กับดักของความรัก ตอนที่ 5 yuri
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 16 มกราคม 2017 เวลา 21:10:03
อ่าน: 697
|
ชมรมอาสาเป็นกิจกรรมที่กรวีร์ไม่นึกชอบใจเลยสักนิดหากแต่ก็ต้องติดสอยห้อยตามเพื่อนรักมาด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นห่วงพี่สาวของตัวเองจนถึงขั้นลงทุนมาสมัครในชมรมวันสุดท้ายและหน้าที่ของคนมาทีหลังก็คือแบกๆ หามๆ ซึ่งน้อยคนนักจะอยากทำ เธอทั้งสองก็ไม่?หากแต่เพราะไร้ทางเลือกจึงทำให้เลี่ยงไม่ได้ "ฉันว่าแกคิดมากไปหรือเปล่า" "กันไว้ดีกว่าแก้นะ" กรวีร์มองคนพูดสลับกับใครอีกคนแล้วก็ทำให้นึกคล้อยตามในที่สุดหากแต่ในเวลานี้คนที่มีปัญหาที่สุดก็คงจะเป็นตัวเธอเองนี่แหละที่ไม่ค่อยอยากไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็เพราะเรื่องบางอย่างสำคัญจริงๆ จึงทำให้ต้องฝืนใจทำสิ่งที่ไม่ชอบอยู่แบบนี้ "เอาล่ะครับน้องๆ ขึ้นรถกันได้แล้วน้า" หนึ่งในรุ่นพี่ที่ดูแลตะโกนบอกคนที่ยังไม่ยอมขึ้นรถให้ขึ้นไปประจำที่เสียทีเพราะถึงเวลาออกเดินทางกันแล้ว พลอยใสมองเห็นที่นั่งข้างๆ พี่สาวที่ว่างอยู่ก็หวังจะเข้าไปนั่งหากแต่กลับถูกมือของคนที่ไม่ทันระวังฉุดให้นั่งลงเสียก่อน "พี่มลทำอะไรคะ" "ระยะทางมันไกลพี่ก็เลยอยากได้ที่พิงนุ่มๆ" "แต่ว่า?" วิมลยกนิ้วขึ้นแปะตำแหน่งของริมฝีปากที่กำลังจะขยับปฏิเสธก่อนจะส่งคำสั่งผ่านทางสายตาไปยังใครอีกคนที่มองมาหากแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธคำสั่งของเธออย่างสิ้นเชิง "น้องเกมค่ะตรงนี้เลยค่ะ" "แต่?" "เดี๋ยวนี้ค่ะ" คนออกคำสั่งเอ่ยหน้าดุเพื่อข่มขู่ใครอีกคนได้ทำตามอันที่จริงใครจะนั่งไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอนึกสนใจหรอกหากแต่เพราะรับรู้ได้ถึงความหวงพี่สาวของคนข้างๆ จึงทำให้เธอนึกอยากเอาใจและที่สำคัญหากกรวีร์ไม่นั่งตรงนั้นน้องพลอยใสของเธอคงต้องหาทางย้ายก้นแน่ๆ ทางฟากของคนที่กำลังจัดของก็ถึงกับชักสีหน้าเมื่อหันมาเห็นว่าใครนั่งข้างตัวเองและนั่นทำให้ต้องหันกลับไปจัดการกับคนต้นคิดที่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ "ทำไมแกไม่มานั่งตรงนี้" "จะนั่งไหนมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ" "ไม่เหมือนและที่สำคัญความรู้สึกยังไม่ได้อีกต่างหาก" คนพูดทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะส่งสายตาหาเรื่องไปยังใครอีกคนที่เหมือนจะรู้ตัวถึงได้หันหน้ามองตอบราวกับอยากท้าทาย "มองหน้ามีปัญหาอะไร" "เกมไม่ได้มองหน้าพี่นิลนะคะเอ่อ มองออกไปนอกหน้าต่างนู้นต่างหาก" กรวีร์เอ่ยเถียงทันควันก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่นและก่อนที่การหาเรื่องจะเกิดขึ้นอีกระลอกเจ้าตัวก็รีบหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบหูทันทีให้คนกำลังจะวีนได้อารมณ์ค้างเพราะไม่สามารถระบายสิ่งที่อัดแน่อยู่ในอกออกมาได้ทัน ทำไมการเดินทางมาทำความดีของเธอถึงต้องถูกมารตามมาผจญอยู่เรื่อยเลยนะ ทำไมกัน??
