นิยายเรื่องนี้มีจำหน่ายแล้วนะคะ สนใจดูรายละเอียดได้ตามลิงก์ดังต่อไปนี้ค่ะ http://leslybooks.lnwshop.com/Chapter 10 : นักบุญมือสังหารวาเลนไทน์คิดว่า เธอคงจะเดินหลงทางแล้วแน่ๆ เพราะป่านนี้ยังไม่เห็นเงาของสาวในชุดแดงนั้นเลย อาจจะเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยกับสถานที่ทำให้เป็นการยากที่จะตามหล่อนไปอย่างใจคิด ซ้ำที่ที่ถูกประกาศผ่านลำโพงมาให้ได้ยินเธอก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนอีกด้วย แล้วจะหาเจอไหมวันนี้!
“ปล่อยฉันออกไปนะ.. โธ่เว้ย.!”
ร่างสูงสะดุดกึกเมื่อหูได้ยินเสียงดังทะลุกำแพงหนาออกมา เหลือบตาไปก็พบกับห้องห้องหนึ่งที่รู้สึกคุ้น มองไปรอบๆก็ได้คำตอบมายืนยัน เธอหลงทางและกลับมาที่เก่าที่ที่มาซุ่มดูอยู่เมื่อครั้งแรก ห้องที่สการ์เลตตามมาเจอเธอ
ห้องที่เธอสงสัยว่ามีอะไรอยู่ด้านใน และเธอมีลางสังหรณ์ประหลาด..
“มีใครอยู่ข้างนอกไหม.. ปล่อยฉันออกไป!”
เสียงที่ดังขึ้นมาอีกครั้งพาความสนใจของเธอให้ไปหาได้จนหมด มันคุ้นมากกับเสียงแบบนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักที่ แต่ที่ไหนกันล่ะ
พลันวาเลนไทน์พบตัวเองที่ประตูห้องนั้น พยายามมองเข้าไปในช่องเล็กๆตรงด้านบนของประตู และเธอเห็นบางสิ่งที่ทำให้ต้องเพ่งมอง ตอนนั้นที่เธอมองเข้าไปครั้งแรก เธอเห็นแต่ห้องเปล่าๆนี่นา แต่ตอนนี้มันกลับมี ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
หล่อนเป็นใคร.?
“ใครอยู่ข้างนอกน่ะ ได้ยินฉันรึเปล่า.. ตอบหน่อย เฮ้...” เสียงหล่อนเรียกเหมือนรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ วาเลนไทน์รีบหันหลบ ไม่กล้าจะให้ใครเห็นตัว ในสถานที่ที่เธอไม่รู้จัก เธอไม่กล้าไว้ใจใคร ความทรงจำที่เลือนรางพาให้เธอเหมือนกลับเป็นเด็กอ่อนต่อโลก มีแต่ความหวาดกลัวและความไม่เข้าใจ แต่อะไรบางอย่างทำให้เธอหันกลับไปมองหล่อนอีกครั้ง อาจเพราะสงสัยด้วย ใครกันนะ.?
“ขอร้องล่ะ ฉันไม่ได้มีความผิด ถ้านายมีมนุษยธรรม ช่วยฉันด้วย!”
