web stats

ข่าว

 


Immortals 3 (Sparkle 6) - บทที่ 28 I Put A Spell On You

โพสต์โดย: anhann วันที่: 27 เมษายน 2019 เวลา 23:05:25 อ่าน: 107






บทที่ 28 I Put A Spell On You





แต่เราไม่ได้พักโรงแรมกัน  มันเป็นคฤหาสน์ในเคนซิงตันที่ยุนอากำชับให้พ่อบ้านส่งรถมารับเธอกับลูกฝาแฝด  ลูกสะใภ้  และผู้ติดตามที่สนามบินฮีทโธรว์  แทยอนไม่รู้ว่ายุนอาบอกยกเลิกห้องที่โรงแรมเธอได้ยังไง  แต่ไม่มีอะไรที่มิสฟอร์ดทำไม่ได้  โดยเฉพาะเรื่องจิ๊บจ๊อยอย่างนี้  แค่จิกหัวให้คริสตัลโทรมายกเลิกให้ก็หมดเรื่องแล้ว 

"เราควรจะเรียกสวยหรือน่ากลัวดี"  ครูซสะกิดแคลร์ให้มองอาคารเก่าแก่แลดูน่าเกรงขามเบื้องหน้า  เขาหันกลับไปมองลีมูซีนที่รับพวกเรามาจากสนามบินแล่นจากไป  ไม่รู้ว่ามันจะไปที่ไหน  แต่เดาว่ามันคงจะกลับสู่ที่ของมันในโรงรถภายในอาณาเขตคฤหาสน์นี้แหละ 

"เข้าข้างในกันเถอะ"  แทยอนชวน  ครูซหันกลับมา  เขาเห็นแม่เดินนำเข้าบ้าน (?) ด้วยท่าทางเหมือนเคยมา  หรือเคยรู้จักมัน

"ไปเหอะ"  แคลร์ลากกระเป๋าขึ้นบันไดหินอ่อนตามหลังแม่  พีบียกกระเป๋าใบโตตามมาด้วย  ครูซก็ต้องลากของเขาขึ้นตามมา  ไม่มีคนมาช่วยพวกเราเหมือนกับที่มีชายคนหนึ่งซึ่งคงจะเป็นคนสวนดูจากการแต่งตัวมาช่วยยกกระเป๋าเดินทางใบมโหฬารของแม่เข้าอาคารไปก่อนแล้ว

"คุณหนูเลือกห้องได้ตามสบายเลยขอรับ  ทุกห้องทำความสะอาดแล้วเรียบร้อย"  พ่อบ้านเฒ่าบอก  แคลร์กับครูซเงยหน้าขึ้นมองตามบันไดไม้ขัดมันที่ทอดตัวขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์  ตรงปลายทางนั้นแยกออกเป็นสองทาง  แผนผังของที่นี่แทบจะเหมือนบ้านสมิธของพวกเธอเลยทีเดียว

"ส่วนมาดาม  เชิญห้องใหญ่ขอรับ"  เขาหันมาพูดกับแทยอน  ค้อมศีรษะพร้อมกับผายมือไปด้านข้าง  แทยอนปรายตามองลูกฝาแฝดและลูกสะใภ้  ทั้งสามส่งสายตาบอกเธอว่าพวกเขาโอเค  เธอกำลังจะก้าวขึ้นบันไดไปแล้ว  แต่เหลียวกลับมาใหม่  และพ่อบ้านชราก็เอ่ยขึ้นราวกับว่าเขารอจังหวะนี้อยู่แล้ว

"มีห้องชั้นล่างสำหรับคนอื่นๆ ขอรับ"

แทยอนพยักหน้ารับรู้  ชำเลืองมองสเตฟานี่ที่เลิกสำรวจห้องโถงมาสบตาเธอ  อีกฝ่ายยักไหล่  คล้ายจะบอกเธอว่าไม่ต้องห่วง  แทยอนจึงเดินตามพ่อบ้านผมสีเงินซึ่งเดินเร็วกว่ารูปร่างชราของเขาจะสามารถพาไปได้

