web stats

ข่าว

 


ดวงใจนิรันดร์กาล ตอนที่ 7

โพสต์โดย: ยามเย็น วันที่: 03 กุมภาพันธ์ 2018 เวลา 19:55:20 อ่าน: 120



คุณมะลิเนี่ยสวยจริงๆ เลย... สมเป็นแวมไพร์ดวงใจของนารา

.............ตอนนี้โพสตอนที่ 7 แต่อาจจะไม่ได้โพสต่อเนื่องเพราะแต่งยังไม่จบจริงๆ กลัวว่าต้องมาตามแก้เนื้อหาทีหลังเพราะตกหล่นเลยอยากเก็บรายละเอียดให้มันครบองประกอบเรื่องก่อน

แต่เค้ามาโพสก่อนเพราะรู้ว่ารีดรออ่าน พอรอนานๆ แล้วมันก็หงุดหงิดอะเนาะ...อิอิ เค้าเข้าใจน้า แต่ใจเย็นๆ กันนะทุกคน บางทีเค้าก็ไม่ว่าง ต้องทำนั่นนี่ พอว่างถึงได้มาตามเขียนเรื่องที่แต่งไว้ ตอนนี้ก็จะจริงจังพยายามอย่างเต็มที่ให้เรื่องนี้จบ จะได้โพสอย่างต่อเนื่อง ทุกคนจะได้ไม่ค้างงงงงงงง

(รักมะลิสิ รักมะลิสิ) ..................เชื้อเชิญให้รักคุณมะลิของเค้า ปลื้ม คุณมะลิสวยยยยยย

...

วันข้างหน้าเราไม่อาจรู้ได้ว่าชีวิตจะต้องเจอกับอะไร..นาราคิดแบบนี้เสมอตั้งแต่เสียพ่อแม่ไปเพราะงั้นไม่ว่าจะรู้สึกหรืออยากทำอะไรนาราก็จะทำเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลัง

มะลินั่งอ่านหนังสือในห้องผู้ป่วยที่นาราพักอยู่ ตอนนี้ยายของนารานอนไปตั้งแต่ 2 ทุ่ม บนเตียงที่เอามาเสริมให้ในห้องนี้เพราะยายของนาราไม่ยอมไปนอนในห้องรับรองสำหรับคนมาเฝ้าแต่อยากนอนห้องเดียวกับหลาน

ส่วนนาราที่เป็นผู้ป่วยกลับไม่อยากนอนเพราะมีมะลิมาอยู่ในห้องด้วย ใจนึกอยากถามเรื่องแวมไพร์แต่เธอไม่อยากถามเพราะกลัวยายจะได้ยิน ก็ใครจะไปรู้ว่ายายหลับสนิทรึป่าว..อาจจะบังเอิญตื่นมาได้ยินก็ได้

"ทำไมยังไม่นอนหืม" มะลิถาม นาราพลิกตัวหันไปทางมะลิ

"คุณมาเฝ้าฉันแบบนี้ คุณสะดวกแน่เหรอคะ?"

"ก็เธออยากให้ฉันมานี่ เธอขอฉัน จำได้ไหม?" มะลิถามกลับ นาราพยักหน้านึกถึงคำขอที่ตัวเอง เธออยากให้มะลิอยู่กับเธอก่อนเธอนอน หากเป็นไปได้ก็อยากให้อยู่ด้วยทุกคืน

"ก็ใช่ค่ะ แต่พอถึงตอนนี้แล้วฉันก็รู้สึกเกรงใจ"

"ฉันไม่เป็นไรค่ะ" มะลิบอกแล้วยิ้มให้นารา พอเห็นว่านาราเหมือนมีอะไรอยากจะพูดมะลิก็ฟังเสียงลมหายใจของยายพิศมัย "มีอะไรอยากจะพูดไหม ยายเธอหลับสนิทหายห่วง"

"ทำไมฉันยังรู้สึกไม่ต่างจากเดิมนักคะ ฉันก็รู้สึกอยากมองคุณ อยากให้คุณอยู่ใกล้ แม้จะไม่เหมือนเพ้อหาแต่ฉันก็ยังคิดถึงคุณอยู่ดี" นาราถามเสียงเบาคล้ายกระซิบซึ่งมันไม่มีปัญหากับการได้ยินของมะลิ มะลิขมวดคิ้วลดหนังสือลงพร้อมกับมองหน้าอีกคน

"ไม่ต่างจากเมื่อตอนกลางวันเลยเหรอ?" มะลิถาม

"มันก็ต่างออกไปเล็กน้อยนะคะ ฉันไม่ได้เพ้อหลงละเมอจนอยากร้องไห้หาคุณ แต่ฉันก็ยังคิดและรู้สึกไม่ต่างจากเดิมนัก" นาราบอกตามตรง มะลิลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้นวมข้างเตียง

"เธอคิดกับฉันยังไงกันแน่นารา" มะลิถามตรงประเด็น "เธอเคยมีแฟนไหม?"