วาเลนไทน์งง ไม่เข้าใจว่า อีกคนพูดอะไรอยู่ แต่เธอพบตัวเองพยายามจะเปิดประตูบานตรงหน้า มันเปิดไม่ออกเพราะมันเป็นประตูกลที่ล็อกอย่างแน่นหนา หากไม่มีรหัสหรือคีย์การ์ดก็คงจะเข้าไปไม่ได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังพยายามจะหาทางเปิดมัน และความแปลกประหลาดอันน่าตกใจก็เกิดขึ้นที่พบว่ามือเธอผ่านทะลุเหล็กหนาเข้าไปได้ ราวกับมันเป็นเพียงผืนน้ำ
“โอ้.?” เธออุทานงง แต่ไม่รู้ทำไม เธอดึงมือตัวเองออกมาและลองส่งมือเข้าไปที่ประตูอีกครั้ง มันก็ผ่านเข้าไปได้อีก คราวนี้จึงย่ามใจส่งมืออีกข้างเข้าไปบ้างและมันก็ทะลุประตูเข้าไปได้เหมือนกัน เรียวปากสวยเผยยิ้มถูกใจราวกับเด็กได้เจอของเล่นใหม่
วาเลนไทน์กำลังสนุกกับเรื่องแปลกๆ จึงลืมสนใจในความแปลกประหลาดของตัวเองที่ทำเรื่องไม่เหมือนมนุษย์อยู่ เธอลองเดินชนประตู อยากรู้ว่าถ้าเป็นทั้งตัวเธอจะผ่านเข้าไปได้หรือไม่ และมันก็เหมือนเธอเดินผ่านม่านน้ำ เหล็กหนาคล้ายเป็นแค่ของเหลวสำหรับร่างกายเธอ เธอสามารถผ่านเข้าไปในห้องนั้นได้ทั้งตัว
และเธอก็พบหล่อนในที่สุด
ผู้หญิงในชุดเสื้อและกางเกงสีขาวยืนอยู่ด้านหลังกระจกบานหนา หล่อนตัวเล็กบาง สูงไม่มาก ผิวสีน้ำผึ้ง ผมสีเข้มยาวประบ่า ตาโตสีเดียวกับเส้นผม หน้าตาน่ารักน่าชัง แต่ทำไม.. เสียงห้าวแหบ และ..เซ็กซี่..
โอ้..เมื่อกี้ฉันพูดเรื่องเซ็กซี่หรือ..?
สาวตัวสูงกระพริบตาพยายามดึงสติกลับคืน หากแต่พอเธอได้มันมากลับมาเห็นสาวตรงหน้าทำหน้าตาตกใจแทน และหล่อนพูดเหมือนคนเพ้อตาลอยๆ
“วาเลน...”
เจ้าของชื่อแต่ไม่รู้จักชื่อตัวเองทำตาปริบๆ เธอไม่เข้าใจ หากแต่เมื่อจะเปิดปากถาม เสียงบางอย่างจากประตูก็หยุดเธอไว้ หันไปดูก็เห็นประตูกลเปิดออกและมีร่างของบางคนปรากฏขึ้น
หล่อนเป็นสาวผมบลอนด์ ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม หล่อนเป็นใครอีกล่ะ.?
“เคอร์เนียร์!” เสียงจากหญิงสาวด้านหลังกระจกตะโกนลั่น พาให้คนงงหันไปมอง เห็นสาวตัวเล็กในชุดขาวมองตากร้าวไปที่สาวที่มาใหม่ ความแปลกใจของตนมากขึ้น แต่มันก็ไม่มากเท่าเมื่อเธอได้ยิน
“อยู่ให้ห่างพี่ของฉัน เอเวอร์.. ถ้าเธอยังอยากเห็นตะวัน!”
…………………………………………………………
นาเดียวิ่งแทบไม่คิดชีวิตไปยังพาหนะของตน เธอโชคดีใช่ไหมที่หัวหน้ารักษาความปลอดภัยของที่นี่ใจดีพอที่ปล่อยให้เธอออกมา ไม่เช่นนั้นเธอคงจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆด้วยแสงเลเซอร์สีแดงที่พุ่งออกมาทุกๆมุมของผนังตึกหลังนั้น เธอชะล่าใจมากเกินไปที่ลืมคิดถึงราชินีของอาณาจักรเนบิวล่า อธีน่าถึงจะเป็นคอมพิวเตอร์แต่นางเป็นยิ่งกว่าเมื่อเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต ยังไงน่ะหรือ.?
