web stats

ข่าว

 


Immortals 3 (Sparkle 6) - บทที่ 9 Vitamin

โพสต์โดย: anhann วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 00:37:14 อ่าน: 100



บทที่ 9 Vitamin






แทยอนมองหาแม็กซ์เวล  เพราะยุนอาแวะมาบอกเธอก่อนจะไปห้องแล็บว่าให้ช่วยดูลูกให้หน่อย  เธอคิดว่าลูกชายคนเล็กคงจะอยู่กับไอรีน  ถึงไอรีนมักจะรำคาญน้อง  แต่ก็ดูแลน้องได้ดีกว่าครูซที่ชอบชวนน้องเล่นแพลงๆ อยู่ตลอด

อากาศดีแบบนี้  เธอเดาว่าไอรีนคงจะอยู่ในสวน  คริสตัลชอบพาลูกไปนอนเล่นบนเปลด้วยกันบ่อยๆ ตอนลูกยังเล็กกว่านี้  แต่ตอนนี้เขาก็ยังทำถ้าลูกจะอยากนอนกับเขาอยู่  ไม่เขินไปเสียก่อน 

ลูกสาวเวลาโตขึ้นแล้วเอาใจยากจริงๆ

แปลกจริง  แทนที่เธอจะเจอไอรีนแถวนี้กลับเจอครูซเสียก่อน  เขาทำท่าลับๆ ล่อๆ น่าสงสัย  แถมยังแอบมองใครบางคนอยู่ด้วย

"ทำอะไรน่ะ  ครูซ"

ลูกชายแทบจะกระโจนมาตะครุบปากเธอเลย  แต่เขายั้งมือทันจึงแค่ดึงเธอห่างจากจุดที่เขาซ่อนตัวออกมา

"ลูกเล่นอะไร  ครูซ"

"ผมแอบส่องไอรีนอยู่"  ครูซตอบ  แล้วรีบพูดต่อก่อนที่แม่จะโวยใส่  "น้องดูเงียบๆ ไปน่ะฮะ  เวลาผมแกล้งก็ไม่ตอบโต้ด้วย  แม็กซ์พูดงุ้งงิ้งใส่ก็เฉย  แถมยังให้เขานอนหนุนตักด้วย  ไอรีนเนี่ยนะฮะ  ใจดีขนาดนี้เลยเหรอ"

แทยอนเห็นด้วยกับที่ครูซพูด  ไอรีนดูผิดปกติจริง  ใช่ว่าเธอไม่เห็น  และเธอก็พอจะรู้ด้วยว่าเพราอะไร  แต่บางเรื่องก็ไม่ควรพูดให้เด็กผู้ชายฟัง

"แม่จะจัดการเอง  น้องอยู่ไหน"  เธอตัดสินใจ  ครูซทำท่าเหมือนไม่อยากจะตอบ  แต่เขาพยักพเยิดไปทางที่ที่คริสตัลแขวนเปลไว้กับต้นไม้

"ผมคิดว่าน้องอกหัก"  ครูซพูดโพล่ง  ตรงกับที่แทยอนคิดไว้ในใจ 

"อย่าพูดไป  ครูซ"  เธอดุลูกชาย  "มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้"

"ก็ดีครับ  เพราะผมไม่อยากเลือกข้าง  อีกอย่างน้องควรจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร  ผมไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้  เรารู้อยู่แก่ใจว่าอะไรถูกไม่ถูก  ถึงจะเป็นพี่น้องกัน  ถึงแคลร์จะรักน้องมาก  แต่เรื่องแฟนต้องแยกนะฮะ  แม่บอกน้องด้วยละกันครับ"

แทยอนมองลูกชายอย่างอึ้งๆ  ไม่นึกว่าครูซจะพูดแบบนี้เป็น  ปกติเห็นเขาไม่ค่อยสนใจอะไร  แต่เธอก็รู้ว่าเขารักทุกคนในบ้าน  อาจลำเอียงไปทางแคลร์มากกว่าตามประสาฝาแฝด

"โอเค  แล้วทีนี้ฉันจะเอาไงต่อล่ะ"  จิ้งจอกสาวคิดอย่างขุ่นใจ  เธอมองตามหลังลูกชายไปจนกระทั่งรู้ว่าครูซเดินกลับมาพร้อมกับจูงแม็กซ์เวลมาด้วย  ลูกชายคนเล็กโบกมือให้เธอด้วยรอยยิ้มน่ารักไร้เดียงสา  แทยอนจึงโบกมือกลับไปและยิ้มให้เขาด้วย  แต่พอถึงครูซ  ลูกกลับมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อราวกับเธอตัดสินไปแล้วว่าแคลร์เป็นคนผิด

"อะไรกันเนี่ย  ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"  แทยอนเหวี่ยงสองแขนไปในอากาศ  ถ้าเธอจะลาพักร้อนจากการเป็นแม่บ้างจะได้ไหมนะ

............................................

ไอรีนรีบซุกโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกง  แล้วแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือเรียน  หวังว่ามันคงจะเนียนพอไม่ให้แม่สงสัย  แต่ดูจากสายตาของแม่แล้ว  เธอคงหมดหวัง

"อ่านหนังสืออยู่เหรอคะ"

ไอรีนพยักหน้าให้แม่  พยายามไม่สร้างพิรุธมากกว่านี้  เธอไม่ได้ทำผิดอะไร  กับแค่เปิดดูไอจีของพี่  ในเมื่อแคลร์เปิดสาธารณะเอาไว้  แถมยังดูจะจงใจโชว์แบบนั้นด้วย  โดยเฉพาะภาพล่าสุดที่พี่เพิ่งอัปพร้อมแคปชั่น

Me and My Queen 

หึ  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแคลร์จะทำแบบนี้  ปกติแคลร์ขี้อายจะตาย  โลกส่วนตัวสูง  ไม่ค่อยลงเรื่องส่วนตัวในที่ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้แบบนี้หรอก  ถ้าจะบอกว่าพีบีเป็นคนทำ  มันก็อาจจะเป็นไปได้  แคลร์คงถ่ายรูปนี้จริง  แต่พี่อาจจะไม่ใช่คนเอามาอัป  เธอคงคิดเข้าข้างพี่เกินไปหน่อย  แต่ไม่ว่าจะเป็นใครทำ  ผลสรุปของมันก็คือ...

เธอถูกถีบออกมาจากวงโคจรของพวกเขาแล้ว  อย่างแรงด้วย!

โอเค  แล้วไง  ผู้หญิงในโลกนี้มีเยอะแยะ  เธอไปชอบคนอื่นก็ได้  แต่ผู้หญิงแบบพีบีดันมีคนเดียวในโลกนี้น่ะสิ  โธ่เว้ย!

"งั้นแม่ไม่กวนแล้วค่ะ  แต่ถ้ามีอะไร  แม่อยู่ห้องทำงานนะ" 

ไอรีนกะพริบตา  แปลกใจ  อยู่ๆ แม่จะไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ  มันดูจะไม่ใช่แล้วละ  แม่จะต้องรู้อะไรมาแน่ๆ  แต่แม่คงรู้ว่าการถามซักไซ้เธอมันไม่ได้ผล  ถ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า

"เอ่อ  แม่คะ  เดี๋ยวค่ะ"  เธอเอ่ยเรียกแม่พร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแทนนอนบนเปล  แม่หยุดเดิน  หันมาหาเธอแทบจะทันทีราวกับกำลังรออยู่  เธอคงเสียรู้แม่แน่ๆ แล้ว  แต่เธอก็ต้องการคำปรึกษา  หรืออย่างน้อยก็ได้พูดกับใครสักคนที่ไว้ใจได้  เธอไว้ใจแม่ได้  --  ใช่  ต้องได้สิ

"มีอะไรหรือคะ"

ไอรีนอึกอัก  ถ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้จะทันหรือเปล่า

"โอเค  ถ้าลูกไม่ไว้ใจจะพูดกับแม่  รอป๊ากลับมาก็ได้ค่ะ"

"หนูชอบคนที่ไม่ควรชอบค่ะ  หนูละอายใจ"  ไอรีนพูดโพล่ง  กัดลิ้นตัวเอง  เพราะกลับคำไม่ได้แล้ว  เธอทำให้แม่เดินกลับมาฟังอย่างสนใจแล้ว

"หนูไม่อยากให้มันเกิดขึ้น  แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นแล้ว  หนูห้ามมันไม่ได้  และตอนนี้เขาก็รู้ตัวแล้วด้วยค่ะ  มันแย่มากเลย"

แทยอนพยายามตั้งสติ  ตอนนี้ลูกคงอยากจะให้เธอปลอบใจไม่ใช่ซ้ำเติม  แต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ  ถ้าเธอทำพลาด  ไอรีนอาจจะเตลิดก็ได้  ทำไมเธอไม่เลือกเดินมาคุยกับลูกตอนยุนอาหรือคริสตัลอยู่ด้วยกันนะ

เธอเดินมาลงข้างๆ ลูกบนเปล  จับมือลูกมาไว้ในมือตัวเอง  ดีใจที่ไอรีนไม่ได้ดึงมันกลับไปหรือทำท่ารำคาญเธอ  กลับดูสงบขึ้นด้วย

"แล้วเขาทำยังไงบ้าง  เล่าให้แม่ฟังได้ไหม"  แทยอนค่อยๆ ตะล่อม  เธอรู้ว่าตอนนี้จิตใจลูกกำลังอ่อนแอ  เธอเจอนักเรียนมีปัญหามามากมายในชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นตอนเป็นทหาร  ตอนทำงานบริษัทหรือตอนเป็นครูใหญ่

"หนูไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ  หนูคิดว่าหนูไม่มีพิรุธอะไร  แต่เขาก็รู้ค่ะ  บางทีหนูอาจจะไม่เนียนพอ"  ไอรีนเล่าเสียงหงอย  "อยู่มาวันหนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่าเขารักหนู  หนูสำคัญกับเขาแต่รักมากกว่าน้องไม่ได้  เพราะเขารักแฟนของเขามากค่ะ  อยากให้หนูเห็นเขาเป็นพี่สาวคนหนึ่ง"

"พี่สาว?"  แทยอนย้อนคำลูกทั้งที่รู้อยู่แล้ว  แค่อยากให้ไอรีนยืนยันมันซ้ำอีกทีว่าเธอไม่ได้คิดผิด 

"ค่ะ  คนที่หนูชอบไม่ใช่ผู้ชาย"  ไอรีนยอมรับ  "แม่คิดว่าป๊าจะพูดว่ายังไงคะ  ที่หนูไม่ปกติแบบนี้"

"เอ่อ  แม่คิดว่า..."  แทยอนไม่อยากพูดแบบนี้เลย  ดูเหมือนเธอไปส่งเสริมลูกในทางไม่ดียังไงไม่รู้  แต่ความรักมันไม่ได้เสียหายอะไรนี่  แค่ไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ  แค่ไม่ไปแย่งของใคร  --  เธอจะพูดเรื่องแย่งหรือไม่แย่งก็ไม่ได้เต็มปาก  เธอก็แย่งคริสตัลมาจากยุนอาเหมือนกัน

ไม่  มันคนละกรณีกัน  ในเมื่อยุนอาเต็มใจ  เราสามคนรักกัน  แต่ก็ไม่ควรมีใครเอาอย่างเรา  ถ้าไม่จำเป็นเธอก็คงไม่ทำหรอก  ใช่ไหม  แทยอน?

"ป๊าเคยบอกว่าไม่อยากให้หนูคบผู้ชาย"  ไอรีนพูดขึ้นอย่างร้อนใจ  เพราะเห็นแม่ดูลังเล  "หรือป๊าจะหมายถึงไม่อยากให้หนูมีแฟนเลยคะ  แล้วทำไมแคลร์มีได้ล่ะ  เพราะแคลร์เป็นกรณีพิเศษเหรอคะ  หรือเพราะว่า..."

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับป๊าหรอกค่ะ"  แทยอนตัดบท  เธอคงต้องพูดให้มันจริงจังแล้ว  "เราข้ามเรื่องการเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายไปเลยดีกว่า  เพราะมันไม่สำคัญ...สำหรับตอนนี้"  เธอเน้นเพื่อที่ลูกสาวจะได้เข้าใจ  "สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือ  ลูกชอบคนที่มีแฟนแล้ว  และเขา...ไม่สิ  เธอคนนั้นก็ประกาศตัวแน่ชัดกับลูกแล้วว่า  เธอรักแฟนของเธอมาก  ใช่ไหมคะ"

ไอรีนพยักหน้า  หน้าหดเหลือสองนิ้ว  แทยอนสงสารลูก  แต่เรื่องนี้ยังต้องดำเนินต่อไปจนกว่าจะเคลียร์

"และยังบอกอีกด้วยว่า  เธอรักลูกแบบน้อง?"

"ค่ะ  ใช่  เขาบอกให้หนูเห็นเขาเป็นพี่สาวด้วย  แต่ว่า...หนูไม่คิดว่าหนูจะมองเขาแบบนั้นได้เร็วๆ นี้  มันยากค่ะ  ยิ่งถ้าต้องเห็นเขาทุกวันด้วย  แต่ถ้าเขาเมิน  ไม่คุยกับหนู  หนูก็คง..."

"ถ้าหนูอยากตัดใจให้ขาดเลย  หนูก็ต้องพยายามเลี่ยงไม่อยู่กับเธอสองต่อสอง  ไม่หยอกเล่นกัน  ไม่กอด  ไม่เล่นอะไรที่จะทำให้หนูคิดไปไกล  ทางที่ดีไม่ต้องเจอกันจะดีกว่า"

"เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ  เพราะ --"  ไอรีนชะงัก  หยุดพูดกะทันหัน  และท่าทีกระตือรือร้นที่จะปรึกษาใครก็ลดถอยลงอย่างชัดเจน  "หนูคิดว่าหนูจะจัดการมันด้วยตัวเองค่ะ  ขอบคุณค่ะแม่  หนูไม่กวนแม่แล้ว"

แทยอนไม่ชอบแบบนี้เลย  เธอเคยถูกคริสตัลกับยุนอากันออกไปจากปัญหาของพวกเขามาแล้ว  เธอไม่อยากถูกลูกทำแบบเดียวกันอีก  แต่...

