web stats

ข่าว

 


Immortals 3 (Sparkle 6) - บทที่ 3 Perfect To Me

โพสต์โดย: anhann วันที่: 01 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 22:56:55 อ่าน: 106






บทที่ 3 Perfect To Me





มีโปสการ์ดจากแคนาดาส่งมาหาพีบี  ป้าซันนี่ยื่นให้เธอตอนจะลงมาช่วยครูซล้างรถให้แม่กับแด๊ดยุน  ป๊าไม่ให้พวกเธอแตะรถของเขา  เขาให้โมเซ่กับลุงทำ  อาจจะไม่ไว้ใจหรือไม่อยากจะใช้พวกเธอ  แต่ส่วนใหญ่เขาก็เอาเข้าร้าน  เพราะรถแพงหูฉี่นั่นคงอยากได้รับการดูแลจากมืออาชีพจริงๆ

"รูปสวยนะ"  ป้าซันนี่พูด  ตบไหล่แคลร์เบาๆ แล้วจากไป

เธอยกมันขึ้นดูแต่ภาพ  ทำเป็นไม่เห็นข้อความยาวเหยียดเกือบล้นแผ่นกระดาษด้านหลังที่เคเลบเขียนมาเล่านู่นนี่ให้พีบีฟัง  สมัยนี้ยังมีคนส่งโปสการ์ดแบบนี้ให้กันอยู่อีกหรือ  เขาไม่เคยเล่นโซเชียลหรือไง  รู้จักอีเมลหรือเปล่า  แต่เขาก็ยังไม่แก่สักหน่อย  หรือชอบแบบนี้มากกว่า

"เคยตอบบ้างหรือเปล่า" 

แคลร์ยักไหล่ให้ครูซ  พลางส่งโปสการ์ดให้เขาดูบ้าง  ถ้าเขาจะอ่านข้อความนั่นด้วยก็ไม่แปลกอะไร  มันคงไม่ใช่ความลับ 

"เขาทำอาชีพอะไร  ช่างภาพหรือเปล่า"

"ประมาณนั้น"  เธอตอบ  "ฉันไม่เคยถามป๊า  พวกเขาคงเคยคุยกัน"

"เขาเดินทางไปหลายประเทศเลยนี่นา"  ครูซพูด  เขาเห็นโปสการ์ดแบบนี้จากเคเลบแทบทุกครั้งที่มันถูกส่งมาหาพีบี  "ผู้หญิงอะไร  ใจแข็งจัง"

"เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์อย่างเขา  เราไม่รู้หรอก"  แคลร์ว่า

"ก็จริง"  ครูซเห็นด้วย  คืนโปสการ์ดให้ฝาแฝด  แคลร์กำลังจะสอดมันเก็บในกระเป๋าแจ็กเกตไว้ก่อน  แต่เห็นไอรีนเดินผ่านมาพอดีเลยเรียกให้น้องสาวมาหาและวานให้เอามันไปส่งต่อให้พีบี

"ถ้าเธอมีธุระอื่น  ไว้พี่เอาให้เองก็ได้"  แคลร์บอก

"ไม่มี  ฉันแค่จะมาช่วยพี่ล้างรถ  แต่เอาไปให้เขาก่อนก็ได้" 

"ขอบคุณค่ะ  น้องไอ" 

ไอรีนพยักหน้า  ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่  แคลร์ร้องบอกน้องว่าไม่ต้องรีบมาช่วยก็ได้  เธอกับครูซจัดการกันเองได้อยู่แล้ว

"เขาดูสนิทกับพีปส์ขึ้นเยอะเนอะ"  ครูซวิจารณ์  เริ่มลงมือฉีดน้ำใส่รถของแม่ก่อน  โมเซ่ก็มาช่วยด้วยคนเพราะถือเป็นหน้าที่เขาเหมือนกัน

"คงอยากจะคุยกับพวกเดียวกันมั้ง"  แคลร์สันนิษฐาน  รู้สึกผิดที่ตนไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาให้น้องได้แบบพี่สาวคนอื่น  "แล้วนายเป็นไงมั่ง"

ครูซชะงัก  เขารู้ว่าแคลร์พูดถึงเรื่องอะไร

"ถ้าเธอเลิกพูดเรื่องนี้ได้  ฉันจะขอบใจมาก"

