web stats

ข่าว

 


ห้วใจพ่ายรัก บทที่ 1 พี่สะใภ้

โพสต์โดย: Miray วันที่: 01 สิงหาคม 2018 เวลา 20:11:32 อ่าน: 135

เธาซันด์โอ๊กส์ แคลิฟอร์เนีย?

ภาพหญิงสาวใบหน้าเรียวมนกรอบสันเป็นโครงสมส่วนได้รูป ในชุดเดรสยาวสีขาวบริสุทธิ์แนบเนื้อเรือนกาย หากมองในภาพแต่เพียงผิวเผินหล่อนก็คงจัดอยู่ในกลุ่มของหญิงสาวที่ค่อนไปทางมีน้ำมีนวลมากกว่าบอบบาง  ขัดกับโครงหน้าสวยหวานที่ออกแนวรั้นเอาแต่ใจอยู่นิดๆ นั่น ที่แม้มองแค่ผ่านๆ หรือมองจ้องอย่างละเอียด ก็เห็นเข้าโครงของผู้หญิงบอบบางอย่างชัดเจน  แน่ล่ะก็หล่อนกำลังตั้งท้องใกล้คลอดในตอนนั้น แม้ใบหน้าจะยังคงเค้าโครงของผู้หญิงผอมบาง แต่รูปร่างก็แปรสภาพไปตามอายุครรภ์ ซึ่งถ้าจะว่ากันไปตามเหตุและผล อายุครรภ์ของหล่อนขนาดนี้แต่รูปร่างยังคงอยู่เท่านี้ เธอว่ามันก็ถือว่าเปลี่ยนน้อยมากในสายตาของคนที่ไม่รู้จัก ก่อนจะตั้งครรภ์หล่อนคงเป็นผู้หญิงบอบบางร่างเล็กน่าทะนุถนอมในสายตาของใครๆ ไม่เว้นแม้แต่กับพี่ชายของเธอ ถ้าตอนนี้อีกคนยังอยู่ครอบครัวเธอคงได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าบ้านเพิ่มอีกสองคน และบ้านก็คงเป็นบ้านที่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ
ดวงตาคู่สวยหม่นลงด้วยความหมองเศร้าเมื่อคิดคำนึงถึงใบหน้าของพี่ชายอันเป็นที่รัก ชายหนุ่มผู้แสนดีและรักเธอปานแก้วตาดวงใจ
"ไม่ต้องห่วงนะคะพี่ใหญ่เล็กจะทำในสิ่งที่พี่ใหญ่ปรารถนาให้สำเร็จให้ได้ เล็กจะพาลูกของพี่ใหญ่พาหลานของเล็กกลับไปอยู่ที่เมืองไทยด้วยกัน อย่างที่พี่ใหญ่วาดฝันเอาไว้ให้ได้ค่ะ เล็กสัญญา"
"ยัยเล็ก?" เสียงร้องเรียกตะโกนดังมาจากฝั่งด้านหน้าทางออกของอาคารผู้โดยสาร ท่ามกลางเสียงจอแจวุ่นวายของผู้คนที่มาใช้บริการที่สนามบินแห่งนี้
ร่างคุ้นตาของใครบางคนปรากฏออกมาให้เห็นอยู่เด่นชัด พร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงที่ยกชูขึ้นมาส่งสัญญาณบอกพิกัดให้ทราบอยู่ในที
"สวัสดีค่ะคุณลุง" ฝ่ามือเรียวยาวประนมไหว้พี่ชายของแม่ด้วยความอ่อนน้อมเคารพ ให้อีกคนรีบรับไหว้หลานสาวสุดที่รักด้วยความเอ็นดู ก่อนจะสวมกอดเจ้าตัวเอาไว้หลวมๆ ด้วยความคิดถึง
"เป็นยังไงบ้างเรานั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมงเหนื่อยรึเปล่า"
"ก็นิดหน่อยค่ะแต่เล็กยังไหว มีเรื่องสำคัญมากกว่าสุขภาพรอให้เล็กไปจัดการอยู่ตอนนี้ เหนื่อยแค่ไหนเล็กก็ทนไหวค่ะ" กำธรได้แต่มองจ้องดวงหน้าขาวซูบอย่างคนตรอมใจของหลานสาวด้วยความสงสารระคนเห็นใจ การสูญเสียหลานชายคนโตของครอบครัวในครั้งนี้คงสร้างความเจ็บปวดและรอยแผลเอาไว้ในใจของมณีศวรทุกคนเป็นอย่างมาก และคนที่จะเจ็บปวดและทุกข์ที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคนเป็นแม่และน้องสาว มันไม่ควรเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าแบบนี้ขึ้นกับครอบครัวของพวกเค้าเลยจริงๆ ไม่ควรเลยซักนิด
"กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนนะเรื่องธุระค่อยว่ากันทีหลัง ป่านนี้ป้าเราคงเตรียมกับข้าวไว้รอเต็มโต๊ะแล้วมั้ง  ป้าเราเค้าตื่นเต้นดีใจกว่าตอนที่ลุงกลับมาเสียอีก "
"ขอบคุณนะคะคุณลุงที่คอยเป็นธุระจัดการเรื่องทุกอย่างที่นี่ให้เล็ก แถมยังมารับเล็กด้วยตัวเองแบบนี้อีก เล็กรู้สึกเกรงใจจริงๆ ค่ะ"
"เกรงใจทำไมกันเราเองก็เป็นหลานที่ลุงรักและเอ็นดูเหมือนลูกคนนึง เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไรใหญ่โตเลยซักนิด อย่าคิดมากทำตัวตามสบายเหมือนตอนที่เราอยู่เมืองไทยนั่นแหละ คิดซะว่านี่เป็นบ้านอีกหลังของเราแล้วกันนะ"