"ก็ได้ค่ะ  ถ้าหนูคิดว่าโอเคแล้ว"  เธอพูดแล้วลุกขึ้นยืน  "แต่จำเอาไว้นะลูก  แม่พร้อมจะฟังลูกเสมอ  ไม่ว่าเรื่องอะไร  และที่สำคัญแม่อยากให้หนูเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง  แม้มันจะไม่ถูกใจ"

ไอรีนไม่ได้พยักหน้าให้แม่  เธอนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น  และแม่ก็เดินห่างไปไกลแล้วตอนที่เธอล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูอัลบั้มภาพในแกลเลอรี่  เธอจ้องคำสั่งลบที่ปรากฏขึ้นมา  ไม่รู้นานเท่าไหร่  สุดท้ายก็กดปิดหน้าจอ  แล้วสอดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม  หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ  ภาวนาให้ตัวเองไม่สนใจมันอีก

................................................

แทยอนเริ่มจะเวียนหัวกับการมองยุนอาเดินไปเดินมาภายในห้องนี้แล้ว  แต่เธอทำงานไม่ได้ถ้ายังไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง  และเธอต้องการให้ยุนอาเสนอความคิดเห็นออกมาด้วย

"ฉันคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว"

"เวลาอะไร"  จิ้งจอกสาวใจสั่น  สังหรณ์ใจไม่ดีทุกทีเวลายุนอาพูดออกมาแบบนี้  เพราะมันมักจะแฝงความหมายอะไรตลอด

"ฉันจะส่งแคลร์ไปที่อื่น"  ยุนอาตอบง่ายดาย  แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนฟัง  "ฉันยกบ้านที่ลอนดอนให้แคลร์  อยู่ในย่านเค็นซิงตัน  พาเลซ  การ์เด้น  บ้านเก่าแล้วละ  ถ้าไปอยู่จริงๆ ก็ต้องปรับปรุงหน่อย  เขาจะเป็นเจ้าของมันอย่างสมบูรณ์ตอนอายุยี่สิบ"

"ว่าไงนะ  ยุนอา  คุณจะให้ลูกไปอยู่ที่นั่นคนเดียวเหรอ  ลูกเพิ่งจะสิบห้าเองนะ  แล้วคุณบอกคริสหรือยัง  เขายอมเหรอ"  แทยอนถามเสียงฉุน  โมโหยุนอาที่ชอบทำอะไรไม่ปรึกษาเธอก่อนอยู่เรื่อย  "คุณไม่เคยถามฉันบ้างเลย  นึกจะทำอะไรก็ทำ"

"ฉันกำลังปรึกษาเธออยู่นี่ไง"  ยุนอาพูด  เงยหน้าขึ้นมองแทยอน

"ฉันไม่เข้าใจ  ทำไมแคลร์จะต้องไป  แล้วพีบีไปด้วยหรือเปล่า"

"ถ้าจะไป  พวกเขาก็ต้องไปด้วยกัน  ฉันจะให้พวกเขาเอาแม็กซ์เวลไปด้วย  ฉันจะไปอยู่กับพวกเขา  แบบไปๆ มาๆ  บางครั้งคริสอาจจะไปด้วย  คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร  แคลร์ดูแลตัวเองได้ดีอยู่แล้ว  ส่วนที่ว่าทำไมฉันถึงอยากให้ลูกไป  ฉันคิดว่าเธอน่าจะคิดออกนะ"

"คุณทำแบบนี้ไม่สงสารไอรีนบ้างหรือไง  คุณก็รู้นี่ว่า --"

"นั่นคือการตัดปัญหาอย่างหนึ่งเท่าที่ฉันคิดได้  แบบเดียวกับตอนที่เธอจะส่งพีบีออกไปให้ห่างจากแคลร์ไงล่ะ"

แทยอนส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับ  "คุณรู้ไหม  ฉันคิดอะไร  ยุนอา  ฉันคิดว่าคุณลำเอียงมาก  คุณสนใจแต่แคลร์คนเดียว  คุณตามใจ  เอาใจเขาจนแทบไม่มีเวลาให้แม็กซ์เวลเลยทั้งที่เขาเป็นลูกแท้ๆ ของคุณ"

"งั้นหรือ"  ยุนอาย้อน  ใจเย็นจนแทยอนเดือดร้อนซะเอง  "ถ้างั้นฉันขอถามเธอหน่อย  เธอคิดว่าแคลร์อยากไปไหม" 

แทยอนเงียบ  รู้คำตอบนั้นดีแก่ใจ

"แล้วฉันตามใจลูกตรงไหน  และฉันพูดใช่ไหมว่าจะให้แม็กซ์ไปด้วย  นั่นเพราะแคลร์ดูแลน้องได้ดีกว่าใคร  พีบีก็เป็นผู้ใหญ่พอจะเลี้ยงน้องได้  หรือเธอจะเถียงเรื่องนี้"

