ถ้าเธอจะร้ายฉันก็จะรัก yuri ตอนที่ 9
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 06 กันยายน 2018 เวลา 16:35:06
อ่าน: 194
|
การตื่นนอนในเช้าของวันนี้อาจจะไม่สดใสสักเท่าไหร่สำหรับพีรยาหากแต่ดูเหมือนร่างกายจะดีขึ้นมากแล้วจากการดูแลของใครอีกคนที่แม้เธอจะมีอาการหลับๆ ตื่นๆ แต่ก็รับรู้ได้ถึงการดูแลตลอดทั้งคืนของโยษิตา คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้นึกห่วงว่าหล่อนอาจจะเพลียเพราะคงไม่ได้นอนเนื่องจากต้องดูแลคนป่วยอย่างเธอ "หายไปไหนของเค้านะ" พีรยานึกสงสัยและก่อนจะไปตามหาคำตอบเธอก็ควรจะลุกไปชำระล้างร่างกายเสียก่อนเพราะแม้จะมีการเช็ดตัวแต่มันก็เทียบไม่ได้กับการอาบน้ำจริง ๆ อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะหากแต่กลับปราศจากเงาของคนทำและแม้จะมองไปรอบๆ พีรยาก็ไม่พบคนที่หายตัวไปแต่แล้วไม่รู้เพราะเหตุใดความคิดในแง่ลบถึงได้ทำงานให้ได้รู้สึกใจหาย เธอไม่สบาย ธิติกาไม่อยู่ เธอกับโยษิตาอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพังนั่นก็หมายความถึงโอกาสที่เปิดกว้างหากใครอีกคนจะคิด?หนี! ที่โยษิตาทำดีอาจเพราะเพื่อให้เกิดความไว้ใจและฉวยโอกาสดีๆ แบบนี้เอาไว้ จบความคิดพีรยาก็รีบออกไปตามหาคนที่คาดว่าจะหนีไปแล้วทันทีและเพียงเห็นแผ่นหลังของคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในป่าก็ให้คนเพิ่งคิดได้เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งไปจับตัวคนที่คิดจะหนีทันที "โอ๊ย!" โยษิตาร้องเสียงหลงทั้งตกใจและรู้สึกเจ็บกับการถูกกระชากข้อมือที่ตัวเองไม่ทันได้ตั้งตัว "คุณจะทำอะไรฉันเจ็บนะ" "ฉันควรถามเธอมากกว่าว่าคิดจะทำอะไร" "ฉัน?" เป็นคำถามที่ทำให้คนฟังรู้สึกสงสัยและแปลกใจเป็นเธอมากกว่ากระมังที่ต้องถามคำถามกับเขา "ฉันมา?" "คิดจะหนีล่ะสิ" "อะไรนะ!?" "เธอไงแกล้งทำเป็นให้ฉันไว้ใจ ทำตัวเป็นคนดีที่แท้ก็วางแผนไว้ทั้งหมด" "คุณพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ" โยษิตามองคนพูดด้วยความผิดหวังเธอพอจะเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของเขาหากแต่เธอก็ยังหวังว่าเขาจะไม่พูดมันออกมาทำร้ายจิตใจกัน "อย่ามาแกล้งซื่ออย่าคิดว่าฉันจะตามผู้หญิงอย่างเธอไม่ทันคิดว่าจะหนีได้ล่ะสิ ไม่มีทางหรอก" พูดจบพีรยาก็ลากตัวคนคิดหนีกลับเข้าบ้านทันทีแต่แล้วสัมผัสสั่นเทาที่รู้สึกได้จากร่างกายของอีกคนก็ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก ไม่ได้! เธอจะใจอ่อนอีกไม่ได้!!! "อย่ามามารยา" เจ้าของใบหน้าเอาเรื่องหันกลับมาตวาดใส่คนที่คาดว่าจะเรียกความสงสารด้วยน้ำตาหากแต่พีรยาเพิ่งรู้ว่าเธอคิดผิดจริงๆ ที่หันกลับมา "ฉันดูแบบคนแบบนั้นจริงๆ เหรอ" โยษิตาเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นเทาเพราะยากจะควบคุมมือข้างที่ไม่ถูกจับถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ใกล้จะล้นออกมาให้แห้ง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรรู้สึกอย่างไรดี ผิดหวัง เสียใจ น้อยใจ ทุกความรู้สึกสับสนไหลวนสลับขึ้นๆ ลงๆ ให้เธอพูดอะไรแทบไม่ออก ในสายตาของเขาเธอเป็นคนไม่น่าเชื่อใจแม้แต่น้อยสินะ "ไม่เชื่อใจกันขนาดนั้นเลยสินะ" "??????" "ทั้งที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ อยากให้คุณมีชีวิตที่ดี อยากให้เราไปจากที่นี่ด้วยกันแต่ทุกอย่างมันคงไม่มีความหมายกับคุณเลยสินะยังไงก็คงมองฉันเป็นแค่เหยื่อ แค่ตัวประกันที่มีไว้ใช้แค่แลกเงิน" คำพูดมากมายพลั้งพลูออกมาพร้อมกับน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาให้คนขาดสติได้เริ่มรู้สึกตัว ทุกอย่างที่โยษิตาพูดคิดความจริงที่เธอมองเห็นด้วยหัวใจของตัวเองแต่น่าแปลกที่พีรยากลับนึกสงสัยเพียงแค่การกระทำที่เห็นผ่านเพียงสายตาไม่กี่วินาทีเธอก็โยนความผิดทั้งหมดให้กับใครอีกคนเสียแล้ว "ถ้าการที่ฉันออกไปเดินเล่นแล้วทำให้คุณเข้าใจผิดฉันก็ขอโทษด้วยและถ้าคุณไม่ไว้ใจกันฉันก็จะอยู่แต่ในห้องและจะไม่ออกมาข้างนอกอีก" โยษิตาพูดจบก็สะบัดมือเพื่อให้หลุดจากการจับของคนใจร้ายจากนั้นก็วิ่งเข้าบ้านไปให้พีรยาได้มองตามอย่างรู้สึกผิด เธอเพียงแต่ร้อนใจจนทำให้เกิดความกลัวว่าโยษิตาจะทำบางอย่างที่อาจจะทำให้ต้องเดือดร้อนโดยลืมนึกไปเลยว่าใครอีกคนแสดงออกถึงความจริงใจต่อตัวเองมากแค่ไหน แต่ในเมื่อในเวลานี้เธอเป็นคนร้ายและหล่อนคือคนที่ถูกจับตัวมาจะทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร เสียงลมหายใจถูกถอนออกมาอย่างยาวราวกับเจ้าของมันไม่อยากจะสูดเข้าไปอีกเมื่อในบทสรุปสุดท้ายทุกอย่างก็คือความผิดของตัวเอง เธอไม่น่าด่วนคิดสรุปโง่ๆ แบบนั้นเลยให้ตายเถอะ! งานนี้ดูท่าจะทำให้ใครอีกคนโกรธจนแทบไม่อยากจะเผาผีกันเลยทีเดียว
บ้านดูเงียบจนให้คนที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องเริ่มรู้สึกวังเวงในทีแรกก็โกรธใครอีกคนมากจนแทบไม่อยากจะเห็นหน้าแต่พอเวลาผ่านไปโยษิตากลับถูกความน้อยใจเข้าเล่นงานอย่างหนักเพราะไม่มีการพูดง้อหรือขอโทษจากคนทำผิดและนั่นมันทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีความสำคัญที่มากพอให้คนทำผิดมาง้อได้ เพราะแบบนี้สินะเขาถึงได้ไม่ยอมตบปากรับคำว่าจะไปกับเธอ เวลาผ่านไปจนค่ำมืดก็ปราศจากเงาของคนที่อยากให้มาง้อโยษิตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเธอยังจะหวังอะไรได้อีกนะ "คนข้างในน่ะไม่คิดจะออกมากินข้าวกินปลาหรือยังไง" เสียงที่รอคอยดังขึ้นให้โยษิตาได้หัวใจเต้นแรงหากแต่เพียงได้ฟังประโยคทั้งหมดจบลงความหวังของเธอก็ดับลงไปด้วย คงกลัวเธอจะเป็นกระเพาะอีกล่ะสินะ "นี่?" ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการก้าวเดินออกไปโดยไม่รอกันบ่งบอกได้ว่าอารมณ์ของเจ้าของห้องอยู่ในระดับไหนแล้วไหนจะการที่ยอมทำตามง่ายๆ ไม่มีข้อโต้เถียงนี้อีกที่มันออกจะดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โยษิตาเดินมาหยุดที่โต๊ะก็ให้นึกแปลกใจกับอาหารดีๆ ที่ใครอีกคนไม่น่าจะทำได้ อย่าบอกนะว่าที่หายไปเพราะไปซื้อพวกนี้มาให้เธอ เชอะ! ปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่กลัวเธอจะหนีแล้วหรืออย่างไร "หายไปทั้งวันเพราะไปซื้อพวกนี้น่ะเหรอ" พีรยารู้สึกใจชื่นมากขึ้นเมื่อมีการชวนคุยเกิดขึ้นหากแต่รอยยิ้มของเจ้าตัวก้ต้องเจื่อนลงเมื่อเจ้าของคำถามยังคงสีหน้าบูดบึ้งอยู่เช่นเดิม เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะเปิดยิ้มสินะ "ก็ไม่มีคนทำอาหารนี่นา" "คุณโทษฉันอีกแล้วเหรอ" "ปะเปล่านะแค่อยากจะบอกว่าเอ่อว่า?" "???????" "ว่า?" "?????.." "ขอโทษ" "อะไรนะ" "ฉันขอโทษ" โยษิตายังคงสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่เช่นเดิมทั้งๆ ที่ในใจนั้นอ่อนยวบจนแทบจะเปิดยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังคำที่รอคอยมาทั้งวันหากแต่คนอย่างเธอก็ใจแข็งมากพอไม่ปล่อยให้การง้อแบบง่ายๆ นี้สำเร็จหรอก อีกอย่างเขาคิดอะไรอยู่นะถึงได้เลือกง้อเธอด้วยของกิน เห็นเธอเป็นแม่หมูหรือยังไง! "หวังว่าคุณจะยกโทษให้" เจ้าของใบหน้าละอ่อนเอ่ยทุกอย่างออกมาจากใจจริงๆ ดวงตาคู่สวยมองจ้องมาให้คนใจแข็งได้เกิดอาการหัวใจเต้นแรงและในที่สุดรอยยิ้มที่ไม่คิดว่าจะเก็บไว้ให้นานที่สุดก็ถูกเปิดออกมาเมื่อใครอีกคนยื่นดอกไม้มาให้กัน "อะไรของคุณ" "ดอกไม้ไงคะ" "รู้แล้วแต่เอามาให้ทำไม" "ก็?" "อะไร" "ก็เอามาง้อคุณ" "?????.." ใบหน้าราวกับคนไม่เชื่อของโยษิตากดดันให้คนถือดอกไม้ได้เกิดอาการเหงื่อตกพีรยาไม่รู้หรอกว่าการงอนง้อต้องทำแบบไหนเพราะเกิดมาก็ใช่จะต้องทำแบบนี้กับใครแต่ในเวลานี้เธอแค่อยากจะทำเท่าที่ทำได้ เธอหวังว่าการพูดดีๆ ได้กินอาหารอร่อยๆ แล้วก็ได้รับความสดใสของดอกไม้มันจะทำให้ความรู้สึกที่มืดมนจางลงมาได้บ้าง "ฉันรู้สึกผิดจริงๆ นะคะขอโทษจริงๆ" โยษิตาจ้องมองเจ้าของใบหน้าสำนึกผิดอย่างพิจารณาความจริงในตอนที่เขามาเคาะประตูความโกรธของเธอก็สูญสลายหายไปหมดแล้วและเขาจะรู้ไหมนะว่าการทำดีกับเธอแบบนี้มันราวกับเป็นการสานต่อความรู้สึกที่มีให้มากขึ้นกว่าเดิม เขาจะรู้บ้างหรือเปล่านะว่าทุกอย่างที่ทำคือการให้ความหวังที่โยษิตาเฝ้ารอและจะเป็นอะไรไหมนะหากเธอจะถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง คำตอบของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างที่ให้ความหวังกับเธอแบบนี้หรือเปล่า "คุณง้อฉัน" "ก็เอ่อก็คงแบบนั้น" "ดูไม่ถนัดเอาเสียเลยนะ" พีรยาไม่ตอบเพียงแต่เปิดยิ้มอายๆ เมื่อดอกไม้ในมือของเธอถูกถ่ายโอนไปในในมือของใครอีกคน "และก็แปลกมาก" "คะ?" "ก็ฉันไม่เคยเห็นคนง้อกันที่ไหนจะเลือกใช้ดอกทานตะวันแบบนี้" "เอ่อ?" "คุณรู้ความหมายของมันมั้ย" เป็นคำถามที่หวังคำตอบอยู่บ้างเพียงแต่ครั้งนี้เธออาจต้องผิดหวังเพราะคนตรงหน้าดูจะไม่รู้ในความหมายของดอกที่เอามาให้เธอ "คุณควรไปศึกษาบ้างนะเอาดอกไม้มาให้กันแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าคนได้รับเค้าจะคิดไกลไปแค่ไหน" ประโยคหลังเบาลงให้พีรยาได้นึกอยากรู้หากแต่เหมือนคนพูดจะจงใจไม่ให้เธอได้ยินเพราะหล่อนเอาแต่จ้องมองดอกในมือไม่หันมาพูดอะไรกับเธออีก หากแต่พีรยาก็ยังอยากจะได้รับคำตอบที่เธออยากรู้อยู่ดี "ตกลงคุณหายโกรธฉันแล้วนะคะ" โยษิตาละสายตาจากดอกไม้ในมือหันไปสนใจเจ้าของมันที่เป็นคนเอามาให้แทนดวงตาของเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนถึงการรอคอยคำตอบของเธอและอย่างที่บอกเธอหายโกรธเขาตั้งแต่เคาะประตูไปแล้ว "ก็ได้" "จริงนะ" "ค่ะแต่ถ้ามีอีกฉันจะโกรธคุณไปทั้งชีวิตเลยคอยดูสิ" คำข่มขู่ดังขึ้นให้คนฟังได้นึกใจหายเพราะรู้ดีว่าอีกไม่นานโยษิตาจะพบกับความรู้สึกนี้อีกแน่ๆ และเมื่อถึงเวลานั้นการงอนง้อแบบนี้คงไม่มีวันเกิดขึ้นได้เพราะเธอและหล่อนจะไม่มีทางได้พบหน้ากันอีก โกรธเธอทั้งชีวิตเลยงั้นเหรอ? ฟังแล้วให้ความรู้สึกเศร้าใจชะมัด?
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|