web stats

ข่าว

 


Cheating On You - บทที่ 4 Stalker

โพสต์โดย: anhann วันที่: 06 พฤศจิกายน 2019 เวลา 22:53:03 อ่าน: 569



บทที่ 4 Stalker





เม็กไม่ค่อยได้มานั่งดื่มกาแฟในร้านแบบนี้เท่าไหร่  มันอาจดูเปิดเผยไปหน่อย  ผนังร้านเป็นกระจกใสจงใจให้สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของโตรอนโต  แต่ก็เท่ากับว่าคนภายนอกเห็นเราเช่นกัน  เธอไม่ชอบเป็นเป้าสายตาใคร  ยกเว้น  เวลาสอนโยคะ  เพราะตอนนั้นเธอจะรู้สึกมั่นใจที่สุด

และตอนนี้ความมั่นใจของเธอที่มีอยู่น้อยนิดเวลาต้องออกมาเผชิญโลกกว้างก็หดลงจนแทบหมดไปแล้ว  ใครจะไปเชื่อว่าอยู่ๆ เธอจะได้มานั่งดื่มกาแฟกับผู้หญิงคนนี้  ผู้หญิงที่เธอได้แต่แอบมองเหลียวหลังอยู่ทุกวัน

แองจีเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยที่เม็กมาเรียนโท  สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ของปริญญาตรี  เธอไม่เคยเจออีกฝ่ายเลยสักครั้ง  ไม่เคยแม้แต่จะเดินสวนกันบนทางเดิน  เพราะตึกเรียนอยู่คนละปีกกัน  วันนี้ไหงมาเจอแจ็กพ็อตแบบนี้  แองจีมาหาเพื่อนที่คณะวิทยาศาสตร์

เมื่อไม่ได้อยู่ในชุดกีฬา  แองจีดูแตกต่างไปนิดหน่อย  เชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีเทา  เบลเซอร์สีน้ำตาลกับรองเท้าหนังส้นเตี้ย  เครื่องแต่งกายที่ดูก็รู้ว่าราคาสูงแค่ไหนทำให้อีกฝ่ายดูภูมิฐานและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น  เหมาะกับการเป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย  และทำให้เธอที่แต่งตัวแบบนี้  แค่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งแจ็กเก็ตหนังกับกางเกงยีนรัดรูปสีซีดดูเป็นนักศึกษาสาวนั่งดื่มกาแฟกับอาจารย์มากขึ้น 

"มีเรียนทุกวันเลยเหรอ" 

เม็กสั่นหัวเบาๆ ตอบ  ไม่วายเขินทั้งที่รู้ว่าคนถามมีคู่หมั้นแล้ว  แต่เมื่อมันชอบไปแล้ว  ต่อให้แต่งงานแล้วก็ใช่ว่าจะเลิกชอบได้  ยังไงแองจีก็ยังมีอิทธิพลกับเธออยู่  เธอยังจำกลิ่นน้ำหอม  อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายเวลาอยู่ใกล้กันได้  แองจีชอบกอดคอเธอเหมือนเลตัน  น่าแปลกที่เธอไม่เคยเห็นสองคนนั้นเดินกอดคอกันเลย  หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่าสนิทกัน

"งั้นวันนี้ฉันก็โชคดีสินะ"  แองจีพูดเบาๆ เหมือนพูดคนเดียว  ตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายเหมือนเด็กๆ  เม็กรู้สึกว่ามันเป็นสีเข้มขึ้นเมื่ออยู่ในร่มและแสงไฟไม่มากเหมือนในห้องเรียน

เม็กชอบสาวผมบลอนด์มาแต่ไหนแต่ไร  แทบไม่สนเลยว่าพวกเธอจะสมองกลวงแบบที่ใครๆ ชอบเอามาล้อในซีรีส์หรือในหนัง  ว่าสาวบลอนด์สวยแต่โง่  เธอเห็นมาหลายคนแล้วและพวกเธอไม่ได้โง่สักนิด  ผมดำแบบเธอต่างหากที่โง่เง่า 

"กาแฟนั่น  ดีแคฟหรือเปล่า"  แองจีพยักพเยิดไปทางแก้วกาแฟร้อนตรงหน้าเม็กที่ครูสอนโยคะสั่งระหว่างที่เธอออกไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน  และสั่งอเมริกาโน่ร้อนให้ตัวเองแล้วเรียบร้อย