แคลร์หยุดละเลงฟองไปบนหลังคาเมอร์เซเดสสีเทา  มองน้องชายฝาแฝด  เห็นแววตาเขาแล้วเธอก็พยักหน้า  แม้จะรู้สึกเหมือนโดนกันออกมาจากวงโคจรของฝาแฝด  เราเคยคุยกันได้ทุกเรื่อง  เธอไม่เคยปิดเขาเรื่องพีบี  เธอเล่าทุกเรื่องที่เล่าได้ให้เขาฟัง  แต่ดูเหมือนครูซจะไม่ใช่คนเปิดเผยอย่างที่เขาพยายามบอกใครๆ ด้วยบุคลิกยิ้มง่าย (กว่าเธอ) กับท่าทีไม่ค่อยใส่ใจอะไรในโลกของเขา

"รู้ไหม  เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกที่จัดการทุกอย่างไม่ได้น่ะ"  ครูซพูดขึ้นราวกับอ่านใจฝาแฝดตัวเองได้  เขายังคงตั้งใจขัดรอยขี้นกสารเลวที่เลอะบนกระโปรงท้ายรถของแม่อย่างเอาเป็นเอาตาย  ไม่ได้มองแคลร์ตรงๆ  "เธอก็อายุเท่าฉัน  เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวเหมือนพี่ใหญ่ก็ได้"

"เมื่อก่อนนายไม่ได้พูดแบบนี้"  แคลร์ติง  "แต่ขอบใจนะที่พูดตรงๆ  ฉันคงไม่ใช่คนที่พึ่งพาได้เท่าไหร่"

"ฉันแค่จะบอกว่า  เธอไม่จำเป็นต้องแบกทุกเรื่องไว้บนบ่าของเธอ  ไม่ว่าจะเรื่องไอรีน  แม็กซ์  ฉัน  หรือเรื่องพีบี"  ครูซพูด  จ้องหน้าแคลร์จริงจัง  เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาดูซีเรียสขนาดนี้  "ฉันรู้ว่าเธอทุกข์ใจเรื่องฉันบ่อยๆ  ถึงเธอจะไม่พูด  ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องทั่วๆ ไป  แต่ฉันโอเค  ฉันจะจัดการมันด้วยตัวเอง  ฉันขอบใจที่เธอคอยช่วยแก้ตัวให้ฉันเวลาแม่ถามนู่นนี่"

"นายเป็นน้องชายของฉัน"

เขายิ้มเศร้าๆ แต่ดูดีใจมากกว่า  แคลร์จึงไม่รู้สึกแย่นัก 

"พีปส์ก็เหมือนกัน  ฉันว่าเขาคงไม่อยากให้เธอต้องเครียดไปด้วยหรอก  ถ้าเขามีเรื่องอยากให้เธอช่วย  เขาคงจะบอกเองแหละ"

"โอเค"  แคลร์ตอบ  ถูหลังคารถเหม่อๆ จนกระทั่งครูซฉีดน้ำใส่เธอพร้อมกับรถไปด้วย  "เฮ้ --"

"อาบน้ำหน่อย  แคลร์  หัวจะได้โล่ง"

"ได้  งั้นนายก็อาบด้วยแล้วกัน"

ครูซยังไม่ทันตั้งตัว  เขาก็โดนน้ำผสมน้ำยาล้างรถสาดโครมใส่หน้า  มันกระเด็นเข้าปากเขาไปกี่หยดก็ไม่รู้ 

"โอ้  โทษที  ฉันนึกว่ามันเป็นน้ำเปล่า"  แคลร์พูด  แต่ไม่สามารถนิ่งได้นานนัก  เธอหัวเราะพรืดจนครูซหันสายยางมาฉีดน้ำใส่หน้าเธออย่างแรงจนตาเธอแสบไปหมดทั้งที่หลับตาแน่นขนาดนี้  หากไม่นานนักมันก็หยุดลงพร้อมกับเสียงดุๆ ของแม่

"นี่ทำอะไรกันอยู่  แม่ให้มาล้างรถ  ไม่ใช่ให้มาเล่นน้ำ  หยุดเดี๋ยวนี้"