"ฉันไม่เถียง  แต่ฉันไม่อยากให้ลูกไป  เขายังเป็นเด็ก" 

ยุนอากลอกตา  ขนาดคิดไว้แล้วว่าต้องเจอแบบนี้  เธอก็ยังหงุดหงิด  เธออุตส่าห์หาทางแก้ที่คิดว่าดีที่สุดให้แล้ว  "แต่เธอแยกพีบีออกไปจากแคลร์ไม่ได้  เธอเข้าใจไหม  เพราะอะไร  เธอรู้หรือเปล่า"

แทยอนพยักหน้า  ตัวสั่นเมื่อนึกถึงข้อนี้  การมีพีบีอยู่กับแคลร์ช่วยให้จิตใจลูกมั่นคงขึ้น  สงบขึ้น  มีความสุขมีชีวิตชีวาขึ้น  พีบีเปรียบเหมือนวิตามินของแคลร์  เพราะแบบนี้ยุนอาถึงยอมรับเด็กสาวคนนี้เข้าบ้าน

"ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบใจที่รู้ว่าลูกต้องพึ่งพาคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ  แต่มันเป็นความจริง  เธอก็เห็นแล้วตอนที่เขารู้ว่าเธอจะแยกพีบีไป  เขาเป็นยังไง"

"เขาเหมือนคริส"

"ใช่  งั้นเป็นอันว่าเราเข้าใจกันแล้วนะ"

"ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ดี"

"งั้นเธอก็คิดวิธีอื่นสิ  หวังว่าเธอจะไม่ส่งไอรีนไปที่อื่นแทนนะ  คริสไม่ยอมแน่นอน  เธอคงไม่อยากทะเลาะกับเขาหรอก"

"อะไรๆ ก็ไม่ได้  แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ" 

"ฉันให้ทางเลือกเธอแล้ว"  ยุนอาพูดเสียงเรียบ  แล้วหันไปทำงานต่อเงียบๆ  แทยอนรู้แล้วว่าเธอถูกไล่กลายๆ 

แต่ขณะที่เธอลุกขึ้นและกำลังจะออกไปจากห้องทำงานบรรยากาศน่าอึดอัดนี้  ยุนอาก็เอ่ยขึ้นใหม่ 

"หรืออีกทาง  ปล่อยให้เด็กๆ จัดการมันกันเองและเรามองอยู่ห่างๆ  อย่าไปแทรกแซงจนกว่าจะเห็นท่าไม่ดี"

"ฉันเลือกอันนี้ก็ได้"  แทยอนสะบัดเสียง  เดินกระแทกเท้าตึงๆ ออกจากห้องโดยไม่ลาเจ้าของมัน 

ยุนอาสั่นหัวไปมาอ่อนใจ  แล้วยิ้มโล่งอก  ดีใจที่ไม่ต้องส่งลูกออกไปอีกฟากโลกจริงๆ

.................................

"คนพวกนี้เป็นสปอนเซอร์ของโรงเรียน"  เจสสิก้ากระซิบกับแคลร์ขณะยืนอยู่ในงานเลี้ยงค็อกเทลช่วงค่ำด้วยกัน  "และใช่เลย  พวกเขาไม่ใช่มนุษย์  พวกเขาอยู่ในเครือสหพันธ์แบบเมอร์ราด"

พีบีรู้สึกถึงสายตาที่มองมาทางเธอเมื่อชื่อฝูงนั้นถูกขานออกมา  แต่ดูเหมือนเจสสิก้าจะไม่สนใจแก้ไขคำพูดนั้น  มันก็แค่การยกตัวอย่าง

"การทำโรงเรียนต้องมีเงิน  และโรงเรียนก็ไม่ค่อยได้กำไรหรอก  ถ้าเราจะเอาเงินจากบริษัทไปโปะอย่างเดียว  มันก็ไม่โอเค  ใช่ไหมล่ะ"  เจสสิก้าเอ่ยต่อ  พลางจิบค็อกเทลให้ชุ่มคอ  เธอจำเป็นต้องพูดมากเพราะไม่อยากให้หลานๆ เบื่อ  หรือนี่มันจะทำให้พวกเขาเบื่อกว่าเดิมนะ

"แย่หน่อย  ไม่มีเด็กๆ รุ่นเรามากันเลย  ถ้าโดโด้มาด้วยก็คงดี"

"เราไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"  พีบีเอ่ยตัดก่อนที่เจสสิก้าจะทำให้งานกร่อยไปมากกว่านี้  จริงๆ มันก็ยังโอเคอยู่จนกระทั่งชื่อฝูงเก่าเธอกับโดโรธีโผล่ขึ้นมา  แคลร์ชำเลืองมองเธอและส่ายหน้าเล็กน้อย  ปลอบว่าเธอไม่ควรถือสาคุณป้าของเขา