"เคยค่ะ"

"งั้นก็คงจะแยกแยะความชอบพอได้ใช่ไหม เธอคิดยังไงกับฉัน?" มะลิถามด้วยท่าทีที่จริงจัง

"ก็..กับคนที่เคยเป็นแฟนฉันก็ยังไม่เคยคิดอะไรได้มากขนาดนี้ ฉันอยากเจอคุณแม้แต่ในยามที่จะนอนหลับฝัน ทุกคืนก่อนนอนฉันจะคิดถึงแต่คุณ เวลาทำงานก็คิดถึง ฉันคิดถึงคุณทุกวินาที" นาราบอก

มะลิจ้องตาอีกคน จนคนโดนจ้องหลบสายตาไปด้วยความเขิน เธอรู้ว่านาราอายมากที่บอกเธอตรงๆ แต่คงเป็นเพราะนาราเป็นคนเถรตรงเลยพูดมันออกมาอย่างไม่อ้อมค้อมปิดบัง

"..." นารามองหน้ามะลิเมื่อมะลิไม่พูดอะไร เธอรู้สึกประหม่าและเริ่มใจห่อเหี่ยวเมื่ออยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนเธอกำลังอกหัก สารภาพรักแล้วกำลังโดนปฏิเสธ

"คุณมะลิพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ ฉัน.." นาราพึมพำ ตาสวยเริ่มมีน้ำตาคลอ มะลิมองดวงหน้าของนาราอย่างอ่อนใจ

"นี่เป็นสิ่งที่เธอคิดกับฉันจริงๆ สินะ ไม่ได้รู้สึกแบบเพื่อน...เธอรู้สึกกับฉันแบบชู้สาว?"

"แบบคนรักค่ะ" นาราพูดเสียงอ่อน "ไม่ได้เป็นชู้"

"ฉันก็หมายถึงแบบนั้นแหละ" มะลิพูดพร้อมกับยิ้มขำให้กับความซื่อของอีกคนที่ไม่เข้าใจคำว่า ?ชู้สาว? ในความหมายของเธอ

"ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว คุณจะเอายังไงกับฉันต่อคะ" นาราถามเสียงสั่นกลัวว่ามะลิจะรังเกียจตัวเองที่มีใจชอบผู้หญิง นาราเองก็ไม่เคยชอบผู้หญิงมาก่อนเหมือนกันแต่เธอมั่นใจว่าตัวเองชอบมะลิแน่ อาจจะเลยเถิดเป็นรักเลยก็ได้

ไม่สิมันเป็น ?รัก..เธอรักมะลิ "แต่ฉันไม่สนหรอกนะคะถึงแม้ว่าคุณจะไม่ตอบรับความรู้สึกของฉัน อย่างน้อยก็ได้เป็นเพื่อนกันก็ยังดี ฉันจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณเลยค่ะ"

มะลิยิ้มเล็กน้อยภายในใจรู้สึกหวั่นไหวกับท่าทีไม่มั่นใจของอีกคน แถมยังคำพูดคำจาเหล่านั้นที่ทำให้เธอชอบใจอีก

"จะตัดพ้อหรือเรียกร้องความสนใจด้วยคำพูดแบบนั้นอีกนานไหม?" มะลิถาม มือก็ลูบผมอีกคนเบาๆ

"คุณไม่รังเกียจเหรอคะ?" นาราถามเสียงเบาแล้วเริ่มสะอื้นเพราะรู้สึกอ่อนแอมากในตอนนี้..เธออยากให้อีกคนสนใจ เห็นใจ อ่อนโยนเอาใจเธอ

มะลิเพิ่งรู้สึกตัวตอนนี้เองว่าเธอรู้สึกดีกับนาราไม่ต่างกันเพียงแต่มันเพิ่งถูกจุดประกายขึ้นมาเมื่อเห็นความน่ารักของอีกคน นาราคนเข้มแข็งคนนั้นกำลังอ้อนเธอ เรียกร้องให้เธอเห็นใจความรู้สึกของตัวเองอยู่

