web stats

ข่าว

 


Viewfinder - บทที่ 16 Memories

โพสต์โดย: anhann วันที่: 27 กันยายน 2019 เวลา 23:06:07 อ่าน: 648



บทที่ 16 Memories




เราตัดสินใจเช่ารถยนต์ขับไปพรอวิเดนซ์  ตั้งใจทำเป็นโรดทริปเสนอให้กับคนดู  พวกเขาจะได้รู้สึกว่ามันแปลกใหม่  ไม่ใช่อะไรๆ ก็นั่งเครื่องตลอด  คราวนี้เคลลี่ไม่ได้เป็นคนแนะมา  เธอคิดขึ้นมาเอง  เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยนั่งจากบ้านมานิวยอร์กกับครอบครัว 

พ่อแม่บุญธรรมเจ้าของนามสกุลบราวน์ที่เธอรักมาก

แอนน์คำนวณไว้ว่าประมาณสี่ชั่วโมงจากอพาร์ตเมนต์ของเธอก็คงจะถึงพรอวิเดนซ์  รวมเวลาพักเข้าห้องน้ำไปด้วยแล้ว 

"คราวหน้าเรามาลองไอส์แลนด์กันบ้างเนอะ"  เธอชวนเคลลี่  พลางมองแผนที่ในมือพร้อมกับฟังเสียงจีพีเอสบอกทางไปด้วย  เคลลี่ไม่ชอบฟัง  บอกว่ามันหนวกหู  จึงคอยจะปิดอยู่เรื่อย  แต่ตอนนี้กลับเป็นคนเปิดมันเอง

"พรอวิเดนซ์ก็มีทะเล"

"แต่ประวัติศาสตร์ไม่เหมือนกัน"

เคลลี่พยักหน้าเข้าใจ  "แบร์ริงตันก็น่าแวะนะ" 

"เข้าบ้านก่อนดีกว่า  เดี๋ยวค่ำก่อน"  แอนน์บอก  "เปลี่ยนให้ฉันขับบ้างไหมล่ะ" 

"ไม่อะ  ฉันไม่อยากลงไปนั่งเล่นข้างทาง"

"เกินไปย่ะ"  มือเล็กๆ ผลักหัวคนขับที่ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะเธอ

"จีพีเอสมันบอกใกล้ถึงแล้ว"  เคลลี่ว่า  เธอลองเบาเครื่องยนต์และลดกระจกรถลง  สูดกลิ่นอายของเมืองที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมสี่ปีระหว่างเรียน  จะบอกว่าคิดถึงก็คงจะพูดได้เต็มปาก

"บ้านเธออยู่ไหน"  แอนน์ถาม  เงยหน้าจากแผนที่มองคนขับแทน

"เราจะไปค้างบ้านพี่กัน" 

"ว่าไงนะ"

เคลลี่หันมายิ้ม  ตาคมเป็นประกายเจ้าเล่ห์  แอนน์ไม่อยากเดาว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นอะไรอยู่  แต่เธอก็คิดว่าพอจะเดามันได้  ก็ไม่ได้โง่นะ

"ฉันยืมมาน่ะ  ช่วงที่เราอยู่ที่นี่"

"คิดแล้วเชียว"  แอนน์พึมพำ  ผลักหัวเจ้าเด็กแสบที่ยังหันมายิ้มยั่วอารมณ์เธอ  "เป็นคนรวยนี่ดีจริงๆ เลยนะ"

"มันไม่ใช่เงินฉัน  อันนี้ฉันก็ยืมเขามา"  เคลลี่ล้วงกระเป๋าอกเสื้อ  ดึงกุญแจพวงหนึ่งออกมาส่งให้แอนน์ที่รับมันไปดูด้วยสีหน้าที่ทำให้เธอนึกสงสาร  บ้านหลังนั้นคงมีคุณค่าทางจิตใจแอนน์มากจริงๆ

"วิคโตเรียเอามันไปจำนองกับจอร์แดน  ฉันเลยขอยืมมา" 

แอนน์ช้อนตามองคนเล่าเรื่อง  จากที่นึกเคืองเคลลี่อยู่เมื่อกี้ที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าก่อน  กลับซาบซึ้งใจที่อุตส่าห์เป็นธุระเรื่องนี้ให้เธอ  เพราะเธอติดต่อวิคโตเรียไม่ได้  ส่งข้อความไปอีกฝ่ายก็ไม่ตอบกลับ  เธอจึงตั้งใจว่าจะพักโรงแรมและให้เคลลี่ขับรถผ่านไปทางนั้นให้