มีข่าวลือหนาหูในแวดวงสภาของเมืองบอกกันว่า แท้จริงแล้วอธีน่าคือนักวิทยาศาสตร์ยอดอัจฉริยะที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อการทดลองงานวิจัยลับ นางผันตัวเองมาเป็นเครื่องจักรกลด้วยงานวิจัยนั้นที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร และดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจจะตามหาความจริงด้วยแม้แต่สภา ทุกๆคนเหมือนจะเห็นแก่ประโยชน์ของการมีนางขึ้นมาแบบนี้มากกว่า แต่ไม่ใช่กับกรีนแองเจิ้ล
นางฟ้าผู้พิทักษ์ธรรมชาติ..
หากแต่ตอนนี้นางฟ้าที่กลายร่างเป็นนางโจรเข้ามาในต่างถิ่นอย่างเธอคงจะต้องเฉดตัวเองไปที่นี่ให้ทันก่อนที่ราชินีผู้ปกครองอาณาจักรจะทรงพิโรธมากกว่านี้ และให้สมกับที่สการ์เลตยอมใจดีเปิดช่องทางฉุกเฉินให้เธอได้หนีออกมาเสียก่อนที่จะไม่ได้ออกมา แต่เธอควรจะหาโอกาสไปขอบคุณหรือขอโทษสาวในชุดแดงนั่นหรือไม่..
เธอช่วยฉัน.. ไม่น่าเชื่อเลย.. ทั้งๆที่เธอมีฉายาว่า..นักฆ่า..
หรืออันที่จริง..เธอคือนักบุญ...
นาเดียคิดขณะนั่งจับพวงมาลัยรถเตรียมออกตัวหนี เธอเผลอเหม่อเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น หูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเป็นฝูงวิ่งมายังทางของเธอ พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังก้อง
“เวร.!” มือดีของกรีนแองเจิ้ลสบถในใจก่อนรีบหันหัวรถและบึ่งออกมาเร็วจนฝุ่นตลบ หากแต่เมื่อห่างออกมาจนเกินเงื้อมือของมัจจุราชแล้ว นาเดียยังเหลียวหลังกลับไปมองอาณาจักรเบื้องหลังอีกครั้งด้วยสายตาอาวรณ์
รอก่อนนะเอเวอร์.. ฉันจะช่วยเธอออกมาให้ได้..
...........................................
สการ์เลตเดินจ้ำอ้าวกลับมายังหอควบคุมกลางเมื่อเธอไม่สามารถติดต่อคุณผู้การที่รักได้ เนื่องจากคลื่นสัญญาณรบกวนที่อธีน่าส่งมาโดยรอบตอนที่สกัดจับผู้บุกรุกยังคงไม่หายไป อีกหลายนาทีกว่าที่มันจะเคลียร์แต่เธอกลับรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆจนอยากจะกลับไปให้เขาให้เร็วที่สุด แต่จากจุดที่เธออยู่ตรงนี้มันห่างจากหอควบคุมกลางที่เขาอยู่พอสมควร และอันที่จริงเธอก็ควรจะกลัวเขาด้วย เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่เธอทำงานพลาด เธอปล่อยโจรกลับบ้าน!
ใช่แล้ว เธอนั่นเองเป็นคนปล่อยตัวหล่อนกลับไป ทั้งที่ความจริงเธอควรจะจับหล่อนมาคุมขังเช่นเดียวกันกับหัวหน้าของหล่อน แต่หากตอนนั้นหากเธอไม่ช่วย นาเดียคงจะกลายเป็นเพียงชิ้นเศษเนื้อที่กระจัดกระจายลงบนพื้น
และเธอรู้สึกว่า ความผิดของหล่อนมันยังไม่สมควรจะโดนขนาดนั้น แต่ใครใช้ให้เธอเป็นคนตัดสินล่ะ ว่าใครที่สมควรได้รับหรือไม่ได้รับโทษ ในเมื่อเธอก็เป็นแค่...
เครื่องมือสังหาร..