"เปล่าค่ะ  ปกติ"  เม็กตอบ  ประคองแก้วคาปุชิโนขึ้นเป่าให้คลายร้อนและดื่มช้าๆ  เธอกลืนน้ำกาแฟรสนุ่มนวลลงคอ  ถอนหายใจอย่างโล่งใจ  กาแฟช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นจริงๆ 

"เหมือนฉันเลย  ถ้าไม่มีคาเฟอีนในกระแสเลือด  ฉันคงอยู่ไม่ได้แน่  แล้วพวกคุณก็จะเดือดร้อนด้วย"  แองจีพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น  ดูคล้ายเลตันในบางอย่าง  อาจเป็นพฤติกรรมกลืนนิสัยกันของคนที่รู้จักกันมานาน 

แล้วตัวเธอกับเลตันล่ะ  มีอะไรเหมือนกันบ้างไหม

"คุณพูดน้อยแบบนี้เสมอเลยเหรอ"

เม็กหน้าแดง  ดวงตาสีฟ้าสว่างคู่นี้ทำอะไรได้มากจริงๆ  ปกติเธอจะเห็นแองจียืนมองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเยือกเย็นน่าขนลุกเสมอ  แต่ตอนนี้ไม่ใช่  เป็นไปได้ว่าที่ทำแบบนั้นก็เพราะอยากให้คนรู้สึกเกรงขาม  เมื่อต้องคุมคนจำนวนมาก  อายุแตกต่างกัน  บางคนอายุมากกว่าตัวเอง  ก็ไม่แปลกที่จะต้องแสดงอำนาจ  แผ่รังสีที่บอกว่าฉันสามารถควบคุมคนอื่นได้  ส่วนตัวแล้วเธอคิดว่าแองจีทำได้ดีทีเดียว  สำหรับหญิงสาวอายุยี่สิบห้า

"ฉันถนัดฟังมากกว่า"

"กับเลตันไม่เห็นเป็น"  แองจีวิจารณ์  อมยิ้มเหมือนชอบใจเมื่อเห็นเม็กหน้าแดง  "ฉันเคยบอกแล้วว่า  เราจะได้มานั่งกินอาหารด้วยกันสักวัน  ถึงนี่จะไม่ใช่อาหารกลางวัน  หรือดินเนอร์  ก็คงพอใช้ได้ใช่ไหม"

เม็กยังไม่ทันได้ตอบอะไร  แองจีก็พูดต่อแล้ว

"วันนี้ทำเบนโตะมาให้เลตันอีกหรือเปล่า"

เม็กส่ายหน้า  เกือบเผลอฉีกกระดาษทิชชูเล่นแก้เขินแบบเด็กสาวเขินหนุ่มฮอตแล้วเชียว  แต่ถ้าแองจีเป็นหนุ่มๆ เธอคงไม่เขินขนาดนี้หรอก  เพราะเป็นผู้หญิงนี่แหละ

"ถ้าวันหลังทำมา  เผื่อฉันบ้างสิ  ฉันเบื่ออาหารโรงอาหาร"  แองจีพูดทีเล่นทีจริง  เม็กยังไม่ทันได้ตอบ  คนช่างพูดผิดปกติก็พูดต่อ  "ฉันอิจฉาเลตันนะ  มีรูมเมทน่ารักๆ แบบนี้"

"คุณอย่าล้อฉันเล่นสิ"  เม็กพึมพำอยู่ริมแก้วคาปุชิโนที่ยกขึ้นดื่ม  หวังให้มันช่วยระงับสติอารมณ์ของตัวเอง  ต่อให้เธอชอบแองจีมากแค่ไหน  เธอก็ไม่สามารถเป็นอะไรมากกว่านี้ไปได้  ไม่ต้องทำเป็นดีใจจนโอเวอร์เวลาที่ผู้หญิงคนนี้หยอกเย้าเธอเล่น

"ใครว่าฉันล้อเล่น"  แองจีพูด  กัดขนมปังปิ้งกิน  เศษขนมปังกรอบร่วงลงจานและติดแก้มหญิงสาวเล็กน้อย 

