web stats

ข่าว

 


ความรักของต้นข้าว 2 : ตอนที่เก้า

โพสต์โดย: ลำเนา วันที่: 09 มกราคม 2017 เวลา 21:32:18 อ่าน: 187

   ต้นข้าวเดินเข้ามาในสำนักพิมพ์ ซึ่งเมื่อก่อนนวลณฎาเป็นผู้บริหาร แต่ตอนนี้หน้าที่นั้นตกไปอยู่ที่ลดากับแทนไท ซึ่งดูแลกันคนละส่วนงานทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีมาตลอดหลายปี

   "สวัสดีต้นข้าว สาวข้างกายไปไหนเสียล่ะจ๊ะ" ลดาพูดแหย่ต้นข้าวและชะเง้อมองหานวลณฎา

   "สวัสดีค่ะ พี่ดา ข้าวมาคนเดียวค่ะ"

   "มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมมาคนเดียวล่ะ" ลดาถามเสียงเรียบแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของต้นข้าวความกังวลก็หายไป

   "โดนทิ้งแล้วค่ะ" ต้นข้าวอมยิ้ม

   "ถ้าอย่างนั้น พี่จีบเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา" ลดาหัวเราะ

   "พี่ดาก็ชอบแกล้ง เดี๋ยวอีกสักสัปดาห์จะส่งงานมาให้พิจารณานะคะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ" ต้นข้าวยิ้มสวยๆ ให้ลดาที่ยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องงาน

   "เฮ๊ยจริงดิ เหมือนเดิมหรือเปล่า เรื่องการเดินทางน่ะ" ลดาถาม

   "คล้ายๆ ค่ะ แต่แบบเดิมน่ะ พี่ดาจะเอาลงคอลัมน์ให้หรือคะ เดี๋ยวลองหาแนวใหม่ๆ ดูดีกว่าค่ะ" ต้นข้าวบอก

   "บอกคุณนวลหรือเปล่าที่มานี่น่ะ" ลดายังคงกังวลด้วยความเป็นห่วงทั้งนวลณฎาและต้นข้าว

   "อนุญาตแล้วค่ะ แต่บังคับให้เอารถยนต์คันใหม่ของคุณพี่นวลขับมา ไม่อย่างนั้นอด" ต้นข้าวหัวเราะเล็กๆ นึกถึงความน่ารักและความห่วงใยของนวลณฎาที่มีให้เสมอมา

   "จะไปนานเท่าใดรอบนี้" ลดาถาม

   "ยังไม่ทราบเลยค่ะ คงถ่ายรูปแล้วก็เขียนเรื่องส่งให้พี่ดาพิจารณา"

   "คุณนวลน่ะ จะไหวหรือต้องอยู่ไกลกัน" ลดายิ้มจางๆ มองสบตากับคนที่มีแววตากังวลออกมาให้เห็นอยู่บ้าง

   "ข้าวเหมือนเห็นแก่ตัวเลยนะคะ"

   "เฮ๊ย พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ ต้นข้าวได้ใช้เวลาในช่วงวัยของตัวเองค่อนข้างน้อยนะ อีกอย่างสวนก็เข้าที่เข้าทางดีแล้ว คุณนวลคงอยากให้ ต้นข้าวได้ทำอะไรที่อย่างทำ อยากให้มีความสุขกับสิ่งที่ต้นข้าวรัก ก็อย่าไปนานนักสิ ไปพักหนึ่งแล้วกลับสวน อีกสักพักค่อยออกเดินทางใหม่หายไปนานๆ ล่ะก็คุณนวลรักต้นไม้กับดอกพุดมากกว่าล่ะแย่เลยนะ" ลดาหัวเราะ

   "ทุกวันนี้ ก็รักมากกว่าอยู่แล้วค่ะ ข้าวขอตัวก่อนนะคะ"