"แม่มาเล่นด้วยกันไหมฮะ"  ครูซยังมีแก่ใจชวนแม่  และโดนดึงหูตามระเบียบ  เขาร้องเสียงดัง  แทยอนปล่อยเขา  มาจัดการแคลร์อีกคน

"ไปอาบน้ำ  เปลี่ยนชุดกันเลย  ให้โมเซ่ทำคนเดียว  เธอทำได้ไหม  โมเซ่"

"ได้ครับ  มาดาม"  โมเซ่ตอบหวาดๆ  แคลร์กับครูซเห็นใจเขาทุกทีที่เขาเผชิญหน้ากับมารดาพวกตน

"แต่แม่คะ  ไหนๆ เราก็เปียกแล้วก็ให้เราล้างต่อให้เสร็จสิคะ"  แคลร์โน้มน้าวใจแม่ซึ่งมักจะสำเร็จเสมอ  และครูซก็มักจะคิดว่าเพราะหน้าแคลร์คล้ายพ่อมากกว่าเขา  "โมเซ่ต้องล้างรถให้แด๊ดด้วยนะคะ"

แต่จริงๆ เขาก็รู้ว่า  มันเพราะแคลร์พูดจามีเหตุผลต่างหาก  แคลร์ฉลาดพูดมากกว่าเขา  เหมือนตอนปฏิสนธิในท้องแม่  เขาเป็นแค่อสุจิเซ่อๆ ที่ว่ายตามแคลร์มาเร็วที่สุดเท่านั้น (เราเป็นแฝดเทียมกัน)  และตอนเติบโตในนั้นสมองก็ดันไม่ค่อยจะโตซะด้วยสิ

"ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ"

"ก็ได้  แต่ห้ามเล่นกันแบบเมื่อกี้อีกนะ  ไม่งั้นแม่จะไม่ให้พวกเราทำอีกแล้ว  และจะหักค่าขนมด้วย  กีต้าร์ของลูกด้วยนะ  ครูซ"

"ครับแม่"  ครูซขานรับ  ฉีกยิ้มเอาใจมารดา  แทยอนทำท่าเหมือนอยากจะมาหอมแก้มเขาอย่างที่ชอบทำ  แต่คงนึกได้ว่าเขาเปื้อนฟองทั้งตัวจึงทำแค่ยิ้มบางๆ และจากไป

"เธอทำให้แม่ยอมได้ทุกที  แคลร์"  เขาพูดขณะเริ่มล้างรถต่อ

แคลร์ส่ายหัวไม่เห็นด้วย  "ไม่หรอก  มันเพราะแม่ไม่ได้ตั้งใจจะมาดุเราอยู่แล้วต่างหาก  แม่แค่อยากมาดูนาย"

ครูซคิดไม่ทันในตอนแรกแต่พอคิดได้แล้วเขาก็หงุดหงิดขึ้นมา  "ฉันบอกว่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไร  ทำไมทุกคนไม่เชื่อฉัน  เธอด้วย"

"เพราะนายเป็นลูกแม่  แม่รักนาย  นายเป็นน้องฉันและฉันก็รักนาย  เหตุผลง่ายๆ แค่นี้แหละที่ทำให้คนบางคนดูเจ้ากี้เจ้าการจนน่ารำคาญ"

"ฉันไม่ได้รำคาญ"

"ไม่เป็นไรหรอก  ฉันจะไม่ซักไซ้นายอีก  แต่ถ้าอยากพูด  ฉันอยู่กับนายเสมอนะ"

"เธอเริ่มทำตัวเหมือนป้าเจนิดๆ แล้วละ"  ครูซพูดกึ่งหัวเราะ  เขายิ้มด้วยท่าทางเป็นกังวลน้อยลงจนแคลร์เมินน้ำเสียงล้อเลียนนั้นไปได้  "ฉันเคยได้ยินเวลาป้าเจคุยกับป๊าน่ะ  และฉันคิดว่าการมีพี่สาวก็ไม่เลวเหมือนกัน  ถึงพี่สาวของฉันจะไม่เหมือนคนอื่นแบบนี้"

แคลร์ยิ้มเก๊กๆ  โยนฟองน้ำไปใส่หัวครูซ  เขาก็ฉีดน้ำใส่เธอคืน  และโมเซ่ก็ร้องเตือนขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ  พวกเธอเห็นใจเขาจึงกลับมาล้างรถทั้งสองคันจนเสร็จ  ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำ  ครูซก็พูดขึ้นมา