โดยไม่ทันคิดอะไร  เม็กหยิบทิชชูไปเช็ดออกให้  กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็ตอนที่สายตาแองจีจ้องเธอ

ให้ตายเถอะ  เธอแทบจะละลายเสียให้ได้ 

"ขอบคุณค่ะ" 

เม็กกะพริบตา  พยักหน้าน้อยๆ  จะดึงมือกลับ  แต่มันกลับถูกจับไว้ด้วยมืออุ่นๆ  เม็กทำตัวไม่ถูกหนักกว่าเดิม  เธอจะผ่านวันนี้ไปได้ยังไงโดยไม่หัวใจวายเสียก่อน  คำพูดของเลตันไม่มีความหมายอะไรเลยหรือไงนะ

"มือคุณเล็กจัง"  แองจีพูดเบาๆ  แต่เม็กก็ได้สติและมองมือตัวเอง  เมื่อเทียบกับมือสวยๆ ของสาวผมบลอนด์แล้ว  มือเธอเล็กกว่าอีกฝ่ายมากจริงๆ  ขนาดไม่ใช่มือผู้ชายนะ 

"คนเอเชียเสียเปรียบด้านสรีระกับพวกคุณอยู่แล้วค่ะ"  เม็กเปิดปากพูดได้ในที่สุด  ค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับมาอย่างสุภาพ

"คุณไม่ได้เป็นลูกครึ่งแบบเลตันเหรอ"  แองจีถาม  มองมือตัวเองข้างที่เพิ่งจับมือเม็กมา  ยังรู้สึกได้ถึงความอุ่นและกลิ่นโลชั่นหอมๆ จากมัน

"เรียกว่าลูกเสี้ยวน่าจะได้มากกว่า  ฉันมีเลือดตะวันตกอยู่ในตัวแทบไม่ถึงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์  แม่ฉันเป็นเกาหลีแท้ๆ  ส่วนพ่อเกาหลีอเมริกัน  ฉันถือสองสัญชาติ  จริงๆ น่าจะสามด้วยซ้ำ"  เม็กเล่า  ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังยิ้ม  เพราะนึกถึงเวลาที่พ่อเล่าเรื่องที่บ้านพ่อให้ฟัง  ความวุ่นวายระหว่างวันรวมญาติ  เธอประหม่าเมื่อหันมาเห็นแองจีมองอยู่ด้วยดวงตาสีฟ้าใคร่รู้

"มีอะไรติดที่หน้าฉันหรือเปล่าคะ"

อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ  รอยยิ้มทำให้ตาสีฟ้าสวยขึ้น

"ไม่รู้ทำไม  เวลาตะวันตกกับตะวันออกมาบรรจบแล้วถึงได้ผลลัพธ์ที่ดี  คุณว่าธรรมชาติตั้งใจให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่า"  แองจีพูด  เหมือนจงใจหาเรื่องคุยให้เม็กผ่อนคลาย  โชคร้ายที่เธอฟุ้งซ่านจนคิดเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว

"ฉันไม่มีความรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ"  เม็กตอบอายๆ  ถ้าคุยกับผู้ชายเธอจะไม่เขินมากเท่านี้เลยนะ  แต่เธอรู้แล้วว่าเวลาคุยกับคนที่ชอบมากๆ มันเป็นยังไง  กระนั้นการได้คุยกับแองจีนอกที่ทำงาน  ไม่เกี่ยวกับงานแบบนี้  ทำให้เธอได้รู้ว่าเข้าใจอะไรผิดไปหลายอย่าง  อย่างเช่น...

แองจีไม่ได้เป็นคนที่เอื้อมถึงได้ยากอย่างที่คิด  ออกจะเป็นกันเอง  และน่ารักมากๆ  เหมือนเลตันหรือเปล่านะ

"ฉันดีใจนะที่คุณเลือกมาอยู่กับเรา"

เม็กเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ  "ฉันสิที่ต้องดีใจที่คุณรับฉัน"

"เพราะคุณผ่านการทดสอบค่ะ  มิสไมรา"  แองจีตอบ  เป็นการเป็นงานเหมือนตอนสัมภาษณ์งานเม็ก  วันนั้นเป็นวันแรกที่เม็กได้สบตาสีฟ้าคู่นี้ตรงๆ เพราะเลี่ยงมันไม่ได้  กลัวจะไม่ได้งาน  และเธอต้องการงานมากๆ