การเดินทางวันนี้ของชมรมอาสาพัฒนามีจุดหมายปลายทางเป็นโรงเรียนในหุบเขาที่ไม่มียานพาหนะไหนเข้าไปได้นั่นก็หมายถึงคนที่จะเข้าไปต้องพึ่งเท้าทั้งสองข้างของตัวเองเท่านั้นนั่นจึงทำให้บนรถเกิดความเงียบมาตลอดทางเพราะหลายๆ คนต่างออมแรงโดยการนอนแทบจะทั้งนั้น หากแต่คงจะลำบากสำหรับคนที่ไม่ชอบนอนบนรถอย่างกรวีร์ที่ต้องใช้เสียงเพลงกล่อมเป็นเพื่อนในการเดินทางแต่แล้วบางอย่างที่เห็นก็ทำให้เจ้าตัวตกใจจนต้องเอื้อมมือไปรับเข้ากับศีรษะของคนข้างๆ ที่กำลังจะโขกเข้ากับกระจกในอีกไม่ถึงเสี้ยววินาที ทำไมถึงหลับสนิทมากถึงเพียงนี้กันนะ? กรวีร์ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อสามารถป้องกันการกระแทกได้สำเร็จและที่โล่งใจไปกว่านั้นก็คือการที่สัมผัสของเธอไม่ทำให้คนที่หลับอยู่ตื่นไปด้วยเพียงเท่านี้ก็ทำให้สบายใจขึ้นมากหากแต่พอปล่อยมือได้ไม่นานเหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นซ้ำให้ต้องรีบเอามือไปรองรับการกระแทกนั้นอีกครั้ง เส้นทางคดเคี้ยวสร้างความหนักใจให้คนที่จ้องมองเป็นที่สุดและนั่นทำให้ไม่อาจจะปล่อยมือจากคนข้างๆ ได้เลยเพราะหากทำแบบนั้นไม่แน่ใจว่ากระจกหรือหัวของนิลลดากันแน่ที่จะแตกแล้วแบบนี้เธอควรจะทำอย่างไรดีล่ะ?? กรวีร์หันไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับอยู่ด้วยความหนักใจก่อนจะประคองใบหน้าของอีกฝ่ายมาเกยไว้ที่ไหล่ของตัวเองอย่างเบามือเพราะหากทำให้คนหลับรู้สึกตัวสิ่งที่แตกอาจจะไม่ใช่สองสิ่งที่ถูกเอ่ยในทีแรกเป็นแน่แต่จะเป็นหัวของเธอนี่แหละที่อาจไม่แค่แตกแต่อาจจะรุนแรงถึงขั้นหลุดออกจากตัวเลยก็เป็นได้ การรู้สึกตัวของใครบางคนทำให้ความเงียบสงบของกรวีร์จบลงทันทีก่อนจะโดนเจ้าหล่อนผลักให้ออกห่างจนเกือบจะหล่นจากเก้าอี้ที่นั่ง "ใครใช้ให้เธอมานั่งใกล้ฉัน" คนพูดเอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจก่อนจะส่งสายตาคู่เอาเรื่องไปยังใครอีกคนที่ถือโอกาสเข้าใกล้ตัวเองในตอนที่หลับสนิท คนฉวยโอกาส!!! "ฉันคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าไม่น่าให้เธอมานั่งด้วย" "แต่ว่าพี่?" "หยุดเลยนะใครสั่งใครสอนให้เถียงผู้ใหญ่" "แต่?" "ฉันบอกให้หยุดไง! คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเกิดเรื่องเธอนี่น่ารำคาญไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ" นิลลดาเอ่ยบ่นไม่หยุดเพราะว่าคาดการณ์ทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วและมันก็เกิดเรื่องน่าหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ ไม่น่าเลย เธอไม่น่าชะล่าใจเลยให้ตายเถอะ! หญิงสาวนึกโทษตัวเองในใจก่อนจะถูกคนที่นั่งอยู่ข้างหลังสะกิดให้ต้องหันไปมองตาขวางเพราะนึกต่อว่าและโทษเจ้าของมือนี้ด้วย "อะไร" "ฉันว่าแกก็พูดเกินไปนะ" "เกินไปตรงไหนมันเรื่องจริงต่างหากที่นั่งมีเยอะแยะแต่กลับมานั่งเบียดฉันอยู่ได้มิน่าในฝันถึงได้หายใจไม่ค่อยออก" การหาเรื่องยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดให้วิมลต้องดึงตัวเพื่อรักเอาไว้เพราะอีกฝ่ายทำท่าจะหันไปเล่นงานรุ่นน้องที่นั่งข้างๆ อีกครั้งและมันก็น่าอนาถเกินไปจนวิมลทนให้มันเกิดขึ้นไม่ได้อีก ใบหน้าหงิกงอถูกบิดให้หันมาทางฝั่งริมกระจกจากนั้นวิมลก็ชี้พื้นที่ว่างมากมายให้กับคนที่โวยวายได้เห็นนิลลดาถึงกับเกิดอาการนิ่งงันเมื่อมองเห็นความเป็นจริงของเรื่องราวหากพื้นที่ว่างมากมายนี้อยู่ฝั่งของเธอ?นั่นก็หมายถึง?! เมื่อความจริงปรากฏคนทำผิดก็รีบเด้งตัวกลับไปนั่งยังฝั่งของตัวเองทันทีโดยมีสายตาของคนที่ถูกตัวเองต่อว่ามองมาตามให้นึกขัดใจ "อะไร!" "พี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอคะ" "พูดอะไรฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับเธอเสียหน่อย" นิลลดาเอ่ยเสียงห้วนก่อนจะหันไปมองคนที่ช่วยดึงสติของเธอให้กลับคืนมาและแม้จะรู้ว่าในครั้งนี้ตัวเองเป็นคนผิดหากแต่มีหรือที่คนหัวแข็งจะยอมอ่อนลงง่ายๆ "แกน่าจะขอโทษน้องเกมหน่อยนะ" "ไม่!" "แต่ว่า?" "เพราะแกแหละเรื่องถึงเกิดบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ยัยนี่มานั่งข้างฉัน" "ฉันเหรอ??" "แกนั่นแหละ" วิมลถึงกับหน้าเจื่อนเมื่อความผิดต่างๆ ถูกโยนมายังตัวเองการหาคนปลอบจึงเกิดขึ้นทันทีหากแต่วิมลก็ต้องผิดหวังเมื่อพลอยใสรีบหลับตาลงเพราะไม่อยากมีส่วนร่วมกับความซวยในครั้งนี้ นิลลดาหันกลับมามองเบื้องหน้าด้วยความโมโหปนหงุดหงิดคอยดูนะการเดินทางต่อจากนี้เธอจะไม่มีวันหลับอีกเป็นอันขาด หญิงสาวให้ปฏิญาณกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากที่หาวของตัวเองแทบไม่ทันให้มันได้แบบนี้สิยังไม่ทันจบความคิดเธอก็เกิดอาการง่วงขึ้นมาอีกจนได้แล้วไหนจะช่องแอร์ที่เป่าความเย็นลงมาบนหัวนี่อีกที่ทำให้เกิดอาการหนาวสั่นจนต้องเบียดร่างกายเข้าหาความอุ่นจากคนที่ตัวเองเพิ่งว่าให้อีกครั้ง ขนาดมีสติเธอยังกล้าทำถึงเพียงนี้จึงไม่แปลกใจเลยที่ตอนหลับเธอแทบจะเกยตัวขึ้นบนตักของกรวีร์แบบนั้น ให้ตายเถอะน่าอายชะมัด!