เป็นซาตาน หาใช่..นักบุญ..
ความคิดนี้ทำให้ขายาวชะงักไปเล็กน้อย ยอมรับว่าเริ่มกลัว หากแต่เธอก็สั่นศีรษะ ขจัดความคิดนั้นออกไป เธอน่าจะมีวิธีอธิบายให้บลูอายส์ฟัง ความคิดใหม่ทำให้เธอโล่งใจไปได้บ้าง หญิงสาวก้าวขาอีกครั้ง แต่นั่นเพราะเธอไม่รู้ว่า เธอจะเจออะไรหรือใครอยู่ในห้องของนายใหญ่ของที่นี่ นอกจากตัวเขาเอง
.......................................
“เอ่อ.. ผู้การคะ คือฉัน---” เสียงของเธอหายไปเมื่ออีกคนยกมือห้าม และดึงเธอออกมาจากห้องที่เป็นส่วนที่ใช้ทำงาน มาอยู่ในส่วนที่ใช้พักผ่อนแทน แต่สายตาเธอยังพอมองเห็นว่ามีใครอยู่ในห้องนั้นก่อนที่พ้นออกมา หนึ่งคือสาวที่เธอรู้จักดี ด็อกเตอร์มิเชล และอีกหนึ่งคือ..
“วาเลน---”
“ฉันกำลังค่อยๆคุยกับเค้าอยู่ แต่เค้าจำฉันไม่ได้เลย” บลูอายส์บอกเสียงไม่สู้ดี ผู้หญิงตรงหน้าเลยหันมาสนใจกันเต็มที่
“แล้วคุณให้ด็อกเตอร์ตรวจเค้าใหม่หรือยังคะ เผื่อว่า....”
“สมองเค้าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มิเชลบอกว่า อาจเป็นเพราะเค้าหลับนานเกินไปหน่อย คงต้องรอให้ค่อยๆฟื้นตัว” ผู้การสาวอธิบาย “แต่ถ้ามีบางอย่างไปกระตุ้นในส่วนความทรงจำนั้นก็อาจจะเร็วขึ้น”
“ตัวกระตุ้นเหรอคะ เหมือนฉันเคยอ่านเจอในหนังสือของด็อกเตอร์ที่ฉันยืมมาอ่านแก้เบื่อเวลาไม่มีอะไรทำ เค้าบอกว่า เราอาจต้องทำให้คนไข้ตกใจมากๆ หรือเจอเหตุการณ์ที่เคยเจอ หรืออีกที..ก็เจอคนที่เค้าเคยเจอมาก่อน คนที่ผูกพันหรือรัก” สการ์เลตพูดตามที่รู้ ลืมดูสีหน้าของคนฟังไป บลูอายส์ดูหงุดหงิดทันที
“แต่ฉันที่เป็นน้องแท้ๆ เป็นฝาแฝด ก็ยังทำให้เค้าจำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ”
สาวในชุดแดงสะดุ้งและมองหน้าคนพูด เห็นสีหน้าคุณผู้การที่รักคราวนี้เธออยากจะปลอบเขา แต่เขากลับเปลี่ยนเรื่องคุยหน้าตาเฉยขณะหันไปคว้ากาแฟร้อนขึ้นมาจิบ
“เรื่องผู้บุกรุกเป็นยังไงบ้าง จับได้ไหม.. ใคร..”
ในทันใดคนหน้าเสียกลับมาเป็นเธอเสียเอง หากแต่สการ์เลตทำใจกล้าบอกความจริงออกไป “นาเดีย โจฮานค่ะ”
ผู้การสาวเหลือบตาขึ้นจากแก้วกาแฟ มองหน้าคนตอบ และแก้วกาแฟถูกลดลงจากปาก “หนึ่งในมือดีของนางฟ้าผู้พิทักษ์โลก.?”
“ใช่ค่ะ แต่ฉัน----”
“แต่เธอปล่อยหล่อนออกไป.?”
