web stats

ข่าว

 


Sparkle_s3 (แฟนฟิค) - บทที่ 13 Fearless

โพสต์โดย: anhann วันที่: 07 มกราคม 2018 เวลา 21:40:44 อ่าน: 354



บทที่ 13 Fearless







เจสสิก้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับเรื่องน่าอายของเธอที่ไม่ได้เกิดขึ้นนานแล้ว  โชคดีที่เดี๋ยวนี้ยุนอาไม่มีเวลามาดูแลเธอในตอนเช้าอีกแล้ว  เพราะต้องดูแลลูกๆ  สามีและภรรยาของเขา  เธอจึงไม่ต้องอายต่อหน้าคุณที่ปรึกษา  แต่กระนั้น  การหอบผ้าปูที่นอนย่องลงมาในห้องซักผ้าก็เป็นการเสี่ยงอยู่ดี  เธอไม่อยากให้ใครเห็น  เธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว  ไม่สิ  ต้องบอกว่าไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว

หวังว่าเช้ามืดป่านนี้คงยังไม่มีใครลงมานะ...เธอภาวนาในใจ  ทว่าคงไม่มีเทวดาองค์ใดเห็นใจปีศาจ  เธอจึงเห็นเม็บนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้ชิดผนังห้อง  คงจะรอเครื่องอบผ้าอบเสื้อผ้าของเจย์เดน  หรืออะไรทำนองนั้น

"วางไว้ก็ได้ค่ะ  เดี๋ยวฉันซักให้"  เม็บบอกอย่างเอื้ออาทร  เหลือบตาขึ้นจากหนังสือมาสบตาเจ้าของฝีเท้าเงียบกริบเหมือนแมวย่อง  แต่เธอยังได้ยินมันชัดเจนท่ามกลางเสียงเครื่องปั่นผ้า  หูดีเกินไป

"ม...ไม่เป็นไร  ฉัน...ซักเองได้"  เจสสิก้าติดอ่าง  อยากตบหัวตัวเองเหลือเกิน  เธอเดินเลี่ยงเม็บมาหาเครื่องซักผ้าถังเล็กที่ยังว่างอยู่  เครื่องใหญ่กำลังปั่นเสื้อผ้าของใครบางคนอยู่อย่างดุเดือด

"ฉี่รดที่นอนเหรอคะ"  เม็บถาม  เสียงไม่ตื่นเต้นเหมือนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ  เธอก้มอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ  ขณะที่คนฟังหน้าแดงไปถึงคอ  "ใส่ผ้าอ้อมแบบเจดไหมคะ"

"ไม่ตลก"  เจสสิก้าว่าเสียงเคือง  ยัดผ้าลงเครื่องและสั่งให้มันทำงาน

"หรือฝันร้าย?  ไม่สิ  น่าจะฝันดีมากกว่า  ถึงต้องเปลี่ยนทั้งผ้าปูและผ้าห่มแบบนี้  แต่ไม่เป็นไรค่ะ  ไม่ต้องอายหรอก  น้องชายฉันก็เป็น  ปกติออก"

"ไม่ปกติ  ไม่ปกติของฉัน"  เธอพึมพำเหมือนบ่น  พยายามไม่มองคนนั่งปิดปากหัวเราะอยู่  "สนุกจริงนะ  แกล้งฉันได้เนี่ย"

"แหม  อารมณ์เสียง่ายจริงค่ะ  ฉันแค่เห็นว่าคุณน่ารักดี  เหมือนเด็ก"

"แก่กว่าแค่สิบปีเอง  ทำเป็นมาว่าคนอื่นเป็นเด็ก  ถ้าอายุเท่ายุนอา  หรือแทยอน  ค่อยมาพูด"

"เอ้า  ก็ดูคุณทำสิ  คุณจะยี่สิบห้าแล้วนะคะเจ  ยังฝันเปียกอยู่เหรอ"

"ไม่ใช่ซะหน่อย"

"ไม่ใช่เหรอ  ฉันได้กลิ่นนะ"  เม็บพูด  "ฉันจำมันได้"

คำพูดเหมือนธรรมดา  หากนัยน์ตาสีทองแฝงความหมายบางอย่างที่เธอไม่อยากจะทำความเข้าใจ  กลัวที่จะต้องรู้  และกลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก

"ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ  ฉันจะดูให้  แล้วจะไปเปลี่ยนผ้าปูให้ด้วย  ถ้าคุณยังไม่ได้เปลี่ยน"

"ทำไมถึงทำตัวเหมือนคนเคยแต่งงานแล้วแบบนี้ล่ะ"  เจสสิก้าโพล่ง  แล้วส่งสายตาขอโทษขอโพยเมื่อสีหน้าของอีกคนเปลี่ยน  "ลืมไปว่าเธอเคยมีแฟนมาก่อน  โทษที..."

"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ  มันไม่แปลกถ้าคุณจะคิดแบบนั้น  แต่ฉันยังไม่เคยแต่งงาน  และไม่เคยอยู่ร่วมกับผู้ชายคนไหน  นอกจากน้องชาย"

"ฉันเจอเขาได้ไหม  เอ่อ...น้องชายของเธอ" 

เม็บนิ่งไปเล็กน้อย  คล้ายคาดไม่ถึง  แต่ยิ้มออกมา  "ถ้าคุณไม่ทำอะไรน่ากลัว  ไม่เป็นหมาป่าต่อหน้าเขา  ก็ได้ค่ะ  ไว้ไปกินอาหารที่ร้านที่เขาทำงานอยู่กัน"

"แล้วเธอจะแนะนำกับเขาว่าฉันเป็นใคร"  เจสสิก้าถาม  อยากรู้จริงๆ

"เพื่อนมั้งคะ"  เม็บตอบ  "เขาไม่รู้จักโลกของเราค่ะ  ขอโทษด้วย"

"งั้นก็น่าเสียดาย  เจดคงไม่ได้เจอน้าชาย  แต่เธอคงไม่อยากให้รู้  แล้วแม่เธอรู้หรือเปล่า"

คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจ  เจสสิก้ารู้สึกผิด  แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ  มันเป็นสิ่งที่เม็บเลือกเองตั้งแต่แรก

"แล้วไปเยี่ยมแม่บ้างหรือเปล่า  มันจะผิดสังเกตนะ  ถ้าเธอไม่ไป"

"ฉันฝากเอดวิน  น้องชายของฉันเยี่ยมท่านแล้วค่ะ  ฝากบอกไปแล้วว่างานฉันยุ่ง  เลิกไม่ทันเยี่ยม  คงไม่เป็นไร"

"ก็หาเวลาไปสักวันสิ  ฉันเลี้ยงเจดให้  ไม่ต้องห่วง  ฉันมีแทยอนช่วย  ซันนี่ด้วย"

"ฉันอยากให้แม่ได้เจอหลาน  เผื่อว่า..."  เม็บไม่กล้าพูดจนจบประโยคราวกับกลัวว่าหากพูดไปแล้ว  มันจะเป็นจริงขึ้นมา  แต่เจสสิก้าก็อ่านท่าทางนั้นออก  โดยไม่ได้เข้าไปอ่านใจ