"บางครั้งฉันก็อิจฉาเธอ  แต่ฉันก็รู้ว่าการเป็นเธอมันไม่ง่ายเลย"

"ขอบใจ"  เธอตอบ  ยีผมสั้นๆ เปียกๆ ของเขาแบบที่ชอบทำเสมอ  เขายิ้มให้เธออย่างจริงใจ  แล้วชวนเธอวิ่งเข้าบ้านไปก่อนที่ป้าซันนี่จะเห็นและดุเอา  เพราะเราทำพื้นบ้านและพรมเลอะอีกแล้ว

...............................

พีบีแทบจะไม่มองโปสการ์ดที่ไอรีนส่งให้  เธอสอดมันเข้าในหนังสือขณะเอ่ยขอบใจน้อง  และชวนให้นั่งเล่นด้วยกัน  ไอรีนรับคำชวนแม้จะไม่เห็นว่ามีอะไรน่าเล่นที่นี่เลยสักอย่าง  ข้างตัวพีบีมีแต่กองหนังสือ

ถ้าไม่อยู่ในห้องตัวเองกับห้องแคลร์  พีบีก็มักจะขนหนังสือมาอ่านตรงชั้นลอยที่มีโซฟากับเบาะนั่งสบายๆ ตรงนี้เสมอจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ไอรีนจะตามหาพี่สะใภ้เจอ

"เธออยากทำอะไรตอนโต  เป็นนักเขียนเหรอ"  ไอรีนถาม  อยากรู้

"งั้นมั้ง"  พีบีตอบอย่างไม่ใส่ใจ  เธอยังนึกถึงโปสการ์ดแผ่นที่สอดไว้ในหนังสือเล่มนี้อยู่  อยากรู้ว่าเคเลบเขียนอะไรมาบ้าง  และคิดถึงเธอไหม

ถึงจะบอกว่าโกรธจนไม่อยากจะเจอเขาอีก  แต่ลึกๆ แล้วเธอก็อยากให้เขาติดต่อมา  เธอยังโหยหาความรักจากคนสายเลือดเดียวกัน  โดยเฉพาะพ่อของเธอ  พ่อแท้ๆ ที่มีเหตุผลมากมายกับการทิ้งเธอไป  แต่เขากลับมาด้วยเหตุผลเดียวว่า...รักเธอ

ลูกสาวแท้ๆ ของเขาที่เขาตั้งใจจะทิ้งเธอไปน่ะเหรอ

"ถ้าเธอเบื่อ  ทำไมไม่ออกไปเที่ยวบ้างล่ะ  ชวนแคลร์ไปสิ"  ไอรีนว่า  พีบีเหลือบตาขึ้นจากหนังสือ  ท่าทางเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูด  "แต่เธอคงจะไม่เบื่อมั้ง"

"เธออยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่าล่ะ  ฉันพาไปได้นะ"  พีบีพูด  เดาว่าไอรีนคงเป็นคนอยากไปมากกว่า  "ชวนแคลร์ไปด้วยก็ได้  หรือเธออยากชวนคนอื่นไปมากกว่าล่ะ"

"ใคร"  ไอรีนทำเสียงหงุดหงิด  เบื่อความรู้มากของพีบี 

"ก็แล้วแต่นะ  ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว  ฉันไม่ได้เบื่อ"

"นี่ง้อเยอะๆ หน่อยไม่ได้หรือไง" 

พีบีแอบยิ้มอยู่หลังหนังสือ  เธอหัวเราะเมื่อไอรีนดึงมันออกไป

"เธอชอบแกล้งฉัน"

"เธอชอบให้ฉันแกล้ง  ไอรีน"

ไอรีนทำหน้าตึง  แต่ไม่สำเร็จนัก  เธอเขินตาสีฟ้าขี้เล่นคู่นี้ตลอด

"โอเค  จะไปหรือเปล่า  ฉันให้เวลาเธอคิดห้านาที"  พีบีเสนอ  แต่ไม่ถึงสิบนาที  ไอรีนก็ชะโงกหน้ามาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่  แปลว่านั่นเป็นการตอบตกลงในแบบของยายน้องคนนี้ 

