web stats

ข่าว

 


Sparkle_s3 (แฟนฟิค) - บทที่ 9 กอด

โพสต์โดย: anhann วันที่: 19 ธันวาคม 2017 เวลา 23:51:34 อ่าน: 334



บทที่ 9 กอด





เธอชอบเล่นกับรอยสักหมาป่าของเขา  ชอบเอามือลูบไล้มันเล่น  ใช้นิ้วแหย่ปากมัน  บางครั้งก็ทำให้เขาจั๊กจี้จนหัวเราะในลำคอ  แล้วเขาก็จะจับมือเธอไปจูบแผ่วเบา  จูบไปทุกนิ้วจนหัวใจเธอเต้นระรัวขณะมองตาสองสี  และนอนทาบทับอยู่บนตัวเขาทั้งตัว  เนื้อหนังเปลือยเปล่าของเราสัมผัสเสียดสีกันโดยตรงเมื่อปราศจากเสื้อผ้า  อุณหภูมิความอุ่นจากตัวเขาแล่นสู่ร่างกายเธอ  สู่หัวใจที่เคยหนาวเหน็บ  ร่างกายของเธอทนทานความหนาวได้ด้วยสายพันธุ์จิ้งจอกจากขั้วโลกเหนือ  ต่างจากหัวใจ  หัวใจของเธอไม่ต้องการความหนาว  ไม่ยินดีต้อนรับมันอีกต่อไปแล้ว

เธอแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากของเขาซึ่งขยับคล้อยตามเธออย่างไม่ขัดขืน  ครางอืมอย่างชอบใจเมื่อเขาลูบไล้สะโพกของเธอระหว่างปล่อยให้เธอใช้เขี้ยวจิ้งจอกข่วนลิ้นของเขา  ดูดกินเลือด  เธอเผลอฝังเล็บยาวแหลมลงกับแผงอกเขาขณะต้อนรับเขาเข้ามาสู่ตัวเอง  อารมณ์รักเร่าร้อนจากภายในช่วยให้เธอลืมความอึดอัด  ความคับตึงซึ่งเกิดจากความแข็งแรงของหนุ่มแน่นวัยสิบแปดอย่างเขา  จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามทางของมันอย่างระมัดระวัง  เธอไม่ได้ลืมว่ามีอีกชีวิตต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะอยู่รอดอยู่ในท้องของเธอ  เธอรักเขาไม่น้อยกว่าฝาแฝดตัวแสบที่อยู่ในห้องชั้นล่างกับยุนอา  เพียงตอนนี้เธออยากเติมความรักให้กับตัวเองก่อน...อย่างระมัดระวัง

"คริส  ช่วยด้วยสิ  อย่าขี้เกียจ  ฉันเมื่อยนะ"  เธอว่า  จิกอกเขากระตุ้น

"รุนแรงจังเลย  ข่วนฉันทั้งตัวแล้วเนี่ย"

"บ่นทำไม  ไม่มีรอยสักหน่อย"

เขาหัวเราะอีก  หากคราวนี้ไม่ปล่อยให้เธอมีเวลาบ่น  เขาพลิกตัวขึ้นแทนที่เธอ  เงาดำใหญ่โตครอบคลุมตัวเธอจนมิด  สีหน้าเขาจริงจังแลดูน่ากลัว  หากเธอรู้ว่าเขาเบาแรงกับเธอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว 

"ไม่ต้องทนนะคะ  ถ้าเจ็บก็บอก  แล้วฉันจะหยุด"

"ใครจะยอมให้เธอหยุดล่ะ"

เขายิ้มรับคำพูดของเธอ  ก่อนขยับตัวซึ่งทำให้เธอต้องคว้าคอเขามากอดปลอบตัวเอง  มันเจ็บเพราะเขาตัวใหญ่  แต่เขารู้วิธีทำให้เธอมีความสุขจนลืมว่าถูกกระทำอย่างไรบ้าง  บางทีเสียงครางของเขาอาจช่วยให้เธอภาคภูมิใจในตัวเองว่าสามารถทำให้หมาป่าตัวโตยอมสยบให้กับเธอที่ขนาดตัวไม่ถึงครึ่งตัวเขาแบบนี้ได้

"คริส  อย่าเพิ่งหลับสิ  คุยกันก่อน"  เธอเขย่าไหล่เจ้าตัวโตที่ลงไปนอนแผ่หราหมดแรงอยู่ข้างๆ  ตีหน้าอกเขาที่ยังนอนนิ่ง  ก่อนปีนไปนั่งทับอีกรอบ  มุมปากเขาโค้งเป็นรอยยิ้มพอใจทั้งที่ตายังไม่ยอมลืมขึ้นมา

"คริส  ฉันจะไปหาผัวใหม่แล้วนะ  ถ้าเธอยังไม่สนใจฉัน"