"งั้นก็พาไปสิ  ฉันจะไปกับเธอด้วย  หรือจะเอาคริสตัลไปก็ได้  ถ้ากลัวแม่จะสับสน  เขาคงเต็มใจช่วยเธอ  ยุนอากับแทยอนก็คงไม่ว่าอะไร"

"ขอฉันคิดดูก่อนค่ะ  แต่ก็ขอบคุณนะ  คุณใจดีมาก  ถ้าคุณอยากให้ฉันตอบแทนอะไรก็บอกนะคะ  ฉันเกรงใจถ้าต้องเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว  หรือว่า...คุณจะให้ฉัน --"

"อย่าพูดเหมือนเธอทำเรื่องแบบนั้นได้ง่ายดายนัก  ฉันรู้สึกไม่ดี"

"แค่กับคุณเท่านั้นค่ะ  เจสซี่  ฉันไม่พูดมันกับคนอื่น"  เม็บพูด  ยืนขึ้นจากเก้าอี้  วางหนังสือพิมพ์ไว้แทน  เจสสิก้าพิงหลังกับเครื่องซักผ้าขณะที่เม็บเดินเข้ามาใกล้  แต่เพราะเครื่องมันทำงานแล้ว  เธอจึงเลิ่กลั่กถอยไปทางอื่น

"คุณกลัวฉันเหรอ  เจสซี่  ฉันไม่ใช่เหรอ  ที่ต้องกลัวคุณ"

"ฉ...ฉันเปล่า  ฉันไม่ได้กลัวเธอ"

"แล้วถอยหนีฉันทำไมล่ะคะ  เหงื่อคุณแตกด้วย"

"อย่า... อย่าแตะ!"  เจสสิก้าร้องห้าม  ยกมือขึ้นจับมือเม็บที่จะมาแตะโดนใบหน้าของเธอ  เธอหลับตาปี๋เหมือนเด็กๆ  เผลอบีบมืออีกฝ่ายแรงด้วย  แต่ยังรู้สึกได้ว่าเม็บกำลังยิ้ม  พอลืมตาขึ้นมองก็พบว่าคนตาสีทองยิ้มอยู่จริงๆ

"เธอล้อเลียนฉัน"

"เปล่าค่ะ  ฉันแค่...ชอบคุณ  ชอบมองคุณ"  เม็บพูดเสียงเบา  ราวกับไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง  หญิงสาวกำลังจะถอยห่างไป  แต่เจสสิก้ากลับพบว่าเธอเป็นฝ่ายดึงเม็บเข้ามาหา  และเบียดริมฝีปากตัวเองลงไปกับปากนุ่มๆ ที่ไม่ได้สัมผัสมานานมาก  ตั้งแต่...ไม่  ครั้งสุดท้ายมันคือตอนเม็บท้องสามเดือน

ขณะที่มือเม็บล็อกใบหน้าเธอไว้ไม่ให้ถอยจากไป  มือเธอก็รั้งสะโพกหญิงสาวให้เบียดเข้ามาใกล้ตัวเอง  เธอรู้สึกได้ถึงอาการเกร็งในช่องท้อง  และส่วนที่ต่ำลงไปกว่านั้น  ท่าทางมันจะไม่ดีเสียแล้ว  เธอควรจะหยุด  แต่ว่า...

มันเหมือนความฝัน...คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอจะฝันแบบนี้  และตกใจตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อชุ่มตัว  กับคราบสกปรกบนที่นอน  เธอคิดว่าอาจเพราะเหนื่อยเกินไป  จึงต้องระบายมันออกมาทางความฝัน  แต่มาถึงตอนนี้เธอเริ่มแน่ใจว่าเพราะอะไร...เพราะเธอต้องการมัน

เจสสิก้าสะดุ้งเฮือก  ผละออกจากอีกฝ่ายทันทีที่รู้สึกเจ็บตรงช่วงล่าง  ก้มลงมองก็พบว่ามือของเม็บแตะมันอยู่  เหมือนตอนนั้นไม่มีผิด

"อย่า... อย่าจับ  อย่าจับมัน..."

"แต่หน้าตาคุณไม่ได้บอกแบบนั้นเลยนะ  เจสซี่"  เม็บเย้า  ใช้นิ้วเดียวแตะส่วนที่แข็งขึ้นมาจากกางเกงนอนของอีกคนจนเกือบจะโดนตัวเธอ  แปลกที่เธอไม่ได้นึกรังเกียจเจสสิก้าสักนิด  หรือเธอจะเห็นเขาเป็นเด็กจริงๆ  "คุณเหมือนเด็กผู้ชายเพิ่งจะโต"

"เลิกล้อฉันได้แล้ว  ถอยไป"  เธอพยายามผลักเม็บออกแต่ไม่สำเร็จ

"คุณเจ็บเหรอ  หน้าแดงมากเลย"

"เธอเป็นผู้หญิงบ้าอะไรเนี่ย  ออกไป  เม็บ!"

"ก็ผู้หญิงที่แก่กว่าคุณสิบปี  และเป็นแม่ของลูกคุณไงคะ  จ่าฝูง  แล้วตอนนี้ฉันก็จะเป็นครูให้คุณด้วย  เผื่อไปเจอคนที่ชอบจะได้ไม่ต้องอายเขา"

เจสสิก้าชะงัก  คำสุดท้ายของเม็บสะเทือนใจเธอโดยไม่รู้สาเหตุ  และเธอก็ผลักหญิงสาวออกไปจนเม็บเกือบล้ม  ถ้าไม่ติดเครื่องซักผ้า  เธอรู้สึกว่าตัวเองปากสั่น  แต่ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะอะไร

"อย่า  อย่าทำแบบนี้กับฉันอีก  ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน  ไม่ต้องมาสงสารฉัน  ไม่ต้อง  ฉันไม่ต้องการ!"  เธอพูดเสียงดัง  แล้ววิ่งออกมาทันที  ไม่ได้สนใจว่าเม็บจะตกใจหรือทำหน้าอย่างไรอยู่  เธอวิ่งออกมาไกลแค่ไหนไม่รู้  แต่ก็หยุดกึกเพราะปะทะกับใครบางคนที่เธอคงคิดว่าเป็นเสา  ถ้าเขาไม่จับเธอเอาไว้  ก่อนรวบตัวเข้ามากอด

"ไม่เป็นไรนะ  เจ  ไม่เป็นไร"

เสียงห้าวๆ  ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่  แต่ตอนนี้มันอบอุ่นมาก  มากจนเธอกอดตอบเขาไป  และปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ซบอกแบนๆ  โดยมีมือใหญ่ๆ ลูบศีรษะเธอเหมือนเด็ก

"ทำไมถึงมีแต่คนชอบทำร้ายฉัน  คริส  ทำไม..."

