web stats

ข่าว

 


Immortals 2 (Sparkle 5) - บทที่ 1 Young Blood

โพสต์โดย: anhann วันที่: 26 สิงหาคม 2018 เวลา 22:44:08 อ่าน: 281





บทที่ 1 Young Blood



พีบี เทย์เลอร์ กับ แคลร์ สมิธ



แคลร์จูบแก้มคุณพ่อและเปิดประตูรถก้าวลงไป  เธอรอให้น้องอีกสองคนก้าวตามออกมา  ปรากฏว่ามีเพียงน้องชายที่ปีนลงมาจากประตูด้านหลังเพียงคนเดียว  ส่วนน้องสาวยังตอแยกับพ่อคริสอยู่ไม่เลิก

"ป๊า  ลงมาด้วยเลยค่ะ  หนูจะสายแล้วนะ"  เธอร้องบอกพ่อพร้อมกับส่งสายตาให้เขา  ชายหนุ่มตัวสูงมากๆ จึงยอมลงมาจากรถและไปเปิดประตูด้านหลังเอาตัวน้องเธอออกมาจนได้  ไอรีนยิ้มให้คุณพ่อแต่หันมายิ้มเยาะเย้ยเธอขณะพ่อเราจูงมือพาเดินออกมา  ถือกระเป๋านักเรียนให้ด้วย

"เราไปกันเถอะ  แม็กซ์  ไม่ต้องไปรอหรอก"  แคลร์บอกกับน้องชายและจูงเขาเดินนำหน้าคุณพ่อกับน้องสาว  ทุกวันนี้เธอเริ่มเบื่อไอรีน  เพราะยิ่งน้องโตน้องก็ยิ่งติดพ่อเราจากที่ปกติติดอยู่แล้วก็ยิ่งติดเข้าไปใหญ่  แล้วก็มักจะหวงไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พ่อด้วย  แม้แต่แม็กซ์เวลที่อายุแค่หกขวบ  ไอรีนก็ยังไม่ค่อยอยากให้พ่ออุ้มเขาเลย  แต่พ่อก็ชอบเอาใจไอรีนด้วยแหละ

"แคลร์  ป๊าไปส่งแม็กซ์ที่ห้องเองค่ะ" 

แคลร์หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงพ่อเรียก  เธอส่งกระเป๋านักเรียนให้แม็กซ์  ลูบหัวเขาเบาๆ  หันไปพยักหน้ากับพ่อแล้วจึงเดินต่อไปลำพัง  แต่ยังไม่ทันจะไปไหนไกล  พ่อก็พูดอะไรขึ้นมาอีกแล้ว 

"แคลร์  อยากให้ป๊ามารับตอนเย็นด้วยไหม"

"ไม่เป็นไรค่ะ  หนูจะกลับกับแม่"  เธอหันไปบอกพ่อแล้วเดินเร็วๆ หนีเขามา  บางทีเธอควรมาอยู่ที่นี่กับครูซมากกว่ากลับบ้าน  แต่เธอก็ห่วงน้องๆ  ถึงพวกเขาจะไม่รู้เลยว่าเธอห่วง  ไม่ใช่รักสบายจึงอยากอยู่บ้านมากกว่าโรงเรียนประจำ  ถ้าอยู่บ้านเธอยังพอจะช่วยพ่อกับแด๊ดดี้ดูแลไอรีนกับแม็กซ์เวลได้  เพราะสองคนนั้นงานยุ่งแทบตลอด  แทบจะไม่มีเวลาสอนการบ้านน้องๆ ด้วยซ้ำ  บางครั้งเธอต้องทำอาหารให้น้องด้วย

"เฮ้  แคลร์  ทำการบ้านเสร็จยัง"  ครูซโผล่มาเจอพี่สาวฝาแฝดตรงโถงทางเดินระหว่างทางที่แคลร์จะเอาของไปเก็บในล็อกเกอร์  "เมื่อเช้าเธอกินไรมา  โรงอาหารโรงเรียนห่วยแตกมากเลย  ฉันต้องบอกแม่แล้วละ"

"ป๊าทำแพนเค้กให้กินกับชีสโทสต์"  แคลร์ตอบ  ครูซทำตาโตด้วยท่าทางอิจฉาขณะดึงกระเป๋านักเรียนเธอไปรื้อหาสมุดการบ้าน 