"ขอบคุณนะคะคุณลุง" ฝ่ามือหนาใหญ่แตะลงที่ต้นแขนของหลานสาวอยู่เบาๆ เป็นการบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหยุดบทสนทนาเอาไว้แค่นั้นแล้วพากันเดินก้าวออกมาจากอาคารผู้โดยสารอย่างเงียบๆ พลางครุ่นคิดไปถึงธุระที่คุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน นับรวมตอนนี้ก็เข้าสามเดือนเศษ เวลามันช่างหมุนเร็วมากจริงๆ สามเดือนที่ผ่านไปมันไม่ใช่เวลาน้อยๆ เลยซักนิด แต่ทำไมเธอยังไม่หายเศร้าหายคิดถึงพี่ชายได้บ้างซักนิด ทุกอย่างมันยังเหมือนเพิ่มผ่านมาเมื่อวาน  ทั้งความรู้สึกทั้งภาพมันยังคงชัดเจนอยู่ในหัวใจและสายตาของเธอจนกระทั้งตอนนี้
"ไหมภามมีเรื่องจะคุยด้วย?" ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสุภาพดูภูมิฐาน เอ่ยเอื้อนบอกกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาจริงจังตั้งใจ แต่ทว่าคนฟังกลับไปพร้อมที่จะตอบสนองกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดแม้แต่นิด เพราะเธอกำลังติดภารกิจสำคัญกับเจ้าตัวเล็กอยู่ตอนนี้
"ชูว ส์ ! เบาๆ ค่ะเจ้าขากำลังหลับอยู่ตอนนี้" ปลายนิ้วชี้เรียวยกขึ้นมาแตะกับริมฝีปากอยู่เบาๆ เป็นการเตือนบอกให้อีกคนหยุดพูดและเงียบไปชั่วขณะ เมื่อบรรยากาศภายในห้องตอนนี้ไม่เอื้อสำหรับการคุยกันอยู่ในที
"แต่ภามมีเรื่องจะคุยกับไหมเรื่องของเรา" ชายหนุ่มพูดเสียงจริงจังพลางมองดูเด็กหญิงตัวเล็กในเปลด้วยท่าทีสีหน้ากึ่งจะหงุดหงิดรำคาญไม่ชอบใจอยู่กรายๆ นี่ขนาดอยู่กันตามลำพังสองต่อสองแพรไหมยังไม่เปิดโอกาสให้เค้าได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูดเลยซักครั้ง นี่อีกคนตั้งใจจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบน้ำใจเค้าไปอีกนานแค่ไหนกัน รู้จักกันมาเกือบสองปีแต่ความสัมพันธ์กลับไม่ขยับเลื่อนขั้นจากคำว่าเพื่อน นี่เค้าต้องรอหล่อนไปอีกนานแค่ไหน
 "ภามก็เห็นว่าไหมกำลังดูเจ้าขาอยู่ ไม่ว่าง"
"เจ้าขาหลับแล้วไหมไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลาก็ได้ ภามแค่อยากคุยเรื่องเราให้มันชัดเจนก็เท่านั้น"
"ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือภาม แล้วเรายังต้องคุยเรื่องอะไรกันอีกหรือ ไหมไม่เห็นว่ามันจะคลุมเครืออะไรตรงไหนเลยตอนนี้"
"ไม่คลุมเครือหรือไหมเรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ สนิทกันแค่ไหนใครๆ ก็รู้ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวไหมอยู่รอบๆ ตัวภาม พวกเค้าต่างคิดว่าเราเป็นแฟนกันทั้งนั้น แต่ไหมกลับบอกกับภามว่าเป็นแค่เพื่อน แบบนี้มันไม่คลุมเครืองั้นหรือ ไม่คิดว่ามันขัดแย้งกับการกระทำของเราเลยหรือไหม"
"ภามเป็นเพื่อนที่ดีของไหมมาโดยตลอด ไหมไม่อยากทำให้อะไรหรือใครมาทำให้เรารู้สึกแย่ต่อกันแบบนี้ ไหมรู้สึกดีกับภามมากกว่าใครแต่มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบคนรัก ไหมขอโทษที่ไหมตอบรับความรู้สึกนั้นของภามไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปดีกว่านะภาม อย่าพยายามเปลี่ยนสถานะของเราเลยนะ ไหมไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ อย่างภาม"
"ภามถามตรงๆ ไหมมีใครอยู่ในใจแล้วใช่ไหม ถึงตอบรับความรู้สึกของภามไม่ได้"
"ไหมยังไม่ได้ชอบหรือว่ารักใครในตอนนี้ แต่ไหมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับภาม ที่ผ่านมาไหมคิดกับภามแค่เพื่อนเท่านั้น และตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้นอยู่"
"มันแค่ความรู้สึกแน่หรือไหม"