คริสตัลไม่ได้ตอบคำถามเธอ  คงเพราะเขารู้ว่าเธอไม่ได้อยากจะฟังจริงๆ  เขาแค่ยืนให้เธอกอด  และปลอบเธอเหมือนพวกลูกสาวลูกชายของเขา  สำหรับเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าแบบเขา  เขาเป็นพ่อที่ดีมากทีเดียวทั้งที่เคยเจ้าชู้มากๆ  เคยทำอะไรไม่ดีมาตั้งมาก

"ฉันทำอะไรผิดนักเหรอ  คริส  ทำไม... ทำไมฉันไม่เคยสมหวังบ้าง"

"เพราะเจไม่ยอมเปิดใจ  ไม่ยอมเปิดรับใครเข้ามา  เจปิดประตูล็อกมันทุกครั้งเวลาที่มีคนมาเคาะ  เจไม่ยอมรับพวกเขา  ไม่ยอมรับตัวเอง"

"เพราะฉันไม่ไว้ใจ  เพราะฉันระแวง  ฉันกลัว  ฉันกลัว  ได้ยินไหม!"

"ฉันก็กลัว  เจ  แต่ถ้าเรามัวแต่กลัว  เมื่อไหร่กันล่ะ  ที่เราจะได้ของที่เราอยากจะได้  ความรักมันก็เหมือนการลงทุน  เหมือนการทำธุรกิจ  มันต้องยอมเสี่ยง  ถ้าไม่เสี่ยง  เราก็ไม่รู้ผลลัพธ์ที่แท้จริง  อย่ามัวแต่คำนวณสถิติในหัวอยู่เลย  มันไม่ได้ผลหรอก  นอกจากจะต้องลองด้วยตัวเอง  ลองเสี่ยงดูสักครั้ง"

"เธอกำลังสอนฉันอยู่เหรอ  เธอเป็นน้องฉันนะ  เจ้ายักษ์"  เจสสิก้าผละออกมา  ตะปบแก้มน้องชายตัวสูงที่ยอมลดความสูงลงให้เธอทำร้ายได้ตามแต่ใจ  คริสตัลยิ้มร่า  ตาหยี  ถ้าไม่มีหนวดหรอมแหรมแบบนี้  เขาก็เหมือนเด็กเล็กๆ  เป็นเจ้าตัวเล็กของเธอแบบเมื่อก่อน

"ฉันไม่ต้องมีใครก็ได้  แค่มีเธอคนเดียวก็พอ"  เธอพูดออกมาโดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีบางคนยืนฟังอยู่ด้วย  เพราะผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้านหลังของเธอ  แต่คริสตัลเห็น  และส่งยิ้มอย่างขอโทษขอโพยให้หล่อนไปแทนเธอ  หล่อนจึงกลับไปในที่ของตัวเองทั้งหน้าซึมๆ  ซึ่งเธอไม่รู้

"กลับห้องเถอะ  เดี๋ยวฉันไปส่ง  ไม่ต้องไปทำงานหรอก  อยู่บ้านสักวัน  พักผ่อนบ้าง"

"ฉันไม่อยากอยู่บ้าน"

"งั้นฉันพาไปเที่ยว"

"ไปไหน"

"ไปเหอะน่า  แล้วจะติดใจนะ"

เจสสิก้าหรี่ตามองคริสตัลอย่างระแวง  แต่เธอก็ปล่อยให้เขาจูงมือพาเดินกลับห้องเป็นเด็กๆ  เธอดีใจที่เขาอยู่ด้วย  ดีใจที่เขาตื่นเช้า  ดีใจที่เขารีบมาหาเธอทันทีที่รู้ว่าเธอต้องการ  แม้จะหน้าตาเหมือนโจรลามก  หัวยุ่งกระเซิงเหมือนไม่เจอหวีมาเจ็ดวันแบบนี้ก็ตาม

...............................................

เธออยากจะเตะคริสตัลสักที  หากไม่ติดว่าเธอกำลังตื่นเต้นกับกุ้ง  หอย ปู  ปลา  และล็อบสเตอร์ตัวอวบอ้วนในตลาดแห่งนี้  Pike Place Market  สถานที่เธอไม่ได้มีโอกาสมานานมากตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย  ชีวิตยุ่งวุ่นวายมานับตั้งแต่นั้น  เธอเคยมากับคริสตัลเมื่อนานมาแล้ว  นานจนจำอะไรแทบไม่ได้เลย  ตอนนั้นเขายังสูงแค่ไหล่เธอ  แต่ตอนนี้เธอสูงแทบไม่ถึงไหล่เขา 

เราออกจากบ้านมาด้วยเจ้าเบนซ์ของเขา  แต่เขากลับทิ้งรถไว้ที่ลานจอดรถบริษัท  และชวนเธอขึ้นขนส่งมวลชนมาต่อ  เพราะมันหาที่จอดรถยาก  ถ้าจะมาที่นี่  บ้านเราไม่มีรถสาธารณะออกมา  เขาจึงต้องขับรถออกมาและมาจอดไว้ที่บริษัทแทนที่จะไปเสียเงินค่าจอดและเสี่ยงกับความไม่ปลอดภัยต่อรถสุดหวงของเขา (แต่ไม่หวงกับเมีย)  ทีแรกเขาไม่ยอมบอกเธอว่าจะพาไปไหน  บอกแต่ให้ไว้ใจเขาสักครั้ง  ตอนขึ้นรถบัสกับรถไฟฟ้าใต้ดิน  เธอยังกลัวว่าเขาจะพาเธอหลงทางจึงตื่นเต้น  ลุ้นระทึกมาตลอดทาง  หากพยายามเก๊กหน้านิ่งไปอย่างนั้นเอง  พอมาถึงตลาดนี้ได้  เธอก็แอบโล่งใจ  และตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ อีกครั้งเมื่อเห็นผู้คนมากมายที่นี่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกมนุษย์ซึ่งเธอไม่เคยได้สุงสิงด้วย  เธอไม่เหมือนน้อง  คริสตัลคลุกคลีกับมนุษย์มาจนชิน  อาจเพราะเขาเพิ่งจะผ่านชีวิตไฮสกูลมาไม่นาน  กลิ่นเด็กมอปลายยังติดตัวเขาอยู่เลย

ผู้คนมองเราเหมือนเราเป็นคู่รักวัยรุ่นมาเดตกัน  เพราะเขาเป็นผู้ชายตัวสูง  รูปหล่อ  หุ่นดี  และเธอก็แต่งตัวเหมือนเด็กสาว  เขาบังคับให้เธอสวมชุดให้สมอายุและไม่เป็นทางการ  แต่ต้องแมชกับเขา  เธอจึงต้องมากับกางเกงยีนรัดรูป  รองเท้าหนังส้นเตี้ย  เสื้อยืดสีขาว (สีที่เธอชอบ) และแจ็กเก็ตหนังสีแดง  เขาชวนเธอดูนู่นดูนี่  ลองกินนู่นนี่สารพัด  เก๊กท่าถ่ายรูปกันเหมือนที่มนุษย์ชอบทำ  คริสตัลชวนเธอไปลองกินช็อกโกแลตเคลือบเชอร์รี่ของดังของที่นี่ซึ่งเธอลืมมันไปแล้ว  มันอร่อยมากจนต้องซื้อติดมือกลับมา  เจ้าคริสซื้อฝากเด็กๆ กับเมียสองคนของเขาด้วย  กว่าเราจะพ้นตลาดออกมาได้เราก็ได้ของเต็มมือจนไม่แน่ใจว่าจะถือกลับมาหมด  แต่แน่นอนว่าเธอยัดให้เจ้ายักษ์เป็นคนถือ  ยังไงซะเขาก็มีรูปลักษณ์เป็นผู้ชายตัวโตที่พวกสาวๆ มองตามหลังคอแทบบิด  เธอรู้สึกได้ถึงสายตาร้อนแรงหลายคู่มองมายังพวกเธอสองคน  และเธอคิดว่าพวกสาวๆ นั่นคงอยากจะเผาเธอทิ้งมากกว่า  เพราะจะได้เอาคริสตัลไปครอง  ทำไมถึงไม่มองแหวนแต่งงานที่มือซ้ายของเจ้านี่บ้าง  แล้วเธอน่ะมีสักวงไหม