"คราวหน้าเธอห่อมาให้ฉันกินมั่งดิ  ฉันชักคิดถึงอาหารฝีมือป๊าละ  อยู่ที่นี่แม่ไม่ค่อยทำเลย  ให้ฉันกินแต่อาหารโรงอาหารเหมือนคนอื่น"  เขาบ่นอุบ  แต่ยิ้มเมื่อเห็นสมุดการบ้านที่หาเจอ  "ฉันเอาไปลอกก่อนนะ"

"เฮ้  นายควรทำเองบ้างนะ  ครูซ  มันไม่ได้ยากอะไรเลย"  แคลร์ร้องตามหลังน้องชายฝาแฝดที่กำลังจะวิ่งจากไปพร้อมสมุดการบ้าน  ครูซหันมาแลบลิ้นให้เธอและตะโกนกลับมา

"ไม่ยากสำหรับเธอคนเดียวไง  แคลร์  คนอื่นเขายากกันทั้งนั้น  อย่าหวงน่า  แม่คนอัจฉริยะ"

"ครูซ  ป๊าอยู่แถวนี้นะ  ระวังเจอ"  เธอตะโกนบอกเขาอีก  และคิดว่าครูซคงได้ยิน  เพราะเขาหูดีเหมือนเธอนี่แหละ  แต่เขาไม่สนใจ 

เขาจะเคยสนใจอะไรล่ะ  เขาก็เหมือนพ่อเรานั่นแหละ  เธอไม่ได้พูดด้วยนะเรื่องนี้  ป้าเจเป็นคนพูด  ป้าบอกว่าครูซนิสัยเหมือนป๊าตอนเด็กๆ  คงจะถ่ายทอดมาทางสายเลือด  และบอกว่าเธอคล้ายป๊ากับแด๊ดดี้ยุนผสมกัน  ส่วนไอรีนก็เหมือนแม่  ก็คงเหมือนจริงๆ นั่นแหละ  ทั้งสองขี้หวงพอกัน  แต่แม่เป็นผู้ใหญ่จึงไม่แสดงออกมากเหมือนไอรีน  รอให้ไอรีนโตกว่านี้ก่อนเถอะ  คงจะยึดอำนาจในบ้านไปหมด  และขี้บ่นมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า

"หวัดดี  ลูกครูใหญ่"  เสียงจากล็อกเกอร์ข้างๆ เรียกให้แคลร์หันไปสนใจและเจอกับตาสีฟ้าเป็นประกายวิบวับของพีบี  เทย์เลอร์

"หวัดดี  แต่คงดีกว่านี้ถ้าเธอเรียกชื่อฉันแทน  'ลูกครูใหญ่'  ฉันมีชื่อ  หรือเธอจำไม่ได้  พีบี  เทย์เลอร์"

"แหม  ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้นเลย  แคลร์  สมิธ"

แคลร์ไม่ได้ตอบโต้  แต่มองอีกฝ่ายด้วยหางตาและเดินจากมาพร้อมหนังสือสำหรับเรียนคาบเช้า

"นี่  มีคนบอกว่าคุณพ่อสุดหล่อของเธอมาส่งเหรอ  วันนี้"  พีบีถามขณะเดินตามแคลร์มา  พอแคลร์ไม่พูด  เธอก็พูดต่อ  "หวงเหรอ  ชมก็ไม่ได้หรือไง  ฉันแค่เห็นคนอื่นเขากรี๊ดกันก็เลยถามดูแค่นั้นเอง"

"เขามาส่งฉันกับน้องทุกเช้าแหละ  อยากเจอก็ไปรอดูเองสิ  เธอก็อยู่ที่นี่อยู่แล้วนี่นา"  แคลร์ตอบไม่แยแส  พีบีไม่ใช่คนแรกหรอกที่ถามถึงพ่อของเธอ  เด็กผู้หญิงแทบทุกคนในโรงเรียนนั่นแหละ  เพื่อนในห้องไอรีนก็ยังมาถามเธอเลย  คงกลัวโดนไอรีนขบหัวถ้าไปถาม

"เอาไว้ฉันจะไปรอดูพรุ่งนี้"  พีบีพูดยิ้มๆ  และทำท่าขำเมื่อแคลร์หันมาถลึงตาใส่ตน  "หวงจริงๆ ด้วย"

"พ่อใครก็ต้องหวงไม่ใช่เหรอ"  แคลร์ย้อน  มองอีกฝ่ายอย่างกังขา

"ไม่อะ  ฉันยังไม่หวงพ่อฉันเลย  ไม่มีอะไรให้น่าหวง"