"โอเคๆ  แค่นี้ก็ต้องขู่ด้วยเหรอคะ"  คริสตัลลืมตาขึ้น  โอบตัวภรรยาเข้ามาแนบชิดกับตัวเขา  ชื่นชอบกับความรู้สึกที่เนื้อนุ่มหยุ่นเบียดชิดกับเนื้อตัว  เขาคงจะตื่นตัวอีก  ถ้าเธอไม่เบี่ยงเบนความสนใจเขาด้วยเรื่องเล่าที่เขาไม่เคยรู้

"จริงๆ แล้ว  ฉันแอบดีใจนะ  ที่พี่เธอกับทิฟฟานี่ถอนหมั้นกัน"

"ทำไมคะ"

"เพราะการเข้าคู่กันของผู้ที่เป็นจ่าฝูงทั้งคู่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์"

"โอ้  แล้วทำไมคุณไม่คัดค้านแต่แรกคะ"  เขาถาม  พยายามสนใจแต่ใบหน้าครุ่นคิดของเธอขณะที่เธอนอนทับอยู่บนตัวเขาทั้งตัวแบบนี้

"ถ้าฉันพูดไปก็เท่ากับยอมรับความเลวร้ายของตัวเอง  แต่ก็ใช่แหละ  ฉันเป็นต้นคิด  มันเป็นแผนของฉันเอง  หลังจากที่ทิฟฟานี่สติแตกไปหาเรื่องพวกเธอในผับนั่น"

คริสตัลเลิกคิ้ว  หวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นและจำได้ว่าทิฟฟานี่เป็นคนเข้ามาหาเขากับพี่สาวก่อน  แล้วเริ่มเอะใจกับความเปลี่ยนแปลงในบุคลิกของทิฟฟานี่จากวันนั้นมาถึงวันนี้  มันเปลี่ยนไปโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกต  หรืออาจเพราะเขาไม่ได้สนใจจ่าฝูงแลนดอนมากเท่ากับนางจิ้งจอกบนตัวเขาตอนนี้  วันที่เขาเจอทิฟฟานี่  เขาคิดว่าเธอประสาท  เป็นพวกมีปมด้อยชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการหาเรื่องคนอื่น  ต่างจากตอนเจอแทยอน  เขางงและชอบใจกับท่าทางมั่นใจเกินขนาดตัวของสาวร่างเล็ก  แถมไม่โกรธตอนเธอด่าเขาด้วย  เขารู้สึกชอบและอยากเอาชนะเธอ  เธอกระตุ้นนิสัยนักล่าของเขาให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  หลังจากที่เขาพยายามเก็บตัวเงียบเป็นเด็กดีของยุนอา  เพราะทำเรื่องไม่ดีมากๆ เอาไว้

"ฉันกับซอฮยอนช่วยกันคิดแผนให้พี่สาวเธอสนใจตัวทิฟฟานี่แทนที่จะเอาไปเป็นทาสตามสัญญาไร้สาระที่เขาแพ้พนันพวกเธอ"  แทยอนเล่า  ลูบสันกรามคนด้านล่างพร้อมกับรอยยิ้มไม่สบายใจ  "ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาไกลถึงขนาดนี้  ฉันไม่คิดว่าเจสสิก้าจะ --"

"ชอบพี่ฟานี่จริงๆ"

จิ้งจอกสาวเม้มปากแทนคำตอบ  แววตาเศร้าซึมของเธอฉุดให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง  เขาจึงโอบกอดร่างเธอไว้และกระซิบบอกว่าไม่เป็นไร  ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านมาขนาดนี้แล้ว

"ห้าปีที่ทิฟฟานี่ดูแลฝูงกับบริษัทแทนคุณแดร์ริกมา  ฉันเหนื่อยมาก  แต่ก็แน่ละ  ไม่ใช่ฉันเหนื่อยคนเดียว  ยูล  ซอ  เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ  ทุกคนเหนื่อย  เพราะอะไร  เพราะทิฟฟานี่ต้องรักษาตัว  ทำงานเครียดๆ ไม่ได้  นั่นแหละ"

"เป็นโรคซึมเศร้า?"