แค่ได้มองอยู่ข้างนอกก็ยังดี

"ขอบคุณนะ" 

"นิดหน่อยน่ะ"  เคลลี่ตอบ  "บ้านอยู่เฉยๆ  ไม่ได้ใช้ทำอะไร  จะเก่าซะหมด  เขาไม่ได้ให้ใครเช่า  แต่มีคนคอยดูแล"

"จอร์แดนน่ะเหรอ"

"อืม"

"มีคนสั่งเขาหรือไง"

"เปล่า  มันก็เรื่องปกติ  ถ้าบ้านหลังไหนที่ไม่ได้ใกล้พังอยู่แล้ว  เขาก็จะให้คนไปดูแลทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง  แต่อันนี้ฉันให้มาทำพิเศษน่ะ  กลัวนอนไม่ได้"

"ที่บอกจองบ้านพักไว้แล้ว  ก็หลังนี้สินะ"  แอนน์ถาม  เคลลี่ฮัมรับ  เอื้อมมือมาลูบเส้นผมเธอเล่น  เดี๋ยวนี้เคลลี่ชักจะกล้าเล่นกับเธอมากขึ้น  เราไม่ใช่คนอื่นกันแล้ว  เธอก็ชอบแบบนี้ด้วย

"เขาไม่ได้ทำอะไรกับมันหรอก  แค่ซ่อมแซมนิดหน่อย  มันเก่าแล้วใช่ไหมล่ะ  น้ำไฟก็ยังมีใช้  คิดว่าห้องของพี่ก็คงเหมือนเดิม  แต่น่าจะเปลี่ยนที่นอนกับผ้าปูมั้ง  เก่าไปจะนอนเจ็บหลัง"

"ไม่เจ็บหรอก  ถ้านอนทับเธอ"  แอนน์ตอบ  ยิ้มขำเมื่อคนเจ้าเล่ห์ทำท่ากัดปากอายๆ  ปกติทะลึ่งตลอด

แอนน์หยิบกล้องขึ้นมา  ปรับไมค์และเริ่มทำงานต่อ  เธอถ่ายวิดีโอแค่ตั้งแต่ออกจากนิวยอร์ก  เป็นการทักทายแฟนๆ จากนั้นก็ถ่ายวิวข้างทางเล็กน้อย  ตอนนี้เมื่อจะเข้าพรอวิเดนซ์แล้วจึงต้องถ่ายเพิ่มอีก 

เคลลี่ลงคลิปญี่ปุ่นไปแล้วเรียบร้อยตั้งแต่วันที่เรากลับถึงนิวยอร์ก  เรานั่งตัดต่องานกันทั้งคืน  ไม่ได้เล่นกันสักแอะ  กว่าจะได้นอนก็เช้า  แล้วก็ตื่นมาหาอะไรกิน  เสร็จแล้วเคลลี่ก็ขอตัวกลับบ้านตัวเอง  ส่วนเธอนอนเล่นดูซีรีส์ที่ห้องเหมือนวันหยุดวันอื่นๆ (ที่ไม่ค่อยมี) กลางวันก็รื้อมาม่าเกาหลีที่ซื้อมาทิ้งไว้ในครัวกินแก้หิว  ตอนเย็นเคลลี่ก็กลับมาพร้อมกระเป๋าเดินทางที่เอาไปใส่ของสำหรับทริปใหม่  พิซซ่าและขนมที่เธอชอบ

ตกกลางคืนก็ดูทีวีกันนิดหน่อย  ตั้งนาฬิกาปลุก  และหลับ  ไม่ได้ทำอะไรกันเลยนอกจากจุ๊บนิดๆ  ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ  แต่มันเป็นไปแล้ว