"เพราะอะไร  เพราะเขาไม่หล่อ  หรือแก่"

"ทั้งสองอย่าง  แถมยังไม่น่ารักแบบพ่อเธอด้วย"

"พ่อฉันเนี่ยนะ  น่ารัก"  แคลร์พูดพลางส่ายหน้า  "เธอไม่รู้จักเขา"

"แนะนำให้รู้จักสิ"  พีบีท้า  พอแคลร์ทำหน้าถมึงทึงใส่และเดินหนี  เธอก็วิ่งไล่ตามจนชนกันหน้าประตูห้องเรียน  และเธอก็ต้องปล่อยให้แคลร์เดินเข้าไปก่อนเพราะกลัวสายตาของเด็กเชื้อสายสมิธ

"นี่  ไม่ต้องหวงหรอกน่า  ฉันไม่ได้ชอบเขาแบบนั้น  เขาแก่เกินไปสำหรับฉัน  ฉันชอบคนอายุเท่าๆ กันมากกว่า"

แคลร์เหลือบตาสีเทาอมทองไปมองคนในโต๊ะเรียนข้างๆ  พีบีฉีกยิ้มสดใสให้เธอกลับมา  แต่เธอไม่ยิ้มตอบ  หันกลับมาตั้งใจฟังครูคณิตศาสตร์เอ่ยทักทาย  ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงบ่นพึมพำแบบคนจากอังกฤษจากโต๊ะข้างๆ อยู่ดี

..............................................

แม็กซ์เวลเป็นคนสุดท้ายที่เขาเดินมาส่งถึงห้องเรียน  แม็กซ์เพิ่งขึ้นเกรดหนึ่ง  ยังไม่คุ้นกับชั้นเรียนใหม่  เด็กชายยังคิดว่าตัวเองอยู่อนุบาลอยู่  ทำให้แทยอนต้องแวะมาดูบ่อยๆ  แต่จะดูมากก็ไม่ได้  ไม่อย่างนั้นจะโดนหาว่าลำเอียงได้

"แม็กซ์  ทำยังไงกันก่อน"  คริสตัลถามลูกชายขณะก้มลงคุยกับลูก  แม็กซ์เวลยิ้มหวานให้เขาและกำมือเล็กๆ มาชนกัน  เขายีหัวลูกเบาๆ  และดันหลังให้แม็กซ์เข้าห้องเรียนที่มีเพื่อนคนอื่นๆ รออยู่  ตอนแรกเขาเป็นห่วงลูกมาก  กลัวลูกจะเข้ากับใครไม่ได้  เพราะแม็กซ์ไม่ค่อยพูดกับใคร  เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวเหมือนเด็กใบ้  พอกับเจย์เดนช่วงแรกๆ

เขาเดินออกมาจากอาคารเรียน  ลังเลว่าจะแวะไปหาแทยอนดีไหม  แต่เช้าๆ แบบนี้เธอคงกำลังยุ่งอยู่  เขาจึงตัดสินใจขึ้นรถขับไปบริษัท  ไม่ได้สนใจสายตาหลายคู่ที่มองตามหลังเขาราวกับเห็นเป็นดาราฮอลลีวูด 

ยุนอานั่งพิมพ์อะไรสักอย่างในแล็ปท็อปอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา  แต่นั่งเก้าอี้สำหรับแขก  เธอพยักหน้าทักทายเขาโดยไม่ได้ยกสายตาขึ้นมา

"ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากงานเลยหรือไงนะ"  เขาบ่น  พลางเปิดขวดน้ำอัดลมที่ไปหยิบมาจากตู้เย็นภายในห้องมากระดกดื่ม  คราวนี้ยุนอาจึงมองหน้าเขาได้สักที 

"น้ำอัดลมแต่เช้าเนี่ยนะ  คริส"

"กินตอนไหนก็เหมือนกันแหละ  ยุน  ยังไงฉันก็ไม่ตาย"  เขาตอบ  ยิ้มขี้เล่นให้เธอที่หน้าตึงอย่างไม่เห็นด้วย  "ไม่เอาน่า  มีอะไรให้ทำบ้าง  ฉันเบื่อมากแล้วนะ"

"เบื่อเหรอ  ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าพี่สาวเธอบ่นเรื่องยังไม่มีรายงานของเดือนนี้ไปวางบนโต๊ะเขาเลยนะ"  ยุนอาย้อน  พยักพเยิดหน้าไปทางกองแฟ้มตั้งสูงเกือบท่วมหัวบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่โตที่เธอยืมใช้วางแล็ปท็อปอยู่