"งั้นถ้าป้าจะขอตัว... โอเค  พวกเราอยู่กันเองได้ใช่ไหม  ถ้าเบื่อมากก็ออกไปเดินเล่นข้างนอกได้  แต่อย่าไปไกล  แวะบอกมาร์คัสด้วยก็ดี"

แคลร์ยิ้มรับ  มองคุณป้าเดินจากไปแล้วจึงหันมาชวนพีบีไปหาอะไรดื่มตรงมุมเครื่องดื่ม  และตรงนี้เธอก็เจอใครที่เหมือนทิฟฟานี่แต่ตาคนละสี  แคลร์ลังเลนิดหนึ่งว่าจะถอยกลับดีไหม  แต่เธอไม่ได้กลัวอะไรนี่  สเตฟานี่คงไม่ทำอะไรเธอหรือพีบีตอนที่พ่อกับป้าเธออยู่ที่นี่ด้วยหรอก

"วอดก้าหน่อยไหม"  สเตฟานี่ถาม  เสียงคล้ายคนเมา  ชูกระติกใส่เหล้าแบบพกพาให้แคลร์ดู  แต่แล้วก็ส่ายหัว  "ไม่ได้สิ  ถึงฉันจะไม่ใช่ครู  แต่ก็ไม่ยอมให้พวกเธอกินของแบบนี้หรอก"

"แคลร์  เราไปกันดีกว่า"  พีบีชวน  รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยเวลาอยู่ใกล้แฝดคนพี่ของตระกูลแลนดอน

"เดี๋ยวก่อนสิ  จะรีบหนีไปไหน  ยังไม่ได้คุยกันเลย"  สเตฟานี่รั้งแขนแคลร์เอาไว้  พีบียิ่งรู้สึกไม่ดีใหญ่เลย

"เราคงไม่มีเรื่องอะไรคุยกันมั้งคะ  ฉันว่าคุณเมาแล้ว"

"พีปส์  ไม่เป็นไรหรอก"  แคลร์บอกพลางส่งสายตาให้แฟน

พีบีอยากจะขัด  แต่เราคงจะใจร้ายไปจริงๆ ถ้าจะปล่อยให้คนเมาต้องเดินโซเซไปหาที่นั่งเอง  "งั้นเราหยิบน้ำเปล่าแล้วไปหาที่นั่งกันดีกว่า"

"ทำไมต้องนั่งด้วยล่ะ  ฉันอยากยืน"  สเตฟานี่พูดกวนๆ  แกล้งทิ้งน้ำหนักตัวลงใส่แคลร์ที่ช่วยประคองตัวเองอยู่  "คริสตัลไปไหนล่ะ  ทำไมปล่อยให้ลูกสาวสวยๆ สองคนอยู่กันตามลำพัง"

"ป๊าไปคุยกับเพื่อนค่ะ"  แคลร์ตอบ  พ่อบอกเธอแบบนั้นและเธอก็เบื่อที่จะซักไซ้เขา  ไม่อยากจุกจิกกับเขาเหมือนแม่อีกคน

"เพื่อนเหรอ  เธอรู้จักบ้างหรือเปล่าล่ะ"

"ทำไมเราจะต้องรู้จักคนแก่ด้วยล่ะคะ"  พีบีแทรก  กลัวสเตฟานี่จะหลุดปากพูดถึงเพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนของพ่อแคลร์  เธอหรี่ตาอย่างระแวงเมื่อคนอายุมากกว่ายิ้มมุมปาก  หรือสเตฟานี่จงใจจะพูดถึงผู้หญิงคนนั้น  แต่จะทำไปเพื่ออะไรล่ะ  อยากจะให้แคลร์อาละวาดงั้นเหรอ

"ก็แค่ถามดูเฉยๆ  ไม่รู้จักก็ไม่รู้จักสิ"  สเตฟานี่ลอยหน้าลอยตา  ยกแก้วน้ำพันซ์ผสมวอดก้า (ที่พกมาเอง) ขึ้นกรอกปาก

แคลร์สบตาพีบีที่พยักหน้าให้อย่างรู้กัน

"ฉันว่าเราไปหาที่นั่งกันดีกว่าค่ะ  สเตฟ  ฉันกับพีปส์จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าน้าฟานี่จะเสร็จธุระ  สเตฟพักกับน้าฟานี่ใช่ไหมคะ"  แคลร์ประเหลาะ  รู้ว่าสเตฟานี่ชอบคนพูดจาเอาอกเอาใจ

"ก็ดี  ฉันก็เริ่มเห็นห้องมันเบี้ยวๆ ยังไงไม่รู้แล้วละ  ไอ้พื้นบ้านี่ก็ไม่เสมอกันด้วย"

เมาชัวร์  --  แคลร์ส่งสายตาบอกพีบีที่สั่นหัวน้อยๆ อย่างระอา

"พีปส์ไปหาที่นั่งก่อน  ไปจองไว้  แล้วกวักมือเรียกฉัน" 