แอนน์ปิดกล้องหลังจากถ่ายงานเสร็จ  เซฟแบตเตอร์รี่เอาไว้ก่อน  เพราะยังต้องถ่ายอีกหลายตอนกว่าจะถึงบ้าน  เธอมองบรรยากาศบ้านเมืองที่ไม่ได้เห็นมาประมาณสองปีแล้ว  ครั้งสุดท้ายที่เธอมาก็ตอนมาเจอเคลลี่ที่มหาวิทยาลัยเมื่อสองปีที่แล้ว  เพื่อนที่จบรุ่นเดียวกันกับเธอ (คนละกลุ่มกับเพื่อนเที่ยว) ที่อยู่ชมรมถ่ายภาพและเป็นครูโรงเรียนมัธยมอยู่ที่นี่ (ตอนนี้ก็ยังอยู่) ซึ่งเธอขอให้ช่วยหาเด็กมาช่วยงาน  ระบุไว้ว่าต้องทำงานที่นิวยอร์กได้  ส่งอีเมลไปบอกเธอให้มาเจอเด็กที่นี่  เธอจึงลงทุนนั่งเครื่องมาหา  และเจอกับเด็กคนนี้แหละ  ไอ้ตัวแสบข้างๆ เธอนี่ละ

ที่จริงตอนนั้นวิคโตเรียจะให้หาเด็กนักศึกษาแถวๆ นิวยอร์กเอา  แต่เธอเรื่องมากเอง  ไม่อยากได้เด็กที่นั่น  และเพื่อนก็เคยพูดไว้ว่า  ถ้าจะหาเด็กไปฝึกงานให้มาดูที่มหาวิทยาลัยไปบ้าง  แม้เด็กจากบราวน์จะมีคนอยากรับอยู่แล้ว  แต่อย่างเคสของเคลลี่คงยากที่จะได้งานที่อยากทำ  ยังเรียนไม่จบ  เพิ่งจะขึ้นปีสอง  อย่างมากก็คงเป็นได้แค่พนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหาร  ซึ่งอย่างเคลลี่คงไม่ชอบ

ใกล้ถึงบ้านมากขึ้นเท่าไหร่  แอนน์ยิ่งตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก  เธอไม่กล้าหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายงานเลย  กลัวจะพูดไม่ได้  คนอื่นอาจไม่เข้าใจ  มันก็แค่บ้านเก่า  จะมีอะไรนักหนา  แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่แค่บ้าน  มันคือความทรงจำ  พ่อแม่บุญธรรม  บรรยากาศ  สถานที่  ทุกๆ อย่าง  อาจเหมือนคนยึดติดมากเกินไป  แต่ไม่หรอก  เธอก็แค่คิดถึง...

เคลลี่เห็นสีหน้าแอนน์ตรงหางตาขณะหักเลี้ยวเข้าซอยบ้านเก่าแอนน์  รู้สึกเหมือนคิดผิดที่ให้แอนน์มาบ้านหลังนี้ตอนนี้ 

"ไปพักโรงแรมกันก่อนไหม"

แอนน์หันมองเคลลี่  เข้าใจเจตนาที่อีกฝ่ายถาม  เธอจึงส่ายหัว

"แค่ตื่นเต้นน่ะ" 

"เอากุญแจมาให้ฉันก็ได้  ฉันเปิดให้"  เคลลี่บอก  แบมือขอกุญแจบ้านจากแอนน์  แต่อีกฝ่ายส่ายหัวด้วยท่าทางมุ่งมั่น  เธอจึงดึงมือกลับมาวางบนพวงมาลัยรถตามเดิม  สักพักก็รู้สึกว่าไหล่หนักๆ  เหลือบมองก็เห็นศีรษะพิงมันอยู่  เธอยิ้มให้เจ้าของศีรษะนั้น

"ฉันไม่เป็นไร  จริงๆ"

"โอเค"

แอนน์ยิ้ม  ตั้งตัวให้ตรงใหม่เมื่อเคลลี่ชะลอรถ  เธอชะเง้อคอมองหาบ้านตัวเอง  เธอมาพรอวิเดนซ์เมื่อสองปีที่แล้วก็จริง  แต่มาไม่ถึงบ้านหลังนี้  วิคโตเรียยึดมันไปตั้งแต่เธอขายตัวเองให้หล่อน  แม้จะคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้คืนแล้ว  หากก็ไม่คิดว่าหล่อนจะเก็บมันไว้แบบนี้  ถึงจะติดจำนองก็ตาม 