คริสตัลถอนใจส่ายหน้าไปมา  ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้และเริ่มต้นรื้อแฟ้มตรงหน้ามาทำด้วยท่าทางเซ็งสุดๆ  "ยุนก็รู้ว่าฉันหมายถึงงานแบบไหน"

"ไม่ชอบความสงบสุขงั้นสิ"  ยุนอาถาม  เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสบตาสองสีที่ส่งสัญญาณมาบอกว่าเธอเข้าใจถูกแล้ว  "ฉันว่าจะแวะไปดูที่กองรักษาความเรียบร้อยของเราดูสักหน่อย  ถ้าเธอว่าง... แต่เธอคงไม่ว่างหรอก"

"ว่างสิว่าง  ว่างทันทีเลย"  คริสตัลพูดแทรก  เขารีบคว้าหูโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมากดเบอร์ภายใน  และหลังเขาวางสายได้ไม่ถึงห้านาทีประตูห้องก็ถูกเคาะ  "เข้ามาเลย  แอมเบอร์"

ยุนอาทำหน้าปลงเมื่อได้ยินชื่อนี้  ต่างจากคริสตัลที่ยิ้มร่าเริงขณะสั่งงานลูกน้องคนโปรดของเขา  ที่จริงเขานับแอมเบอร์เป็นเพื่อนด้วยซ้ำ

"แค่เลือดไม่กี่ถุงสำหรับงานที่เขาโยนให้เธอทำ  มันคุ้มแล้วหรือ"

แอมเบอร์หยุดอยู่หน้าประตู  เหลียวกลับมามองเจ้าของเสียงทั้งที่กำลังหอบแฟ้มเต็มสองแขน  แววตาจากดวงตาสีฟ้าที่เพ่งมองเธอทำให้ขนหัวลุกได้อย่างไม่ยากเย็น  และทำให้เป็นใบ้ไปชั่วคราวด้วย

"ฉันสามารถหาให้เธอได้ชั่วชีวิตเลย  ถ้าเธอจะไม่ช่วยเขา"

"ยุน  ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ"

"ฉันไม่ได้ทำเพราะเลือดที่เขาให้  แต่เพราะเราเป็นเพื่อนกัน"  เสียงแอมเบอร์กลบเสียงโวยวายของคริสตัลได้จนมิด  แต่ยุนอากับตัวเขาเองก็ยังได้ยินเสียงแวมไพร์สาวที่คงชอบมากกว่าถ้าจะมีคนเรียกว่า "แวมไพร์หนุ่ม"

"เขาช่วยไม่ให้ฉันต้องเร่ร่อนเหมือนก่อน  และเป็นเพื่อนที่ฉันไม่มีมานานแสนนาน  แถมที่นี่ก็เจ๋งมากด้วย  แต่ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะ  มิส  ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด"  แอมเบอร์พูด  ยิ้มทิ้งท้ายให้คริสตัลที่พยักหน้าให้เธอ  และจากไปอย่างเงียบเชียบ

"ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้นก็ได้  รู้แล้วว่าเสน่ห์แรง  แม้แต่กับแวมไพร์"

"อย่าทำเสียงแบบนั้น  ยุน  มันจะทำให้ฉันรู้ว่ายุนขี้หึงนะ"  คริสตัลล้อเลียน  "และฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับแอมเบอร์แน่นอน  ยุนก็รู้นี่ว่า..."

"เงียบไปเลย  คริส  แล้วเลิกกินโค้กนั่นสักที"

"เลิกแล้ว  แต่นั่นยุนจะไปไหนน่ะ"

"ไปสถานี  ถ้าอยากจะไปด้วยก็โผล่หน้าไปหาพี่สาวเธอเสียก่อน  ฉันจะรอที่รถ"  ยุนอาพูดแค่นั้นแล้วเธอก็จากไปพร้อมกับแล็ปท็อปที่หนีบไว้ข้างตัว  เขาจ้องแผ่นหลังเธอจนมองไม่เห็นแล้วจึงค่อยพูดกับคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของตัวเอง  สั่งให้มันทำงานน่าเบื่อแทนเขาเหมือนทุกวัน  แล้วจึงเดินออกไปหาพี่สาวที่ห้องทำงานที่อยู่ติดกัน

.......................................................