เม็กสมัครงานที่ "ฟีนอมมีนอล (Phenomenal)" สปอร์ตคลับ  ก่อนจะรู้จักเลตัน  เธอยังอยู่ห้องเก่าที่รูมเมทคนเก่าย้ายออกไปแล้ว  แผนของเธอคือจะต้องได้งานก่อนถึงจะหาที่อยู่ใหม่  เพราะถ้าที่ทำงานไกลจากที่พักคงลำบากแย่  และเธอก็ต้องการงานอย่างด่วนจี๋  เนื่องจากสัญญาเช่าห้องนั้นเป็นชื่อของรูมเมทคนนั้น  ซึ่งคงไม่อยากข้องเกี่ยวกับเธออีกต่อไปแล้ว

"เห็นชัดว่าคุณมีพื้นฐานยิมนาสติก  เหมือนกับเลตัน" 

เม็กฟังแล้วแปลกใจ  นี่เป็นอีกเรื่องที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับเลตัน  สีหน้าของเธอคงแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกไปเต็มที่  อีกฝ่ายจึงยิ้มอีกแล้ว 

"เขาเคยเรียนยิมนาสติกกับฉันตอนเด็กๆ  ตั้งแต่เราห้าหกขวบมั้ง  ประมาณนั้น  แต่พอสิบเอ็ดขวบเขาก็ไปเรียนไอซ์สเก็ต  แล้วอยู่ๆ ตอนสิบห้าเขาก็เลิกเล่น  ไปเล่นบีบอยแทน"  แองจีเล่าต่อ  เม็กอึ้งไปเลย

"ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ  เลตันเป็นคนแบบนี้แหละ"

"พอเบื่อแล้วก็หาอะไรใหม่ๆ เหรอคะ"

"ทำนองนั้น"  แองจีตอบ  "แต่ฉันว่าแค่ของเล่นนะ  ไม่เกี่ยวกับคน  ถ้าคุณจะกังวลเรื่องนั้นน่ะนะ"

"ฉันเปล่า"  เม็กตอบเร็วกว่าที่ใจคิด  แองจียิ้มเหมือนเอ็นดูเธอ 

เม็กไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้  เธออายุมากกว่าสองคนนี้ตั้งสองปี  หมายถึง  แองจีกับเลตัน  แต่ทั้งสองกลับมองเธอด้วยสายตาราวกับเห็นเธอเป็นเด็ก  เธอไม่มีความน่าเคารพหรือเธอดู...ปัญญาอ่อน

"คุณดื่มเสร็จหรือยัง"  แองจีถาม  เม็กคงคิดว่าถูกตำหนิ  ถ้ารอยยิ้มบนใบหน้าสวยๆ ของผู้จัดการสาวจางหาย  แองจีดูนาฬิกาข้อมือ  "ฉันต้องกลับสปอร์ตคลับให้ทันบ่ายโมง  มีนัดกับลูกค้าค่ะ"

"งั้นไปกันเลยค่ะ"  เม็กบอก  ยกแก้วคาปุชิโนที่เย็นชืดแล้วขึ้นซดจนหมดในคราวเดียวและดื่มน้ำเปล่าตาม  เธอไม่ได้กินขนมปังปิ้งสักแผ่น  กลัวจะไปกินมื้อเที่ยงกับเลตันไม่ไหว  หวังว่าคนบ้านั่นจะรอเธอนะ

"คุณไม่ต้องจ่ายนะ"

"ช้าไปแล้วค่ะ"  แองจีพูดยิ้มๆ  หยิบธนบัตรบนเคาน์เตอร์ใส่กระเป๋าเสื้อคลุมคืนให้เม็กที่ขมวดคิ้วใส่เธออย่างไม่ชอบใจ  "เถอะน่า  ให้ฉันเลี้ยงคุณบ้าง  ถือซะว่ามาดื่มกาแฟกับเพื่อน"

"คุณเป็นเพื่อนฉันเหรอ"

"ก็ถ้าคุณอยากให้เป็น"

ฉันอยากให้เป็นอย่างอื่นมากกว่า  เม็กขมวดคิ้วให้ตัวเอง  ไม่ควรจะคิดแบบนี้กับคนที่มีเจ้าของแล้ว  แต่มันมีอะไรที่ขัดๆ อยู่นะ  อะไรสักอย่าง...