แบบนี้ก็แปลว่า  ถ้าเธอมีเงินมากพอก็คงจะขอซื้อมันกลับมาได้  ถ้าวิคโตเรียจะยอมนะ 

"ถึงซะที"  เคลลี่พูด  ถอนใจเฮือกใหญ่  หันมองแอนน์ที่ทำปากตุ่ยกลับมา  เธอจึงเข้าไปจุ๊บมันเบาๆ อย่างขี้เล่น  เห็นแอนน์ไม่ยิ้ม  เธอก็เข้าไปจะทำใหม่  มือเล็กๆ จึงยันหน้าเธอไว้พร้อมเสียงหัวเราะ

"ลงไปก็ได้  ไม่เห็นต้องรีบเลย  รีบเหรอ"

"ปวดฉี่  ขาชาหมดแล้วด้วย"

"ยุ่งจริงๆ เลย"  แอนน์บ่น  ทำไปอย่างนั้นแหละ  หลังจากช่วยเคลลี่ยกกระเป๋าเดินทางลงจากรถเสร็จแล้วก็เดินนำอีกฝ่ายที่มัวแต่บิดขี้เกียจอยู่เข้าไปเลย  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังชะงักตอนเท้าเหยียบบนถนนอิฐเส้นเล็กๆ ที่จะนำเข้าสู่บ้าน

เธอมองเห็นตัวเองตอนเด็กๆ กับพ่อแม่บุญธรรม  เป็นภาพรางๆ เหมือนภาพยนตร์สมัยเก่า  เหมือนใครเอาโปรเจกเตอร์มาฉายให้ดู  หลายเหตุการณ์ถูกฉายซ้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันที่ตำรวจมาเคาะประตูบ้าน

แจ้งข่าวร้ายที่ทำให้หัวใจเธอสลายไม่เหลือชิ้นดี

เธอต้องทนอยู่ที่นี่ต่อคนเดียวหลังจากวันนั้น  แต่ก่อนหน้านั้นพวกญาติๆ ของพ่อแม่บุญธรรมเธอจะมาบ้านหลังนี้ไป  โชคดีที่ทนายซึ่งพ่อแม่บุญธรรมฝากพินัยกรรมเอาไว้  เข้ามาช่วยและชี้แจงว่าเธอมีสิทธิในบ้านและสามารถอยู่อาศัยได้อย่างชอบธรรม  อย่างน้อยก็จนกว่าพินัยกรรมจะเปิด  และเมื่อถึงวันเปิดพินัยกรรม  มันก็กลายมาเป็นของเธอโดยสมบูรณ์  เงินสดในธนาคาร  เครื่องเพชรของแม่  ที่ดิน  อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ของพวกท่านตกเป็นของเธอทั้งหมด  ญาติๆ พวกนั้นโกรธมาก  ต่างพากันสาปแช่งลูกนอกไส้อย่างเธอกันจนไม่เหลือดี 

บางทีที่เธอมาเป็นแบบนี้อาจจะเกี่ยวกับคำสาปพวกนั้นก็ได้ 

ไม่หรอก  เธอเป็นแบบนี้เพราะตัวเธอเอง  เพราะเธออ่อนแอเอง 

"พี่โอเคไหม"

เสียงเป็นห่วงเป็นใยของเคลลี่ดึงให้เธอหลุดจากภวังค์  แอนน์หันมาสบตาคนที่สอดมือมาจับมือเธออย่างถนอม  เธอคงตัดสินใจไม่ผิดที่ชอบเด็กคนนี้  เคลลี่อาจยังอายุน้อย  แต่ไม่ได้ดูไม่เอาไหน  ต่อให้ไม่ได้นับชาติตระกูล  เคลลี่ก็มีปัญญาหาเงินเลี้ยงตัวเองได้อยู่แล้ว  จากความสามารถที่มี  ถ้าเธอเลิกทำช่องยูทูปแบบนี้เมื่อไหร่  เคลลี่ก็หางานอื่นทำได้อยู่ดี

ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเธอ  เธอมีเงินพอเลี้ยงตัวเองได้  เธอเบื่อแล้วที่จะต้องขอเงินใคร  พอกันที 

"เข้าไปด้วยกัน"  เคลลี่พูด  กระตุกมือแอนน์เบาๆ  คนตัวเล็กก้าวขาเดินอย่างเกร็งๆ  ท่าทางเลิกลั่กราวกับกลัวอะไรสักอย่าง  ถ้าเธอไปบ้านป้าหรือบ้านพ่อแม่ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่  มันจะเหมือนมีอะไรคอยหลอกหลอนอยู่ในสถานที่แบบนี้ 