ฝนตก...

แคลร์มองเม็ดฝนที่ปะทะหน้าต่างห้องเรียน  เธอเลือกฟังเสียงฝนมากกว่าเสียงอาจารย์ที่กำลังสอนเรื่องสังคมของชาวตะวันออกซึ่งเธอไม่คิดว่าจำเป็นต้องรู้  พลางคิดไปถึงต้นไม้ที่เธอปลูกไว้ในเรือนเพาะชำ  เธอว่าจะไปดูมันตอนพักเที่ยง  จริงๆ แล้วเธออยู่ที่นั่นเป็นประจำทุกวัน  หอบของกินที่ห่อมาจากบ้านไปกินในนั้นด้วย 

แม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นทุกวัน  แม่ไม่เคยห้ามเธอ  ไม่ได้บอกว่าเธอควรจะไปดูแลน้องๆ มากกว่าไปหมกตัวอยู่ในเรือนเพาะชำคนเดียว  กลับให้ครูซไปดูน้องสองคนแทน  ด้วยเหตุผลว่าเขาควรทำหน้าที่ของพี่ชายบ้าง  ไหนๆ เขาก็ไม่ค่อยได้ทำ  เพราะหนีมาอยู่โรงเรียนประจำแบบนี้  แต่ครูซคงไม่คิดอะไรเหมือนเคย  ยังไงเขาก็ต้องเดินร่วมแก๊งกับเจย์เดนอยู่แล้ว  เขามีเพื่อนเยอะแยะ  ดูแลน้องๆ ได้แน่  แล้วก็อย่างกับใครจะอยากไปยุ่งกับไอรีน  แค่ยายเด็กนั่นกรี๊ดทีเดียว  ใครๆ ก็หูระเบิดได้แล้ว  เพราะแบบนี้หรือเปล่าแม็กซ์เลยไม่ค่อยพูด

ฝนยังไม่หยุดตก  แม้อาจารย์มิเชลจะปล่อยหมดคาบเรียนแล้ว  แคลร์กำลังตัดสินใจว่าเธอจะวิ่งไปที่นั่นโดยไม่ใช้ร่มหรือไปขอยืมร่มที่ห้องทำงานของแม่มาดีเพราะในล็อกเกอร์ของเธอไม่มีร่มสักคัน  แล้วอยู่ๆ ร่มก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้มสวยมากของเด็กสาวสวยสุดๆ แต่คงสวยน้อยกว่าพี่โด้ละมัง

เธอควรจะเลิกคิดถึงโดโรธีได้แล้ว  พี่เขาหายลับไปเลยเหมือนสาบสูญหลังจากเข้ามหาวิทยาลัย  วันเสาร์อาทิตย์เธอยังไปโปโลคลับ  ไปขี่ม้ากับครูซและเจย์เดน (ที่กลับบ้านทุกวันหยุด)  แต่ก็ไม่เจอโดโรธีเหมือนกัน  พี่เขาไม่ได้ไปเรียนเมืองอื่นเท่าที่เธอรู้  เธอจึงทำความเข้าใจเอาเองว่าเด็กมหา'ลัยคงไม่ว่าง

"ฉันรู้ว่าเธอจะไปที่นั่นอีก  และตอนนี้ฝนตก  ฉันให้เธอยืม"  พีบีว่า  ยื่นร่มมาใกล้หน้าแคลร์มากขึ้น  "รับไปซะสิ  ฉันเมื่อยนะ"

แคลร์รับร่มมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ  พีบียิ้มแล้วหมุนตัวจะจากไป  เธอร้องเรียกเด็กสาวผมบลอนด์นั่นก่อนที่ตัวเองจะทันได้คิดเสียอีก

"ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า  เธอชวนฉันเหรอ  แคลร์  สมิธ"  เสียงของอีกฝ่ายล้อเลียนอย่างชัดเจนโดยเฉพาะตอนที่สำเนียงอังกฤษนั่นเน้นที่ชื่อกับนามสกุลของเธอ

"ก็ในฐานะเจ้าของร่ม  แต่ถ้าเธอไม่สะดวกจะไปก็ --"

"โอเคเลย!  เราไปกันเถอะ"  พีบีพูดแทรกแคลร์  และวาดแขนลงบนบ่าของเด็กสาวที่ด้อยความสูงกว่านิดหน่อย  แคลร์ไม่พอใจนักกับการตีสนิทของอีกฝ่าย  แต่กลิ่นของพีบีดีมากและเธอไม่ได้โง่พอจะปฏิเสธ

"ฉันอยากรู้มาตลอดเลยว่า  เธอไปทำอะไรที่นั่นคนเดียว"

แคลร์ไม่ได้ตอบ  ไม่ได้แสดงอะไรออกไปทางสีหน้า  แต่ถ้าตาสีฟ้าของพีบีชำเลืองมาทางเธอสักนิด  คงจะเห็นรอยแดงเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาบนสองแก้มของเธอ

.............................................