เรานั่งโมโนเรลเพื่อต่อไป Space Needle  สถานที่ที่เธอไม่ได้ไปมานานมากอีกแห่งหนึ่ง  เชื่อเถอะว่ายังมีอีกหลายที่มากที่เธอลืมมันไปทั้งที่อยู่เมืองนี้มาตั้งแต่เกิด  นักท่องเที่ยวจากต่างเมืองหรือต่างประเทศบางคนอาจจะรู้จักซีแอตเทิลมากกว่าเธอด้วยซ้ำ  เธออาจขับรถไปไหนๆ ได้อย่างไม่หลงทาง  แต่ก็ไม่ใช่เส้นทางเพื่อไปเที่ยวหาความบันเทิงใจ  เธอไปทำงานเกือบทั้งหมด  จริงอย่างคริสตัลว่า  เธอควรหาเวลาพักผ่อน  และไม่ใช่แค่นอนอ่านหนังสืออยู่บ้านเป็นหมาป่าถ้ำอย่างเดียว

"เลอะหมดแล้ว  เจ" 

เจสสิก้าเหลือบตามองเจ้าของเสียงเอ่ยเตือนขณะกัดไอศกรีมโคนอยู่  น้องชายตัวสูงก้มลงมาหาเธอ  ใช้ทิชชูเช็ดแก้มให้เบาๆ  เธอไม่รู้สึกแปลกกับความใกล้ชิดของเขา  ด้วยเราสนิทสนมกันมากอยู่แล้ว  แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครเห็นเราเป็นพี่น้องกันเลย  พวกเธอแคร์สายตาพวกเขาหรือ  ก็ไม่  คริสตัลดูจะชอบใจด้วยซ้ำ  เขาบอกว่าเธอสวยพอจะควงเป็นแฟนแล้วไม่อายใคร

ว่าเข้าไปนั่น  เจ้าบ้า!

"เราไปกินเบอร์เกอร์ร้านนั้นกันดีกว่า"  คริสตัลชวน  ชี้มือไปทางร้านเบอร์เกอร์ภายในสวนสาธารณะที่เราเดินเล่นกันอยู่  เจสสิก้าเห็นด้วย  เธอก็อยากพักขาเหมือนกัน  เราจึงพากันมาต่อคิวซื้อเบอร์เกอร์เป็นเช็ตๆ แบบที่เธอกับน้องชอบกิน  แทบไม่อยากเชื่อว่าแค่ได้ทำอะไรเรียบง่ายแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้  เธอต้องยกให้คริสตัลเป็นนักเอนเตอร์เทนคนหรือเปล่านะ

"เราจะกลับกันตอนไหน"  เจสสิก้าถามขึ้นมาขณะมองคริสตัลหย่อนชิ้นเฟรนช์ฟรายด์ฉ่ำซอสมะเขือเทศเข้าปากและเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อย  เขาคว้าแก้วโค้กไปดูดปื้ดๆ เหมือนไม่ได้หายใจ  แล้วตบอกตัวเองปึกๆ ไล่อาหารที่ติดคอ  เธอหรี่ตาส่ายหน้าให้เขา 

"กินไม่เผื่อใครเลยเหอะ"

"อย่าบ่นไปเลยน่า  เจ  วันนี้เป็นวันฟรีเดย์ของเรานะ"  คริสตัลพูด  เหล่ตามองขาขาวๆ ของสาวคนหนึ่งซึ่งต่อคิวซื้ออาหารอยู่ตรงบูธที่เขากับพี่เพิ่งจะหลุดออกมาได้และมานั่งกินกันตรงนี้

"เจดูสะโพกผู้หญิงคนนั้นดิ  สุดยอดไปเลย"

เจสสิก้าลองมองตามคำบอกของน้องชายไป  เธอเห็นผู้หญิงที่เขาว่า  แต่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับเขาเลยสักนิด  "ก็สวยดี  แล้วไงล่ะ"

"โธ่เจ  อย่าเย็นชาสิ  หุ่นแบบนี้นะ เวลาอยู่บนเตียงอะ  อย่างนี้เลย"  คริสตัลกระซิบกระซาบ  หากท่าทางยกนิ้วโป้งขึ้นมากับดวงตาเป็นประกายแบบนี้  น่าขนลุกสำหรับเจสสิก้ามากๆ  แต่คงไม่แปลกอะไรสำหรับเขา  ต่อให้เขาไม่ได้เป็นผู้ชายเต็มตัวแบบนี้  เขาก็นิสัยอย่างนี้มาตลอด  เธอไม่อยากจะคิดเลยว่า  ถ้าให้เขาบอกจำนวนผู้หญิงที่เขาขึ้นเตียงมาด้วยนั่น  จะสักกี่คน

"อา  คิดถึงยุน" 

เจสสิก้าเลิกคิ้ว  แปลกใจ  อยู่ๆ น้องก็ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดโทรออกอย่างรวดเร็ว  แล้วเขาก็ยิ้มสดใส  เพราะดูเหมือนปลายสายจะรับสายเขาเร็วเหมือนกัน

"ฮะ  เดี๋ยวก็กลับแล้ว  ยุนจะเอาอะไรหรือเปล่า"  เขาพูด  เสียงทุ้มๆ ฟังดูนุ่มนวลมาก  เจสสิก้านั่งกัดแท่งเฟรนช์ฟรายด์มองท่าทางเขาอย่างสนใจ  เพิ่งสังเกตว่าเขาไม่เหมือนเดิมเวลาพูดกับยุนอา  ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือคุยกันต่อหน้า  บางทีเขาอาจเป็นแบบนี้มาตลอด  แค่เธอไม่เคยมอง

"อื้ม  ก็สนุกดี  แต่คิดถึงยุนน่ะ  เลยโทรมา  ไม่ได้กวนใช่ไหม"  เขาพูดต่อไปเรื่อยๆ  มือจับเฟรนช์ฟรายด์เขี่ยเล่นในถ้วยซอสแต่ไม่เอาเข้าปากกินสักที  เขาดูเหมือนจะเขิน  เธอเห็นปลายจมูกเขาแดงน้อยๆ แก้มก็เหมือนกัน  แปลกดี  ทั้งที่เขาอยู่กับยุนอามาตั้งนานแล้วแท้ๆ  ทั้งที่เขาเพิ่งจะชมผู้หญิงอีกคนว่าสวย  และยังบอกว่าหล่อนคงเยี่ยมยอดบนเตียงแน่ๆ  ลามกจกเปรตขนาดนั้น  แต่ตอนนี้มาเขินกับเมียอย่างนั้นหรือ