ซากชีวิตของวันเก่าๆ

เราหยุดตรงประตูบ้านสีน้ำตาลเข้ม  เคลลี่คิดว่าจอร์แดนคงให้คนมาทาสีใหม่  มันดูใหม่ทั้งหลังเหมือนกับเพิ่งถูกบูรณะไปหยกๆ  ญาติผู้พี่เธอใช้เงินเป็นจริงๆ เสียด้วย  หรือเขาคิดจะทำมันเป็นบ้านพักให้คนเช่ากันแน่

"มันใหม่เหมือนตอนฉันมาอยู่ใหม่ๆ"  แอนน์พูด  สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากวันที่เธอจำใจต้องจากมันไป 

วิคโตเรียเช่าห้องใหม่ให้เธออยู่หลังจากเธอขายมันให้หล่อนไปแล้ว  เป็นบ้านติดกับมหาวิทยาลัย  ซึ่งเธอสามารถเดินทางไปเรียนและเข้ากลุ่มบำบัดได้ง่ายกว่าอยู่บ้าน  ดังนั้น  เธอจึงไม่ได้เห็นมันมานานเกือบหกปีแล้ว  ที่จริง  วิคโตเรียก็ไม่ได้ห้ามเธอมาเยี่ยมบ้าน  หล่อนไม่ได้ขังเธอไว้  เธอเลือกจะไม่มาเอง  เพราะทนความเสียใจไม่ได้  ไม่ใช่แค่ความทรงจำที่มีต่อพ่อแม่บุญธรรมเพียงอย่างเดียว  แต่เพราะเธอรู้สึกผิดที่ต้องขายมันแลกกับเงิน 

พวกท่านคงจะส่ายหัวให้เธออยู่บนสวรรค์แน่ๆ  มีลูกไม่รักดีแบบนี้

"แดนคงจะให้คนมาทาสีใหม่"  เคลลี่ตอบ  "ไขกุญแจเถอะ  ปวดฉี่  หรือจะให้ราดตรงนี้"

"บ้า"  แอนน์กระแทกเคลลี่จนเซ  แล้วเสียบกุญแจลงช่อง  มันไม่มีแม่กุญแจอันใหญ่คล้อง  คนทำความสะอาดคงปล่อยมันไว้  เพราะรู้ว่าเราจะมากันวันนี้อยู่แล้ว

"กุญแจประตูหน้าไม่ได้เปลี่ยน" 

"คงเอาไว้แบบเดิมมั้ง  มันคงไม่ได้พัง"  เคลลี่สันนิษฐาน  มองประตูที่ถูกแอนน์ดันเข้าไป  แอนน์อึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะยอมก้าวเข้าไป  พยักพเยิดให้เธอไปเข้าห้องน้ำได้  คงกลัวเธอจะฉี่ราด  อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ปวดจนทนไม่ไหวขนาดนั้นหรอก  แค่อยากเร่งแอนน์เท่านั้นแหละ

ระหว่างเดินหาห้องน้ำ  เคลลี่ก็ถือโอกาสสำรวจบ้านไปด้วย  ไม่ได้ขอให้แอนน์บอกทางให้  อยากจะตรวจดูความเรียบร้อยและทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครซ่อนตัวอยู่ที่นี่  มาต่างถิ่นต้องระวังตัวหน่อย  ยังไม่ทันไรเธอก็เห็นใครบางคนในสวนข้างบ้าน  จึงเปิดประตูหลังออกไปดู  มือแตะมีดพับในกระเป๋ากางเกง  ยังไม่ปล่อยมันแม้จะเห็นว่าเป็นเพียงสตรีวัยกลางคนที่กำลังตัดดอกไม้อยู่

"คุณเคลลี่  เล่นของมีคมไม่ดีนะคะ"

เคลลี่ยิ้ม  ดึงมือออกจากกระเป๋าเมื่อเห็นแล้วว่าเป็นใคร  ป้าแม่บ้านที่บ้านตากอากาศมิลเลอร์ที่เธอเคยอยู่ตอนเรียนนั่นเอง  จอร์แดนคงให้มาคอยดูแลพวกเธอ

"ป้ามีนา"  เคลลี่ทักทาย  เข้าไปกอดสตรีวัยหกสิบปีในชุดแม่บ้านอย่างคิดถึง  "สบายดีไหมคะ"