ไม่มีแหวนหมั้น

เลตันหลอกเธออย่างนั้นเหรอ  แต่การสวมแหวนเพชรระหว่างการทำงานแบบนี้อาจจะไม่สะดวกก็ได้  มันตั้งหลายเหตุผลที่คนเราจะไม่สวมแหวนหมั้น  อย่างเช่น  ไม่อยากให้ใครรู้

คู่หมั้นของแองจีเป็นผู้หญิง  เลยไม่อยากให้ใครรู้  เลตันพูดแบบนั้น

"เราแวะซื้ออะไรไปฝากเลตันกันไหมคะ"  แองจีพูดขึ้นขณะพาเม็กเดินไปยังรถมาเซราติสีดำของตัวเอง  "อาหารกลางวัน"

"คุณจะกินกับเราหรือเปล่า"  เม็กถาม  อีกครั้งที่ปากไวกว่าสมอง  เธอเห็นแองจีหันมามองด้วยรอยยิ้มดีใจที่คล้ายคลึงกับเลตัน  ทั้งสองไม่มีความเหมือนกันตรงไหนเลย  ไม่ว่าจะหน้าตา  เส้นผม  หรือสันจมูก  แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนการอยู่กับแองจีแทบไม่ต่างจากเลตันสักนิด 

พวกเขาเป็นแฝดคนละฝากันหรือเปล่านะ

"ฉันก็อยากร่วมโต๊ะด้วยนะ  แต่ฉันมีนัดแล้ว  ขอโทษด้วยนะคะ"

คนบ้านี่เจ้าชู้ชะมัด  เม็กคิดได้ทันทีที่ได้ยินแองจีตอบ  กับสีหน้าที่ปั้นแต่งมาให้เหมือนเสียใจจริงๆ นี่ก็ด้วย  เธอก็โตพอที่จะดูคนออกหรอกนะ  ไม่จำเป็นต้องมีแฟน  ก็มีเซ้นส์อยู่เหมือนกัน

"งั้นไม่เป็นไรค่ะ  ไว้ฉันค่อยออกมากับเขาเอง"  เม็กตอบ  รู้สึกว่าตนฉลาดขึ้นนิดหน่อย  อย่างน้อยก็ขออย่าทำตัวเฉิ่มๆ ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ให้มากไปกว่านี้เลย  เธออายุมากกว่า  ควรจะทำให้คนนับถือสิ

"นั่นสินะ"  แองจีพูด  ยกรีโมตปลดล็อกรถคันงาม  เดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารค้างไว้  ยืนมองเม็กด้วยสีหน้าเหมือนอ้อนวอน  ครูสอนโยคะจึงต้องยอมเดินไปก้าวขึ้นรถแต่โดยดี

"ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาชอบคุณ" 

เม็กหันมองคนขับ  นึกหมั่นไส้รอยยิ้มทรงเสน่ห์ของผู้หญิงมีเสน่ห์คนนี้เสียจริงๆ  มีวิตามินตัวไหนที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานหัวใจอ่อนแอได้บ้าง 

"แล้วรู้ไหมว่า  ทำไมฉันชอบคุณ"

"ว่าไงนะคะ"  แองจีถาม  ไม่ได้ยินที่เม็กพูดเพราะมัวแต่สนใจว่ารถคันหน้าจะขับกวนประสาทไปถึงไหน  "โทษทีนะคะ  ฉันไม่ทันฟัง  ฉันว่าต้องเป็นคนแก่ขับแน่ๆ  ไม่งั้นเราคงพ้นไฟแดงไปแล้ว  คุณพูดอะไรนะเม็ก  ช่วยพูดใหม่ได้ไหม"

"ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ"  เม็กตอบง่ายๆ  แล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง  พลางคิดว่าหิมะแรกจะมาเมื่อไหร่

...................................