"ใช่  ไอ้โรคเวรตะไลนั้นแหละ"  แทยอนพูดอย่างแค้นเคือง  "ถ้าไม่มีโดโรธี  มันคงแย่กว่านี้"

"ถ้าอย่างนั้น  ตอนนี้ทำไมคุณยังทำใจร้ายกับเธอล่ะคะ"  คริสตัลถาม  ลูบไหล่บางปลอบใจไปด้วย  "เล่าให้ฉันฟังได้ค่ะ  ถ้าคุณจะสบายใจขึ้น"

"เพราะฉันรู้สึกว่ามันเกินไปหน่อย  สิ่งที่เขาทำ... แล้วก็ดูเหมือนเขาจะไม่คิดว่าจะต้องสนใจว่าฉันคิดเห็นอะไร  ไม่จำเป็นต้องปรึกษา  แต่ที่ฉันทนไม่ได้ที่สุดก็คือ  เขาระแวงฉัน  ทำท่าเหมือนเห็นฉันอยู่คนละฝ่าย  ทั้งที่เขาเองไม่ให้ฉันยุ่งด้วยตั้งแต่แรก"

"เรื่องอะไรคะ"

"รับเมียเก่าของเขาเข้ามาในบ้านไงล่ะ"  แทยอนตอบเสียงไม่พอใจ  "เขาบอกว่าเพื่อลูก  เพื่อโดโรธีจะได้มีแม่อย่างคนอื่นเขาสักที  แต่แม้แต่ซอยังรู้เลยว่า  มันแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ"

"ข้ออ้างเพื่อ..."

"เพื่อจะได้อยู่ใกล้กัน"

ใบหน้าของคริสตัลฉายแววเข้าใจขึ้นมาทันที  กระนั้นเขาก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องที่แทยอนเคยต่อว่าเขาเวลาที่เขาทำท่าไม่ชอบใจกับการที่ทิฟฟานี่ไปทำงานตูนีเซียกับแครีนและโดโรธี  เขาคิดว่าเธอต้องการให้ทิฟฟานี่เป็นอย่างที่เธอคิดและภาวนาอยู่ในใจ  ซึ่งดูเหมือนมันจะไม่สำเร็จ  เบื้องบนปฏิเสธคำขอนี้ของเธออย่างโหดร้ายทารุณ  ลุกลามไปถึงการตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอดีตเด็กในความดูแลที่เธอรักเอ็นดูเหมือนลูกในไส้ด้วย

จริงๆ แล้วเขาค่อนข้างพอใจด้วยซ้ำที่เธอออกมาจากแลนดอนได้สักที  แต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอแล้ว  เขากลับอยากให้เธอกลับไปมากกว่า

"คุณไม่คิดหรือคะ  ว่าตอนนี้ทิฟฟานี่ต้องการคุณที่สุด  ไม่ใช่คนรัก"

แทยอนสั่นศีรษะ  "ไม่รู้สิ  ฉันไม่อยากเดาใจคนแบบนั้นแล้ว  ตอนนี้ฉันเหนื่อยเต็มที"

"งั้นหลับไหม  อยู่บนนี้ก่อน  ยังไม่ต้องลงไปหาแฝด"

"ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว"

"ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ"

"แล้วถ้ายุนอาน้อยใจ..."

"ยุนไม่มีเวลาคิดเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ"  คริสตัลพูด  ลูบแผ่นหลังบางให้แทยอนเอนตัวลงนอนบนอกเขา  เขาจูบศีรษะของเธอ  พลางดึงผ้าห่มมาคลุมเรือนร่างสวยงามเยี่ยงหญิงสาวที่เขาชื่นชอบ

"ฉันรู้สึกเหมือนทำอะไรก็ผิด  คริส  ฉันแย่แบบนั้นไหม"  แทยอนพูดเสียงเบา  มองสบตาสองสีที่มองมาอย่างเห็นอกเห็นใจ  "ไม่ต้องพูดก็ได้  เธอกับพี่เธอก็เหมือนกันแหละ  ขี้สงสาร  เป็นปีศาจบ้าบออะไรก็ไม่รู้"

"ฉันไม่ได้สงสารคุณนะ  แทยอน  ฉันรักคุณ"  คริสตัลบอก  แทยอนเบะปากนิดหน่อย  ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ  หากหลับตาลงและจูบซอกคอเขา

"ตามกฎของหมาป่าเท่าที่ฉันรู้มา  จ่าฝูงมีได้เพียงคนเดียว  ดังนั้น..."

"ถ้าเจแต่งงานกับพี่ฟานี่ก็จะต้องมีใครคนหนึ่งลงจากตำแหน่ง  และย้ายมาอยู่กับอีกฝูงซึ่งเป็นสามีหรือภรรยาของตัวเอง"  คริสตัลต่อประโยคให้  แทยอนฮัมรับ

"และเท่าที่เธอเห็น  จะมีใครในสองคนนี้ที่จะยอมลงจากตำแหน่งบ้าง  ไม่มีทางเลยใช่ไหม"

"แล้วที่ผ่านมาแปลว่าอะไรคะ"

"เรา...เอ่อ  แลนดอนแค่ต้องการบารมีจากสมิธคุ้มครอง"  แทยอนพูดไม่เต็มเสียง  "น่าเกลียดสินะ  เธอจะต่อว่าฉันก็ได้นะ  คริส"