"สบายดีค่ะ"  แม่บ้านเก่าแก่บอก  ชะเง้อมองไปด้านหลังเคลลี่ 

"เธออยู่ข้างในค่ะ"  เคลลี่ตอบให้โดยอีกฝ่ายไม่ต้องถาม  "แดนให้มาอยู่นี่เหรอคะ"

"คงจะกลัวน้องสาวไม่มีอะไรกินมั้งคะ"

"แหม  เคก็หาอะไรกินเป็นหรอกค่ะ"

"แปลว่าไม่คิดถึงอาหารฝีมือป้าแล้ว"

"คิดถึงค่ะ  แหม  แค่นี้ต้องน้อยใจด้วย" 

ป้าแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์หัวเราะ  ชอบใจในความขี้อ้อน  ไม่ถือตัวของเคลลี่ที่ยังคงเป็นแบบเดิมเหมือนตอนอยู่บ้านมิลเลอร์

"เค  คุยกับใคร"  เสียงแอนน์ดังมาจากในตัวบ้าน  เคลลี่จึงผละออกจากแม่บ้านคนสนิท  และขานรับแฟนสาว  แอนน์จึงเดินออกมาจากประตูด้านหลังแบบที่เธอใช้เมื่อครู่

"สวัสดีค่ะมิส"  ป้ามีนาทักทาย  โค้งตัวให้แอนน์อย่างสุภาพ  แต่คนที่เพิ่งเดินออกมายังงง  มองไปขอคำอธิบายจากคนที่น่าจะรู้ดี

"ป้ามีนาเป็นแม่บ้านที่บ้านพักตากอากาศมิลเลอร์  จะมาช่วยดูแลเราระหว่างอยู่ที่นี่"  เคลลี่ชี้แจง  แอนน์ทำหน้าทึ่งกึ่งแปลกใจ  "ไม่ต้องห่วง  บ้านมิลเลอร์อยู่ใกล้ๆ นี้แหละ"

"อ้อ  งั้นก็ขอบคุณค่ะ  แต่จริงๆ เราก็อยู่กันเองได้"

"ฉันกับสามีจะไม่ค้างที่นี่หรอกค่ะ  เราจะกลับไปบ้านมิลเลอร์ทันทีที่จัดมื้อค่ำให้พวกคุณเสร็จแล้ว  มื้อค่ำจะจัดโต๊ะหกโมงเย็น  และจะเก็บตอนหนึ่งทุ่ม  พวกคุณไม่ต้องล้างทำความสะอาด  ฉันจะมาทำให้ตอนเช้า  พร้อมกับมื้อเช้า  ซึ่งจะตั้งสำรับแปดโมง  เก็บเก้าโมง  มื้อเที่ยงตั้งเที่ยงตรง  เก็บบ่ายโมง  แต่หากมื้อไหนที่คุณไม่รับก็บอกได้ค่ะ  หรือถ้าต้องการมื้อว่าง --"

"ไม่เป็นไรค่ะ  ไม่รบกวน  เราคงไม่ได้อยู่ที่นี่กันทั้งวัน"  แอนน์รีบพูดก่อนที่แม่บ้านเก่าแก่ของบ้านมิลเลอร์จะทำให้เธอมึนหัวกว่านี้ 

พวกคนรวยมันจะต้องขนาดนี้เลยหรือไงนะ

"เคไปก่อนนะคะ"  เคลลี่หันไปบอกมีนา  แล้วเดินมาคว้ามือแอนน์  ชวนกลับเข้าบ้าน  สักพักก็รู้สึกว่าโดนเล็บจิกเนื้อจนเจ็บจี๊ด

"ฉันไม่รู้เรื่องนะ  ฉันไม่ได้ขอ  แดนส่งมาเอง" 

แอนน์ขมวดคิ้วมองเคลลี่อย่างไม่เชื่อ  แต่แล้วก็ขี้เกียจจะเถียงกันให้อารมณ์เสีย  เจ้าเด็กเคจึงวิ่งไปเข้าห้องน้ำ  บอกว่าเพิ่งจะนึกได้ว่าปวดฉี่