"ครับมาดาม  ไม่ได้ซนสักนิดเลย  อยู่กับเจตลอด  ฮะ  เดี๋ยวซื้อไปฝาก   ฝากตัวเล็กด้วยก็ได้  โอเค  แล้วจะรีบกลับ  รักนะครับ"

เจสสิก้าเลิกคิ้ว  ตายังมองน้องชายอย่างฉงนใจ  เขาดูเหมือนยังไม่เลิกเขิน  รอยยิ้มแบบตอนคุยโทรศัพท์กับยุนอายังคงอยู่  แม้จะวางสายกันไปนานหลายนาทีแล้ว  เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อเห็นว่าเธอจ้องอยู่

"ผู้หญิงคนเมื่อกี้  ทำให้ฉันนึกถึงยุน  สะโพกของเธอ"  เขาสารภาพ  หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม  เขาพ่นลมหายใจออกมาเป็นไอขาวๆ  อากาศเริ่มเย็นขึ้น  และเสยผมสั้นประบ่าราวกับมันจะช่วยให้เขาหายเขินได้

"ทำไมเธอรักเขา  คริส  ฉันหมายถึง...ยุนอาเป็นคนเย็นชา  บ้างาน  ดุ  และบางทีเขาก็โหดร้าย  เขาสั่งลงโทษคนได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ"

"เพราะเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นกับฉัน"  คริสตัลตอบ  "ฉันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน  ถ้าเจจะสังเกต  กับแทยอนก็อีกอย่าง  ใช่ไหม"

เจสสิก้าพยักหน้า  จริงๆ ก็เพิ่งจะนึกออก  "ความรักมันประหลาดดี  ครั้งหนึ่งฉันก็เคยคิดว่าฉันรักเขา  แต่...ก็อย่างที่เธอรู้  ฉันไม่ได้เลือกเขา"

"ขอบคุณ  ไม่อย่างนั้นฉันคงอกหัก"  คริสตัลพูดทีเล่นทีจริง  เจสสิก้าจึงยื่นส้อมพลาสติกไปจะทิ่มหน้าเขา  แต่เขาหลบมัน  และดึงมันไปจากมือเธอ  จิ้มนักเกตมาจ่อปากเธอ  แล้วเธอก็อ้าปากรับมันมาเคี้ยว

"สบายใจขึ้นไหม"  เขาถาม  ความห่วงใยอยู่ในดวงตาสองสี

"ก็ดี  แต่อิ่มมาก  ท้องแข็งหมดเลย"  เจสสิก้าตอบ  ยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้  คริสตัลยิ้มโล่งใจ  เขาจับมือเธอไปแตะริมฝีปาก  หลับตาลง  เขาเหมือนกำลังพยายามส่งกำลังใจมาให้เธอ

"นี่  คนอื่นเขาคิดว่าเธอเป็นแฟนฉันกันหมดแล้วมั้ง  คริส"

"ช่างพวกเขาสิ  อย่างน้อยเจก็สวยแหละ"  เขาว่า  ยิ้มหวานน่าหมั่นไส้ 

"กินเสร็จยัง  กลับกันดีกว่า  บอกยุนอาว่าจะรีบกลับไม่ใช่เหรอ"

"ยุนไปรับพ่อกับแม่เราที่สนามบิน"  คริสตัลพูด  เจสสิก้าอึ้งไปครู่หนึ่ง  ลืมเรื่องนี้ไปสนิท  "สรุปว่า  เจจะให้เจดไปกับพ่อหรือเปล่า"

"ไม่"  เจสสิก้าตอบ  "เขาเป็นลูกฉัน  ฉันจะเลี้ยงเอง  ต่อให้ต้องเลี้ยงคนเดียว  ฉันก็จะเลี้ยงเขาเอง"

"กำลังคิดอยู่ว่าถ้าเจไม่เอา  ฉันจะรับเขาเป็นลูกแทน  คุณแทชอบเขา  ยุนก็ชอบ  แฝดก็คงชอบมั้ง"

"ไม่ให้  เธอมีอีกคนในท้องแทยอนแล้วไง  จะเอาไปทำไมเยอะแยะ"

"ก็คุณแท  เธอชอบมีลูก  ชอบเลี้ยงเด็ก"

"จิ้งจอกเพี้ยน"  เจสสิก้างึมงำ  ไม่ค่อยเข้าใจความคิดแทยอน  แต่เธอก็ชื่นชมในความเป็นแม่ของนางจิ้งจอกเสมอ  ลูกชายของเธอก็รอดพ้นภาวะวิกฤตมาเพราะแทยอน  เธอเพิ่งเข้าใจคำที่แม่เคยสอน  ว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องไปออกรบก็ทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่ได้ด้วยการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาเป็นคนที่ดี  คนเก่ง  บางคนก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่  พวกเขาบางคนอาจเป็นเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง  ถึงอย่างนั้น  ทุกชีวิตก็มีค่าและแม่ก็เป็นคนแรกที่จะต้องทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองมีค่า  เธอกับคริสตัลถ้าไม่มีแม่ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร

"เจจะบอกพ่อว่าไง  ไม่ให้เขาเอาเจดไป"

"ก็บอกว่าฉันจะเลี้ยงเองไง"  เธอตอบเสียงรำคาญ  "เขาพูดแบบนั้น  เพราะตอนแรกฉันไม่ยอมรับเจด  แต่ตอนนี้ฉันไม่ให้ใครทั้งนั้น"

"ก็ดีแล้ว  เด็กๆ ควรอยู่กับพ่อแม่ของเขา"  คริสตัลพูด  พลางดูดโค้ก

"แม่ของเขางั้นเหรอ"  เจสสิก้าพึมพำเหมือนพูดคนเดียว  แต่น้องชายกลับสอดขึ้นมา

"เม็บคือแม่ของเขา  มันชัดเจนจะตายไป  เจ" 

"เพราะยุนอาของเธอไง  ฉีดไอ้นั่นเข้าไปในตัวเขาตรงๆ  มันก็เลย --"

"มันเป็นวิธีที่โอเคกว่าวิธีอื่น  เจ  แล้วมันก็ได้ผลเร็วด้วย  เห็นไหม"

"แล้วเป็นไงล่ะ  ผลที่ออกมา"

"ก็แข็งแรงดีไงล่ะ"

"แข็งแรงดี  แถมติดแม่ด้วย  เยี่ยมยอดไปเลย"