คริสตัลสั่นศีรษะ  "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  สมิธเองก็ไม่ได้ดีนักหรอก"

"ทำไมเธอพูดงั้นล่ะ  พวกเธอไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย"

"มีสิคะ  คุณก็เห็นอยู่แล้ว"

แทยอนสบตาสองสี  พลางถอนหายใจปลง  เธออยากจะหยุดสนใจเรื่องราวรอบตัว  และสนใจแค่ตัวเองกับครอบครัวของเธอ  หากมันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน

"อยู่กับฉันแค่ฉันหลับก็ได้  ฉันไม่เป็นไร  อยู่มาได้ตั้งหลายร้อยปีแล้ว"

"อย่าพูดเรื่องอายุสิ  คุณแท  อย่าให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังทำมิดีมิร้ายบรรพบุรุษตัวเองอยู่สิคะ"

แทยอนลืมตาโพลงขึ้นมาทันที  เห็นคริสตัลกำลังยิ้มล้อเลียนเธออยู่ก็ยกมือขึ้นมาแปะหน้าผากโหนกๆ ของเขาอย่างแรงจนร้องโอยออกมา

"ปากเสีย  ชอบแกล้งฉันตลอด  ถ้าลูกคลอดออกมาแล้วนิสัยเหมือนเธอนะ  ฉันจะตีให้ก้นลายเลย  คอยดูสิ"

"โอ้  มิน่าครูซฟ้องตลอดเลยว่าถูกคุณแม่ตีก้นประจำ"

"ถามลูกเธอสิว่า  ดื้อและซนมากแค่ไหน  นั่นยังน้อยไปด้วยซ้ำ"

คริสตัลตาโต  ทำคอหดอย่างหวาดเกรง  รับมือเล็กที่จะตีเขาเอาไว้

"ใจเย็นก่อนค่ะ  คุณแม่  ตอนนี้นอนก่อนเนอะ  เพราะถ้าไม่นอน  ฉันจะไม่ให้นอนแล้วนะ"

แทยอนรีบหลับตาปี๋เป็นเด็กๆ  คริสตัลหัวเราะคิก  เขาหอมศีรษะเธออย่างกับว่ามันหอมมากอย่างนั้น  และหลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้ตัวแล้วว่าหลับไปจริงๆ ตอนไหน

........................................

เขาส่งแทยอนกลับห้องชั้นล่างมาหาฝาแฝดตอนประมาณตีสองครึ่งหลังจากปล่อยให้เธอหลับไปได้สองชั่วโมง  เธอตื่นขึ้นมาเองด้วยความเป็นห่วงเด็กๆ  จึงปลุกเขาให้มาด้วยกัน  มาถึงห้องก็พบว่ายุนอายังทำงานอยู่จริงอย่างที่เขาคาด  ก้มหน้าก้มตาอยู่กับแล็ปท็อป  ครูซนอนตัวกลมอยู่ข้างๆ  แคลร์เล่นอะไรอยู่คนเดียวตาแป๋ว  ไม่มีแววง่วงให้เห็นสักนิด  ไม่เหมือนตอนกลางวัน  เขายกมือทักทายยุนอาที่ยอมเงยหน้ามามองนิดหนึ่ง  แทยอนก็แค่พูดว่า "ไฮ" สั้นๆ แต่ได้ใจความ  ก่อนขอให้เขาช่วยพาเด็กๆ ไปยังเตียงของลูก  และบอกว่าจะอยู่กับลูก  ให้เขาไปที่อื่น

โอเค... ให้มันได้แบบนี้สิ  ใช้งานเขาเสร็จแล้วใช่ไหม 

เขาไม่อยากจะบอกเลยว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน  เธอชวนเขาให้ขึ้นไปห้องข้างบนด้วยกัน  เธอถกกระโปรงให้เขาตั้งแต่อยู่ในรถแล้วด้วยซ้ำ  เขาแทบจะครองสติพารถกลับบ้านไม่ไหวเลย  เธอเป็นนางจิ้งจอกตัวร้ายที่แท้จริง  แต่ถึงเขาจะรู้ว่าถูกเธอใช้งาน  เขาก็ยอมตลอด  ใครล่ะจะไม่ชอบเป็นม้าให้เมียขี่  เขาคนหนึ่งละ  ที่ชอบมันมากๆ

เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างยุนอาซึ่งเปลี่ยนจากท่านั่งพิมพ์แล็ปท็อปบนตักเป็นนอนทำงานแล้ว  เขานั่งมองเธอจนเธอยอมหันมามองด้วยหางตา  แววตาแบบนี้ทำให้เขาขนหัวลุกทุกครั้ง 