"อืม แค่นั้นจริงๆ ขอร้องนะภามอย่าทำให้ไหมต้องรู้สึกอึดอัดใจไปมากกว่านี้เลย  ตอนนี้ไหมยังไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้วก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้จริงๆ ภามก็เห็นว่าไหมมีเจ้าขาที่ต้องดูแล ไหมไม่ใช่ผู้หญิงตัวเปล่าแล้วนะภาม จะคิดจะทำอะไรต่อจากนี้ไหมต้องคิดมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า"
"แต่ภามรักไหมแล้วกับเจ้าขาถ้าไหมตกลงที่จะคบกับภาม เราช่วยกันดูแลเค้าก็ได้ ภามยินดีและเต็มใจที่จะทำหน้าที่พ่อให้กับเจ้าขา ขอแค่ไหมตอบตกลงมาคำเดียวภามยอมทุกอย่าง"
"มันไม่ได้หรอกนะภาม  เจ้าขาไม่ใช่ลูกของภามถึงภามจะรับเป็นพ่อให้เจ้าขา ซักวันเจ้าขาก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดีว่าภามไม่ใช่พ่อ ไหมไม่อยากให้เจ้าขารู้สึกแย่เมื่อถึงตอนนั้น"
"ไหมกลัวแต่เจ้าขาจะรู้สึกแย่แล้วกับภามล่ะไหมเคยแคร์ซักครั้งรึเปล่า เจ้าขาอาจจะรู้สึกแย่ที่รู้ว่าภามไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่อย่างน้อยเค้าก็ยังมีพ่อเหมือนครอบครัวอื่นๆ แบบนี้มันไม่ดีกว่าหรือไหม"
"ภาม ไหมขอร้องล่ะนะอย่ากดดันไหมไปมากกว่านี้เลย ไหมไม่อยากทำให้เราต้องรู้สึกมีอคติต่อกันหลังจากนี้ ภามเข้าใจไหมใช่ไหม"
"แล้วไหมเคยเข้าใจภามบ้างไหม ไหมไม่เคยแคร์ไม่เคยสงสารหรือเห็นใจภามเลยซักครั้ง มีแต่ภามที่แคร์ไหมอยู่ฝ่ายเดียว"
"ไหมเข้าใจและไหมก็แคร์ภามมาตลอด แต่ความรู้สึกเหล่านั้นการกระทำเหล่านั้นที่ไหมแสดงออก ไหมแสดงออกในฐานะเพื่อน นี่คือสิ่งที่ไหมพูดกับภามมาโดยตลอด"
"ใช่สินะก็ไหมคิดกับภามแค่เพื่อนเท่านั้น  มีแต่ภามที่รักไหมอยู่ฝ่ายเดียว นี่ใช่ไหมสิ่งที่ไหมอยากให้ภามเข้าใจ แค่เพื่อนเท่านั้น" นัยน์ตาคมฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออีกฝ่ายยืนยันสถานะที่ชัดเจนด้วยคำว่าเพื่อน แค่เพื่อนงั้นหรือที่หล่อนให้กับเค้ามาโดยตลอด น่าขันสิ้นดีนี่มันมดแดงแฝงพวงมะม่วงชัดๆ ได้ใกล้ชิดแต่ไม่มีปัญญาจะได้กิน บัดซบสิ้นดี
"ขอโทษนะภามแต่ไหมให้ได้แค่เท่านี้จริงๆ ความรู้สึกของไหมไหมโกหกตัวเองไม่ได้แล้วก็จะไม่ทำด้วย"
"ภามไม่เคยบอกให้ไหมโกหกความรู้สึกตัวเอง แต่ภามแค่ขอโอกาสเท่านั้น วันนี้ไหมอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับภาม แต่ซักวันภามจะทำให้ไหมรู้สึกพิเศษกับภามให้ได้" หญิงสาวได้แต่มองจ้องดวงตาเป็นประกายจริงจังของอีกคนด้วยความรู้สึกคิดหนัก เธอควรต้องทำแบบไหนยังไงกับภาสกรเค้าถึงจะยอมรับในสิ่งที่เธอพูดบอก เธอไม่อยากให้เค้ามาเสียเวลากับผู้หญิงที่มีลูกติดแถมยังไม่เคยรู้สึกอะไรกับเค้าอย่างเธอ เพราะมันรังแต่จะเสียเวลาเปล่าเท่านั้น คนที่จะทำให้หัวใจของเธอสัมผัสได้ถึงความรักเค้าอาจจะไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้  เพราะเธอยังไม่เคยเฉียดใกล้กับความรู้สึกเหล่านั้นเลยซักครั้งตั้งแต่จำความได้
 "ที่นี่หรือคะที่ผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่?" คนที่เพิ่งก้าวย่างเข้ามายังศูนย์กลางของแหล่งบันเทิงในลอสแอนเจลิสเป็นครั้งแรกเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม นี่พี่ชายเธอชอบอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"นักสืบที่ลุงจ้างให้ข้อมูลว่าเธอเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ช่วงนึง  ก่อนจะลาออกไปทำงานที่โรงเรียนสอนดนตรี  ถ้าเราอยากเจอเธอวันนี้ก็ต้องเริ่มจากที่นี้ก่อนจะไปที่อื่น"
"เล็กก็หวังให้เป็นแบบนั้นค่ะ ขอให้เราได้พบเธอที่นี่คืนนี้ ทุกอย่างจะได้ดำเนินการซักที"
"ลุงเชื่อว่าเราจะต้องได้เจอเธอไม่ช้าก็เร็ว" นัยน์ตาหม่นเศร้าของคนฟังเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งอย่างมีความหวัง เธอจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายเป็นความจริงให้ได้
ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาภายในบาร์กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ก็ลอยคลุ้งเข้ามาเตะจมูกแบบเต็มสูบ ให้คนที่ไม่ได้ภิรมย์กับกลิ่นบุหรี่มาแต่ไหนแต่ไรเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาในใจอย่างกะทันหัน
"ต่างประเทศก็เป็นแบบนี้แหละฟรีสไตล์ตามใจตัวเอง ทนหน่อยนะเดี๋ยวเสร็จธุระแล้วเราค่อยออกไปสูดอากาศข้างนอกกัน"
"ค่ะคุณลุง"
"ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าคุณรู้จักผู้หญิงคนนี้รึเปล่า เธอเคยทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้" รูปถ่ายใบขนาดกลางของหญิงสาวถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าสะพายใบโปรด ก่อนจะยื่นไปวางตรงหน้าของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ให้อีกคนได้แต่เหลือบสายตามองดูอยู่ชั่วขณะ
"เธอลาออกไปได้เกือบปีแล้ว แต่ยังแวะมาที่นี่อยู่ คุณถามหาเธอทำไม"
"เธอเป็นภรรยาของพี่ชายฉันค่ะ ฉันมีธุระต้องคุยกับเธอเป็นเรื่องสำคัญมาก" ชายหนุ่มได้แต่เงียบไปด้วยความลังเลใจ เมื่อได้ยินคำว่าภรรยาจากปากของหญิงสาวตรงหน้า
"ผมไม่ทราบว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ขอโทษด้วยจริงๆ" 
"แล้วถ้าผมบอกว่าผมมีค่าตอบแทนให้คุณล่ะ มันพอจะทำให้คุณนึกอะไรเกี่ยวกับเธอออกบ้างไหมตอนนี้" แบงค์ดอลลาร์จำนวนหนึ่งถูกยื่นวางไว้ตรงหน้าบาร์เทนเนอร์หนุ่มพร้อมกับสายตาบอกเป็นนัยให้เข้าใจกันอยู่เงียบๆ
"เธอชื่อแพรวาเคยทำงานอยู่ที่นี่แต่อยู่แค่ไม่ถึงเดือนเธอก็ลาออก"
"เดี๋ยวนะคะเมื่อกี้คุณบอกว่าเธอชื่อแพรวา ไม่ใช่แพรไหมหรอกหรือคะ"
"ไม่รู้สิแต่เธอบอกกับทุกคนในร้านว่าชื่อแพรวา เราเลยเรียกเธอว่าวาวาแทนชื่อเต็มในภาษาไทยของเธอ" นี่คงจะเปลี่ยนชื่อเพื่อหลอกผู้ชายสินะ กับพี่ชายเธอบอกชื่อแพรไหมกับคนอื่นบอกชื่อแพรวา เหอะชื่อหล่อนกับผู้ชายคงไม่เคยซ้ำกันเลยสินะ
"แล้วคุณพอจะมีที่อยู่ของเธอไหมครับ"
"ผมไม่ทราบที่อยู่ของเธอแต่ถ้าพวกคุณอยากรู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน ก็ลองไปถามเธอดูเองแล้วกันเธออยู่ชั้นสองโต๊ะมุมสุดของร้าน แต่ระวังหน่อยนะผู้หญิงที่คุณกำลังอยากเจอเธอมากับสามีใหม่ ถ้าคุณเอาเรื่องสามีเก่าไปเล่าให้สามีใหม่เธอฟัง ผมก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของพวกคุณทั้งสองคนเหมือนกัน"
"ไม่ต้องห่วงเราไม่ใช่พวกหัวรุนแรง แค่จะมาคุยธุระกับเธอนิดหน่อยก็เท่านั้น ถ้ายังไงเราขอตัวก่อนจะได้รีบคุยรีบกลับ" กำธรรีบตัดบทกับชายหนุ่มไปอย่างไม่รีรอ เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของคนเป็นหลานที่ดูจะนิ่งเรียบเย็นยะเยือกขึ้นมาจนพาให้นึกกลัวอยู่ในใจ แน่ล่ะก็หลานสาวเธอทั้งรักทั้งเทิดทูนพี่ชายขนาดนั้น ย่อมต้องไม่พอใจเป็นธรรมดาเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้แต่งงานมีสามีใหม่รวดเร็วแบบนี้
"ขอให้พวกคุณโชคดีแล้วกัน" สิตางศุ์รีบเดินตรงขึ้นมายังสองของร้านด้วยสีหน้าท่าทีไม่สบอารมณ์ เมื่อได้ทราบถึงสถานะของพี่สะใภ้ในตอนนี้ เหอะ พี่ชายเธอตายยังไม่ทันเท่าไหร่ก็มีสามีใหม่งั้นหรือ อะไรมันจะอยากมากถึงเพียงนั้น
และภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าต่อสายตา ก็ทำเอาคนที่กำลังจะก้าวตรงไปยังโต๊ะมุมสุดของร้านตามที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มบอกไว้เมื่อครู่ จำต้องหยุดชะงักไปในทันที เมื่อบทรักอันแสนดูดดื่มของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้กำลังกอดจูบลูบไล้อยู่กับร่างกำยำของชายร่างใหญ่ ผู้ชายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีคนใหม่ที่มาเสียบแทนที่พี่ชายของเธอ