มีแค่คดีเล็กๆ น้อยๆ อย่างลักขโมยหรือทำร้ายร่างกายกันเท่านั้นที่เขาอ่านเจอในแฟ้มรายงานที่ยุนอาให้ยืมอ่าน  นั่นทำให้เขารู้สึกเซ็งมากขึ้น  มันหวนกลับมาอีกแล้ว  ความเบื่อหน่ายความสงบสุข  ชีวิตที่เรียบง่ายราวกับปูด้วยพรมไปตลอดทาง  นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ยุนอาบอกว่าเราควรจะย้ายที่อยู่  หรือไปเที่ยวที่ไหนสักที่นานๆ ดูสักครั้ง

เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าบรรพบุรุษของเขามองเห็นอะไรก่อนที่พวกเขาจะฆ่าตัวตาย  ความเบื่อหน่ายนั่นเอง  เมื่อชีวิตหมดความน่าสนใจแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนกรวดไร้ค่า  อยากให้ใครสักคนหยิบขึ้นมาและปาออกไปไกลแสนไกล  หย่อนลงภูเขาไฟไปก็ได้...

นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันหรือ  อาการมันเริ่มปรากฏแล้วใช่ไหม  เขาหวังว่าจะมีใครมาช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้  จับเขาเขย่าแรงๆ  หรือตบหน้าสักฉาด

เสียงเนื้อกระทบเนื้อหรืออาจเป็นเสียงกระดูกคอเขาลั่นหรือมือเธอหักก็ได้  แต่เขารู้สึกเลยว่าความคิดบ้าบอดุจปีศาจร้ายนั่นสลายหายไปแล้ว  เหลือแต่เธอที่ยืนสะบัดมือและส่ายหัวไปมา

"ฉันคงต้องหาอะไรให้เธอทำจริงๆ แล้ว  คริส"  ยุนอาพูด  ยืนนวดข้อมือด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ  เขาทำให้เธอเหนื่อยอีกแล้วหรือ  "ยาของมนุษย์ใช้กับเธอไม่ได้เสียด้วย"

"ยาอะไรเหรอ"  เขาถาม  หันกลับมามองเธอ  เสียงกระดูกคอเขาดังลั่น  ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงตายไปแล้วเรียบร้อย  แปลว่ายุนอาตบเขาแรงจริงๆ 

แหงละ  ไม่อย่างนั้นเธอจะปวดข้อมือแบบนั้นเหรอ

"ยาบรรเทาอาการโรคประสาทไงล่ะ"  เธอตอบ  ล้วงไฟฉายเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทสีดำที่ชอบใส่ประจำจนเป็นแบบฟอร์มของตัวเองไปแล้ว  เธอจับคางเขาเชยขึ้นและใช้ไฟฉายนั่นส่องเข้ามาในดวงตา  เช็กดูทั้งสองข้าง  เธอเก็บไฟฉาย  แนบฝ่ามือลงมาบนอกซ้ายของเขาแทน  คิ้วเธอขมวดตลอดเวลาที่ทำแบบนั้น  เหมือนเมื่อก่อน...เธอเป็นหมอของเขา

"ร่างกายเธอปกติดี  ที่ไม่ปกติก็คงเป็นสารเคมีในสมอง  หรือความฟุ้งซ่านของเธอเอง"  ยุนอาบอก  เบนสายตาจากเขามองไปทางหน้าต่างเก่าๆ ของห้องทำงานในสถานีตำรวจเก่าที่เรายึดมาเป็นที่ทำการผู้พิทักษ์ของเรานานหลายทศวรรษแล้ว

"จำไว้นะ  คริส  ต่อให้เบื่อมากแค่ไหน  เธอยังมีลูกอยู่  ห้ามทำเรื่องบ้าๆ เป็นอันขาด  นึกถึงหน้าพวกเขาไว้"