"รู้ไหม  ฉันทำอะไรอยู่"  เธอถาม  เขาส่ายหน้า  เธอจึงพยักหน้าเรียกให้เขาก้มลงไปดูแล็ปท็อปของเธอใกล้ๆ  มันเป็นภาพที่ส่งมาจากกล้องวงจรปิดที่ไนต์คลับของเขาเอง  แต่จงใจซูมใบหน้าของคนกลุ่มหนึ่งในฟลอร์เต้นรำ  ตรงบาร์เหล้า  และทางไปห้องน้ำ

"นั่นไม่ใช่สเตฟานี่"  เขาบอกเธอ  คิดว่าฝาแฝดแลนดอนคงไม่ได้ใส่ชุดเดียวกันมาไนต์คลับของเขาแน่ๆ 

"ฉันรู้  ตาสองข้างของเขาสีไม่เหมือนกัน  และแน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นแบบเธอ"  ยุนอาพูด  "ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวว่าทำคอนแทคเลนส์หลุด"

"คุณแทเอามันมา  ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเธอทำได้ยังไง"

"เธอไม่อยากรู้หรอก"  เธอบอก  ทำให้เขาเริ่มกลัวจิ้งจอกแล้ว

"แล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง"  เขาเปลี่ยนเรื่อง  ขมวดคิ้วเพ่งมองเหตุการณ์ในคลิปพลางพูด  "เขาบอกกับแทยอนว่ามาทำงาน  แต่ไม่ได้บอกว่างานอะไร  ยุนให้ข้อมูลอะไรเขาไปเหรอ"

"ให้สเตฟานี่  แต่พวกเขาเป็นพี่น้องกันนี่  จริงไหม"  ยุนอาบอก  "แต่เธอเห็นไหมว่า  เขาไม่ได้อยู่กับเป้าหมายคนเดียว"

คริสตัลมองตามนิ้วชี้ของยุนอา  เขาเห็นผู้หญิงผมทอง 

"ดูผิวเผินก็คงจะคิดว่าเป็นสเตฟานี่ตัวจริง  ใช่ไหมล่ะ"

"อืม  ตอนแรกแทยอนก็พูดแบบนั้น  แต่อยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนคำ  แต่เธอคงจะมองออก  เพราะดูแลมาตั้งแต่แบเบาะ"

"ใช่  ไม่มีแม่ที่ไหนจำลูกตัวเองไม่ได้"  ยุนอาเห็นด้วย  "โอเค  เราจะทำเป็นลืมประเด็นนี้ไปก่อน  ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีขึ้นมากจนหนีบกันไปทำงานด้วยได้  เพราะยังไงก็คงไม่มีผลอะไรกับเราแล้ว  หรือถ้าเธอยังหวังให้เขามาง้อพี่สาวของเธอ  และกลับไปหมั้นกันอีก  เราจะพูดถึงมันก็ได้นะ"

"เรื่องงานดีกว่า  ยุน  เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องของฉัน"  คริสตัลตัดบทฉับ  ยุนอาทำหน้าตาทึ่งนิดหน่อย  หากดูค่อนข้างพอใจ 

"โอเค  งั้นเรามาดูตรงนี้กันต่อ  หลังจากที่นานะ  หรือนีนา  รอสส์หายไปจากฟลอร์  สเตฟานี่หรือทิฟฟานี่ตามที่แทยอนยืนยันก็หายไปด้วย  ซึ่งก็กลายเป็นว่า  เขาตามพวกเธอออกไปที่ลานจอดรถ  ถูกไหม"

คริสตัลพยักหน้ารับ  สบตาสีฟ้าของยุนอานิดหนึ่งก่อนถูกเธอดึงคางให้กลับมาสนใจคลิปตัวที่สองที่เธอเปิดให้ดู  เขาเห็นสเตฟานี่หรืออาจจะเป็น ทิฟฟานี่  แฝดคนใดคนหนึ่งอยู่กับนานะโดยมีแครีนอยู่ในระแวกใกล้ๆ นั้นเหมือนเดิม  เธอบอกให้เขาดูตัวเลขที่ภาพถูกบันทึกไว้และเอามาเทียบกับคลิปตรงลานจอดรถซึ่งทิฟฟานี่เกาะรถของเขาอยู่ 

"พวกเขาทำบ้าอะไรกัน"

"อาจเป็นไปได้ว่า  ทิฟฟานี่เห็นเธอกับแทยอนเลยตามออกไป  ทำให้แครีนต้องเรียกสเตฟานี่ที่แสตนบายด์อยู่ใกล้ๆ มาแทน  เพื่อจัดการเรื่องให้จบ  หรือทิฟฟานี่อาจตั้งใจมาขัดขวางงานของแฝดผู้พี่โดยปลอมตัวมาแทน  แต่ดันไปเจอพวกเธอก่อน  เลยยอมทิ้งงานไป  มันอาจไม่สำคัญเท่าไหร่มั้ง  แต่อันนี้ฉันก็แค่เดาเอานะ  ช่วงนี้เราก็ได้แค่เดาเท่านั้น  ฉันยังไม่ด่วนสรุปอะไรนอกจากจะมีความเคลื่อนไหวใหม่"