เลตันยืนกอดอกมองเม็กเดินลงจากรถสีดำเงาวับ  และมองคนขับที่เพิ่งก้าวลงมา  ละสายตาจากเม็กไปเลิกคิ้วให้เพื่อนสนิท  แองจียิ้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ขณะยิงรีโมตล็อกรถคันงามของตัวเอง  จากนั้นก็เดินเข้ามา

"แค่พาไปกินกาแฟ"  แองจีกระซิบบอกเลตันระหว่างเดินผ่านจะเข้าประตูสปอร์ตคลับที่เพื่อนสนิทยืนเฝ้าอยู่ราวกับยักษ์ที่วัดในประเทศไทย

"ไม่ต้องมาหวงหรอกน่า"

เลตันห้ามใจไม่ให้ปัดมือเพื่อนที่แตะบ่าตนออก  แล้วก็ใช่ว่าเธอจะทำอะไรแองจีได้อย่างนั้น  แองจีเป็นเจ้าหญิงเชียวนะ  เจ้าหญิงของเธอ

แองจีเดินเข้าไปแล้ว  เลตันกำลังจะยิ้มทักทายเม็กที่ทำท่าจะเดินเข้ามาเธอ  แต่ใครอีกคนก็มาตัดหน้าเข้าไปคุยกับรูมเมทของเธอก่อน

โอย  ทำไมฮอตขนาดนี้นะ  ยายตัวเล็ก

เลตันส่ายหัว  กลอกตา  เมื่อเห็นเม็กยิ้มแย้มดีระหว่างคุยกับเพจ  เธอจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปข้างในก่อน  รอนานจนเมื่อยแล้ว  เธอคิดจะชวนเม็กไปหาอะไรกินนอกสปอร์ตคลับสักหน่อย  แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว

"จะไปไหน"  เม็กตามมาดึงชายเสื้อยืดสีขาวที่สกรีนอักษรสีน้ำเงินคำว่า  PHENOMENAL ตรงหน้าอก  เลตันจะใส่เสื้อยืดทับเสื้อกล้ามอีกทีเวลาออกมาข้างนอก  ตอนสอนก็ถอดมันออกเหมือนอยากจะโชว์หุ่นดีเว่อร์ๆ ของเจ้าตัว  จริงๆ ก็คงร้อนนั่นแหละ

"หากาแฟกิน  เธอกินมาแล้วนี่"  เลตันตอบตรงๆ  "ง่วงจะตาย"

"แล้วทำไมไม่รอ"

"ก็เธอคุยอยู่กับ...แฟนคลับ"

เม็กหน้าเหวอ  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเลตันจะพูดแบบนี้ทั้งที่เจ้าตัวนั่นแหละ  ที่มีแฟนคลับเพียบไปหมด

"เพจไม่ใช่แฟนคลับฉันสักหน่อย  เราแค่คุยกันเฉยๆ เรื่องคอร์สใหม่  แอ็คโคร โยคะ  ไงล่ะ"

เลตันเหล่ตามองคนตัวเล็กอย่างไม่เชื่อนัก  "ไม่เห็นมาถามฉันเลย  ฉันก็สอนเหมือนกัน"

"งั้นฉันไปถามให้เอาไหม  ว่าทำไมไม่มาถามเธอ"

"ไม่ต้อง"

คอเสื้อด้านหลังเม็กถูกดึงไว้  หันมามองเจ้าของมือ  เลตันหน้ายุ่งๆ แต่แก้มแดงเรื่อ  น่ารักอีกแล้ว  นี่แหละที่แตกต่างจากแองจี  ผู้จัดการสาวยังไม่เคยหน้าแดงแบบนี้ต่อหน้าเธอเลย  มีแต่ทำให้เธอแดงไปทั้งตัว

เม็กสะบัดตัวออกจากมือเลตัน  เพราะคนเดินผ่านไปผ่านมาเริ่มจะมองเราด้วยสายตาแปลกๆ  เพจก็มองมาจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

"มานี่"  เลตันคว้าแขนเม็กและดึงให้เดินตามตัวเอง

"ไปไหน" 

"กินข้าวสิ  หรือกินกาแฟอิ่มแล้วล่ะ"

"แค่กาแฟจะอิ่มได้ไง"  เม็กย้อน  ยิ้มสะใจเมื่อเลตันหันมาขมวดคิ้วพร้อมกับหน้างอๆ  "นี่ฉันมีเรื่องอยากถาม"

"ถ้าเป็นเรื่องแองจี  ไปถามเอาเอง"

"อ้าว  ทำไมล่ะ  พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกันนะ"

