web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 23
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 7
Total: 7

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงหัวใจ ตอนที่ 22  (อ่าน 3086 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
กำแพงหัวใจ ตอนที่ 22
« เมื่อ: 07 มีนาคม 2014 เวลา 15:32:30 »
   ในที่สุดก็ถึงกำหนดการณ์ที่ปาลิดาใจจดใจจ่อมาตลอด หากไม่มีข้อตกลงแบบนี้เธอคงได้อาละวาดจนไร่แตกไปแล้วแต่ก็ต้องกลั้นใจเอาไว้เพราะไหนๆคนที่ตัวเองเกลียดก็จะไปเสียที
   “ในที่สุดก็ถึงวันนี้”
   ปาลิตาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนจะนั่งลงกินข้าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแตกต่างจากคนที่นั่งร่วมโต๊ะที่คนหนึ่งทำสีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัดส่วนอีกคนก็ทำหน้านิ่งจนดูไม่ออกแต่เธอก็ไม่คิดจะเก็บเอามาให้รกสมองเพราะยังไงวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะต้องทนเห็นหน้าใครอีกคน
   “ตาว่าเราน่าจะฉลองกันนะคะไหนๆตัวเสนียงก็ออกจากไร่ไปซะที”
   “พี่ว่าตาพูดเกินไปนะ”
   นรีรัตน์อดที่จะว่าน้องสาวไม่ได้เธอรู้ว่าปาลิตาเกลียดมัทนามากขนาดไหนแต่ก็ไม่ควรว่าให้ถึงขนาดนี้
   “ปกป้องกันจังเลยนะแต่ก็เอาเถอะยกให้วันหนึ่ง”
   ปาลิตาเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปตักกับข้าวใส่จานให้กับพี่สาวอีกคนอย่างเอาใจ
   “กินเยอะๆนะคะพี่หทัย”
   หทัยภัทรยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะยกน้ำดื่มแล้วเดินออกไปจากโต๊ะสองคืนแล้วที่เธอไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่มเพราะมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลาแต่มีบางเรื่องที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้เลย

   ต้นไม้ ใบหญ้า ท้องฟ้า ผู้คน ภาพต่างๆเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่นานนี้เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น ตอนนี้พ่อของเธอกำลังเดินทางไปเบิกเงินสดตามที่เจ้าของไร่ต้องการแต่พอคิดว่าถึงเวลาต้องไปจริงๆก็อดใจหายไม่ได้แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่แห่งนี้ไม่นานอย่างที่คิดแต่มันก็มีบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าความผูกพันธ์หากเธอไม่ได้มาที่นี่ในฐานะลูกหนี้ขัดดอกตั้งแต่แรกมันคงจะดีกว่านี้
   ความคิดค่อยๆหยุดลงทันทีที่มีเสียงฝีเท้าของใครก้าวเข้ามาใกล้ทำให้มัทนาต้องหันกลับไปมองต้นเสียงโดยอัตโนมัติ
   “หน้าระรื่นเชียวนะ”
   ประโยคหาเรื่องจากหทัยภัทรที่มักทำให้คนฟังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ่อยๆแต่น่าแปลกที่วันนี้เธอกลับไม่รู้สึกรำคาญอย่างที่ผ่านๆมา มัทนาเดินเข้าไปหาคนหาเรื่องพร้อมกับใบหน้านิ่งๆที่ไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด
   “อีกไม่กี่อึดใจทนๆหน่อยแล้วกันนะ”
   “ค่ะ”
   “ฉันพูดไปตั้งเยอะแต่เธอตอบมาแค่ค่ะ เอาเปรียบกันจังเลยนะ”
   มัทนาเห็นบางอย่างสั่นไหวในดวงตาของคนพูดแต่เพียงแค่แว๊บเดียวเท่านั้นหทัยภัทรก็ปรับสีหน้าและท่าทางเป็นปกติจนเธอชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคือเรื่องจริงหรือเธอกำลังคิดไปเองกันแน่