"ถ้าจำไม่ผิด  เจบอกกับสเตฟานี่ไว้ว่า  ถ้าเขาจับตัวการตัวจริงได้  สภาสูงจะถอนข้อกล่าวหาที่เขาเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด  เขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์  จะไม่มีใครคอยเดินตามก้นเขาอีก  ไม่ต้องมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติ"

ยุนอาพยักหน้า  "ถ้าอย่างนั้น  เราควรปล่อยให้เขาแสดงฝีมือดีกว่า  ดีไหม  เราก็คอยสอดส่องเฉยๆ  ไม่ต้องเหนื่อย"

คริสตัลเลิกคิ้ว  มองภรรยาอย่างไม่เชื่อว่าเธอจะทำแบบนั้นได้จริง  แต่เธอก็ปิดโปรแกรมทั้งหมดลงรวมทั้งแล็ปท็อป  จากนั้นก็ส่งมันให้เขาเอาไปเก็บ  ส่วนตัวเธอก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม  ถอดกางเกงออกมายื่นให้เขาอีกอย่าง  พอเขารับมันมาแล้ว  เธอก็หลับตาพลิกตัวนอนตะแคงเฉยเลย

"นี่ยุน --"

"นอนซะ  พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ"  ยุนอาตัดบทเขาอย่างไม่มีเยื่อใย  เขาได้แต่บ่นพึมพำว่า  'มันไม่ใช่โรงเรียนสักหน่อย  มหาลัย'  แต่เธอก็ไม่สนใจแล้ว  หลับง่ายดายขึ้นมาเลยนะเวลาแบบนี้

"ถ้าเธอไม่เบื่อจะกอดฉัน  จะกอดก็ได้นะ  เพราะตอนฉันหลับ  ฉันคงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก"  เธอกระซิบออกมาเบาๆ ทั้งที่หันหลังให้อยู่  เขากัดปาก  นึกหมั่นไส้เธอขึ้นมานิดๆ  แต่ก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธคำเชิญชวนของคนฟอร์มจัดแบบนี้หรอกนะ

..................



เจสสิก้าสั่นศีรษะเบาๆ ระหว่างมองคุณแม่กับคุณลูกหลับอยู่ด้วยกันบนโซฟาเดี่ยวใกล้เปลของลูก  คิดว่าเม็บคงให้นมเจย์เดนแล้วเผลอหลับไปด้วย  เธอเลยได้เจอภาพน่ารักๆ ของทั้งคู่แบบนี้  แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้วละ

หลังจากยุนอากลับห้องไปอยู่กับลูกๆ แล้ว  เธอก็ทำงานต่อคนเดียวจนลืมเวลา  ดูนาฬิกาอีกทีก็ตีสองกว่าแล้ว  จึงรีบกลับห้องเพราะกลัวลูกชายจะอยู่คนเดียว  พอมาถึงก็รู้ทันทีว่าทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงเขางอแงเลยสักนิด  เม็บคงอยากอยู่เป็นเพื่อนเขาจนกว่าเธอจะกลับมา

บางทีเธอก็อยากละเมิดคำปฏิญาณของตัวเอง  อยากอ่านใจผู้หญิงคนนี้ดูสักที  หากที่สุดแล้ว  เธอก็ปล่อยความคิดนั้นให้ลอยหายไป 

หนังสือมันจะน่าสนใจเมื่อเราเริ่มต้นอ่านมันตั้งแต่หน้าแรกด้วยตัวเอง  เธอได้ประสบการณ์มาแล้วกับใครอีกคน  การอ่านใจคนได้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย  เพราะบางเรื่องเราก็ไม่ควรไปอยากรู้  ถ้ารู้แล้วมันจะทำให้เราไม่สบายใจ  แต่คุณอาจจะเถียงว่า  คนไม่รู้อาจมองดูเป็นคนโง่  ตามใครไม่ทันก็ได้  นั่นอาจจะมีส่วนถูก  ถึงอย่างนั้นการอ่านใจคนก็เป็นดาบสองคม  มีทั้งประโยชน์และโทษอยู่ด้วยกัน  ในบางครั้งอาจมีโทษมากกว่าด้วย  อย่างเช่น  การล่มสลายของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอดีตคู่หมั้น  จนกระทั่งวันนี้เธอก็ยังโทษตัวเองว่า  "ไม่ควรจะไปอยากรู้มันเลยนะ"  "ถ้าไม่รู้จะดีกว่าไหม" หรือ "มันจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นหรือเปล่า"  เพราะก็ต้องยอมรับว่า  เมื่อรู้เข้าแล้ว  เธอก็แกล้งทำเป็นโง่ไม่ได้เสียด้วย  แล้วมันก็ออกมาหมดทั้งทางหน้าตาและการกระทำ  ไม่ว่าจะพยายามปิดไว้อย่างไรก็ตาม