"ไม่หรอก ไม่รังเกียจเลยค่ะ" มะลิบอกพร้อมกับยิ้มให้อีกคนอย่างอ่อนโยน มือก็ปาดน้ำตาให้อีกคนด้วยความเอ็นดู "อย่าร้องนะ..นาราคนที่ร่าเริงและช่างพูดไม่ควรจะมีน้ำตานะคะ"

"ก็?ฉันกลัวคุณจะเกลียดฉันนี่" นาราพึมพำแล้วทำหน้าเหมือนเด็กขี้แยกำลังอ้อนแม่ มะลิใจเต้นโครมครามเมื่อเห็นความน่ารักของอีกคนที่แสดงออกมาแบบนี้...ไม่ง่ายนะที่เราจะได้เจอผู้ใหญ่อ้อนน่ะ ถ้าเจอแบบนี้แปลว่าเค้าต้องรู้สึกกับเรามากจริงๆ

"ไม่เกลียดหรอกค่ะ" มะลิบอกเสียงเบา ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูอีกคน "ตอนนี้ใจฉันเต้นแรงมากเลย คิดว่าคงจะรู้สึกไม่ต่างกัน"

"..." นารายิ้มทั้งน้ำตา จมูกก็สูดกลิ่นหอมของอีกคนเมื่อมะลิอยู่ใกล้ ใจมันพองโตรู้สึกโล่งเมื่อตัวเองไม่โดนปฏิเสธ

จากที่จะเป็นเพื่อนกันดันไม่ได้เป็น..ตอนนี้เราสองคนคงเป็นมากกว่าเพื่อนกันเสียแล้ว

"หลับได้แล้วล่ะนะ พักผ่อนเยอะๆ หน่อย" มะลิบอกอีกคนมือก็ห่มผ้าให้ดีกว่าเดิม

"คุณจะอยู่ด้วยใช่ไหมคะ?" นาราถาม มะลิพยักหน้า

"ค่ะ อยู่ด้วยได้อีกนิด" มะลิบอก นาราบึนปากเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้อีกคนไปไหน "ฉันต้องกลับบ้านก่อน แต่ว่าจะมาหาใหม่นะ รับรองว่าตื่นมาแล้วเธอจะเจอฉันแน่นอน"

"ค่ะ" นาราตอบเสียงเบา แม้ว่าอยากให้อีกคนอยู่ด้วยตลอดแต่ก็ไม่อยากให้อีกคนมองตัวเองงี่เง่าเพราะแค่มะลิอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว

"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ" มะลิว่าแล้วดีดหน้าผากอีกคน แม้จะเหมือนเบาแต่มันก็แรงจนทำให้นาราร้อง ?โอ้ย?ออกมา

"อือ" นาราตอบรับเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้เหนือที่ยิ้มให้ตัวเองแล้วนาราก็หลับตาลง

แวมไพร์จะมีความรู้สึกเข้มข้นกว่าคนปกติและจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน..พอนารานึกได้แบบนั้นเธอก็รู้สึกหน่วงในอกเพราะมะลิแสดงออกมาน้อยมาก นั่นแปลว่ามะลิไม่ได้รู้สึกกับเธออย่างที่บอกมา เพราะเหงาเลยไม่อยากเสียเธอไปเหรอหรือสงสารเธอ นาราเม้มปากที่สั่นเทาก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้อีกคน

มะลิเงยหน้าจากหนังสือเมื่อรับรู้ถึงร่างกายที่สั่นไหวของอีกคนราวกับกำลังข่มเสียงสะอื้น เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วโน้มตัวคร่อมร่างกายเล็กไปมองหน้าอีกคน

"นารา..เป็นอะไรคะ?" มะลิถามอีกคน มือก็วางบนเอวคอดของคนที่นอนหันหลังให้ตัวเอง

"ไม่ค่ะ" นาราตอบ

"แต่ตัวเธอสั่นนะ เหมือนกำลังจะร้องไห้เลย หัวใจก็เต้นไม่เป็นปกติ" มะลิว่าแล้วพลิกตัวอีกคนให้หันกลับมาหาตัวเองซึ่งเธอทำได้ง่ายดายเพราะแรงเธอมีมาก

"..."

"นี่ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นอีกคะ" มะลิถามแล้วยิ้มให้อีกคน แต่นาราไม่ยิ้มตอบกลับมา

".."