สาวน้อยตัวเล็กวิ่งจากไปพร้อมรอยยิ้มของเธอ  พีบีค่อยๆ ดึงแผ่นโปสการ์ดออกมา  เธอมองรูปภาพหิมะบนถนนแวนคูเวอร์  เธอยังไม่เคยไปแคนาดา  แต่แคลร์ชวนเธอไปเล่นสกีที่นั่นปีนี้  เธออ่านข้อความของเขา

รอยยิ้มเบาบางผุดขึ้นมาบนริมฝีปากเด็กสาวพร้อมกับหยดน้ำเล็กๆ ในดวงตาสีฟ้าของเธอ  แคลร์ชะงักตอนเห็นมันเมื่อเดินมาถึง  แต่ไม่เอ่ยทัก  ทำทีเป็นสนใจหนังสือในกองข้างตัวพีบีมากกว่า  กระนั้นเธอคิดว่าพีบีคงรู้ว่าเธอเห็นแล้ว 

"ยายตัวแสบกวนอะไรเธอหรือเปล่า"  เธอถาม  พีบีส่ายหน้า  สอดโปสการ์ดกลับเข้าหนังสือ  ไม่เอ่ยพูดถึงมัน  แคลร์นึกถึงคำครูซ  เธอจึงเฉย  ปล่อยให้พีบีจัดการกับมันเอง

"เขาอยากออกไปข้างนอก  ฉันว่าจะพาเขาไป  แต่คงต้องให้เธอหรือครูซไปด้วย  ไม่งั้นแม่เธอคงไม่ยอม" 

"เธอขับรถเองไม่ได้พีปส์  เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ"  แคลร์เตือน  แต่ดูเหมือนพีบีจะไม่สนใจ  พีบีขับรถยนต์เป็นและมีรถขับแล้ว  หนึ่งในจำนวนของขวัญหลายๆ อย่างที่เคเลบซื้อให้  เขาเหมือนอยากจะชดเชยสิ่งที่ทำกับพีบีเอาไว้  ถึงจะรู้ว่ามันไม่มีทางเพียงพอ  "เธอต้องมีผู้ใหญ่นั่งไปด้วยคนหนึ่ง  จำได้ไหม"

"ฉันจ่ายค่าปรับคืนให้แม่เธอแล้ว  แต่มาดามไม่ยอมรับ"  พีบีบอก  กลอกตามองเพดานเมื่อนึกถึงตอนโดนตำรวจจับระหว่างพาแคลร์ไปลองรถกันสองคน  ตอนนั้นเธอกำลังเห่อจึงลืมกฎหมายไปเลย  เธอก็คิดว่าตัวเองหน้าแก่พอจะอายุสิบแปดแล้วนะ  ตำรวจก็ยังไม่เชื่ออีก  โชคดีที่เธอมีใบขับขี่ที่ยุนอาพาไปทำตอนอายุสิบห้าเท่าแคลร์ตอนนี้  ยุนอาได้รับมอบอำนาจเป็นผู้ปกครองของเธอจากริช  เทย์เลอร์  ซึ่งเธอดีใจมากที่มันยังเป็นแบบนั้นอยู่

"แม่ไม่ยึดกุญแจรถเธอก็ดีแล้วละ"  แคลร์พูดยิ้มๆ  เธอไม่ได้ถามว่าใครสอนพีบีขับรถ  แต่ดูเหมือนพีบีจะขับเป็นมานานแล้ว  แค่ไม่มีรถจะขับให้เธอดูเท่านั้น

"ฉันว่าบางทีเราอาจไม่ต้องขับกันเอง"  พีบีพูด  ยิ้มมีลับลมคมใน

แคลร์พยายามเดา  แต่ไอรีนก็เข้ามากอดเอวเธอจากด้านหลัง  เธอหันไปหอมศีรษะและสูดดมกลิ่นแชมพูอ่อนๆ บนเส้นผมน้องสาวที่มักจะช่วยให้คลายกังวลใจได้เสมอ  บางครั้งเธอก็เครียดโดยที่ไม่รู้ตัวเองเลย