และวันนี้...เธอไม่อยากรับรู้อะไรนอกเหนือจากที่เห็นอยู่อีกแล้ว

"นี่  ตื่นเถอะ  นอนตรงนี้ไม่สบายตัวหรอก"  เธอลองเขย่าไหล่คนหลับดูเบาๆ  ประมาณเกือบสองนาทีได้  หญิงสาวจึงขยี้ตางัวเงีย  ดูอ่อนเพลียอย่างน่าสงสาร  เธอเข้าใจว่าเลี้ยงเด็กมันเหนื่อย  เพราะเธอก็เหนื่อยเหมือนกัน

"กี่โมงแล้วคะ"  เม็บถาม  ก้มลงมองลูกชาย  โล่งอกที่ตนไม่ได้กำลังโป๊อยู่  แล้วลูกก็ไม่ได้ร่วงลงไปนอนบนพื้นแทนที่จะอยู่ในอ้อมแขนของเธอ

เธอเพิ่งเลี้ยงเด็กทารกเป็นครั้งแรกในชีวิต  อุ้มเด็กตัวจิ๋วขนาดนี้ก็ด้วย  หากไม่ได้แทยอนคอยสอน  คอยแนะนำให้  ทั้งเรื่องการอุ้ม  การให้นม  การอาบน้ำ  การดูแลเรื่องต่างๆ ให้กับเขา  ตอนนี้เธอก็คงยังทำอะไรไม่เป็น

"ตีสองกว่าแล้ว"  เจสสิก้าตอบ  ส่งมือไปขอรับลูกชายมาจากคุณแม่ของเขา  เธอรอให้เม็บเป็นคนส่งเขามาเอง  ไม่อยากไปฉกมาจากอก  เดี๋ยวจะไปแตะต้องตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจอีก  เธอไม่อยากเห็นแววตาหวาดกลัวแบบนั้น

"งั้นฉันไปนอนแล้วนะคะ  พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"  เม็บบอกกับคนที่เดินมาส่งเธอที่หน้าประตูห้อง  หลังจากส่งลูกลงนอนเปลของเขาด้วยกันแล้ว

"เดินระวังด้วย  ซันนี่ปิดไฟหมดแล้ว  งกมากอย่างกับจ่ายค่าไฟเอง"

"คุณซันนี่น่ารักออกค่ะ  อย่าไปว่าเธอสิ" 

เจสสิก้ายิ้มรับน้ำเสียงขี้เล่นของคนที่ดูเหมือนจะสร่างง่วงไปได้หน่อยแล้ว  เธอยืนมองจนกระทั่งร่างของเม็บหายไปในความมืดของทางเดินจึงปิดประตู  กลับเข้ามาในห้อง  ยืนพิงประตูอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งความรู้สึกอยากจะออกไปจากห้อง  เดินไปส่งแม่ของลูกจนถึงห้องหมดไป  แล้วจึงเดินกลับมาดูลูกอีกครั้ง  ก่อนปีนขึ้นเตียงตัวเองที่นอนคนเดียวลำพังมาโดยตลอด

..................................................

เธอนอนมองเพดานว่างๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า  ไม่รับรู้ว่าเวลาเคลื่อนไปถึงไหนแล้ว  ความคิดล่องลอยไปอยู่ที่ใดก็ไม่ทราบ  เธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำ  อาการแบบนี้เข้าใกล้จุดอันตรายหรือยังนะ  เธอจำเป็นต้องบอกเขาหรือเปล่า...ก็คงต้องบอก  เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนั้นอีกแล้ว

"นอนไม่หลับเหรอ"

เสียงคุ้นหูปลุกเธอออกจากภวังค์  และรับรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว

"แล้วเธอล่ะ  ตื่นมาทำไม"  เธอย้อนถาม  เห็นเจ้าของตาสีฟ้ามุ่นคิ้วอยู่ในความมืด  จึงเอื้อมมือไปใช้นิ้วคลายรอยย่นนั้นออกให้  และถูกตีมือเบาๆ

"ถามอย่าง  ตอบอีกอย่าง"