"เจก็ติดแม่เขาเหมือนกันแหละ"  คริสตัลพูด  ยิ้มล้อเลียนพี่สาวจนโดนมือยื่นมาเขกหัว  แต่เขาก็หัวเราะ  "ไม่เห็นแปลกเลย  ถ้าเจจะชอบเม็บ  เธอก็เป็นผู้หญิงดูดีคนหนึ่งนะ  ท่าทางฉลาดด้วย"

"ไม่ใช่แค่ท่าทางฉลาด  แต่ฉลาดเป็นกรดต่างหาก"  เจสสิก้าแก้

"ลองคบกันดูก็ไม่เสียหาย  ยังไงตอนนี้เจก็เป็นโสด  แล้วถ้ามันเวิร์ค  เจดก็จะได้มีพ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า  ไม่เป็นเด็กขาดความอบอุ่น  ไม่ดีเหรอ"

"จะดีได้ยังไง  เขาไม่ได้ชอบฉันสักหน่อย  เขาอยู่ที่นี่เพราะลูก  ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย"

"เจก็ทำให้มันเกี่ยวสิ  จะยากอะไร  ยกเว้นว่า  เจจะไม่ชอบเขา  หรือรังเกียจที่เขาจน  ไม่มีชาติตระกูล"

"ไม่มีชาติตระกูลอะไรล่ะ"

"ยุนบอกว่า  เม็บยังใช้นามสกุลเดิมของแม่อยู่  ไม่ได้ใช้แลนดอน"

เจสสิก้ามองหน้าน้องชาย  อยากให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ล้อเลียนเธออยู่  แต่เขาหันไปมองสาวคนอื่นอีกแล้ว  "ฉันจะฟ้องยุนอา"

"ฟ้องอะไรเล่า  เจ  แค่มองเฉยๆ เอง"  คริสตัลอ้าง  แต่แล้วก็ขมวดคิ้ว

"อะไร  เจออะไรอีก  อย่าบอกนะว่า  เจอคนที่เหมือนแทยอนอีกคน"

"ไม่ใช่แทยอน  แต่เป็นแฟนเก่าพี่"  คริสตัลบอก  มองจนแน่ใจว่าไม่ใช่แฝดแลนดอนคนพี่แน่นอน  เพราะสเตฟานี่คงไม่มาเดินจับมือกับโดโรธีแบบนี้  และแครีนด้วย 

เจสสิก้ามองตามน้อง  วูบหนึ่งก็อดรู้สึกโกรธไม่ได้ที่เห็นทิฟฟานี่พาครอบครัวมาเที่ยวแบบนี้  --  ใช่  ก็ต้องเรียกว่าครอบครัวสิ  อยู่กันครบหน้าขนาดนี้แล้วนี่นา  --  แต่แล้วเธอก็ระลึกได้ถึงความผิดของตัวเอง  เธอเองก็ไม่ได้ซื่อตรงเหมือนกัน  เธอควรจะบอกทิฟฟานี่ก่อนเรื่องเม็บ  เรื่องลูก  อย่างน้อยให้รู้จากปากเธอ  น่าจะดีกว่าจากคนอื่น  หรือมารู้เอาทีหลังแบบนี้

"ไปทักทายพวกเขาหน่อยไหม"  คริสตัลถาม  ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะไปสุงสิงกับคนบ้านนั้นอีกแล้ว  แทยอนขอไม่ให้เขาเกลียดทิฟฟานี่  เขายอมได้  แต่จะให้เขาไปพูดคุยด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นมันคงจะลำบากไปหน่อย  แทยอนอยากจะคืนดีกับทิฟฟานี่  เขาก็ไม่ว่า  มันเป็นสิทธิ์ของเธอ

"ไม่ละ  กลับบ้านกันดีกว่า  เดี๋ยวของสดพวกนี้จะเสียซะหมด"

"อากาศเย็นขนาดนี้น่ะเหรอ  เจ"

เจสสิก้ายักคิ้วให้น้อง  กอบเศษขยะกับของเหลือไม่กี่ชิ้นไปทิ้งขยะ  แล้วมาลากตัวคริสตัลให้ลุกขึ้นตาม  เดินควงแขนเขาอย่างรื่นเริงออกไปจากสวนสาธารณะ  ไม่เหลียวมองครอบครัวนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

............................................



คริสตัลเลี่ยงไม่เข้าบ้านทางประตูด้านหน้า  เขายังไม่อยากเจอหน้าพ่อตอนนี้  แม่ก็เอาไว้เจอทีหลังได้  พวกท่านมาแล้ว  เขารู้สึกได้ตั้งแต่เลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน  เขาจึงขอพี่ไปจอดรถห่างจากประตูหน้า  เจสสิก้าอยากตามมาด้วย  แต่พี่จำใจต้องไปรับหน้าพวกท่านในฐานะเจ้าของบ้านหลังนี้  เขาจึงรวบของที่เราซื้อมาหอบเข้ามาด้วย  เอาไปไว้ในครัวเล็กของเขาก่อน

แทยอนไม่ได้อยู่ในห้อง  เธอคงโดนเรียกตัวไปพบในห้องนั่งเล่นพร้อมกับฝาแฝด  เขาเก็บของเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนชุดมาใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น  ตั้งใจว่าจะใช้เวลาน้อยนิดที่ได้อยู่ตามลำพัง  เล่นเกมที่เล่นค้างไว้เมื่อวาน  แต่เล่นไปได้ครู่เดียวก็ต้องกดพักไว้  เพราะบางคนมานั่งข้างเขาและเอนตัวมาพิง  กลิ่นเฉพาะตัวของเธอดึงดูดเขาได้เสมอ

"ไปเที่ยวมาทั้งวันแล้ว  ยังจะหนีมาเล่นเกมคนเดียวอีกหรือ"  เธอพูด  เสียงเหมือนจะงอนนิดหน่อย  เธอหงายมือขึ้นมาจากท่านั่งพิงไหล่เขา  อ้อมมาแตะศีรษะด้านหลังของเขา  ปลายนิ้วของเธอกดไปตามกะโหลก  ขยุ้มเส้นผมเล่นเหมือนมันทำให้เธอเพลิดเพลิน  เธอหลับตาพริ้มระหว่างทำแบบนั้น

"ฉันหนีพวกเขามา  บอกว่าขอพักสักหน่อย"  เธอชี้แจง  ราวกับรู้ว่าเขาจะต้องถาม  "พี่เธอเป็นไงบ้าง  โอเคขึ้นหรือยัง"

"น่าจะโอเคแล้วละ"  เขาตอบ  มองเธอใช้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อ  มองไล่ลงไปตามผิวขาวนวลของเธอเมื่อสาบเสื้อคลายตัวออกจากกัน  หน้าอกของเธอเต็มแน่นอยู่ในบราเซียร์สีเนื้อสไตล์สุภาพ  แต่กระนั้นช่องท้องของเขาก็เกิดอาการบิดมวนและบางส่วนในตัวเขาก็เกร็งขึ้น  เธอเหมือนมีเวทมนตร์อะไรสักอย่างที่ดึงดูดเขาได้เสมอ  เธออยู่เหนือเขาตลอดเวลา