พีบีทำตาม  แคลร์จึงค่อยๆ พยุงร่างคนขี้เมาไปยังทางที่แฟนนำไป  ระหว่างนั้นสเตฟานี่ก็พูดขึ้นมาเสียงอ้อแอ้  แต่พอจับความได้บ้าง

"ถ้าฉันมีลูกน่ารักๆ แบบเธอบ้างก็คงดี"

แคลร์เลิกคิ้ว  เธอคงคิดว่าสเตฟานี่แซวเล่นเฉยๆ  ถ้าไม่เห็นน้ำหยดใสๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตาสีเขียว  และอยู่ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา  เธอไม่เคยคิดว่า สเตฟานี่จะมีหัวใจรักใครเป็น

"สเตฟก็มีไซม่อนไง  ทำไมไม่เอาเขามาด้วยล่ะคะ"  เธอพยายามพูดปลอบ  ถึงจะไม่ชอบพูดนายคนนั้นสักเท่าไหร่  เธอไม่ได้รังเกียจเขาที่เป็นผู้ชาย  แต่ไม่ชอบสายตาเปิดเผยที่เขามองเธอแบบนั้น  เธอรู้สึกคันมือยุบยิบ  อยากอัดเขาให้เจ็บๆ  โดยเฉพาะเวลาเขาชมเธอว่าสวย 

มันเป็นคำชม  ใช่  แต่สายตากับน้ำเสียงของเขามันทำให้เธอขนลุก  เธออาจจะรู้สึกเหมือนโดนพวกเดียวกันจีบก็ได้  เธอไม่ใช่พวกเหยียดเพศหรืออะไรหรอกนะ  ถ้าอัลฟาจะชอบกันเอง  หรือเบต้าจะชอบเบต้าก็ไม่เห็นจะเป็นไร  ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็คือความรัก  จะรักใครชอบใครก็แล้วแต่พวกเขา  แค่เธอไม่ชอบและไม่ได้เป็นแค่นั้นเอง

ยิ่งตอนนี้ยิ่งชัดเจน  ไม่ใช่แค่จิตใจเธอเท่านั้น  ร่างกายเธอก็เปลี่ยน  อวัยวะสืบพันธุ์ของเธอไม่เหลือความเป็นผู้หญิงอีกต่อไปแล้ว  มันเริ่มต้นมาตั้งแต่เธออายุราวๆ เจ็ดหรือแปดขวบ  มีแค่หน้าอกซึ่งก็เหมือนมีไว้หลอกตาชาวบ้านให้เข้าใจเพศเธอผิด  บางทีเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกะเทย  หรือเป็นเลสเบี้ยนกันแน่นะ 

"ไม่ว่าง  เขาก็มีงานของเขา  เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว"  สเตฟานี่ตอบ  น้ำเสียงแฝงการตัดพ้อ  มองหน้าแคลร์แล้วก็นึกสงสารตัวเองแปลกๆ  เธอไม่น่าดื่มเยอะแบบนี้เลย  ไม่ควรทำตัวอ่อนแอให้ใครเห็น  โดยเฉพาะกับเจ้าเด็กบ้านสมิธ  โดยเฉพาะเจ้าเด็กนี่ที่หน้าเหมือนพ่อมันอย่างกับแกะ 

"ฉันว่าเธอไปดีกว่า  ทั้งสองคนนั่นแหละ  ฉันอยู่เองได้  ขอบใจ"

"แต่เราอยู่เป็นเพื่อนได้นะคะ"  แคลร์บอก  พยักหน้ากับพีบี

"ไปเถอะ  ฉันดีขึ้นแล้ว"

"แต่ว่า --"

"ฉันบอกให้ไปไง!"  สเตฟานี่ตวาดแล้วนึกเสียใจทันที  เพราะแคลร์หน้าเจื่อนไปเลย  แต่ทำไมเธอถึงชอบเจ้าเด็กนี่นักนะ  เพราะสายเลือดของนางจิ้งจอกนั่นน่ะเหรอ

"เอางั้นก็ได้ค่ะ  ถ้าฉันเจอน้าฟานี่จะบอกให้ว่าสเตฟอยู่ตรงนี้"

"ไม่จำเป็น  ฉันกลับเองได้"

"จะไม่มีใครหัวเราะเยาะสเตฟหรอกค่ะ  ถ้ามีฉันจะจัดการให้เอง"

"ไปได้แล้ว  เจ้าเด็กเมื่อวานซืน"

แคลร์ยิ้ม  ทำมึนกับเสียงต่อว่า  เธอคว้าข้อมือพีบีแล้วพากันออกไปจากรัศมีที่สเตฟานี่จะลุกขึ้นมาอาละวาดพวกเธอได้