เธอจึงได้โอกาสสำรวจบ้านอีกครั้ง  ชั้นสองยังไม่ได้ขึ้นไปดู  และมันก็เหมือนชั้นล่าง  ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมเหมือนครั้งที่เธอจากไป  แทบจะดูไม่ออกว่ามันเป็นของใหม่  แม้กระทั่งที่นอนกับผ้าปูในห้องนอนเธอกับห้องพ่อแม่บุญธรรมของเธอ  ตุ๊กตาหมีที่เธอเคยนอนกอดและทิ้งไว้ที่นี่ก็ยังอยู่

คนของจอร์แดนเก็บรายละเอียดได้ดีมากจริงๆ  ก็ไม่ได้อยากจะชมหรอกนะ  แต่งานแบบนี้ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ  อย่างกับบูรณะบ้านเก่าแก่ของพวกคนดังหรือคนรวยในสมัยก่อนอย่างนั้นละ

"จะถ่ายบ้านด้วยไหม  แอนน์"  เคลลี่ถาม  เดินกลับมาพร้อมกล้องตัวเก่งสะพายบ่า  แอนน์สั่นหัวแทนคำตอบ 

"ออกไปข้างนอกกัน"  แอนน์ชวน  และหันไปย้ำกับเคลลี่  "เราจะไม่ถ่ายในบ้านหลังนี้  เค"

เคลลี่พยักหน้า  "เราจะเดินไปใช่ไหม"

"อืม  เราจะไป  'Mile of History' และเลยไปมหาลัยเรา  เข้าไปถ่ายข้างในนิดหน่อย  แล้วค่อยกลับมาหาของกิน  บอกแม่บ้านของเธอไม่ต้องจัดสำรับเย็นให้ฉัน  ถ้าเธอจะกินก็แล้วแต่"  แอนน์พูดยาวยืดแล้วเดินนำออกจากบ้านไป 

เคลลี่ยืนตาปริบๆ อยู่แป๊บหนึ่งก็หันไปมองแม่บ้านเก่าแก่ที่หัวเราะอยู่ข้างหลังตน  "ป้าคะ  ไม่ขำเลยนะ"

"ก็ป้าเพิ่งเห็นคนปราบคุณได้  ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาแหละค่ะ"

"เคไม่เห็นดีใจสักนิดเลย"  เคลลี่งึมงำ  เดินหนีแม่บ้านกับรอยยิ้มเอ็นดูไป  แต่หันมาใหม่เมื่อนึกขึ้นได้  "ป้าไม่ต้องทำมื้อเย็นนะคะ  กลับบ้านไปเลยก็ได้ค่ะ  ถ้ามืดแล้ว  เคไม่รู้จะกลับมาตอนไหน"

"ทราบแล้วค่ะ  จะไม่อยู่รบกวนการฮันนีมูนของคุณหรอก"

"ไม่ใช่สักหน่อย"  เคลลี่สะบัดหน้าหนีคุณแม่บ้านเก่าแก่  ชิ่งออกจากบ้านก่อนจะโดนล้อเลียนให้อายอีกรอบ

..................................................

วิคโตเรียนั่งเหยียดขาอยู่บนโซฟาภายในห้องดูทีวี  ในมือกับข้างตัวมีแฟ้มงานที่หอบมาจากบริษัท  เธอพลิกดูมันผ่านแว่นสายตาที่จำเป็นต้องใส่แล้ว  ตรวจงาน  เซ็นงานไปก็เผลอลูบท้องด้วยความเคยชิน  ตอนนี้มันนูนขึ้นจนคล้ายลูกบอลขนาดเล็ก  เธอรู้สึกถึงอีกชีวิตข้างในนั้นชัดเจนขึ้นแล้ว  วันก่อนจอร์แดนพาเธอไปฝากท้องมา  ได้เห็นภาพอัลตร้าซาวน์แล้วก็รู้สึกแปลกๆ อย่างไรบอกไม่ถูก  มันเหมือนฝันที่เธอมีลูกจริงๆ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันจริงตั้งแต่ใช้อุปกรณ์ตรวจแล้ว  ไม่ต้องอาศัยผลเลือดเธอก็รู้  ร่างกายเธอเปลี่ยน  ทำไมจะไม่รู้ล่ะ  ก็ใช่ว่าไม่เคยพลาดมาก่อน  ไม่รู้ถุงแตกหรือกินยาคุมผิด  แต่มันก็เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้ว  เธอไม่ได้บอกใครแม้แต่จอร์แดน  เธอก็แค่ไปปรึกษากับหมอที่รู้จักกัน  และให้เขาฉีดยาขับออกให้  ตอนนั้นยังเป็นแค่ก้อนเลือดเฉยๆ แค่สองสัปดาห์  เอาออกตอนนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรเท่ากับตอนนี้  วันนี้ครบสองเดือนแล้ว  เขาเริ่มมีแขนขา  ดวงตาและเสียงหัวใจเต้น  เสียงหัวใจนี่แหละที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด 