ครูซเป็นคนแรกที่เดินตามแม่ไป  เขาคงจะไปเดินเลือกห้องพักก่อน  แคลร์เหลียวมองพีบี  แฟนสาวก็พยักพเยิดให้เธอเดินนำ  หากเธอยังรอพีบีให้เดินมาคู่กันเสียก่อน

"นอนห้องเดียวกันไหม"  แคลร์ถาม  มองพีบีอย่างคาดหวัง

"เอาสิ  แต่ฉันขอเลือกห้องนะ"

"อือ" 

ปรากฏว่าห้องมีมากกว่าสิบห้อง  พีบีเปิดดูทุกห้อง  รวมถึงห้องที่เจอครูซร้องตกใจเพราะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า  เขากระโจนมาปิดประตูใส่หน้าเธอและแฝดพี่ของเขา

"อายอะไรกัน"  พีบีพึมพำ  เดินไปอีกห้อง  แคลร์เดินลากกระเป๋าตามทั้งที่อยากจะบอกให้แฟนสาวเลือกห้องใดห้องหนึ่งสักที  เธออยากนอนเต็มทีแล้ว  เก้าชั่วโมงกว่าบนเครื่องบินกับอีกชั่วโมงเศษจากสนามบินมายังคฤหาสน์หลังนี้  เธอรู้สึกถึงอาการเจ็ทแล็กและพยายามกลั้นหาวเต็มที่

"แคลร์  เอาห้องนี้ไหม" 

แคลร์กลืนหาวลงคออย่างยากลำบาก  ลากกระเป๋าตามมือพีบีที่กวักเรียกอยู่ตรงสุดท้ายเดิน  เธอแทบจะลืมง่วงไปเลยเมื่อเห็นภายในห้อง  แต่ก่อนที่แคลร์จะได้พูดหรืออุทานอะไร  ก็มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น

"ห้องเก่าของคุณหนูยุนอาขอรับ"  พ่อบ้านชรา  นามว่าเฮนรี่  เอ่ยเสียงแหบ  แคลร์เพิ่งจำได้ว่าเขาชื่ออะไรตอนนี้เอง  ทั้งที่เขาก็แนะนำตัวเองตอนไปรับพวกเธอที่สนามบินฮีทโธรว์พร้อมแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า...

"ยินดีต้อนรับสู่ลอนดอน  คุณนายสมิธและลูกๆ"

ตอนนั้นครูซสะกิดเธอและหัวเราะพรืดด้วยกันจนโดนแม่คำรามดุ  แต่พวกเราก็ยังร้องอู้หูกันอีกตอนออกมาเจอรถลีมูซีนคันยาวสีดำเงาวับ  ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นผู้ดีอังกฤษโดยแท้  แคลร์สังเกตว่าพีบีไม่สะดุ้งสะเทือนหรือแทบจะไม่แสดงความรู้สึกใดเลยกับเรื่องพวกนี้ 

แฟนเธอเป็นอังกฤษแต่กำเนิดเหมือนแด๊ดยุนนี่นะ

ขณะที่แคลร์ยังงงกับความรวดเร็วของพ่อบ้านชราที่เธอคิดว่าน่าจะยังไม่เสร็จธุระกับการแนะนำห้องมาสเตอร์ของคฤหาสน์ให้กับแม่  เสียงพีบีก็ดังขึ้น  ดึงความสนใจเธอไป

"หนูขอห้องนี้ได้ไหมคะ"  พีบีเอ่ย  พ่อบ้านเฮนรี่แค่ยิ้มและช่วยดึงกระเป๋าเดินทางของเด็กสาวเข้าห้องไป  แคลร์เดินเซ่อๆ ตามมาด้วย

"ขอความกรุณารักษาห้องนี้ให้เป็นเช่นเดิมด้วยนะขอรับ" 