"ยุนคิดว่าฉันจะฆ่าตัวตายเหรอ"  เขาตกใจกับเสียงที่เหมือนตะโกนของตัวเอง  แต่ไม่เท่ากับการที่ยุนอาพยักหน้า  และพูดต่อ

"มันเป็นกรรมพันธุ์  สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้"

"เพราะแบบนั้นยุนก็เลยต้องใกล้ชิดฉันกับเจงั้นสิ"

"ต่อให้เธอไม่ได้กำลังจะเป็นบ้า  ฉันก็ต้องทำอยู่แล้ว"

"หน้าที่ของหมอ"

"อย่าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้น  คริส"  ยุนอาเตือนเสียงเฉียบ  เขาลุ้นในใจให้เธอก้าวอาดๆ มาตบหน้าเขาอีกฉาด  แต่เธอก็ทำแค่ยืนอยู่ตรงนั้น  มองเขาอย่างประเมินเหมือนหมอมองคนไข้

"พี่เธอพูดถึงฮาวายขึ้นมา  ฉันเดาว่าเขาคงอยากไป"

"แล้วยุนจะชวนฉันไปหรือจะไปกับเขาสองคนล่ะ"

"ฉันน่ะเหรอ" 

เขาพยักหน้าเมื่อเธอย้อนถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ 

"เธอยังไม่เลิกคิดเรื่องนั้นเลย  ไม่เคยเลยใช่ไหม"  เธอถามเขา  แววผิดหวังฉายในดวงตาสีฟ้า  "เธอนี่มัน --"

"ถ้าเราไปฮาวายแล้วคุณแทกับลูกล่ะ"  เขาเปลี่ยนเรื่องเร็วจนเธอเกือบตามไม่ทัน  "แต่พวกเขาก็โตๆ กันแล้ว  และคุณแทก็คงจะยุ่ง..."

"รอปิดเทอมก่อนค่อยไป"  เธอพูด  เสียงเหมือนสั่งลูกน้อง  แต่เขายิ้มโล่งอกและล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำการค้นหาอะไรก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าฮาวาย  ปีศาจแห่งความเบื่อหน่ายถอยห่างเขาออกไปอีกครั้ง  เป็นอีกครั้งที่ยุนอาขับไล่มันไปราวกับอัศวินปกป้องเจ้าหญิง  ถึงเขาจะเป็นผู้ชายตัวโตเบ้อเริ่มขนาดนี้  เขายังชอบการปกป้องของเธอ 

แทยอนชอบพูดว่าเขาไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิง  เธอคงหมายถึงพวกผู้หญิงที่เขานอนด้วยและกินเลือดเมื่อก่อน  หรือดูจากลูกน้องของเขาที่ไม่มีผู้หญิงเลยสักคน  ยกเว้นแอมเบอร์ที่เขาไม่ได้นับเป็นผู้หญิง  เธอมักจะพูดว่าเขาไม่ให้โอกาสผู้หญิงได้ทำงานสำคัญๆ  ไม่เชื่อในความสามารถของผู้หญิง  เธอคงจะลืมไปแล้วว่า  เขาเป็นคนยกโปรเจกต์โรงเรียนประจำที่เขาควรจะทำมันเองให้เธอไป  และยังให้เธอเป็นครูใหญ่บริหารมันด้วยตัวเองด้วย

ความจริงแล้วเขาชื่นชมผู้หญิงมาตลอด  หลงใหล  คลั่งไคล้แบบที่ยุนอาให้คำนิยามมาเลยด้วย  เขาก็แค่อยากจะปกป้องพวกเธออย่างโง่ๆ เท่านั้น  และมันคงน่าอายด้วยถ้าเขาจะยอมรับตรงๆ ว่าเขาชอบถูกปกป้องด้วยมือนุ่มนิ่มของพวกเธอ

เขาได้ยินเสียงยุนอาคุยโทรศัพท์ระหว่างที่เขาท่องไปในโลกใหม่ภายในโทรศัพท์มือถือ  ไม่รู้นานแค่ไหนตอนเธอมาดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือเขา  และส่งสัญญาณมาทางสายตา

"มีอะไรสนุกๆ ให้ทำแล้วเหรอ  ยุน"

"ก็มีนิดหน่อย  น่าจะช่วยให้เธอหายเบื่อได้บ้าง"

"อะไรเหรอ  มีใครตายหรือไง"  เขาพูดเล่น  แต่ดูจากสีหน้าเธอคงไม่ได้ล้อเลียนด้วยแน่ๆ  เขารีบเดินตามเธอไปพร้อมกับร้องถาม  "จริงเหรอ  ยุน  ใครล่ะ"   

"ไม่รู้จัก"  ยุนอาตอบ  และพูดเสริม  "แต่ฉันว่าโชคดีแล้วที่เราไม่รู้จักเขา"

"นั่นสินะ"  คริสตัลเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง 

...............................................