"เอ้า  ก็เธอรู้อยู่แล้วนี่  จะถามทำไม"  เธอว่า  คนร่วมเตียงย่นจมูกให้  ก่อนพลิกตัวหนี  ตะแคงหันหน้าไปอีกด้านจนเธอเห็นแค่แผ่นหลังขาวอมชมพูซึ่งผ้าห่มคลุมไม่มิด  พานให้คิดสงสัยไปว่า  ผู้หญิงเวลามีลูกแล้วผิวพรรณดีขึ้นหรือเปล่า  หรือการทรานส์ฟอร์ม (Transform) จากมนุษย์เป็นหมาป่าจะมีส่วน

"นี่  ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนกันไง  ไหงทิ้งกันแบบนี้ล่ะ"  เธอแกล้งสะกิดไหล่ขาวๆ ด้วยปลายนิ้ว  ผู้หญิงที่หันหลังให้อยู่ก็ปัดมันออกเหมือนยุง

"โอเค  เมินไปเถอะ  ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่อยู่แล้ว  อย่ามาร้องไห้ก็แล้วกัน"

"อย่ามาพูดแบบนี้นะ  ฟานี่  เรื่องนี้มันใช่เรื่องล้อเล่นกันเหรอ"

ทิฟฟานี่หน้าเหวอ  เธอโดนจู่โจมไม่ทันรู้ตัว  หากกลับไม่นึกรังเกียจมือนุ่มๆ แต่แข็งแรงที่กำลังทำท่าเหมือนอยากจะบีบคอเธออยู่  แค่เพียงเลื่อนจากบ่าขึ้นไปอีกนิดเดียว

"เธอไม่มีทางรู้หรอกว่า  คนที่อยากอยู่แต่ต้องมาตายน่ะ  มันทรมานมากแค่ไหน  แต่ก็ใช่อีกนั่นแหละ  ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนแบบเธอจะต้องอยากตายด้วย  มันเหมือนมีปีศาจอยู่ข้างในตัวใช่ไหม  มีตัวร้ายที่คอยทำลายเธออยู่ใช่หรือเปล่า  ถ้าใช่...ก็แค่ให้รู้ไว้ว่าเธอไม่ได้โดดเดี่ยว  ไม่ได้สู้กับมันอยู่คนเดียว  ไม่ได้อยู่ในโลกเส็งเคร็งใบนี้คนเดียว  เธอยังมีโดโด้  มีฉันอยู่  ฉันจะอยู่ตรงนี้  คอยฟังเธอ  ไม่ว่าเธออยากจะพูดอะไร  ถึงจะทำอะไรไม่ได้มากเท่าที่เธออยากได้  แต่ฉันขอ  ฟานี่  อย่าปิดกั้นตัวเอง  ยอมรับมือที่จะยื่นเข้าไปช่วยเธอ  เธอมีค่าเสมอ  ไม่ว่าใครจะพูดยังไง  เธอมีค่าสำหรับลูก  สำหรับฉัน"

ทิฟฟานี่นิ่งไปพักใหญ่  จนเห็นอีกฝ่ายตาแดงๆ ก็ใจหายวาบ  เธอยกมือขึ้นลูบแก้มขาวเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำใสๆ  แต่ยังคงพูดอะไรไม่ออก

"และอีกอย่างนะ  แทยอนน่ะรักเธอ  เขาก็แค่อยากสั่งสอนเธอเท่านั้น  ถ้าเธอจะเข้าใจ..."

"ฉันเข้าใจ  เข้าใจแล้ว  แครีน"  เธอพูดออกมาจนได้  พลางยิ้มให้คนที่ยังทำตาแดงๆ ใส่เธออยู่  ก่อนดึงตัวเข้ามากอดกัน  "ขอบคุณนะ  ที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด  ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้"

"ก็... ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่"  แครีนตอบ  หน้าเจื่อนไปนิดหน่อย  หากยังพยายามจะยิ้ม  "งั้นจะนอนได้หรือยังล่ะ  พรุ่งนี้ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ"

"โอเค  นอนก็ได้  แต่ขอยืมตัวเป็นหมอนข้างหน่อยนะ"

"ขาดความอบอุ่นหรือไง"

"อื้อ"  ทิฟฟานี่ตอบสั้นๆ  หากตาเป็นประกายและมีรอยยิ้ม  แครีนทำหน้าเอือมนิดหน่อย  ก่อนคลี่ยิ้มออกมา  เธอก็ใช่ว่าจะชอบอยู่บนเตียงกว้างๆ กับห้องใหญ่ๆ เพียงคนเดียวเหมือนกัน   


............................


ว่าจะไม่มาแล้วเชียวนะ  แต่ก็เอาเถอะ   :53: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

03 มกราคม 2018 เวลา 11:47:06
เคยคบคนเป็นโรคซึมเศร้า เข้าใจว่ายังไง

20 ธันวาคม 2017 เวลา 14:15:58
บางครั้งโรคซึมเศร้ามันก็ทำร้ายคนรอบข้างไปด้วย
แสดงความคิดเห็น