   “มัทขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะแล้วก็ขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างเช่นกัน”
   “พูดง่ายดีนะ”
   “ก็ไม่รู้จะพูดให้มันยากทำไมนิคะ”
   “ยอกย้อน ใช่สิกำลังจะบินได้แล้วนี่เนาะ”
   ช่างเป็นประโยคประชดประชันที่ทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้มออกมาน้อยๆนี่เธอกำลังเป็นบ้าใช่มั้ยที่เห็นว่าท่าทางแบบนี้ดูน่ารัก
   “มัทไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณหทัยภัทรเกลียดครอบครัวของมัทมากขนาดไหนแต่มัทอยากจะบอกว่าขอบคุณ”
   คนพูดคว้ามือคนตรงหน้ามากุมไว้พร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ค่อยๆเปิดขึ้นแต่ดูเหมือนคนถูกจับมือจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่แต่การขัดขืนก็ทำเพียงไม่นานหทัยภัทรก็อยู่ในท่าทีที่สงบขึ้นเพราะถึงดิ้นไปเธอก็รู้ว่าคนที่จับอยู่ไม่มีทางปล่อยมือเธอในตอนนี้แน่
   “ขอบคุณนะคะสำหรับการช่วยเหลือแล้วก็ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่…”
   “เงียบทำไมพูดออกมาเลยสิว่าช่วงเวลาที่แย่หรือจะเรียกว่าเลวร้ายดีล่ะ”
   คนพูดเอ่อออกมาเสียงแข็งพร้อมกับหน้าตาที่บูดบึ้งมากขึ้นกว่าเดิม
   “ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่เรียกว่าดีไม่ได้เต็มปากแต่มันก็ไม่ถึงกับแย่นะคะหากมัทสามารถตอบแทนได้ก็บอกมานะคะ”
   “ฉันไม่ต้องการ!”
   พูดจบหทัยภัทรก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมจากนั้นก็ผลักคนตรงหน้าให้ล้มลงไปกองกับพื้น
   “ไม่ต้องมาพูดดีใส่ตัวอยากไปก็ไปเลย!”
   หทัยภัทรพูดจบก็เดินหนีออกมาทันทีเธอรู้สึกหงุดหงิดร้อนใจมากขึ้นทุกทีอาจเพราะคาดไม่ถึงว่าคนอย่างทรงวุฒิจะสามารถหาเงินมาคืนได้เร็วขนาดนี้เลยลืมคิดวิธีตั้งรับเอาไว้แล้วเธอควรจะทำอย่างไรดีล่ะเมื่อการแก้แค้นยังไม่สาแก่ใจเธอเลยสักนิด

   ทรงวุฒิเดินเข้ามาในไร่หทัยภัทรพร้อมกับจำนวนเงินตามที่ได้หยิบยืมเจ้าของไร่ไปเขาหวังว่าวันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายของเรื่องราวทุกอย่างจริงๆสักที
   “ขอโทษที่มาช้า”
   คนมาใหม่เอ่ยออกมาพร้อมกับการเปิดกระเป๋าเงินที่ถือมาวางตรงหน้าของคนที่นั่งอยู่
   “เงินทั้งหมดที่คุณหทัยช่วยเหลือเราครับ”
   “หวังว่าคงครบนะจะได้ไม่ต้องนับ”
   ปาลิตาเอ่ยออกมาอย่างดูแคลนก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆหทัยภัทร
   “ถ้าไม่ไว้ใจกันจะนับก็ได้นะ”
   “ไม่เป็นไรฉันว่าคุณคงไม่เลวไปเสียทุกเรื่องหรอก”
   หทัยภัทรพูดพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก่อนจะปิดกระเป๋าใส่เงินแล้วเดินนำออกมานอกบ้าน
   “ถ้าไม่มีอะไรพี่…เอ่อผมขอพาลูกสาวกลับก่อนนะ”
   ทรงวุฒิเดินตามคนที่จู่ๆก็เดินออกมาทั้งๆที่คุยไม่จบจนทำให้เขาต้องเดินตามออกมาแบบนี้
   “จะไปก็ไปสิ นั่นไงลูกสาวสุดที่รักกำลังเดินมาพอดีรีบๆพากันไปเลย”
   ปาลิตาเอ่ยปากไล่ทันทีเมื่อเห็นมัทนาเดินมาเธออยากให้สองพ่อลูกไปให้เร็วที่สุด
   “มัทไปไหนมาลูกดูสิเหงื่อออกเต็มหน้าเลย”
   ทรงวุฒิเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อมองเห็นใบหน้าของบุตรสาวใกล้ๆมันดูอิดโรยแถมเจ้าตัวยังทำท่าหอบราวกับไปทำอะไรหนักๆมา
   “มัทไปบอกลาพวกคนงานที่ทำงานด้วยกันนะคะคุณพ่อมาอยู่ที่นี่ก็ได้พวกเค้าคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด”