"เธอก็สนิท  วันนี้ไปเดตกันมาไม่ใช่เหรอ" 

"แค่อยากรู้ว่าทำไมเขาไม่ใส่แหวนหมั้น  และมันก็ไม่ใช่เดตด้วยนะ"

เลตันมองหน้าเม็กแล้วส่ายหัว  ปล่อยแขนรูมเมทให้เดินตามมาเอง 

"นี่  เลตัน --"

"รีบๆ ตามมา  ฉันหิว  ไม่งั้นฉันจะจับเธอกินซะ" 

เม็กผวากับคำขู่  เพราะตอนเด็กๆ เคยโดนพวกผู้ใหญ่หลอกไว้เยอะ  เธอหยุดเดิน  ปล่อยให้เลตันเดินไปคนเดียว  จนกระทั่งอีกฝ่ายต้องย้อนกลับมาคว้าแขนพาเธอไปด้วยกัน

"ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะเม็ก"

เสียงเลตันบ่นพึมพำระหว่างพาเม็กเดินไปโรงอาหารสปอร์ตคลับด้วยกัน  ทำให้เม็กได้สติและจำได้ว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว 

"เหม่ออีกแล้ว  แบบนี้เธอเรียนหนังสือรู้เรื่องได้ยังไงนะ"

"นี่แน่ะ  ชอบว่า!"  เม็กสะบัดแขนออกจากมือเลตันและตีหัวรูมเมทจอมกวนไปหนึ่งที  แรงพอดู  ระหว่างที่เลตันยืนจับหัวที่ถูกตีงงๆ  เธอก็วิ่งนำไปโรงอาหารก่อน

"ใครถึงโรงอาหารทีหลัง  เลี้ยงข้าวด้วย!"  หันมาตะโกนบอกเลตันเสียงร่าเริง  เห็นคนขายาวกว่าทำท่าจะสปีดขึ้นมาก็รีบหวนกลับไปวิ่งต่อทันที  คนที่เดินสวนมาต้องกระโดดหลบกลัวเธอจะพุ่งไปชน 

"เฮ้  เป็นเด็กประถมกันหรือไงน่ะ  ใครบอกให้วิ่งบนทางเดิน"  ซาซ่าตะโกนห้ามทั้งเม็กและเลตัน  หากก็ต้องกระโดดหลบให้ทั้งคู่วิ่งผ่านไปอย่างทำอะไรไม่ได้  ไม่อย่างนั้นก็โดนชนเจ็บสิ

"หลบไป  ซาซ่า!"

"บอกไม่ให้วิ่งไง  พวกบ้านี่!"

"พวกเขาน่ารักกันดีนะ" 

เสียงอีกคนดังขึ้นข้างๆ  ซาซ่าหันไปมอง

"ตลกน่า  เพจ  คิดงั้นจริงดิ"

เพจพยักหน้าจริงจัง  เอาแซนด์วิชที่เพิ่งซื้อมาจากโรงอาหารเมื่อกี้ใส่ปากกินแล้วเดินผ่านซาซ่าไป

"นี่ก็เพี้ยนอีกคน"  ซาซ่าพูด  ส่ายหัวมึนๆ แล้วเดินกลับห้องทำงาน

ขืนอยู่แถวนี้นานกว่านี้คงได้ติดเชื้อเพี้ยนไปด้วยอีกคนแน่

......................................

เลตันต้องซ้อมละตินแดนซ์กับแองจี  เม็กไม่อยากอยู่ดูทั้งที่รูมเมทชวนแล้วชวนอีก  กลัวจะรู้สึกประหลาดแบบนั้นอีก  และอาจทำให้เลตันไม่มีสมาธิได้  จึงขอกลับบ้านก่อน  วันนี้เธอเลยยอมตัวเหม็นกลับบ้าน  ไม่อยากอาบน้ำในห้องน้ำสปอร์ตคลับคนเดียว

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า  เม็กรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลังเธอมาตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากสปอร์ตคลับ  แต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นมีใคร 

ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามเดินในที่ที่มีคนเยอะๆ  กลืนตัวเองไปกับพวกเขา  และเปลี่ยนเส้นทางจากที่เคยกลับทางไหนประจำ  เธอก็เปลี่ยนไปทางอื่นบ้าง  เธออาจจะหลอนตัวเองไปเองก็ได้  แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ชวนให้ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้  ดีกว่าสะเพร่าแล้วเกิดอันตราย 