"โอเค  อยากให้พี่ช่วยอะไร"  เธอถาม  ไอรีนเหลือบมองพีบีเหมือนจะให้ช่วยพูดให้  ดูเหมือนพวกเขาจะสนิทกันมากกว่าที่เธอคิดไว้  แต่พีบีแค่ยิ้มเฉยๆ  นั่นทำให้ไอรีนหงุดหงิดน่าดูก่อนจะพูดออกมาเอง 

"ฉันอยากไปพิพิธภัณฑ์  อะไรก็ได้"

"เธออยากไปจริงๆ  หรือจะให้พี่บอกแม่แบบนั้น"

ไอรีนเบ้ปาก  หลอกแคลร์ยากพอๆ กับพีบีนั่นแหละ 

"โอเคๆ  ได้เลย  เดี๋ยวพี่ไปขอแม่ให้  แล้วพี่ต้องไปด้วยหรือเปล่า"

"รู้อยู่แล้วทำไมต้องถาม"

"แหม  ใจเย็นๆ สิคะ  สาวน้อย"  แคลร์ปลอบ  เสียงขี้เล่น  อุ้มไอรีนขึ้นจากพื้นและหมุนตัว  น้องสาวร้องกรี๊ด  แต่เป็นเสียงกรี๊ดสนุกมากกว่าตกใจ  พีบียิ้ม  ชอบมองทั้งคู่อยู่ด้วยกัน  อดรู้สึกไม่ได้ว่าแคลร์เหมือนพี่ชายไม่ใช่พี่สาว  ไม่แน่ว่าไอรีนก็คงคิดเหมือนเธอ

"แล้วจะไปยังไงกัน"  แทยอนถาม  เงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อปที่กำลังทำงานอยู่ในห้องทำงาน  แม็กซ์เวลวาดรูประบายสีอยู่บนพื้นข้างๆ เธอ  เขาเงยหน้าขึ้นและหยิบกระดาษที่เขาวาดรูปเล่นมาให้แคลร์ดู  "แม่ไม่ให้พีบีขับรถนะ  แม่ไม่ว่างไปจ่ายค่าปรับให้"

"เดี๋ยวโดโด้มารับค่ะ"  แคลร์ตอบ  เดาเอาเองว่ามันต้องเป็นแบบนั้น  เพราะไอรีนคงไม่ยอมไปกับคนอื่น

"โดโด้"  แทยอนทวนชื่อหลานสาวอย่างประหลาดใจ  "เขาว่างหรือ"

"ว่างค่ะ"  แคลร์เดาอีกครั้ง  เชื่อว่าป่านนี้ไอรีนคงอ้อนให้โดโรธีมาทัวร์พิพิธภัณฑ์เก๊ๆ ได้แล้ว  "แม่คิดว่าควรครูซไปด้วยไหมคะ"

"ลูกคิดว่าน้องจะอยากไปหรือ" 

เสียงแม่ดูลังเล  แคลร์ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน  เธอคิดว่าครูซคงจะอยากอยู่กับตัวเองมากกว่าช่วงนี้  หรือบางทีเขาอาจจะชวนเจย์เดนเล่นอะไรกันตามประสาเด็กผู้ชาย

"ผมไปด้วยได้ไหมฮะ"  แม็กซ์เวลส่งเสียงเล็กๆ แทรกขึ้นมา  แคลร์นั่งยองๆ ลงข้างเขา  ดูรูปอื่นๆ ที่เขาอยากให้เธอดู 

แคลร์สงสารน้องตอนรู้ว่าเขาไม่ปกติเท่าไหร่นัก  แด๊ดยุนบอกว่าเขาเป็นออทิสติก  แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องกินยา  แค่ต้องดูแลให้มากกว่าเด็กทั่วไป  เขาเพิ่งถูกตรวจพบว่าเป็นแบบนี้หลังจากเดินหายเข้าป่าแอฟริกาไปและพีบีไปตามจนเจอนายพรานยิงเข้า  แด๊ดยุนเปรยว่าเขาไม่ควรจะเป็นแบบนี้  เนื่องจากเขาเกิดมาจากการทดลองที่คัดส่วนที่ดีที่สุดของพ่อเธอมาผสมกับของแด๊ดแต่มันก็เป็นไปได้  การทดลองย่อมมีข้อผิดพลาดบางอย่างเสมอ  แล้วในกรณีของแม็กซ์มันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก  เราก็ดูแลกันไป