   “ดีแล้วแต่พ่อว่าตอนนี้เราไปเอากระเป๋าแล้วก็กลับบ้านของเรากันเถอะลูก”
   มัทนารู้สึกใจหายไม่น้อยที่ได้ยินประโยคแบบนี้ไม่รู้ทำไมหัวใจของเธอถึงรู้สึกหวิวๆมากขึ้นทุกที หญิงสาวหันไปมองหน้าอดีตเจ้าหนี้ที่ไม่หันมามองเธอเลยสักนิดจะว่าน้อยใจก็คงไม่ผิดแต่เธอจะน้อยใจไปทำไมกันนะในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเธอทั้งคู่มีแค่คำว่าหนี้เท่านั้น
   “โชคดีนะมัท”
   ประโยคที่ฟังดูเป็นมิตรถูกเอ่ยออกมาจากปากของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง นรีรัตน์พยายามที่จะกดความรู้สึกเสียใจของตัวเองเอาไว้ เธอรู้ดีว่าความรู้สึกแบบนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นแต่มันห้ามไม่ได้จริงๆเมื่อหัวใจของเธอมันร้องหาแต่คนที่กำลังจะจากไปตลอดเวลา
   มัทนาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาให้
   “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะการมาที่นี่อาจจะไม่ใช่ความตั้งใจของมัทแต่มิตรภาพของเราเป็นเรื่องที่มัทตั้งใจ”
   “เราจะได้เจอกันอีกมั้ย”
   “แน่นอนค่ะ มัทยังไม่ลืมน๊าว่าเรามีนัดไปเที่ยวด้วยกัน”
   “จริงนะ”
   นรีรัตน์พูดออกมาอย่างดีใจพร้อมกับการเกี่ยวก้อยคนที่พูดราวกับคำสัญญาแต่แล้วรอยยิ้มของคนดีใจกลับค่อยๆจางลงไปเพราะสายตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนจากพี่สาวของตัวเอง
   มัทนาแอบชำเลืองมองไปยังใครอีกคนที่เธอยังไม่ได้เอ่ยคำร่ำลาแต่ดูท่าจะไม่จำเป็นเพราะเธอก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของอีกฝ่ายอยู่แล้ว
   “งั้นมัทไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่”
   คนพูดหันกลับมาส่งยิ้มให้กับนรีรัตน์ก่อนจะเดินกลับไปหาบิดาที่รออยู่เพื่อเตรียมเดินทางกลับแต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคนที่ไม่มีท่าทีจะสนใจอะไรเลยเดินตรงเข้าไปประชิดตัวคนที่กำลังจะไปจากนั้นก็ใช้สองมือโอบกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง
   ภาพที่เห็นทำให้แต่ละคนที่มองอยู่ต่างพากันอึ้งจนไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้โดยเฉพาะคนที่ถูกกอดอย่างมัทนาที่ตอนนี้เอาแต่ยืนนิ่งเป็นก้อนหินแต่หทัยภัทรก็ไม่คิดจะสนใจอะไรอีกแล้วเมื่อเธอตัดสินใจทำแบบนี้ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะตามมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่สามารถหยุดเธอได้อีกแล้ว
   “คุณ คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่”
   ในที่สุดมัทนาก็เอ่ยประโยคออกจากปากได้สักทีหลังจากที่ยืนเงียบอยู่นานหากแต่คนถูกถามก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมานอกจากการคลายวงแขนออกพร้อมกับการหมุนตัวคนตรงหน้าให้หันมาหาตัวเอง
   “คุณไม่สบายหรือเปล่า”
   “ฉันสบายดีทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ”
   มัทนามองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันไปมองคนรอบๆข้างที่ต่างพากันมองมาที่เธอทั้งคู่ด้วยความสงสัยไม่ต่างจากตัวเธอเอง
   “ทำไม่ทำหน้าประหลาดแบบนี้ล่ะแค่นี้ทำเหมือนไม่เคยไปได้”
   เป็นประโยคที่คนพูดตั้งใจเอ่ยออกมาเสียงดังเพื่อให้ทุกคนที่ยืนอยู่ได้ยินพร้อมๆกันโดยเฉพาะผู้ชายคนข้างๆที่ดูจะอึ้งมากกว่าคนอื่นๆ
   “แต่ไม่เป็นไรหรอกนะคำพูดหรือจะสู้การกระทำ”