"เราจะไม่ทำลายสิ่งของสวยๆ แบบนี้หรอกค่ะ"  พีบีรับปาก  ยิ้มให้พ่อบ้านชราซึ่งยิ้มเหมือนหุ่นยนต์กลับมาและจากเราไป  แคลร์มองตามเขา  ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เธอไม่เห็นเฒ่าเฮนรี่แล้วเมื่อชะโงกออกจากประตูมามองหา  ขนาดเดินออกจากห้องมาดูก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

"เขาอาจจะเป็นวิญญาณ"

เสียงพีบีดังขึ้นข้างๆ  แคลร์หันไปมอง  ใบหน้าสวยนิ่งดุจรูปปั้นของคู่หมั้นดูจะเข้ากันได้ดีกับคฤหาสน์หลังนี้

"ล้อเล่นน่า  เขาอาจจะแค่หายไปในห้องสักห้องแถวนี้แหละ"  พีบีเปลี่ยนคำพูดเมื่อรู้ว่าทำให้แคลร์กลัว  "ไปจัดของกัน  หรือจะนอนก่อนดี"

แคลร์ยังไม่ทันได้ตอบ  พีบีก็ดึงเธอเข้าห้อง  ปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว  แผ่นหลังแคลร์กระแทกประตูเมื่อถูกจู่โจมจากริมฝีปากนุ่มตรงปากตัวเอง  เธอจูบกลับ  สองมือจับสะโพกพีบีไว้ขณะอีกฝ่ายจัดการกับกางเกงของเธอ  แล้วมือมหัศจรรย์ก็ทำให้เธอคราง  อ้าปากรับเรียวลิ้นที่สอดเข้ามา  เธอดูดมันขณะพีบีกระตุ้นเธอจนสติแตกกระเจิง  เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองง่วงและมีอาการเจ็ทแล็ก

ถึงอย่างนั้นเตียงก็ยังไม่ใช่เป้าหมาย  แคลร์รู้สึกว่าที่นี่มีบางอย่างที่ควรให้ความเคารพ  ควรจะบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าของก่อน  โดยเฉพาะเตียงหลังนี้  หากนอนเฉยๆ เธอคงไม่คิดมาก 

แคลร์ปลดกระดุมกางเกงและดึงมันลงจากตัวพีบี  ช้อนใต้ขาทั้งสองข้าง  ยกตัวแฟนสาวขึ้น  พีบีเกี่ยวเอวเธอไว้ขณะยอมรับเจ้าจูเนียร์เข้าไปในตัว  น้ำหนักตัวพีบีเบาหวิวไปเลยทั้งที่ตัวเราสูงพอๆ กัน 

"นั่งเก้าอี้นั่นก็ได้  แคลร์"  พีบีเอ่ยปนหอบ  เกรงว่าแคลร์จะหลังหักเสียก่อนที่เราจะได้มีความสุขด้วยกัน  แล้วเก้าอี้บุนวมที่เจ้าของมันคงใช้นั่งอ่านหนังสือก็เป็นแดนสวรรค์ชั่วคราวของพวกเธอ

แต่ไม่ถึงห้านาทีดีเลย  แคลร์ก็กระตุกและพ่นมันออกมา  เจ้าตัวยิ้มล้าๆ หน้าแดงก่ำเหมือนเด็กมีความผิด  ใช่สิ  เธอยังไม่ถึงเลยนะ

