผู้ใหญ่ทั้งสองนิ่งเงียบ พวกเขาได้แต่วางผลไม้ที่เป็นของเยี่ยมลงบนโต๊ะด้านข้างแล้วค่อยๆ ก้าวออกจากห้อง แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากห้องไปนั้น มีนก็พูดอีกว่า

"หนูจะสอบชิงทุน อาจารย์บอกว่าหนูอาจจะมีสิทธิ์ได้ทุนก็เลยติวให้ ช่วงนี้อาจจะต้องอยู่หอนานหน่อย อาจจะไม่ได้กลับบ้าน พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"

พ่อของเธอไม่ตอบ มีแต่เสียงของแม่ที่ตอบออกมาว่า "จะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบก็แล้วกัน แล้วก็กลับบ้านบ้าง อย่าหายไปนาน"

ทรายสวมกอดอีกฝ่ายทันทีที่ประตูห้องปิดลง "สิ่งที่พวกเราเป็นไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก อย่าคิดน้อยใจ หรือโกรธเลยนะ พ่อแม่มีนยังรับไม่ได้เพราะเค้าเลี้ยงมีนมาแบบที่เค้าคาดหวัง ให้เวลากับพวกเค้านะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป"

"ขอบคุณนะ"

หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วสาวแว่นก็กลับไปพักที่บ้านอยู่สองสามวัน ซึ่งเธอก็เล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าบรรยากาศที่บ้านที่ค่อนข้างเงียบอยู่แล้วกลับเงียบมากขึ้นไปอีก พ่อกับแม่ไม่ค่อยคุยกับเธอ มีแต่น้องๆ ที่เข้ามาถามๆ และคุยบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยากจะรู้จักแฟนสาวของเธอเสียมากกว่าซึ่งเธอก็ได้ตอบรับแต่ยังไม่กล้าที่จะพาสาวหมวยมาที่บ้าน ที่ต้องทำคือรอเวลาที่ผู้ใหญ่ทำใจยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ก็เท่านั้นเอง

...

คืนหนึ่งหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปได้ไม่นาน...

ขณะที่กำลังหลับอยู่ในห้องสมุด ทรายฝันว่ากำลังเดินอยู่ในสุสานคริสต์ เธอกำลังยืนมองหลุมศพที่ตั้งเรียงราย ไม่มีผู้คน แต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัวทั้งๆ ที่ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงค่ำแล้วก็ตาม เมื่อเดินไปตามทางอิฐตัวหนอนตรงไปทางรูปปั้นนักบุญ เธอก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองมาที่เธออยู่ที่ทางด้านซ้าย เธอคนนั้นยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพที่ประดับไปด้วยดอกคาเนชั่นสีชมพู ใบหน้าของเธอคนนั้นมีรอยยิ้มพราย สาวหมวยรู้ได้ทันทีว่าคนๆ นั้นเป็นใคร... เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็รีบโทรศัพท์หาแฟนสาวทันที

ณ สุสานศานติคาม วัดนักบุญยอแซฟ

มีนและทรายเดินถือช่อดอกคาเนชั่นสีชมพูตรงเข้าไปในสุสาน พวกเธอเดินตรงไปที่หลุมฝังศพที่ก่อสร้างด้วยปูน ด้านบนหลุมศพเป็นแผ่นป้ายหินสีดำมีรูปของหญิงสาวหน้าฝรั่งคนหนึ่งติดอยู่บนนั้น ใต้ภาพสลักชื่อของผู้ล่วงลับ วันเกิด และวันเสียชีวิต ทางด้านซ้ายของแผ่นป้ายเป็นรูปพระแม่มารี ส่วนด้านขวานั้นเป็นรูปไม้กางเขน

ทั้งสองวางช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือลงบนหลุมศพ ไม่มีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมา มีเพียงมือที่เกาะกุมกันแน่น สาวแว่นมองหน้าอีกฝ่าย สาวหมวยก็พยักหน้าน้อยๆ เหมือนเป็นเชิงอนุญาต

มีนทรุดตัวลงนั่งที่หน้าแผ่นป้ายหินสีดำมือของเธอลูบไล้ไปบนรูปของผู้ที่เป็นเจ้าของหลุมศพ เธอโน้มตัวเข้าไปจูบที่รูปนั้น สาวแว่นนั่งมองรูปนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับมาหาแฟนสาวที่ยืนรออยู่

ก่อนที่จะกลับนั้นทรายก็หันไปพูดกับหลุมฝังศพ เสียงของเธอเปล่งออกมาเบาๆ ว่า

"ขอบคุณนะ... แนน เราจะดูแลมีนแทนเธอเอง"

-End-

สวัสดีค่า

ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากบอกว่าเพิ่งกลับมาจากฟูลมาราธอนที่ 6 มา งาน 'สสส. จอมบึงมาราธอนครั้งที่ 32' (งานเดียวกับจูนและปิ่นใน The Runner) เหนื่อย เจ็บ แต่ก็ได้ New PB มา เวลาดีกว่าที่โอซาก้าอีก

มีโมเม้นท์ประทับใจพอถึงเส้นชัย คนข้างๆ ก็พูดออกมาว่า 'เย้ ถึงแล้ว' ไอ้เราก็หันไปแล้วกระทำการ High five กับเค้าทันทีทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน (แล้วเค้าก็ร่วมมือกับเราด้วย!)



รูปเบลอมาก

ตอนวิ่ง ถ้ามีคนบอกว่า 'อีกนิดเดียว' ก็อย่าไปเชื่อ เพราะมันไม่ใช่ อีกนิดเดียว!

กำลังเริ่มเขียนเรื่องใหม่นะคะ แต่ไม่รับปากกว่าจะเสร็จตอนไหน แฮะๆ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น