"ถ้าไม่พูดอะไรออกมาฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ ฉันไม่ได้อ่านความคิดได้เหมือนเอ็ดเวิร์ด คัลแลนนะ"

"คุณดูดีกว่าไอ้แวมไพร์หน้าซีดนั่น" นาราว่าทำท่าฟัดเฟียดงอแงเหมือนเด็ก

"งั้นก็บอกมาสิว่าเป็นอะไร" มะลิถาม

"ฉันง่วงนอนแล้วค่ะ" นาราพูดเบาๆ มะลินั่งลงทันทีเมื่ออีกคนตัดบทสนทนาแบบนั้นเพราะเธอไม่ได้เป็นคนชอบคาดคั้นใคร

มะลิทำทีอ่านหนังสือแม้จะอ่านไม่รู้เรื่องเพราะทุกประสาทสัมผัสของตัวเองต่างจับจ้องดูปฏิกิริยาของนาราที่นอนอยู่บนเตียง เธออึดอัดเมื่อคนที่บอกว่าง่วงไม่ยอมนอนหลับและที่สำคัญเธอไม่อยากพูดหรือถามอะไรเพราะอีกคนไม่อยากพูดมันออกมาให้เธอรู้

"ฉันจะกลับแล้วนะ" มะลิพูดเบาๆ

นาราลืมตาขึ้นมามองคนที่บอกแบบนั้นแต่เธอก็พบกับความว่างเปล่าไม่มีแม้เงาของมะลิ..ชั่วพริบตัวเดียวอีกคนก็หายไปแล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเข้าใจหัวอกของคนที่อกหัก มันหนักหน่วง เจ็บหัวใจจนน้ำตาไหลออกมา

เพียงเวลาไม่นาน?นาราก็ปล่อยให้แวมไพร์สาวสวยเข้ามาครอบครองหัวใจ จนมีอิทธิพลกับความรู้สึกของตัวเองเสียแล้ว ไม่คิดมาก่อนว่าหัวใจของเธอจะอ่อนแอขนาดนี้

 

นารานอนเล่นผ้าห่มของตัวเอง ตาก็มองยายที่นั่งปอกผลไม้ที่โต๊ะ

"ลูก วันนี้ทำไมคุณมะลิเพื่อนลูกไม่มาเลยล่ะ" พิศมัยถามหลานสาวเพราะนึกสงสัยว่าเมื่อคืนอีกคนกลับไปตอนไหน

"คงมีธุระค่ะ" นาราบอกเสียงเบาน้อยใจอีกคนที่ไม่มาหาเลยทั้งวัน "คุณมะลิเป็นคนรวยคงมีธุระเยอะ"

"ทำไมพูดเหมือนน้อยใจเลย" พิศมัยถามหลานสาวพลางขำไปด้วยที่นาราพูดถึงมะลิคล้ายงอน "แต่คุณมะลิเป็นเพื่อนที่ดีนะ ดูสิเอื้อเฟื้อความสบายมาให้ลูกในยามป่วย มีน้ำใจมานั่งเฝ้าตอนกลางคืนด้วย"

"ค่ะ" นาราตอบรับอย่างไร้ชีวิตชีวา

"นี่ลูก.."

"ค่ะ"

"ทำไมต้องเหม่อลอย"

"ค่ะ"

"นารา"

"ค่ะ"

"นารา!" พิศมัยเรียกหลานเสียงดังเพื่อให้นาราหลุดจากโลกความจริงสู่โลกเหม่อลอย

"ขา!" นาราตอบรับเสียงดังเมื่อยายเรียกตัวเองเสียงดังปานตะคอก "อะ อะไรคะยาย ทำไมเรียกเสียงดังขนาดนั้น"

"ก็ยายพูดกับเธอแต่เธอเหม่อนี่น่าคุณนารา!" พิศมัยว่า นาราบึนปากเล็กน้อย

"อย่าเสียงดังกับคนป่วยสิคะคุณพิศมัย"

"ค่า ขอโทษนะคะที่พิศมัยเสียงดัง" พิศมัยว่าแล้ววางจานผลไม้บนตักของหลาน "อ่ะ กินเยอะๆ หายไวๆ"

"ขอบคุณค่ะ" นาราพูดแล้วหยิบชมพู่มากัดเล็มกิน ใจห่อเหี่ยวคิดถึงมะลิ ชัดเจนเลยว่าเธอรักอีกคนข้างเดียวเพราะในขณะที่อีกคนหายไปเธอก็กำลังร้อนรนอยู่ในอกจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง

 

นาราเดินลงจากเตียงเพื่อจะเอาจานผลไม้ไปวางที่โต๊ะ ตอนนี้ยายของเธอกลับบ้านไปเพราะต้องไปจ่ายค่าไฟและไปทำธุระปะปังตามประสา เธอเลยต้องอยู่คนเดียวในระหว่างนี้ ดีหน่อยที่ห้องพิเศษอยู่สบาย มีทีวีให้ดูเป็นเพื่อนไม่ได้เหงานอนดมกลิ่นห้องของโรงพยาบาลเล่นเฉยๆ