"ช่างเถอะ  พอแล้ว"  พีบียกสะโพกขึ้น  แต่แคลร์ก็ใช้นิ้วกับตรงนั้นของเธอแทน  พีบีแอ่นช่วงล่างรับ  จิกไหล่กับบ่าแคลร์ที่พยายามเล้าโลมเธอ  อยากให้เธอได้ผ่อนคลายบ้าง  มันได้ผล  ต่อมาเธอก็พบตัวเองควบคู่หมั้นประหนึ่งเป็นม้าตัวโปรด  เขี้ยวเธอฝังลงกับต้นคอม้า  เธอดูดเลือดแคลร์ขณะออกัสซึ่มอย่างหนัก  เนื้อตัวสั่นระริกระหว่างที่แคลร์เร่งตัวเองให้ถึงอีกครั้ง  แคลร์ถอนตัวเองออกไปก่อนที่เจ้าจูเนียร์จะพ่นน้ำ  แล้วมันก็เลอะเก้าอี้กับตัวเราทั้งคู่ 

"ไม่เป็นไร  ฉันมีทิชชู"  เธอพูด  จูบปากคู่หมั้นขี้อาย  แต่เวลาได้เข้ามาในตัวเธอแล้วเหมือนความอายจะหายไปหมด

"ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ"

"เดี๋ยวสิ  พีปส์"  แคลร์รั้งเอวพีบีเอาไว้  พีบีเลิกคิ้ว  วางสองแขนไว้บนบ่าเธอ  "ทำไมเธอให้ฉันทำล่ะ  ฉันไม่ได้ใส่ --"

"เพราะฉันอยากจะรู้สึกถึงมัน  และฉันมั่นใจว่าฉันคุมดีแล้ว  ยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้เราต้องเป็นพ่อแม่ใครตอนนี้หรอก  ฉันแค่อยากอยู่กับเธอ  สองคน  ยังไม่อยากเช็ดอึเด็ก"

"แต่เธอรักเด็กไม่ใช่เหรอ  อย่างแม็กซ์  เจ้าหมอนั่นรักเธอมากเลย  เห็นเขาร้องไห้ไหม"

"ฉันเลี้ยงน้องได้  แต่ยังไม่ใช่ลูก  ตกลงไหม  หรือเธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว  เธออายุสิบห้านะ  หาเงินเองได้หรือยัง"

"โธ่  ล้อเล่นหรอก"

พีบีย่นจมูกให้เจ้าตัวยุ่งที่ทำเสียงอ้อนเธอ  แต่ก้มตัวลงกอดและกดจมูกลงบนศีรษะสีบลอนด์อ่อน  "แม่จะยอมมาเจอฉันหรือเปล่านะ"

แคลร์เงยหน้าขึ้นมองแฟน  ที่แท้พีบีก็ไม่สบายใจ  เวลาเป็นแบบนี้ครั้งใดก็ชอบชวนเธอมีอะไรด้วย  เหมือนอยากจะให้ช่วยปลอบใจแต่ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ

"ต้องมาสิ  ต้องมาอยู่แล้ว  ยังไงเธอก็เป็นลูกท่านนะ"

"ก็พวกเขาตัดฉันออกจากฝูงแล้ว"

"ออกจากฝูง  แต่การเป็นแม่เป็นลูกไม่ได้ตัดขาดกันง่ายๆ แบบนั้น  ขนาดพ่อเธอ  เขายังพยายามมาหาเธอทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ยอมเจอเขา  ไม่อยากพูดกับเขา  เขาลงทุนทำสารพัดเพื่อจะได้อยู่ใกล้เธอ..."

"เขาโกหกฉัน  เขาเคยทิ้งฉัน  แคลร์"  พีบีขึ้นเสียง  หรี่ตามองคู่หมั้นอย่างไม่ไว้ใจ  "เดี๋ยวนี้เธอชักจะเข้าข้างเขามากขึ้นทุกทีแล้วนะ  เขาพูดอะไรกับเธอ  เสนออะไรมาให้ล่ะ"

"เปล่า  ไม่มีหรอก  ฉันแค่พูดตามความจริง" แคลร์ส่ายหน้า  จับมือพีบีขึ้นมาแตะริมฝีปาก  มองตาสีฟ้าที่ยังเคืองเธออยู่  ผู้หญิงเนี่ยนะ  อารมณ์แปรปรวนเหมือนกันแทบทุกคน  เพิ่งชวนให้เล่นด้วยหยกๆ นี่จะงอนอีกแล้ว