มันคงจะปลุกความอ่อนโยนในตัวเธอขึ้นมาบ้างกระมัง

"คุณวิคคะ  เข้านอนเถอะ"  เสียงนารูมิดังขึ้นเตือนเหมือนนาฬิกาปลุก  แค่เธอไม่ได้ตั้งไว้  วิคโตเรียเหลือบตาขึ้นมองคนตัวสูงในชุดนอนเสื้อแขนสั้นกับกางเกงขายาว  แล้วแอบยิ้ม  นารูมิดูน่ารักดีในชุดแบบนี้  จริงๆ คนหุ่นดีคนนี้ก็ใส่อะไรดีไปหมดอยู่แล้วละ

"ยังไม่ง่วง"

"ไม่ง่วงก็ต้องนอนค่ะ  เจ้าตัวเล็กต้องนอน"  นารูมิบอก  มองอีกฝ่ายอย่างขอร้อง  แทบจะไปอุ้มวิคโตเรียเข้าห้องเองเลย  ถ้าคนท้องจอมดื้อไม่ลุกขึ้นเองเสียก่อนและเดินเข้าห้องไปแต่ตัว  ให้เธอต้องตามเก็บแฟ้มงานให้เหมือนเคย  แต่ระหว่างที่หยิบมันขึ้นมา  มีภาพหนึ่งร่วงลงพื้น  เธอจึงต้องก้มลงเก็บมันขึ้นมา  ยังไม่ทันได้มองว่าภาพอะไร  มือหนึ่งก็มาฉกมันไปเสียก่อน

วิคโตเรียคิ้วขมวดขณะมองจ้องมันอย่างเอาเป็นเอาตาย 

"ใส่แว่นไหมคะ"

"แฟ้มนี้ใครเอามาให้" 

นารูมิงง  พลิกแฟ้มในอ้อมแขนตัวเองดูจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ของวิคโตเรีย 

"น่าจะของคุณจอร์แดนค่ะ  เขาคงลืมทิ้งไว้"

"งั้นเหรอ"  วิคโตเรียพึมพำ  พูดคนเดียวมากกว่าจะพูดกับนารูมิ  และขอแฟ้มที่เป็นของจอร์แดนมาดู  แล้วเดินเข้าห้องอย่างรีบร้อนราวกับจะรีบไปจัดการใคร

นารูมิชะเง้อมองตามหลัง  คิดว่ายังไม่ควรตามเข้าไปตอนนี้จึงรออยู่ข้างนอกก่อน  จนกว่าวิคโตเรียจะเรียก  แล้วเธอก็ได้ยินเสียงวิคโตเรียคุยกับใครสักคน  ดังออกมานอกห้อง

"คุณทำอะไรกับบ้านบราวน์  จอร์แดน  ฉันบอกแล้วนะว่าห้ามยุ่ง"

แล้วประตูก็ปิดดังปึง  นารูมิสะดุ้ง  ไม่เห็นวิคโตเรียแล้ว  ไม่ได้ยินแล้วว่าอีกฝ่ายคุยอะไรกับสามี  ถึงได้ดูโมโหขนาดนั้น  แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องรู้หรืออยากรู้นี่นา

ว่าแต่...บ้านบราวน์

"บ้านอนาสตาเซียนี่"  นารูมิรำพึงกับตัวเอง  แล้วยักไหล่  เดินไปหาน้ำในครัวดื่ม  เอามาเผื่อวิคโตเรียด้วย  ด่าสามีเสร็จแล้วคอคงแห้งพอดี


...............................

.....................................


:58: :44:

Viewfinder เปิดจองวันนี้ - 5 ตุลาคม 2562

สั่งจอง >>> http://bit.ly/2kxIxn3  หรือ ไลน์ anhann นะคะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

28 กันยายน 2019 เวลา 14:04:03
ไม่ปลื้ม เค อีกครั้ง ไม่รู้ทำไม
แสดงความคิดเห็น