   "พักที่ไหนล่ะ คืนนี้" ลดาถาม

   "บ้านคุณพี่นวลค่ะ แวะไปดูหน่อยไม่ค่อยได้มากัน" ต้นข้าวบอก

   "แทนไม่อยู่ด้วยสิวันนี้ น่าเสียดาย" ลดายิ้มๆ เมื่อนึกถึงแทนไทน้อง ชายของนวลณฎา ซึ่งทำงานแทนพี่สาวได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากแต่งงานแล้วก็ขยันขันแข็งมากขึ้น

   "เดี๋ยวข้าวโทรศัพท์ไปหาเองค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่ดา"

   "ยินดีจ๊ะ พี่ไปประชุมก่อนนะ"

   ต้นข้าวยิ้มๆ เดินไปดูห้องทำงานเก่าของนวลณฎา ซึ่งมีเรื่องราวมาก มายและป้ายหน้าห้องได้ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของ แทนไท ซึ่งมานั่งแท่นผู้บริหารแทนพี่สาว

   "สวัสดีค่ะ คิดถึงจัง" ต้นข้าวโทรศัพท์หานวลณฎาที่ยิ้มกว้างขึ้นใน ทันทีเมื่อได้ยินคำว่า คิดถึง

   "ยังไม่สามทุ่มเลยนะคะ เป็นอะไรหรือเปล่า" นวลณฎาถาม

   "คิดถึงล้วนๆ เลยค่ะ"

   "คิดถึงเหมือนกันเลย พี่ออกมาดูคนงานทำงาน แดดแรงดีแท้"

   "ระวังจะไม่สบายนะคะ ออกมาช่วงเช้าก็พอแล้วค่ะ" ต้นข้าวพูดด้วยความเป็นห่วง

   "แหมไม่ได้กะหม่อมบางขนาดนั้นนะจ๊ะ อยู่ไหนคะนี่" นวลณฎาถาม

   "สำนักพิมพ์ค่ะ มารายงานตัวกับพี่ดา แต่ไม่เจอแทน"

   "ไปทำธุระของตัวเองเถอะ ไม่ต้องห่วง พี่อยู่ได้สบายมาก" นวลณฎาถอนใจเบาๆ รู้สึกคิดถึงจับใจทั้งๆ ที่เพิ่งออกเดินทางไปเมื่อเช้านี้เอง

   "คิดไปคิดมา อยากกลับบ้านแล้วค่ะ" ต้นข้าวพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ และแอบถอนใจ

   "ไปเถอะ ไปชีวิตของต้นข้าว พอกลับมาก็ใช้ชีวิตด้วยกันปกติเหมือน เดิม ไม่รักพี่น้อยลงก็พอแล้วล่ะ" นวลณฎาหัวเราะเล็กๆ

   "ไม่เคยน้อยลงเลย ยิ่งอยู่ด้วย ยิ่งรักมากขึ้นทุกวัน" ต้นข้าวบอก

   "เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ"

   "คราวหน้าคุณพี่นวลมาด้วยสิคะ ขับรถรถเที่ยวกันไปเรื่อยๆ นะคะ"

   "ได้ค่ะ รักต้นข้าวนะ ดูแลตัวเองดีๆ คนแถวนี้เป็นห่วงมากๆ"

   "รักคุณพี่นวลค่ะ เดี๋ยวสามทุ่มโทรฯ หานะคะ กอดๆ" ต้นข้าวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูห้องทำงานเก่าของนวลณฎาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปจากสำนักพิมพ์

   กลางใจเมืองของกรุงเทพมหานครนั้น รถราแน่นขนัดมากขึ้นกว่าเมื่อ ก่อน ต้นข้าวอมยิ้มกับความคิดของตัวเองที่เดินยิ้มๆ ได้ยินเสียงไวโอลินดังแว่วมาแต่ไกล รวมถึงมองคนจำนวนหนึ่งที่ยืนฟังและจ้องมองสาวสวยที่กำลังเล่นไวโอลินด้วยท่วงท่าสง่างาม ต้นข้าวยิ้มหยุดยืนมองดูอยู่ห่างๆ เพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักท่าทางจะตรึงคนดูอยู่นานพอสมควร หลังจากเสียงไวโอลินเงียบลง ทุกคนหยิบสตางค์ไปวางไว้ที่กล่องไวโอลินซึ่งวางอยู่ตรง หน้านักดนตรีที่ยิ้มๆ และโค้งพร้อมกับบอกขอบคุณ ต้นข้าวอมยิ้มจ้องมองสาวนักไวโอลินอยู่ครู่หนึ่ง หยิบสตางค์ออกมาจากระเป๋ากางเกงวางลงในกล่องเงยหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับสาวนักดนตรีที่ยิ้มสวยๆ ให้อยู่