สการ์เลตอึ้งมองคนตรงหน้าตาโต “ท่านทราบ.?” เธอถามเสียงตกใจ แต่บลูอายส์กลับทำเพียงพยักหน้า ไม่ได้ว่าอะไร และตอบคำถามสงสัยในใจเธอให้โดยไม่ต้องเอ่ยถาม
“ฉันไว้ใจการตัดสินใจของเธอ ทำที่เห็นสมควรกับหล่อน แต่ขอเพียงอย่างเดียวนะสการ์เลต” บลูอายส์หันมาจ้องหน้าเธอตอนที่พูดประโยคนี้ เธอพยักหน้ารับอัตโนมัติ หล่อนจึงพูดออกมานิ่มๆแต่ไม่รู้ทำไม คนได้ยินจึงหนาวเหลือเกิน
“ทำทุกอย่าง กันอย่าให้ใครมายุ่งกับพี่ของฉันได้ สำคัญที่สุด”
และที่สุดแล้ว เธอยังสงสัยต่อ..
เพราะอะไรถึงไม่อยากให้ใครยุ่งกับ..วาเลนไทน์..
........................................
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” มิเชลเดินออกมาบอกกับสองคนที่ด้านนอกห้อง ทั้งสองมองหน้ากันและมองคนพูดบ้าง
“มีอะไรไหมมิเชล” ผู้การผมบลอนด์เป็นคนถาม คนถูกถามก็ส่งสายตาแบบมีความนัยมาให้ และตนเข้าใจดีจึงหันไปหาอีกคนที่กำลังสนใจมองดูคนที่อยู่อีกด้านของห้องมากกว่า สายตาของสการ์เลตที่มองพี่สาวเธอมันดูแปลกๆ แต่เธอก็สนใจมันน้อยเต็มที มีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า “เธอพาเค้าไปห้องหน่อยสิ”
ถึงไม่ได้เอ่ยชื่อที่คนถูกสั่งก็รู้ดี สการ์เลตกระพริบตาและหันมาพยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นก็เข้าไปจูงมือคนตัวสูงที่ยืนเก้ๆกังๆอีกไปจากห้อง หลังจากตะเบ๊ะให้กับผู้บังคับบัญชา และเมื่อได้โอกาสอยู่กันสองคน สาวผู้มากอำนาจก็มองหน้าคุณหมอเก่งสารพัด คนโดนมองเข้าใจ
“เป็นไปอย่างที่คิดไว้ค่ะ พลังของเค้าตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ” บลูอายส์ฮัมรับรู้และหันไปจิบกาแฟต่อ ดูเหมือนไม่ยี่หระกับรายงาน คนรายงานเลยงง “แล้วจะให้ทำยังไงต่อคะท่าน” ด็อกเตอร์สาวถามร้อนใจ อยากรู้ หากแต่คำตอบที่ได้ก็ยังไม่ได้ทำให้เธอเย็นลง
“อยู่เฉยๆ รอดูเค้าต่อไปเรื่อยๆ แค่นั้นพอ” สาวบลอนด์ตอบแค่นั้นเหมือนไม่สนใจจะพูดแล้วก็วางแก้วกาแฟลง พูดมาอีกหนึ่งคำ
“ฉันจะไปเยี่ยมนักโทษสักหน่อยนะ และถ้าไม่มีอะไรจำเป็น อย่าให้ใครเข้าไปยุ่ง ไม่ต้องตาม”
มิเชลพยักหน้ารับและมองคนตัวสูงเดินออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกหลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่เธอรู้สึกและนึกกลัวก็คือ...
นักโทษคนนั้นคงไม่ยั่วโมโหคนหน้านิ่งแบบนี้จนโดนดีหรอกนะ กลัวแทน...
.........................................
อย่าลืมนะคะ ถ้าสนใจนิยายเชิญได้ค่ะ
http://leslybooks.lnwshop.com/