นาราหันไปมองทางประตูด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอคิดว่ามะลิคงมา แต่เธอก็ต้องแปลกใจสงสัยเพราะคนที่มาคือโจเซฟ

"คุณคือคนรู้จักของคุณมะลิใช่ไหมคะ" นาราทำใจกล้าพูดกับแวมไพร์ผู้ชายร่างใหญ่ "คุณมะลิไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะ"

"ฉันมาหาเธอ" โจเซฟพูดไทยแม้จะไม่ค่อยชัดก็ตามที

"มาหาฉันเหรอคะ เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ" นาราว่าพลางถอยหลังชิดเตียงเพราะโจเซฟก้าวเข้าหาตัวเอง ตาน้ำข้าวของฝรั่งตรงหน้ากลายเป็นสีดำประกายแดงดุเหมือนนักล่าอย่างที่เธอเคยเห็นแม่ของมะลิเป็นตอนจะกินเลือดเธอ สัญชาตญาณบอกให้นารารู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในอันตราย

"I do not smell her blood" โจเซฟพึมพำก่อนจะพุ่งมาจับไหล่ของนาราแล้วกดหลังลงกับเตียงหน้าก็ซุกเข้าหาคอของเธอ

ทำไมแวมไพร์มีปัญหากับเลือดของเธอจังเลย แค่ไม่ได้กลิ่นนี่มันค้างคามากเลยรึไง

นาราตัวแข็งทื่อพยายามดิ้นและร้องแต่โจเซฟกดตัวเธอด้วยแรงมหาศาลจนเธอเจ็บเหมือนกระดูกที่ไหล่ของเธอจะแหลกเป็นผงให้ได้

"ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วย...โอ้ย!" นาราร้องให้คนช่วยก่อนจะร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บเพราะรับรู้ได้ถึงของแข็งที่เจาะเข้าที่คอของเธออย่างง่ายดาย แค่เสี่ยววินาทีร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงเหมือนตัวชา ตาของนาราเริ่มลอยเมื่อเลือดในตัวโดนสูบออกเรื่อยๆ  ในใจก็คิดว่าเมื่อไหร่เหตุการณ์นี้มันจะจบ เมื่อไหร่โจเซฟจะหยุด..

นาราคิดถึงมะลิเมื่อความกลัวจู่โจมและอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวแบบนี้ เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองตัวเย็นเฉียบและกำลังจะตายเพราะโดนแวมไพร์กินเลือด เธอรับรู้ได้ถึงความอยากของอีกคนที่ดูดสูบเลือดของเธอรุนแรงหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะกินเธอจนหมดทั้งตัว

แล้วพอคิดถึงมะลิ เธอก็นึกถึงแหวนที่อีกคนให้มา...นาราพยายามตั้งสติ ฮึดเอาแรงที่มีน้อยนิดขยับแขนข้างที่สวมแหวน ก่อนจะใช้มือข้างนั้นทาบใบหน้าดันอีกคนออก

"อ๊ากกกกกก!" เสียงร้องของโจเซฟดันลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อแหวนของนาราสัมผัสโดนใบหน้า เขารีบปล่อยนาราให้เป็นอิสระพร้อมกับยกมือกุมใบหน้าช่วงบริเวณดวงตาของตัวเอง

พอเป็นอิสระ นาราก็ทรุดฮวบลงนอนกับพื้นเพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนหรือแม้แต่นั่งทรงตัว แต่นาราก็พยายามมองโจเซฟ เธอเห็นโจเซฟโอดครวญร้อง เห็นบริเวณดวงตาที่โดนเผาไหม้เพราะพิษของต้นซากศพจากแหวนและที่สำคัญเธอเห็นและรับรู้ถึงออร่าความโกรธของโจเซฟ

เธอตายแน่?เพราะแวมไพร์เร็วและมีแรงเยอะ การฆ่าเธอไม่ใช่เรื่องยากเลย แม้ว่ามะลิจะมาช่วยก็คงช่วยเธอไม่ทันเพราะคนที่จะฆ่าเธอก็คือแวมไพร์เหมือนกัน นี่ไม่ใช่ละคร ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่การ์ตูน ไม่มีทางที่เธอจะรอดได้อย่างปาฏิหาริย์เหมือนนางเอก

นาราร้องไห้สะอื้นคิดถึงมะลิ หวังอย่างยิ่งว่าอีกคนจะมาตอนนี้เพราะเธอไม่อยากตาย..

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น