"โดนเรียกไปหมดเลยแหละ  แทยอน  ฝาแฝด  เม็บกับเจย์เดนด้วย"  เธอเล่า  ดวงตายังหลับอยู่  มือตรงต้นคอเขาเลื่อนมาขยี้ใบหูแทน  เสื้อเชิ้ตบนตัวเธอถูกปลดกระดุมออกมาหมดแล้ว  สาบเสื้อแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง  ผิวเนียนตรงหน้าท้องของเธอมีลอนกล้ามเนื้อจางๆ  เชิญชวนให้มองจ้อง  และจินตนาการถึงตอนที่มันหดเกร็งเวลาเธอออกแรงขยับสะโพกสวยๆ นั่น

"เจบอกว่า  จะไม่ให้เจดไป  จะเลี้ยงเอง"  เขาพูด  ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลงขณะกลืนน้ำลายมองเธอปลดกระดุมกางเกง  หัวใจเขาเต้นแรง  ความเจ็บระบมตรงร่างกายส่วนล่างของเขารุนแรงมากขึ้นทุกที  เขาไม่อยากก้มมองมันเลย  ไม่อยากเห็นว่าน้องชายตัวโตของเขากำลังอยากจะออกมาจากกางเกงเต็มทีแล้ว  เธอเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะยั่วเขา  แค่เปลื้องเสื้อผ้าตามปกติ  แต่การค่อยๆ ปลดอะไรไปทีละอย่างแบบนี้  มันชวนให้เขาตื่นเต้น  อยากรู้ว่าเธอจะถอดชิ้นไหนออกอีก  เธอน่ามองกว่าสาวนักเต้นระบำเปลื้องผ้าในโชว์บางคืนที่ไนต์คลับของเขาเสียอีก

"มันควรจะเป็นแบบนั้น"  เธอพูด  แล้วร้องตกใจเล็กน้อย  ตอนมือเขาจับหมับเข้าไปตรงหว่างขาของเธออย่างอดรนทนไม่ไหว  อีกมือก็แทรกเข้าไปสัมผัสกับเนื้ออกของเธอใต้บราเซียร์  เธอครางต่ำในลำคอพร้อมกับขยับตัวคล้อยตามมือเขา  ขณะเดียวกันเธอก็ลูบคลำเขาด้วย  ต่อมาไม่นานเธอก็นั่งอยู่บนตักเขา  หันหน้าเข้าหากัน  เหลือเพียงเสื้อตัวเดียวบนตัว  เล็บของเธอจิกลงกับบ่าของเขา  ต้นคอและทุกส่วนที่มันจะเอื้อมถึงระหว่างที่เธอควบเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย  คล้ายอยากระบายอะไรสักอย่าง  เธอหลั่งรินรดเขา  บีบรัดเขาพร้อมกัน  เขาก็ถึงที่หมายในเวลาห่างกันไม่นาน

"หายคิดถึงหรือยัง"  เธอถาม  ผลักเขาลงนอน  เธอจูบเขาไล่ลงมาจากริมฝีปาก  ผ่านหน้าอก  หน้าท้อง  และหยุดใช้เวลากับตรงนั้น  เขาแอ่นสะโพกโยกหาเข้าเธออย่างลืมตัว  ปากกับลิ้นของเธอทำให้เขาคลั่ง  มือเขากดศีรษะของเธอไว้  กำเรือนผมนุ่มมือของเธอขณะที่เธอปรนเปรอความสุขให้เขาอย่างเต็มที่  เธอไม่เคยรังเกียจเขา  เธอเคยบอกว่าเธอเลียเขาได้ทั้งตัว  มันเป็นแบบนั้นจริงๆ  อาจเพราะเธอเองก็มีความต้องการแบบนั้นด้วยจึงเข้าใจเขามากกว่าแทยอน  แต่ผู้หญิงสองคนของเขาก็มีสไตล์แตกต่างกันอยู่แล้ว

"สะโพกฉันยังดีอยู่ใช่ไหม" 

เขาลืมตามองเธอที่ยังคร่อมอยู่บนตัว  เธอสวยมากเหลือเกิน  ต่อให้มีส่วนเกินที่ผู้หญิงไม่ควรมีก็ตาม  ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นคนที่เขารักมากที่สุด

"ได้ยินด้วยเหรอ"  เขาถาม  ตกใจที่เธอรู้ความคิดเขาตอนนั้นด้วย

"ตอบมา"  ยุนอาพูด  นัยน์ตาสีฟ้าวาววับ  เขาขยับตัวจะหนี  แต่เธอใช้ตัวกดตัวเขาไว้  หัวเข่าแหลมๆ อยู่ห่างจากน้องชายสุดหวงของเขานิดเดียว

"แค่สาธิตให้เจดูเท่านั้นเอง  ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ  ยุน"  เขาละล่ำละลัก  ความจริงถ้าเขาจะจับตัวเธอยกขึ้นแล้วหนีออกไปก็ง่ายนิดเดียว  แต่เขาชอบอยู่ใต้ล่างเธอ  ชอบให้เธอออกคำสั่งเขาแบบนี้  เขารู้สึกว่าเธอเซ็กซี่ดีชะมัด

"เชื่อได้เหรอ"

"เชื่อได้สิคะ  ที่รัก"

มุมปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มพอใจ  เธอยกเข่าออกไปจากระยะน่าหวาดเสียว  และก้มลงจูบเขาเบาๆ  ราวกับให้รางวัลเด็กดี

"เจสสิก้ากระซิบว่า  เจอทิฟฟานี่กับครอบครัวด้วย  จริงหรือ"

"อือ  บังเอิญดีจริงๆ  ดีหน่อยที่เจไม่ไปทักพวกเขา  ฉันกลัวแทบแย่  มันคงกระอักกระอ่วนหน้าดู"

"ใช่  และจริงๆ ฉันก็ไม่อยากให้แทยอนไปยุ่งกับพวกนั้นด้วยนะ  ถ้าเป็นไปได้"

"ทำไมเหรอ  ยุนได้ข่าวอะไรมาเหรอ"

"ยังหรอก  ฉันแค่สังหรณ์ใจเฉยๆ"  เธอตอบ  จูบรอยสักตรงบ่าเขามาถึงหน้าอก  เขาลูบศีรษะเธอ  ครางแผ่ว  ชอบความใกล้ชิดแบบนี้  "มีอะไรกินได้บ้าง  ฉันหิวแล้ว"

"กินฉันยังไม่อิ่มอีกเหรอ"

"มันไม่เหมือนกันย่ะ"  เธอว่า  ชกแผงอกเขาไปหนึ่งทีเบาๆ  เอื้อมมือไปหยิบกางเกงมาส่งให้เขา  และใส่เสื้อของเธอกับกางเกงใน  เขาลุกตามไปกอดเธอจากด้านหลัง  มือกุมหน้าอกเธอพอดี  โนบราตามเคย 

"ปล่อยก่อน  พวกเด็กๆ กับแทยอนจะมาแล้วนะ"  เธอเตือน  แต่กลับปล่อยให้เขาถูคลึงยอดอกของเธอ  และหลับตา  แก้มแดงระเรื่อ  สวยมากจริงๆ

"รู้ไหม  ฉันไม่รู้สึกอยากทำอะไรกับผู้หญิงเลย  แปลกมาก"

"ตั้งแต่ยุนฟื้นมาน่ะเหรอ"

"อืมม์  นั่นแหละ"  เธอตอบ  "ฉันลองดูดเลือดตัวเองไปตรวจอย่างละเอียด  มันก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ  บางทีจิตใจฉันอาจจะป่วย  ฉันอาจจะกลัวอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ  แล้วเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจขึ้น  มันก็เลย..."