"เธอว่าเขามีเรื่องอะไรกลุ้มใจงั้นเหรอ"  พีบีถามระหว่างเดินกลับเข้ามาในฝูงชน  ตั้งหลักใหม่แล้วค่อยคิดว่าจะไปไหนกันต่อดี  สเตฟานี่ทำให้เราเสียจังหวะไปหมดเลย

"ไม่รู้สิ  สเตฟมีหลายเรื่อง  ฉันเดาไม่ถูกหรอก  แต่อาจจะเกี่ยวกับไซม่อน  เพราะดูเหมือนจะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สำคัญกับเขาเท่ากับหมอนั่นอีกแล้ว"  แคลร์พูดแล้วยักไหล่  "เรื่องของผู้ใหญ่น่ะ  ถ้าเราไปถาม  พวกเขาก็จะพูดกันแบบนี้แหละ  ไม่อยากให้เราไปยุ่ง  แต่ชอบยุ่งเรื่องของเรา"

"เพราะพวกเขามีสิทธิ์"

"นั่นสินะ" 

"เต้นรำกันไหม"  พีบีถามขึ้นกะทันหัน  แคลร์ทำหน้างงก่อนที่หูจะได้ยินเสียงเพลง  และพีบีก็จับกระโปรงที่ยาวคลุมขายกขึ้นพร้อมกับย่อตัวเหมือนถอนสายบัว  แคลร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ  โค้งตัวกลับให้แฟนบ้าง

"พวกเขาจะว่าเราบ้าไหมล่ะเนี่ย"

"ก็ช่างเขาสิ  เราไม่รู้จักใครสักหน่อย"

แคลร์หัวเราะอีกทีพลางส่งมือให้พีบี  พยายามมองแต่หน้าแฟน  และยิ้มไปกับรอยยิ้มของพีบีระหว่างเต้นรำอยู่คู่เดียวในงาน  เธอได้ยินเสียงฮือฮาดังมาจากรอบด้าน  แว่วๆ ว่าจะมีเสียงพ่อกับป้าด้วย  เธอรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง  เธออายแต่สนุกดี  ถ้าไม่มีพีบี  เธอคงไม่กล้าทำแบบนี้แน่ๆ

"มองแต่ฉัน  แคลร์  ตรงนี้มีแค่เรา  ไม่ต้องอาย  เราจะสนุกด้วยกัน"

เสียงพีบีฟังคล้ายเสียงสะกดจิต  แต่แคลร์รู้ว่าเธอยังมีสติดีอยู่  และเห็นด้วยว่ามีคนอื่นๆ เริ่มมาเต้นรำตามพวกเราแล้ว  แม้แต่ป้าเจก็ยังลากพ่อมาเต้นด้วยเลย  นี่มันงานอะไรกันแน่เนี่ย

"แบบนี้ค่อยไม่เบื่อหน่อยเนอะ" 

แคลร์ยิ้มกว้าง  แล้วหัวเราะเมื่อพีบีหมุนตัวพลิ้วอย่างกับนักเต้นรำมืออาชีพ  มีคนตบมือให้เรา  แม้แต่สเตฟานี่ที่นั่งกระดกวอดก้าอยู่ตรงที่เราจากมาก็ยังยิ้มเก๊กๆ ไปด้วย  บางทีเราอาจช่วยให้หลายคนในงานนี้ไม่เบื่อ  และกล้าจะลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆ เหมือนเรา

ดูอย่างคุณป้าร่างท้วมที่ชวนคุณลุงร่างผอมผมหงอกทั้งหัวให้ลุกขึ้นมาโยกย้ายส่ายสะโพกนั่นสิ  ตอนนี้เพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะกระชั้นขึ้นแล้ว  และพีบีก็เต้นได้ตลกมาก  ไม่ห่วงสวยบ้างเลย

"เอาน่าแคลร์  มีไม่กี่คนหรอกนะที่ทำตัวบ้าๆ ในนิวยอร์กแล้วมีคนสนใจ  แถมยังทำตามกันขนาดนี้"  พีบีโน้มน้าว  แคลร์ส่ายหน้าปฏิเสธ  แต่มีหรือจะรอดไปได้  สุดท้ายเธอก็พบตัวเองเต้นบ้าบอไปกับพีบีด้วยอีกคน

"ฉันว่าครูซต้องหัวเราะเยาะฉันแน่  ถ้ามีใครแอบถ่ายคลิปเราไปลง"

"มันจะขึ้นหน้าหนึ่งของเดมอสพรุ่งนี้"

แคลร์ตกใจแต่ไม่ทันแล้ว  คนของปู่พีบียืนถือกล้องอยู่ตรงนั้นเอง




.....................


สุขสันต์วาเลนไทน์ย้อนหลังค่ะ   :02: :01: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

15 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 06:58:20
ทุกคนก็ต่างมีปัญหาของตัวเอง แม้กระทั่งหมาป่าบ้าอย่างสเตฟ
แสดงความคิดเห็น