   พูดจบหทัยภัทรก็โน้มคอคนตรงหน้าเข้ามาจูบอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ถอนริมฝีปากออกช้าๆพร้อมกับการเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอายๆ
   “เรื่องเงินจบไปแล้วแต่เรื่องของเรากำลังจะเริ่มต่างหากล่ะ”
   “นิ นี่มันอะไรกัน”
   ทรงวุฒิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆพร้อมกับการจ้องมองใบหน้าของบุตรสาวเพื่อค้นหาคำตอบ
   “แค่นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ หรือว่าอยากให้ฉายซ้ำ”   หทัยภัทรเอ่ยออกมาอย่างเป็นต่อก่อนจะโน้มคอมัทนาลงมาอีกครั้งแต่กลับถูกมัทนาที่เริ่มได้สติดึงแขนที่โอบรอบคอตัวเองออกก่อนจะเดินถอยห่างออกไป
   “ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ มัทคงไม่ต้องให้พี่สาธยายใช่มั้ยว่าเราไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”
   มัทนาแทบจะเป็นลมไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับคำพูดแบบนี้แล้วไหนจะท่าทางที่แสดงออกมาของหทัยภัทรอีกมันดูน่าเชื่อถือมากซะจนหากเธอพูดอะไรออกมาคงเป็นได้แค่คำแก้ตัวเท่านั้น
   “คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าฉันกับลูกสาวคุณเป็นอะไรกัน”   “จริงหรือเปล่ามัท”
   ทรงวุฒิย้ำคำถามกับบุตรสาวอีกครั้งไม่อยากให้เป็นเรื่องจริงเลยแม้แต่น้อยถึงจะรู้ว่าบุตรสาวมีรสนิยมแบบไหนแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงของมัทนาจะเป็นอดีตคนรักของตัวเอง   “คือว่ามัท…”
   “จะไม่รับผิดชอบพี่ใช่มั้ยแล้วที่กอด ที่จูบพี่ล่ะมันคืออะไรกล้าพูดหรือเปล่าว่าไม่เคยแตะต้องกัน ที่จริงจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า…”
   หทัยภัทรเดินเข้าไปใกล้คนหน้าซีดที่เธอยัดเยียดข้อหาให้ก่อนจะจับมือของอีกฝ่ายมาโอบที่เอวของตัวเองไว้
   “บอกสิว่าส่วนไหนในร่างกายของพี่ที่มัท…ยังไม่เคยสัมผัส”   
   จบประโยคคนพูดก็ซบหน้าลงที่ไหล่ของมัทนาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แอบซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็นรู้ว่าครั้งนี้เธอลงทุนมากไปหน่อยแต่มันก็คุ้มนะถ้าสามารถมัดตัวคนๆนี้ไม่ให้ไปไหนได้ก็บอกแล้วไงล่ะว่าเธอยังไม่หายแค้นเลย
   ส่วนคนถูกกล่าวหาก็ถึงกับใบ้กินไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไงเมื่อสิ่งที่หทัยภัทรพูดมันก็มีส่วนถูกอยู่เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้เกินเลยถึงขั้นนั้นแล้วบอกไปใครเลยจะเชื่อเมื่ออีกฝ่ายเอาตัวมาสิงเธอซะขนาดนี้…   

นิยายเรื่องอื่นๆ
   คุณหนูที่รัก yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576
   ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri  http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259
   เกมรัก สะดุดใจ yuri http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672
   ปีกรัก yuri  http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521
   สัญญาวิวาห์กำมะลอ yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1044762
   สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
   แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou

   ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.