"ฉันจะไปห้องน้ำ  ปล่อย"  พีบีดันแคลร์ออก  ก้มหยิบกางเกงนอกกับกางเกงในขึ้นมาจากพื้น  รื้อทิชชูในกระเป๋ามาปาใส่แคลร์ให้เช็ดเก้าอี้เอง 

แคลร์หัวเราะเบาๆ  เห็นว่าอาการนั้นน่ารักมากกว่าจะรำคาญ  เธอจัดการตัวเองและเช็ดเบาะเก้าอี้บุนวมที่เปื้อนคราบสีขาวขุ่น  เห็นแบบนี้แล้วกลับรู้สึกขยะแขยงยังไงไม่รู้  ไม่เหมือนตอนเลียมันออกจากตรงนั้นให้พีบี  เวลานั้นเธอกลับไม่รู้สึกเลยว่ามันน่าแหวะ  คงเพราะมันมีกลิ่นพีบีปนมาด้วย

ทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจห้อง  หูเงี่ยฟังเสียงแฟนสาวในห้องน้ำไปพลาง  แคลร์เดินมายังกระจกหน้าต่างซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ ที่พีบีไม่เลือก  หน้าต่างบานนี้ติดอยู่ด้านบน  ที่จริงมันน่าจะเรียกว่าหลังคากระจก  ไม่ใช่หน้าต่าง  ห้องนี้เป็นห้องสุดท้ายของปีกนี้  มันเหมือนจะเป็นห้องใต้หลังคา  แต่ใหญ่กว่านั้น  เป็นห้องที่แปลกมาก  ถ้าเดินออกไปมองจากข้างนอกคงจะเข้าใจแผนผังของคฤหาสน์หลังนี้มากขึ้น

แคลร์กระโดดขึ้นใช้มือดันหลังคากระจกให้เปิดออก  คว้าเกาะขอบไว้ก่อนจะร่วงลงมา  เธอยกตัวขึ้นและโผล่ศีรษะออกมาข้างนอก  มองดูวิวด้านนอก  จากตรงนี้เธอมองเห็นเคนซิงตันพาเลซด้วย  และสวนสาธารณะที่ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร  ลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ผลิปะทะใบหน้า  แคลร์สูดอากาศเย็นๆ เข้าปอด  เกือบจะสบายใจได้แล้ว  หากไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์

เธอหย่อนตัวลงมา  ยังไม่ได้ปิดหลังคา  ควานหาโทรศัพท์มือถือที่ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน  ยังไม่ทันจะหาเจอ  เสียงแฟนเธอก็ดังขึ้นก่อน

โทรศัพท์เก่าโบราณมาก  ไม่น่าเชื่อว่ายังใช้ได้

"เราอยู่ในห้องคุณค่ะ  ไม่ค่ะ  ยังไม่ได้แตะอะไรเลย  นอกจากประตูกับเก้าอี้  ห้องน้ำ  อ้อ  แต่ดูเหมือนแคลร์จะเปิดหลังคากระจกแล้วค่ะ"  พีบีเล่าตามตรง  สบตาแคลร์และพูดต่อ  "คุณยุนคะ  เราขอใช้เตียงได้ไหมคะ  ค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ  งั้นคุยกับแคลร์นะคะ  เขาอยู่ตรงนี้แล้ว"

แคลร์เดินมารับหูฟังโทรศัพท์โบราณสไตล์วินเทจที่สามารถรับสายจากต่างประเทศได้อย่างน่ากังขา  เธออ้าปากจะพูด  แต่พีบีจูบปากเธอก่อนและจากไปพร้อมกับตีก้นแรงจนสะดุ้ง

"ฟังอยู่ค่ะ  แด๊ด"  เธอตอบยุนอา  หลังจากทางนั้นถามว่าได้ยินไหม 

"ห้องโอเคหรือเปล่า"