ทว่า  เม็กก็ยังเชื่อว่ามีคนเดินตามเธอไม่ลดละ  สัญชาตญาณมันบอกว่าเขายังตามเธออยู่  เธอจึงตัดสินใจเรียกแท็กซี่  แต่ยังไม่บอกจุดหมายจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีคนตามเธอมาแล้ว 

"แป๊บนะคะ  ขอเช็กเพื่อนก่อน"  เม็กพูดกับคนขับแท็กซี่  ทำทีเช็กโทรศัพท์มือถือ  หากสายตากวาดมองไปรอบๆ  แล้วเธอก็เห็นใครคนหนึ่งเรียกแท็กซี่หลังเธอ 

หมวกแก็ปกับศีรษะที่ก้มต่ำและเสื้อผ้าเกินไซส์ทำให้ดูยากว่าเป็นเพศใด  กระนั้นอะไรบางอย่างก็บอกเธอว่านั่นคือผู้หญิง

ต่อให้เป็นผู้หญิงก็น่ากลัว  ถ้าจะเล่นตามกันแบบนี้ 

เม็กไม่แน่ใจหรอกว่าผู้โดยสารแท็กซี่อีกคันตามเธอจริงหรือไม่  แต่เธอก็ต้องตัดสินใจให้ไว  "ไปฟีนอมมีนอลค่ะ"

"อะไรนะครับ"

"มันเป็นชื่อสปอร์ตคลับค่ะ  ฟีนอมมีนอล"  เม็กตอบและบอกทางให้คนขับแท็กซี่  พยายามไม่หงุดหงิดเขาที่ไม่รู้จักที่ทำงานของเธอ  บางคนก็ไม่มีธุระอะไรจะต้องไปในสถานที่ฟุ่มเฟือยแบบนั้น  ค่าสมาชิกรายเดือนหรือรายปี  สามารถเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายอย่างอื่นได้ตั้งมากมาย 

เม็กมองหาแท็กซี่คันที่ตามเธออยู่  มันหายไปแล้ว  ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเส้นทาง  กลับไปหาเลตัน  กลับบ้านพร้อมกันอุ่นใจกว่า

"ขอบคุณค่ะ  ที่เหลือเป็นทิปนะคะ"  เธอจ่ายเงินให้คนขับเกินค่ามิเตอร์แล้วรีบเดินเข้าสปอร์ตคลับทันที  ผงกหัวให้เพจที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์  คิดว่าจะไปหาเลตันที่ห้องซ้อมแต่เปลี่ยนใจมานั่งตรงล็อบบี้ใกล้ประชาสัมพันธ์แทน  มันไม่ได้มีแค่เพจ  พนักงานคนอื่นก็มี

"ขอบคุณที่ไม่ถามค่ะ  ฉันไม่รบกวนหรอก  พอเลตันออกมา  ฉันจะกลับบ้านพร้อมเขา"  เม็กบอกเพจที่ยิ้มกลับมาให้อย่างงงๆ  แต่ก็หันกลับไปทำงานต่อเหมือนชินกับความประหลาดของเธอแล้ว

เม็กล้วงหนังสือนิยายจากกระเป๋ากีฬาออกมาอ่านระหว่างรอเลตัน  แม้สปอร์ตคลับจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุด  แต่ก็ดีกว่าอยู่ข้างนอก  เดินเซ่อๆ ไปให้ใครจับตัวไปโดยไม่มีใครรู้เห็น  และไม่ได้เจอใครๆ อีก

ฉันหลอนตัวเองมากไปหรือเปล่านะ  เม็กคิด  บางทีเธออาจจะอ่านหนังสือนิยายอาชญากรรมมากเกินไป  หากตัดสินใจจะซื้อสเปรย์พริกไทยกับเครื่องช็อตไฟฟ้าติดกระเป๋าไว้ป้องกันตัวแล้ว

"เครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วยดีกว่า"



...............................

เอาใจช่วยเม็กด้วยนะจ๊ะ   :02: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

07 พฤศจิกายน 2019 เวลา 06:31:13
สาวHot จะทำไรใครก็เหลียวมอง น่าสงสารเนาะ
แสดงความคิดเห็น