ในที่สุดรถก็มาหยุดปากทางเข้าหมูบ้านที่เป็นเป้าหมายหลักของค่ายอาสาในครั้งนี้หากแต่เพราะฝนที่เพิ่งหยุดทำให้เส้นทางที่จะเดินดูยากลำบากมากกว่าเก่าอยู่มากโข "ให้พี่ช่วยมั้ยครับ" อัศวินเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นของพะรุงพะรังในมือของรุ่นน้องที่ตัวเองหมายตาเอาไว้การได้มาค่ายด้วยกันถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะสร้างความสนิทสนมให้เพิ่มมากขึ้นแม้อันที่จริงเขากับรุ่นน้องคนนี้จะคุ้นเคยกันอยู่บ้างแล้วก็ตามทีหากแต่มันคงจะดีที่สุดหากทำให้ความสัมพันธ์ที่ว่าเพิ่มมากขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่ออกตัวแรงและไปเป็นแขกประจำในงานปาร์ตี้บ้านของเจ้าหล่อนทุกครั้งไม่เคยขาดหากแต่ความสัมพันธ์กลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควรจะเป็นนั่นจึงทำให้ต้องหวังพึ่งการออกค่ายอาสาในครั้งนี้เป็นตัวเพิ่มความประทับใจให้มากขึ้นในอีกระดับหนึ่ง "ขอบคุณค่ะแต่ไม่เป็นไร" นิลลดาพูดปฏิเสธออกมาทันทีเมื่อมองเห็นว่าคนพูดอาสาเป็นใครเธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้คิดอย่างไรกับตัวเองแต่เพราะเธอไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นจึงพยายามไม่ทำอะไรที่เป็นเหมือนการให้ความหวังแก่เขา "แต่ทางมันไกลนะพี่ทนเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แบกของหนักๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก" คนอาสาพยายามยกเหตุผลมาล้านแปดและดูเหมือนจะเริ่มได้ผลเมื่อเขาสามารถมองเห็นความลังเลเกิดขึ้นบนใบหน้าของเจ้าหล่อน รอยยิ้มพอใจเกิดขึ้นเมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังจะใจอ่อนหากแต่พอจะเอื้อมมือไปจับกระเป๋าที่รับอาสากลับถูกบุคคลที่สามที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เดินเข้ามาขวางให้ต้องชักสีหน้าใส่อย่างลืมตัว "นี่มันอะไรกัน" "ไม่มีอะไรค่ะเพียงแต่หน้าที่นี้คงให้พี่วินทำไม่ได้" วิมลเอ่ยด้วยรอยยิ้มรู้ทันคนที่เข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนของตัวเอง ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ เอะอะหยอดเอะอะตอดตลอดแต่เสียใจด้วยนะคะรุ่นพี่เพราะคุณไม่ได้ไปต่อ! "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้องนะครับ" "ออ เหรอคะ" "ครับเข้าใจแล้วก็ช่วยหลบไปหน่อย" "คงไม่ได้หรอกค่ะ" อัศวินมองคนที่ไม่ยอมทำตามอย่างไม่พอใจหากแต่ก็ต้องเก็บกดอารมณ์ขุ่นมัวนี้เอาไว้เพราะไม่อยากแสดงท่าทางไม่ดีของตัวเองออกมาให้คนที่ตัวเองชอบได้เห็น "งั้นพี่ขอถามหน่อยว่าทำไมถึงไม่ได้" วิมลส่งยิ้มให้คนถามอีกครั้งก่อนจะเดินไปลากตัวใครอีกคนที่กำลังยุ่งกับการยกกระเป๋าลงจากรถและแม้จะยังมีท่าทางสงสัยหากแต่กรวีร์ก็ยอมเดินตามรุ่นพี่ที่ลากตัวเองมาแต่โดยดี "นี่ไงล่ะคะปัญหา" "ทำไม?" "ก็เพราะงานแบบนี้มันเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นแฟนกันยังไงล่ะคะ" สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออกโดยเฉพาะคนที่ถูกจับคู่ที่หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจก่อนจะเป็นนิลลดาที่เป็นคนลากตัวคนพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกมาทำความเข้าใจกันเสียใหม่ "พูดบ้าอะไรของแก" "ฉันก็กำลังช่วยแกอยู่ไง" "ช่วยหรือว่าแกล้งฉันกันแน่พูดแบบนั้นให้ฉันได้อายทำไม" ความหงุดหงิดก่อตัวให้ต้องหันไปมองคนที่มีชื่อพันเกี่ยวกับตัวเองอย่างไม่พอใจก่อนจะหันกลับมารอฟังคำตอบของคนพูดไม่คิดอีกครั้ง หวังว่าวิมลจะมีคำพูดแก้ตัวที่ฟังดูดีนะ ใบหน้าขาวยิ่งซีดลงเมื่อถูกสายตาคู่อาฆาตของยักษ์ตัวใหญ่มองมานี่มันเรื่องบ้าอะไรทำไมเธอถึงต้องมาแบกรับกับสภาพที่น่ากลัวแบบนี้ด้วย รุ่นพี่วิมลคิดจะเล่นอะไรของเขากันนะถึงได้เอาเธอมาเกี่ยวด้วยให้ได้รู้สึกเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่กำลังจะถูกยักษ์ไททันจับหักคอในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ "เรื่องจริงงั้นเหรอ" อัศวินหันไปถามรุ่นน้องหน้าอ่อนที่เอาแต่เงียบและตัวสั่นดูท่าหากต้องการที่จะหาคำตอบของเรื่องนี้คงต้องใช้วิธีข่มขู่เสียหน่อยและหากพบว่าเรื่องนี้เป็นการสร้างขึ้นมาละก็?ยัยวิมลตัวแสบได้เจอดีแน่! "ว่ายังไง!" "เอ่อคือ?" "จริงค่ะ" ประโยคสวนกลับทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นแรงมากยิ่งขึ้นไม่ใช่เพราะตกใจที่ได้ยินการตอบรับนี้หรอกนะหากแต่กรวีร์กำลังกังวลว่าตัวเองอาจจะหลับกลางอากาศได้หากยักษ์ไททันระงับอารมณ์โมโหของตัวเองไม่อยู่ "นี่?" "เราสองคนกำลังคุยๆ กันอยู่ค่ะ" "นะน้องนิลอย่าล้อพี่เล่นแบบนี้สิครับพี่ใจคอไม่ดีเลยรู้มั้ย" "เรื่องจริงที่ยังไม่มีคนรู้ต่างหากค่ะนี่พี่วินโชคดีมากเลยนะคะที่รู้เรื่องนี้เป็นคนที่?ห้า!" วิมลเอ่ยอธิบายก่อนจะนับจำนวนคนที่รู้เรื่องที่มีคู่รักแอบๆ สองคน เธอเองและใครอีกคนที่เดินทำหน้าเหรอหราเข้ามาจนต้องนับรวมเข้าด้วยอีกคน "มีเรื่อง?" "ตามนี้นะคะไว้รอแถลงข่าวอีกทีไปกันเถอะ" คนต้นคิดเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนมาทีหลังอาจจะทำให้เรื่องที่กุขึ้นมาแตกได้ส่วนการลากตัวคนที่อยู่ในแผนอีกคนออกมาก็หนีไม่พ้นนิลลดาที่แม้จะไม่อยากเข้าใกล้หากแต่ก็ไม่ได้อยากให้แผนที่กลั้นใจทำแตกอยู่ดี หากสามารถกันอัศวินไปให้ห่างได้เธอก็คงต้องไปตามน้ำว่าแต่จะอ้างคนที่เธอคิดคบทั้งทีวิมลไม่มีใครที่ดีกว่านี้แล้วหรือไงกันนะ ทำไมต้องเป็นรุ่นน้องที่อยู่ข้างบ้านเธอกันนะ คนที่ดูดีกว่านี้ไม่มีแล้วหรือยังไงกันนะ!
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|