"สวยมากค่ะ"  แคลร์ตอบ  ไม่แน่ใจว่าพูดถึงห้องหรือคู่หมั้นตัวเองที่กำลังเปลื้องผ้าอยู่ตรงหน้า  ขนาดหันหลังให้  พีบียังสวยมากๆ  แล้วทำไมถึงมายั่วกันแบบนี้อีกแล้วล่ะ  ยั่วที่ไหน  แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้นเอง

แคลร์กัดปากอย่างเสียดายเมื่อพีบีหยิบสเวตเตอร์สีเทอร์คอยซ์มาสวมทับเรือนร่างในบราเซียร์สีขาว  กางเกงขายาวสีดำก็ถูกดึงขึ้นบนสะโพกตามไปด้วย  หมดกัน  ไม่ได้เห็นขาสวยๆ แล้ว

"พูดถึงอะไรอยู่คะ"

"พีปส์... เอ้ย  ไม่ใช่ค่ะ  ห้องค่ะห้อง"  เธอละล่ำละลักตอบ  พีบีหันมายิ้มขันๆ  ทำเอาหน้าร้อนผ่าว  ต้องหาวิธีเปลี่ยนเรื่อง  "ที่นู่นเป็นไงบ้างคะ"

"แด๊ดกับป๊าไปอยู่เคบินแทนพวกเรา  แม็กซ์ไม่อยากกลับบ้าน  คริสก็อยากอยู่ดูไอรีนด้วย  ไม่ต้องห่วงนะ  เราจะไม่ทำบ้านพังหรอกค่ะ"

"พังก็ซ่อมใหม่ให้ด้วยแล้วกันค่ะ"  แคลร์พูดยิ้มๆ  โล่งใจที่น้องๆ มีคนดูแลใกล้ชิด  เธอคิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงพ่อคงไม่ยอมให้ไอรีนอยู่ลำพัง  พ่อหวงไอรีนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด  เธอก็หวงน้องเหมือนกัน  ห่วงมากด้วย

"น้องไอจะไม่เป็นไรนะคะ"

"แคลร์  ปล่อยน้องบ้างเถอะ  ลูกนี่เหมือนป๊ามากไปแล้วนะ"

"ก็ได้ค่ะ"

"แล้วแม่เราล่ะ  เป็นไง  บ่นอะไรไหม"

"ตอนนี้ยังค่ะ  ยังดูนิ่งๆ อยู่  อยากคุยด้วยไหมคะ  เดี๋ยวไปตามให้"

"ไม่เป็นไรค่ะ  เอาไว้แด๊ดคุยกับเขาเอง"  ยุนอาตอบ  พูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยก็วางสายไป  แคลร์วางหูฟังลงแคร่อย่างระวัง  เกรงว่าจะทำให้ของเก่าแก่แตกพัง

แต่ตอนนี้พีบีไปไหนไม่รู้...

"อยู่บนนี้  มองขึ้นมาสิ"

แคลร์เจอพีบีโผล่หน้าอยู่ตรงช่องหลังคาที่เธอเปิดมันเอาไว้  ขึ้นไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย  ซนไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

"มานั่งบนนี้ด้วยกัน  แคลร์  ฉันเห็นบิ๊กเบนด้วย"

"เธอลอดช่องนั่นไปได้ยังไง  มันเล็กนิดเดียว  พีปส์"

"ก็ทำตัวเธอให้เล็กๆ สิ  ฉันก็ทำแบบนี้แหละ  ตอนอยู่หอ  ไม่มีใครจับได้สักคน"  พีบีบอกอย่างภาคภูมิใจ  "แต่ไม่ต้องสอนไอรีนล่ะ  รู้ไหม"

"ห้องเธอก็มีหน้าต่างคล้ายๆ กันอย่างนี้เหรอ"

"ใช่แล้ว"