"ยัยเล็กลุงว่าวันนี้เธอคงไม่สะดวกจะคุยกับเราแล้วล่ะ เอาเป็นว่ารอไปคุยกับเธอที่โรงเรียนสอนดนตรีพรุ่งนี้ดีกว่าไหม  ท่าจะได้เรื่องอะไรมากกว่าคุยที่นี่ตอนนี้"
"ผู้หญิงไร้ยางอายสามีเพิ่งตายแท้ๆ แต่กลับมากอดจูบโอ้โลมกับผู้ชายคนใหม่ ช่างไร้หัวใจเสียจริงๆ พี่ใหญ่รักผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน"
"เรื่องหัวใจมันบังคับใครไม่ได้หรอกนะยัยเล็ก ผู้หญิงคนนี้อาจไม่ใช่อย่างที่เราเห็นก็ได้ ถ้าเธอไม่มีอะไรดีตาใหญ่คงไม่หลงรักจนหัวปักหัวปำแบบนี้ได้ ลุงว่าให้โอกาสเราได้รู้จักเธอก่อนดีไหมแล้วค่อยตัดสินถึงนิสัยใจคอกันอีกที ลุงไม่อยากให้เราตัดสินเค้าแค่เปลือกมันดูไม่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิงคนนั้น"
"ถ้านี่ยังแค่เปลือกแล้วเนื้อในละคะจะขนาดไหน เล็กไม่อยากจะคิดเลยค่ะคุณลุง"
"เอาน่ารอให้เราได้คุยกับเธอตัวต่อตัวก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่ว่าวันนี้ลุงว่าเรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า คงไม่ได้เรื่องอะไรหรอก อยู่ต่อก็คงนึกโมโหแทนตาใหญ่เปล่าๆ กลับไปนอนพักสงบจิตสงบใจให้เย็นลงกว่านี้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที"
"ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวตอบตกลงอย่างว่าง่ายไม่ขัดไม่แย้งใดๆ กับสิ่งที่ญาติผู้ใหญ่เสนอแนะ ถึงแม้ในใจเธอจะอยากเดินเข้าไปคุยกับหล่อนตอนนี้ก็ตามที แต่สถานการณ์ตรงหน้ามันคงไม่เหมาะจะให้เธอทำแบบนั้น วันนี้เธออาจจะยอมถอยกลับไปตั้งหลัก แต่พรุ่งนี้เธอไม่มีทางยอมถอยง่ายๆ แบบนี้เป็นแน่
ฉันลงทุนบินมาไกลถึงอีกซีกโลกเพื่อพบคุณพบหลานของฉัน  ไม่ว่าต้องรอต่อไปอีกเท่าไหร่ฉันก็ไม่หวั่น หากว่าผลของมันจะทำให้ฉันได้สายเลือดของมณีศวรกลับเมืองไทยไปด้วย  ส่วนพี่สะใภ้ถ้าหล่อนคิดจะเริ่มต้นครอบครัวใหม่กับผู้ชายคนใหม่  เธอก็คงไม่ขัดข้องอะไรเพราะนั่นมันเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของหล่อน ในเมื่อพี่ชายของเธอไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว  คำว่าผูกมัดผูกพันมันคงใช้กับหล่อนไม่ได้ แต่ถ้าจะมีอะไรมาผูกใจหล่อนไว้กับมณีศวรก็คงเป็นสายเลือดของหล่อนกับพี่ชายของเธอที่ร่วมกันทำให้เกิดขึ้นมาเท่านั้น
ไร่มณีศวร?
"สวัสดีค่ะคุณป้า" หญิงสาวในชุดเดรสสีหวานประนมมือไหว้เจ้าของบ้านด้วยท่าทีอ่อนน้อมเคารพ ให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นยิ้มระบายออกมาน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวสุดที่รัก
"ไหว้พระเถอะจ้ะ จะมาทำไมไม่โทรบอกป้าก่อนจ๊ะ ป้าจะได้ให้คนเตรียมของว่างไว้รอ"
"จันทร์แค่จะแวะเอาขนมมาฝากคุณป้าเท่านั้นค่ะ พอดีไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดมาเห็นขนมขึ้นชื่อน่าทานจันทร์ก็เลยอยากให้คุณป้ากับสิตางศุ์ได้ลองชิมดูค่ะ"
"อย่างนั้นหรือจ๊ะ ขอบใจนะลูกแต่คราวหน้าไม่ต้องลำบากก็ได้ ป้าเกรงใจไปทำงานก็เหนื่อยแล้วยังจะมาวุ่นวายกับเรื่องของฝากเพิ่มอีก หนูจันทร์คงเหนื่อยแย่"
"จันทร์ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ไปสัมมนาไม่ได้ทำอะไรแค่ไปนั่งฟังอาจารย์หมอนำเสนอผลงานทางวิชาการเท่านั้นค่ะ ว่าแต่สิตางศุ์อยู่บ้านรึเปล่าคะคุณป้าหรือว่าออกไปในไร่แล้ว"
"อ้าว ! นี่ยัยเล็กไม่ได้บอกหนูจันทร์หรอกหรือว่าไปจัดการเรื่องข้าวของแล้วก็เอกสารต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยให้ตาใหญ่ที่อเมริกา" คนฟังนิ่งชะงักไปอยู่ในทีก่อนจะแสร้งยิ้มระบายเล็กๆ ออกมาเหมือนว่าไม่เป็นไร
"เปล่าค่ะ สิตางศุ์ไม่ได้โทรบอกจันทร์"
"สงสัยยัยเล็กจะเห็นว่าหนูจันทร์ไปทำงานมั้งจ๊ะ เลยไม่ได้โทรบอกไว้คงไม่อยากรบกวนเวลางานน่ะ"
"คงอย่างนั้นมั้งคะ" จันทร์รัศมีได้แต่ตอบออกไปเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโต ต่างจากความรู้สึกข้างในตอนนี้ที่มันว้าวุ่นกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก สิตางศุ์คงตั้งใจที่จะไม่บอกเรื่องนี้ให้เธอรู้ เค้ากำลังพยายามทำให้เธอเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนสำคัญเหมือนเคย
"หนูจันทร์รีบไปธุระที่ไหนต่อไหมจ๊ะ ถ้าไม่รีบมากอยู่ทานมื้อเที่ยงเป็นเพื่อนป้าก่อนนะจ๊ะ ยัยเล็กไม่อยู่ป้าก็พลอยเหงาไปด้วย เคยมีกันอยู่สามคนถึงอีกคนจะไม่ได้อยู่ด้วยแต่ก็ยังรู้ว่ามีอยู่  แต่ตอนนี้เหลือกันแค่สองเท่านั้น " น้ำเสียงเศร้าๆ ประกอบกับแววตาหม่นลงของคนพูด ทำเอาหญิงสาวรู้สึกสงสารเห็นใจอยู่ในที หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่คงเจ็บปวดเหลือแสนที่ต้องมาสูญเสียลูกไปในวัยที่ยังไม่ถึงเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นทุกข์เหลือคณาในตอนนี้
"คุณป้ายังมีสิตางศุ์มีจันทร์แล้วก็มีคนอื่นๆ อยู่ด้วยนะคะ พี่พีกับสิตางศุ์คงรู้สึกไม่ดีที่เห็นคุณป้าเศร้าแบบนี้ คุณป้าต้องเข้มแข็งนะคะพี่พีกับสิตางศุ์จะได้สบายใจ" มือเรียวแตะปลอบให้กำลังใจท่านอยู่เบาๆ อย่างนึกสงสาร มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับครอบครัวมณีศวรในตอนนี้ ไม่ใช่แต่คนตรงหน้าเธอที่เจ็บปวด อีกคนที่อยู่อเมริกาก็มีสภาพจิตใจไม่แตกต่างกัน ถึงเค้าจะพยายามแสดงออกว่าไม่เป็นไรแต่ข้างในเธอรู้ดีว่ามันอ่อนแอแค่ไหนในตอนนี้
"ขอบใจนะลูก ป้านี่อ่อนแอจริงๆ แค่คิดถึงตาใหญ่ก็จะร้องห่มร้องให้แล้ว ไม่ไหวเลยจริงๆ"
"จันทร์เข้าใจค่ะถ้าเป็นจันทร์ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างไปจากคุณป้าในตอนนี้ การสูญเสียคนที่เรารักมันทำให้เราเจ็บปวดและอ่อนแอมากจริงๆ ค่ะ แต่จันทร์อยากให้คุณป้าเข้มแข็งและอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข ถึงจะไม่มีพี่พีแล้วแต่คุณป้ายังมีสิตางศุ์นะคะ ยังมีครอบครัวมีคนอื่นๆ ที่เรารักและรักเรา เพราะฉะนั้นเราต้องสู้และเข้มแข็งค่ะ"
"จ้ะ ป้าจะเข้มแข็งจะไม่ทำให้ยัยเล็กเป็นกังวลไปด้วยอีกคน ขอบใจจริงๆ นะลูก"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า จันทร์แค่พูดในสิ่งที่ควรพูดเท่านั้น จันทร์เป็นกำลังใจให้นะคะถ้าคุณป้าเหงาก็โทรหาจันทร์ได้ตลอด   ถ้าจันทร์ว่างเดี๋ยวจันทร์จะแวะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ"
"ถ้ายัยเล็กอยู่ด้วยตอนนี้ก็คงจะดี"
"สิตางศุ์จะไปอยู่อเมริกากี่วันหรือคะ"
"ยังไม่มีกำหนดจ้ะ  เห็นว่าถ้าเคลียร์เรื่องที่นู้นเสร็จเรียบร้อยก็จะบินกลับมาเลย  ยัยเล็กห่วงงานที่ไร่ไม่น้อยไปกว่าเรื่องของตาใหญ่  คงจะเร่งเรื่องที่นู้นให้เสร็จในโดยเร็ว ไม่น่าจะอยู่นานหรอกจ้ะ"
"อย่างนั้นหรือคะ"
"จ้ะ ถ้าหนูจันทร์อยากรู้กำหนดกลับที่แน่นอนก็ลองโทรถามยัยเล็กดูก็ได้จ้ะ จะได้รู้รายละเอียดที่แน่ชัด รายนั้นเค้าไม่ค่อยพูดอะไรให้ป้าฟังหรอก คงกลัวป้าคิดถึงตาใหญ่เลยไม่พูดอะไรมาก"
"ค่ะ  คุณป้าจะว่าอะไรไหมคะถ้าจันทร์จะขอแวะไปหาพี่ชนต์ที่ไร่ซักเดี๋ยว  เสร็จธุระแล้วจันทร์จะกลับมาทานมื้อเที่ยงเป็นเพื่อนค่ะ"
"ทำไมไม่โทรให้ตาชนต์มาหาที่บ้านล่ะจ๊ะ น่าจะสะดวกกว่านะป้าว่า"
"ไม่เป็นไรค่ะ สิตางศุ์ไม่อยู่พี่ชนต์คงวุ่นกับงานในไร่มากกว่าแต่ก่อน จันทร์ไม่อยากทำให้พี่ชนต์ลำบากใจค่ะ "
"ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่หนูจันทร์สะดวกแล้วกันจ้ะ ตาชนต์อยู่ที่สำนักงานเหมือนเดิมนั่นแหละไม่ได้ไปไหนหรอก ไปหาที่นั่นได้เลย"
"ค่ะ คุณป้า ถ้ายังไงจันทร์ขอตัวก่อนนะคะ"
"จ้ะ" นางอัมพรขานรับเป็นอันเข้าใจ ก่อนจะมองตามหลังหญิงสาวออกไปอย่างนึกเอ็นดู ถ้าจันทร์รัศมีเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มีคำนำหน้าว่าหม่อมหลวงเธอคงกล้าที่จะพูดอะไรๆ ให้มันชัดเจนกว่านี้ ไม่รั้งรอปล่อยให้วันเวลาผันผ่านมาเนิ่นนานนับปีเหมือนเช่นทุกวันนี้เป็นแน่
"พี่ชนต์ ! " เสียงคุ้นหูของใครบางคนดังเรียกชื่อของผู้จัดการไร่สุดหล่อด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย ให้เจ้าของชื่อได้แต่รีบหันขวับกลับมามองในทันทีด้วยความดีใจ
"คุณจันทร์" นัยน์ตาหวานเขม้นมองใบหน้าของอีกคนอย่างนึกขัดเคืองใจ เมื่อได้ยินคำนำหน้าที่ฟังกี่ครั้งก็ยังดูห่างเหิน
 "จันทร์บอกแล้วไม่ใช่หรือคะว่าถ้าอยู่ตามลำพังให้เรียกจันทร์เฉยๆ ไม่ต้องใส่คุณนำหน้า พี่ชนต์เป็นพี่ชายคนนึงที่จันทร์นับถือ ไม่ต้องเรียกจันทร์ซะเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ค่ะ"
"แต่ว่า?"
"ไม่มีแต่อะไรใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ถ้าพี่ชนต์ยังเรียกจันทร์ว่าคุณอีกละก็ จันทร์จะไม่คุยด้วยจริงๆ ค่ะ"
"ครับ พี่ขอโทษ ต่อไปพี่จะเรียกว่าน้องจันทร์ครับ ว่าแต่มาหาพี่ถึงที่ไร่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าจะมาถามเรื่องคุณเล็ก"
"พี่ชนต์เป็นหมอดูด้วยรึเปล่าคะทำไมอ่านใจจันทร์ออกได้ง่ายๆ แบบนี้ ขนาดจันทร์ยังไมได้พูดอะไรซักคำพี่ชนต์ก็รู้จุดประสงค์ของจันทร์เสียแล้ว "
"พี่ไม่ใช่หมอดูหรอกนะครับพี่แค่เดาสุ่มไปตามที่คิด ปรกติจันทร์มาที่ไร่ก็มาหาคุณเล็กไม่ใช่หรือ วันนี้ก็คงเหมือนกัน " มันไม่ได้เดายากอะไรเลยสำหรับคนที่เค้าแอบมองแอบสนใจมาโดยตลอด ชีวิตประจำวันของหล่อนมันเหมือนเป็นสิ่งที่เค้าต้องรู้โดยอัตโนมัติ รู้แทบจะทุกเรื่องของหล่อนแต่หล่อนกลับไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยในชีวิตของเค้า
"แค่เดาจริงๆ หรือว่าอ่านใจจันทร์ออกคะ ทำไมถึงได้แม่นเหมือนนั่งอยู่ในใจจันทร์แบบนี้"
"พี่จะไปนั่งอยู่ในใจน้องจันทร์ได้ยังไงครับ ในเมื่อในนั้นมันมีคนที่นั่งเป็นเจ้าของอยู่แล้ว" หญิงสาวได้แต่อมยิ้มเล็กๆ อยู่ในใจอย่างเก็บอาการ เธอไม่ตกใจหรอกนะที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะรู้ว่าเธอรู้สึกอะไรกับใครยังไง เพราะเธอมั่นใจว่าเค้าไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน
"ไม่รู้ค่ะ จันทร์ขี้เกียจนึก เราเปลี่ยนเรื่องมาเป็นคุยธุระที่จันทร์มาหาพี่ชนต์ที่นี่ดีกว่านะคะ เมื่อกี้จันทร์แวะไปที่บ้านมณีศวรมาคุณป้าบอกว่าสิตางศุ์ไปอเมริกาหรือคะ"
"ครับ คุณเล็กไปอเมริกาไปจัดการเรื่องเอกสารของคุณใหญ่ครับ"
"แค่เรื่องเอกสารของพี่พีเรื่องเดียวจริงๆ หรือคะ เท่าที่จันทร์ทราบคุณลุงกำธรก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือคะ ถ้าแค่เรื่องเอกสารเรื่องเดียว ให้คุณลุงกำธรจัดการให้ก็น่าจะได้ สิตางศุ์ไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเองก็ได้ มีอะไรที่จันทร์ยังไม่รู้อยู่อีกรึเปล่าคะ" สายตามีคำถามแกมคาดคั้นจับผิดของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มรีบเบี่ยงสายตาหลบไปทางอื่นด้วยความรวดเร็ว ให้อีกคนที่รอจับพิรุธอยู่เงียบๆ ได้มั่นใจในสิ่งที่ตนคิดขึ้นมาทันใด
"พี่ชนต์จะบอกจันทร์เองหรือจะให้จันทร์โทรไปถามกับสิตางศุ์เองคะ"
"เอ่อ..คือว่าพี่?"