   "ใจดีจังเลยค่ะ ตั้งร้อยหนึ่ง ขอบคุณนะคะ"

   "คือ เราชื่อ ต้นข้าว เขียนหนังสืออยากคุยด้วยสะดวกไหมคะ"

   "ชื่อน่ารักไปนะ ต้นข้าว ทำไมถึงอยากคุยกับเราล่ะ" สาวนักดนตรีถามต้นข้าวและจ้องมองด้วยความสงสัย

   "มาซ้อมล่ะสิ ไม่ได้อยากได้นักหรอกสตางค์น่ะ" ต้นข้าวอมยิ้ม

   "อยากได้สิ เป็นค่าขนม ค่าอาหาร ค่าที่พัก ชีวิตรันทดออก"

   "ตกลงว่าอย่างไรคะ คุยด้วยได้ไหม" ต้นข้าวถามอีกครั้ง

   "ไม่คุย ให้แบงก์ร้อย เพราะว่าจะขอคุยล่ะสิ ไม่เอาล่ะ ไปดีกว่านึกว่ามีน้ำใจที่แท้ก็หวังผล ดูแต่หน้าไม่ได้เนอะ คนเรา"

   "ว่าเสียยาวเชียว พรุ่งนี้มาเล่นอีกไหม ถ้ามาให้สิบบาทเผื่อจะยอมคุย เราอยากเขียนเรื่องของคุณนะ อาจจะได้ลงนิตยสาร บอกไว้ก่อนเผื่อจะไม่หาว่าเราหวังผลประโยชน์จากเงินหนึ่งร้อยบาทอีก ไว้เจอกันนะคะ" ต้นข้าวบอกแล้วยิ้มสวยๆ ให้กับสาวนักดนตรีที่จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่หันไปเก็บของแล้วเดินไปคนละทางกับทางที่ต้นข้าวเดินไป

   บ้านของนวลณฎายังคงสวยงาม เรือนหลังเล็กถูกสร้างขึ้นหลังจากที่เจ้าของบ้านได้ยกบ้านหลังใหญ่ให้กับน้องชายและครอบครัว เรือนหลังเล็กจึงเป็นที่พักสำหรับนวลณฎาและต้นข้าวยามเมื่อต้องเข้ามาทำธุระที่กรุงเทพฯ

   ต้นจำปีออกดอกมากมาย แย้มบานบ้าง ตูมบ้าง ต้นข้าวยิ้ม นึกถึงเมื่อครั้งที่ใช้ดอกจำปีห่อใบตอง เพื่อที่จะง้อนวลณฎา ซึ่งงอนจนกระทั่งเกิดอาการป่วย ภาพเหล่านั้นกลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง ต้นข้าวเดินไปหยิบดอกจำปีที่ร่วงหล่น อยู่ที่พื้นสนามหญ้า ดอกสีเหลืองอ่อนๆ ตัดกับสีเขียวของพื้นสนามหญ้าทำให้ดอกจำปีดูสวยงามและโดดเด่น ต้นข้าวอมยิ้มหยิบโทรศัพท์มากดถ่ายภาพ แล้วส่งให้นวลณฎา ซึ่งข้อความที่ส่งกลับมาทำให้ต้นข้าวยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม

   "คิดถึงจะแย่ ยังมายั่วด้วยการส่งดอกไม้อีกนะ"

   "ส่งจูบไปด้วยค่ะ ถึงบ้านคุณพี่นวลแล้วนะคะ" ข้อความจากต้นข้าวส่งถึงนวลณฎาผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