แคลร์ส่ายหน้า  ไม่อยากจินตนาการเลยว่าไอรีนจะทำตามพีบีไหม

"จะขึ้นมาไหม  ไม่ขึ้นก็อย่าขึ้น  ฉันนั่งคนเดียวก็ได้  ไม่เห็นจะง้อ"

"ง้อหน่อยเหอะ"

พีบีสั่นหัว  แล้วหายไปจากช่องหลังคาเล็กๆ นั้น  ซึ่งแคลร์ไม่มีทางทำตัวให้เล็กและลอดมันออกไปได้แม้จะชิฟเป็นหมาป่า  เธอตัวใหญ่กว่าพีบีเวลากลายร่าง  เธอคงทำช่องเล็กๆ นั่นแตกเละอย่างแน่นอน 

โชคดีที่มันยังมีหน้าต่างอีกบาน  แคลร์ออกไปทางนั้น  เกาะขอบไว้และกระโดดขึ้นไป  เจอพีบีกำลังเดินเล่นกางแขนบนหลังคาอยู่พอดี 

อารมณ์ดีอีกแล้วเหรอ  ตามไม่ทันแล้วนะ

"ฉันชอบที่นี่  หมายถึงหลังคา"  พีบีบอกและขยายความก่อนแคลร์จะเข้าใจผิดว่าเธอโลภมากอยากได้บ้านหลังใหญ่

"เธอจะได้ทุกอย่าง  ไม่ใช่แค่หลังคา  เพราะที่นี่เป็นของฉัน"  แคลร์พูด  ยุนอาบอกเธอเรื่องนี้นานแล้ว  พีบีทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ  "ต้องรอให้ฉันครบยี่สิบก่อน  รออีกห้าปีได้ไหม"

"ฉันอยากได้แค่หลังคา  แคลร์"  พีบีพูดกึ่งหัวเราะ  มองแคลร์ที่ทำแก้มป่อง  แล้วเดินย่องแย่งมาบนแผ่นกระเบื้องอย่างระวัง  พอใกล้จะถึงแล้ว  เธอก็แกล้งสะดุดให้แคลร์พุ่งเข้ามารับ  เรามองหน้ากัน  แล้วแคลร์ก็รู้ว่าเธอแกล้งจนได้  หน้าแดงจัดไปเลย

"ไปหาแม่กับฉันนะ  ฉันอยากให้ท่านรู้จักเธอ  ให้ท่านได้เห็นเธอ  คนที่ฉันไว้ใจที่สุด" 

แคลร์พยักหน้า  ลูบหลังพีบีที่ซบหน้ากับบ่าเธอ  หยิบใบไม้แห้งที่ปลิวมาติดบนเส้นผมสีบลอนด์ออกให้  จากนั้นก็มองพีบีเล่นกลให้ดู 

ใบไม้แห้งหลายใบบนหลังคาลอยตัวขึ้นมา  หมุนเป็นวงราวกับพายุหมุนเล็กๆ กำลังก่อตัว  มันสวยและน่าหลงใหลเหมือนคนที่สร้างมันขึ้น

แต่ทว่า...

"แคลร์  ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น  ลงมากันเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

เสียงแม่เป็นเสียงประกาศิตที่เราไม่ควรคิดจะโต้แย้ง  ถึงอย่างนั้น  แคลร์กับพีบีก็ยังหัวเราะ  และวิ่งเล่นไล่จับกันตั้งสามรอบก่อนพีบีจะปีนขึ้นหลังแคลร์แล้วสั่งให้คู่หมั้นพาลงไป                 



............................


อ่านเล่นๆ ระหว่างรอหนังสือเสร็จค่ะ   :21: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

28 เมษายน 2019 เวลา 09:14:15
เสียงแม่เป็นเสียงที่ไม่ควรโต้แย้ง รวมถึงเสียงแม่คุณทูลหัวด้วย เงียบไว้ๆ
แสดงความคิดเห็น