หลังจากกินแซนด์วิช (ฝีมือแด๊ดดี้ยุนอา) ที่ห่อมาจากบ้านเรียบร้อย  แคลร์เหลือบตามองเพื่อนที่กินนมกล่องกับขนมปังเสร็จก่อนเธอ  และกำลังเดินชมดอกไม้ที่เธอปลูกไว้ในเรือนเพาะชำแห่งนี้  ความคิดแวบหนึ่งในหัวบอกเธอว่าเด็กสาวจากอังกฤษคนนี้สวยกว่าดอกไม้พวกนั้นเสียอีก  แต่ถ้าเธอพูดออกไปก็คงจะถูกมองด้วยสายตาประหลาดแน่ๆ  และห้ามคิดดังเกินไปด้วย  เธอไม่มีทางรู้ว่าพีบี  เทย์เลอร์มีความสามารถพิเศษอะไร  บางทีเจ้าตัวก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ  เธอกับครูซยังไม่รู้เลย  ตอนนี้เธอรู้แค่ว่าเธอชอบกลิ่นของเด็กสาวคนนี้มากๆ  อาจเพราะเรื่องนั้น...อัลฟากับเบต้าอะไรนั่น

แคลร์สั่นศีรษะ  สลัดความคิดไม่เข้าท่าออกไป  เก็บกล่องอาหารกลางวันไปล้างที่อ่างล้างมือ  และลงมือจัดการดูแลต้นไม้แบบที่ทำประจำทุกวัน  เธอได้ยินเสียงใครบางคนร้องโอย  จากนั้นก็ได้กลิ่นเลือด  ท่าทางว่าพีบีจะซนจนโดนอะไรบาดเข้าให้แล้ว  หรืออาจจะโดนหนามต้นอะไรตำเข้า

นั่นเป็นเรื่องปกติ  เธอก็เคยได้เลือดบ่อยๆ ที่นี่  แต่ที่ไม่ปกติคือสิ่งที่เธอกำลังรู้สึกอยู่  เธอคิดว่าเขี้ยวเธอกำลังงอกยาวขึ้น  มันไม่ได้เกิดขึ้นเองแน่  มันต้องเป็นเพราะกลิ่นเลือดของพีบี

"แคลร์  พอจะมีพลาสเตอร์ยาบ้างไหม  ฉันโดนหนามตำแหละ  แต่ไม่มากหรอก"

แคลร์พยักหน้าให้คำถามของพีบีโดยไม่ได้หันไปมอง  กลัวเพื่อนจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง  เธอพยายามพูดด้วยเสียงปกติที่สุด

"อยู่ในลิ้นชักหลังโต๊ะครูน่ะ"

"อ้อ  ขอบใจนะ  เดี๋ยวฉันไปหาดูเองละกัน"

แคลร์พยักหน้าหงึกๆ  โล่งใจที่กลิ่นนั้นหายไปสักที  ตอนนี้เธอระลึกได้ถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงควรจะมาที่นี่คนเดียว


................


เอาตอนที่ 1 มาส่งให้แล้วจ้า  พร้อมกับเสนอคู่จิ้นของแคลร์ด้วย  (และลูกคริสก็ต้องหน้าเหมือนคริสเนอะ  อิอิ)


* นี่สำหรับคนที่ต้องการภาคหนึ่งนะคะ

อ่านต่อได้ที่... -->>> https://goo.gl/8esDVj (ไม่ฟรี)

E-Book --->>> https://goo.gl/SthCmQ

หนังสือเล่ม --->>> https://goo.gl/SiWZCQ

หรือติดต่อสอบถามมาที่ pat_2922@hotmail.com หรือ anhann5@gmail.com หรือ ไลน์ anhann   :21: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

27 สิงหาคม 2018 เวลา 13:14:12
ไอ้ที่โตแล้วก็ไม่ตาย รุ่นใหม่ๆก็หาคู่กันอีก มันจะเยอะไปนะพวกเชฟชิฟเตอร์เนี่ย
แสดงความคิดเห็น