"จันทร์แค่อยากรู้เท่านั้นค่ะไม่ได้จะเอาไปพูดให้ใครฟังต่อ พี่ชนต์ก็รู้ไม่ใช่หรือคะว่าจันทร์ไม่เคยพูดอะไรลับหลังใคร ถ้ามีอะไรจันทร์จะพูดต่อหน้าตรงๆ" ชายหนุ่มแอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความคิดหนัก ก่อนจะมองจ้องหญิงสาวด้วยท่าทางลังเลไม่มั่นใจ
"คุณเล็กไปจัดการเรื่องเอกสารให้คุณใหญ่จริงๆ ครับ แล้วก็?ไปพบภรรยาคุณใหญ่ด้วย"
"ภรรยา ? " ดวงตาเรียวมนเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความตกใจระคนสงสัย หมายความว่ายังไงที่บอกว่ารพีมีภรรยาแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะ
"ครับ คุณใหญ่มีภรรยาแล้วแล้วก็มีลูกด้วยครับ แต่ไม่ได้บอกนายหญิงให้ทราบ มีแต่คุณเล็กเท่านั้นที่คุณใหญ่บอกเรื่องนี้"
"แล้วยังไงคะ ทำไมสิตางศุ์ถึงได้อยากพบภรรยาพี่พี ทั้งที่ทางนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยตัวหรือว่าเธอเป็นฝ่ายขอพบสิตางศุ์คะ"
"เปล่าครับเธอไม่ได้ขอพบคุณเล็กแล้วก็ไม่ได้ขออะไรจากทางเราเลยซักอย่าง แต่เป็นคุณเล็กเองที่อยากจะพบเธอและลูก คุณเล็กตั้งใจจะพาลูกของคุณใหญ่กลับมาอยู่ที่ไร่ด้วยกันครับ ที่ไปก็เพื่อจะเจรจากับภรรยาคุณใหญ่โดยตรง"
"อย่างนี้นี่เอง จันทร์เข้าใจแล้วค่ะ"
"น้องจันทร์อย่าเพิ่งเอาเรื่องนี้ไปบอกนายหญิงให้ทราบนะครับ คุณเล็กอยากให้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนว่าจะได้ตัวเด็กมาอยู่กับเราที่นี่ คุณเล็กไม่อยากทำให้นายหญิงเสียใจและผิดหวังอีกเรื่องครับ"
"จันทร์ทราบค่ะ พี่ชนต์สบายใจได้จันทร์ไม่บอกเรื่องนี้กับใครอย่างแน่นอนค่ะ"
"ครับ"
"แล้วสิตางศุ์จะกลับเมื่อไหร่คะหรือว่าไม่มีกำหนด"
"คุณเล็กไม่ได้แจ้งไว้ครับ น่าจะไม่มีกำหนด"
"ถ้าอย่างนั้นจันทร์จะบินไปหาสิตางศุ์ที่อเมริกาค่ะ เผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง"
"จะดีหรือครับ คุณเล็กเธอยิ่งอยากให้เรื่องนี้เงียบที่สุด ถ้าน้องจันทร์บินตามไปนายหญิงจะไม่สงสัยหรือครับ พี่ว่ารอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่านะครับว่าจะเป็นไปยังไง แล้วถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที"
"ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจันทร์โทรคุยกับสิตางศุ์คืนนี้ได้เรื่องยังไงจันทร์จะตัดสินใจอีกที"
"ก็ดีเหมือนกันครับจะได้สบายใจกันทุกฝ่าย"
"ค่ะ นี่ก็จะเที่ยงแล้วจันทร์ขอตัวกลับไปที่บ้านมณีศวรหาคุณป้าก่อนนะคะ พอดีรับปากท่านไว้แล้วว่าจะไปทานมื้อเที่ยงเป็นเพื่อนท่าน เดี๋ยวจะเลยเวลาเสียก่อนค่ะ"
"ครับ"
"จันทร์ไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ"
"ครับ ขับรถดีๆ นะครับ แล้วเจอกัน " พัทรสชนต์ได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆ ของอีกคนไปด้วยสายตาเศร้าๆ เจ็บดีไหมล่ะหัวใจอยู่ดีไม่ว่าดีก็เอาเรื่องคนที่อยู่ในใจเค้ามาเล่าให้เค้าฟัง พอเค้ารู้ว่าไม่อยู่เค้าก็เตรียมจะบินตามไปในทันทีเจ็บดีไหมเล่าหัวใจ ดอกฟ้าอย่างจันทร์รัศมีกับหมาวัดอย่างเค้ามันก็เหมือนกับเส้นขนาน เดินคู่กันได้แต่ไม่มีวันได้มาบรรจบกัน ไม่มีวันได้พบกับคำว่าสมหวัง?


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น