"พอเข้าใจได้"  คริสตัลขานรับ  จูบแก้มกับลำคอเธอ  มือเขายังกุมความอบอุ่นของเธอไว้หวงแหนราวกับเป็นส่วนหนึ่งในตัวของตัวเอง  "แต่จริงๆ  ฉันก็ไม่ได้อยากให้ยุนนอนกับคนอื่นหรอกนะ  ถึงจะเป็นแทยอนก็เถอะ"

"ทำไมล่ะ  ขี้โกงนี่  เธอยังนอนกับพวกฉันทั้งสองคนได้เลย  ฉันไม่เคยว่าอะไรเธอเลยนะ  นิสัยผู้ชายชัดๆ  นิสัยไม่ดี"

"ฉันยอมรับ  แต่ฉันหวงนี่  หมายถึงหวงยุนนะ  ส่วนแทยอนก็... อืม...ก็หวงเหมือนกันแหละ  โอย  ฉันบอกไม่ถูกหรอก  ยุนเข้าใจมะ  มันเหมือนเมียสองคนของฉันไปเล่นกันเองลับหลังฉันน่ะ  มันยังไงล่ะ  รู้สึกเหมือนถูกทิ้งมั้ง"

"แล้วถ้าสามคนเหมือนเดิมล่ะ  จะว่าไง"

"แบบนั้นก็ได้  มั้ง?"  เขาตอบ  ยุนอากลั้นยิ้ม  แววตาขบขัน  เธอจูบแก้มเขาเบาๆ  ลูบมือเขาที่ยังแนบอยู่กับอกเธออย่างรักใคร่ 

เขาเข้าใจดี  บางทีที่เขารู้สึกว่าชอบอยู่กับเธอมากกว่าแทยอน  เพราะเธอแสดงออกชัดเจนว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา  ขณะที่แทยอนแค่ยอมให้เขาทำตามใจและคล้อยตามกันอย่างไม่ขัด  น้อยครั้งที่แทยอนจะหยอกเย้าเล่นกับเขาเหมือนยุนอา  ผู้หญิงสองคนของเขานิสัยไม่เหมือนกัน  แต่เขาก็รักพวกเธอ  และกลัวพวกเธอจะทิ้งเขาไป

"ฉันอยากให้เจมีความสุขแบบที่ฉันมีบ้าง  แต่เขาดื้อมากๆ"

"อีกหน่อยก็หายเองแหละ  เชื่อสิ"  เธอกระซิบ  และเลิกคิ้วให้เขาเมื่อเราได้ยินเสียงเซ็งแซ่ดังมาจากประตูห้อง  ดังไกลมาถึงเตียงด้านในนี้เลย

"พวกตัวแสบมากันแล้ว"  เขาพูด  ซบหน้ากับอกเธอสูดกลิ่นหอมอีกทีก่อนปล่อยตัวเธอไป  เธอติดกระดุมเสื้อ  สวมกางเกง  และเดินออกไปรับเด็กๆ ที่วิ่งเข้ามาเกาะขาเธออย่างดีใจ  เขามองเธออยู่บนเตียง  รอยยิ้มติดอยู่บนหน้า  เขาเบนสายตาไปสบตาแทยอนที่มองเขาอยู่  เธอยิ้มให้เขา  แต่ดวงตาไม่ยิ้ม

มานี่เถอะ  ที่รัก... เขาพูดกับเธอในใจ  เธอส่ายหน้าและเลี่ยงไปนั่งลงบนเก้าอี้นวมริมหน้าต่าง  ตำแหน่งประจำที่เธอใช้อ่านหนังสือ  เขาอยากเข้าไปถามว่าเธอเป็นอะไร  หากเด็กๆ ก็ปีนขึ้นเตียงมาเล่นกับเขาแล้ว

"เขาเหม็นกลิ่นเธอ"  ยุนอาเข้ามากระซิบใกล้หูเขา  เธอยิ้มขำๆ

"เอาอีกแล้วเหรอ"  เขาคราง  เหลือบมองภรรยาผู้เป็นแม่ของลูกอย่างเหลือเชื่อ  "วันก่อนยังฟัดกับฉันอยู่เลยนะ"

"มันคนละวันกัน"  ยุนอาว่า  อุ้มครูซไปวางบนตักคุณพ่อ  ส่วนตัวเธอมีแคลร์นั่งเล่นอยู่ด้วยก่อนแล้ว  "ทำใจเถอะ  ดีกว่าเขาหนีเธอไปหาคนอื่นนะ"

"ฉันจะฆ่ามันทิ้งให้ดู"  เขาขู่  ทำตาวาวส่องไปถึงแทยอนที่เหลือบตาขึ้นจากหนังสือมามอง  แล้วเบะปากใส่เขาเหมือนเขาเป็นแมลงสาบไปแล้ว  และเขาก็ได้ยินเสียงยุนอากับเด็กๆ หัวเราะเยาะเขาแทบจะพร้อมกัน

"ครูซ  เราไม่ได้อยู่ทีมเดียวกันหรือไง"  เขาก้มลงถามลูกชายที่เงยหน้าขึ้นมามองตาแป๋ว  ครูซดูลังเลนิดหน่อย  แต่ลูกก็รู้งานดี  ขยับขึ้นมาจูบแก้มเขาด้วยปากแดงๆ แถมน้ำลาย  และหัวเราะกิ๊กเสียงแหลมตอนถูกเขาจับมาฟัดพุง  ดิ้นตีหัวเขาด้วยมือเล็กๆ  สุดท้ายก็กอดเขาด้วยแขนเล็กๆ ที่โอบได้แค่ศีรษะเขาเท่านั้นเอง

ครอบครัว...เขาเคยกลัวคำนี้มาก  "ลูก" ด้วย  แต่วันนี้เขามีความสุขมากๆ  และเขาอยากให้พี่มีความสุขอย่างที่เขามีด้วยเหมือนกัน       


.......................

ยาวไปหน่อย  อ่านข้ามช่วงหลังๆ ไปมั่งก็ได้ค่ะ  มันไม่มีไรหรอก  มีแต่ฉากแบบนั้นน่ะ  555555    :61: :01: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

08 มกราคม 2018 เวลา 09:50:52
 :54: :68:เม็บคงเป็นเบต้าที่มีแรงดึงดูดมากซินะ เจถึงกลัวว่าจะไปฟัดเค้าเข้าให้
แล้วฟานี่นางชัดเจนกะเมียคนนี้แล้วเหรอ เริ่มเซ็งๆกะบ้านแลนดอนแล้ว ซับซ้อนเกิ๊น
แสดงความคิดเห็น