   "จุ๊บๆ ไปพักผ่อนได้แล้วจ๊ะ" ต้นข้าวยิ้มกับข้อความที่ได้รับการตอบกลับมา

   ภาพของนักดนตรีสาวกลับเข้ามาในความคิด ต้นข้าวเปิดสมุดบันทึกที่พกพาไว้สำหรับการเขียนเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ประสบพบมา รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้น เมื่อนึกถึงน้ำเสียงกวนๆ หลังจากได้พูดเกริ่นเรื่องขอพูดคุยเพื่อเขียนเรื่อง ราวของเธอคนนั้น ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรนักที่นักดนตรีสาวคนนั้นจะเข้าใจหรือคิดไปในทางที่เป็นเรื่องของผลประโยชน์เสียมากกว่า การชื่นชอบเสียงดนตรีของเธอ

   "ไม่น่าจะธรรมดานะ" ต้นข้าวรำพึงออกมาและเริ่มเขียนบันทึกเรื่อง ราวของการได้พบเจอกับสาวสวยนักดนตรีที่เล่นไวโอลินได้ไพเราะมาก

   เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของต้นข้าวดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏทำให้ยิ้มได้ มัวแต่เขียนอะไรขยุกขยิกอยู่นานจนลืมเวลา จนฟ้าเริ่มมืดแล้ว

   "สวัสดี พ่อหนุ่ม" ต้นข้าวทักทายแทนไท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและยังเป็นน้องชายคนเดียวของนวลณฎาด้วย

   "สวัสดีจ๊ะ แม่คนสวย" แทนไทหัวเราะเสียงดัง

   "เลยไม่ได้เจอหลานๆ เลย เสียดายจัง" ต้นข้าวยิ้มๆ

   "เอาไว้จะพาไปที่สวนดีกว่า เด็กๆ คิดถึงป้านวลกับป้าต้นข้าวจะแย่" แทนไทบอก

   "ขอให้จริงเถอะ พองานเยอะเข้าก็ลืม"

   "อ้าวคนทำงานนะจ๊ะ พาพี่นวลไปอยู่สวน แทนเลยต้องมาทำงานยุ่งอยู่นี่ไง ดีนะมีพี่ดาคอยช่วย ไม่อย่างนั้นแย่แน่ อ้อดูแลพี่นวลดีๆ ด้วยนะ ไม่ อย่างนั้นล่ะก็ จะไปเผาสวน" แทนไทหัวเราะเสียงดังลั่น

   "อย่าได้หวังเลย ข้าวจะดูแลอย่างดีที่สุด ว่าแต่เอ๊ะคุณพี่นวลมาฟ้องอะไรหรือเปล่า แทนพูดแปลกๆ" ต้นข้าวถามเสียงเข้ม

   "บ้า ฟ้องอะไรล่ะ มีแต่ชมน่ารักโง้นงี้งั้น อิจฉาจะแย่แล้ว"

   "คุณแทนไทคะ คุณเป็นผู้ชายนะคะ อิจฉาน่ะ ผู้หญิงเขาถึงจะเป็นกันเข้าใจใช่ไหมคะ" ต้นข้าวอมยิ้ม

   "ค่ะ เสียดายเลยไม่ได้เจอกันเลย คราวหน้าแจ้งล่วงหน้าด้วยนะ"

   "ได้ ไว้ค่อยคุยกันแทน ฝากสวัสดีคุณภรรยาและคุณหลานด้วยนะ"

   "ยินดีรับฝากขอรับ ดูแลตัวเองด้วยนะ เดินทางคนเดียว ทำไมไม่พาพี่นวลไปเที่ยวด้วย" แทนไทถาม

   "ยอมมาด้วยก็ดีสิ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แทนก็เหมือนกันดูแลตัวเองด้วย ข้าวกับพี่นวลเป็นห่วง" ต้นข้าวยิ้ม

   "จ๊ะ ฝันดีนะ แม่ต้นข้าวของคุณพี่นวล" แทนไทบอกแล้ววางสายไปต้นข้าวยิ้มๆ กับความน่ารักของแทนไทที่ชอบพูดจาแหยให้ยิ้มได้อยู่เสมอ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น