"ไม่ต้องไปหรอกค่ะแม็กซ์  อยู่กับแม่ดีกว่า  แคลร์ไม่ได้ไปเล่น  พี่เขาไปทำรายงานส่งครู"  แทยอนพยายามคุยกับลูกชายคนเล็ก  เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นคนอื่นนอกจากลูกชายของเธอ  ถึงจะไม่ได้เบ่งคลอดเขาออกมาเอง

"แต่แม็กซ์จะอยู่เฉยๆ  ไม่ซนหรอกนะฮะ  ไม่กวนแคลร์ด้วย"

แคลร์เกือบจะเอ่ยปากบอกให้น้องไปด้วยแล้ว  ถ้าแม่ไม่ส่งสายตาเตือนเธอมาเข้มข้นแบบนี้  เธอชอบใจอ่อนกับน้องไม่เข้าท่า  แม่ว่าประจำ

"เอาแบบนี้  แม่ตามป๊ามาให้พาลูกไปเที่ยวดีกว่า  เดี๋ยวแม่ยุนก็จะมาแล้วด้วย  ไม่อยากเจอแม่เหรอครับ"

แม็กซ์เวลพยักหน้าหงึกๆ  แต่ยังมองแคลร์อย่างอาลัยอาวรณ์

"แคลร์  จะไปก็ไปค่ะ  แล้วอย่ากลับค่ำ  ให้บ๊อบกับไมเคิลตามไปด้วยไหม"  แทยอนรีบพูดก่อนที่แม็กซ์เวลจะทำให้แคลร์สงสารมากกว่านี้

"ไม่ดีกว่าค่ะ  หนูไม่อยากรู้สึกเหมือนมีผู้คุมตามไปด้วย"  แคลร์พูด  ปกติแม่คงแย้งเธอแล้ว  แต่เพราะอยากให้เธอออกไปจากห้องก่อนที่แม็กซ์จะอาละวาด  แม่จึงโบกไม้โบกมือไล่

"ไม่เกินหกโมงเย็น"

"แม่คะ"

"งั้นหนึ่งทุ่ม  ป๊าคงไม่ชอบให้ไอรีนอยู่ข้างนอกนานแบบนั้น  ถ้าไม่  ก็ไม่ต้องไปกันทั้งหมด  และถ้ากลับไม่ตรงเวลา..."

"โอเคค่ะแม่  งั้นหนูจะซื้อขนมมาฝากนะ"

แทยอนพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้  แคลร์ทำท่าจะเดินออกไปเลย  แต่ลูกเดินย้อนกลับมาและก้มลงกอดเธออย่างอ้อนๆ  ยีหัวแม็กซ์เวลแล้วจึงออกไป  เธอต้องลุกตามเพื่อไปจับลูกชายคนเล็กกลับมา

"อยู่กับแม่นะคะแม็กซ์  แม่เหงา  ได้ไหมครับลูก"

แม็กซ์เวลพยักหน้าหงึกๆ  ดูไม่ค่อยเต็มใจ  แต่เขาก็ผละจากประตูที่ไปเกาะอย่างทอดอาลัยมาหาเธอแทน  แทยอนรวบเขาเข้ามากอดปลอบใจ   แม้เขาจะคิดว่าเธอต่างหากที่อยากให้กอดและปลอบ  เธอยิ้มเศร้าๆ กับแขนเล็กๆ ที่กอดเธอกลับมาด้วยท่าทางเปี่ยมรัก 

"แม็กซ์รักแม่ฮะ" 

แทยอนน้ำตาร่วงอย่างไม่ได้ตั้งใจ  เธอไม่ได้เศร้าแต่ตื้นตันต่างหาก  ในขณะที่ลูกๆ คนอื่นโตขึ้นและห่างอกเธอไปทีละคน  เธอยังมีแม็กซ์เวลอยู่ตรงนี้  ให้เธอได้ทำหน้าที่แม่ของเด็กชายตัวน้อยๆ ต่อไป

"แม่ร้องไห้ทำไมฮะ"

"แม่ไม่ได้ร้องลูก  แม่แค่แสบตาเฉยๆ  เรามานอนเล่นกันไหมครับ"

"ดีฮะ  แม็กซ์ก็เริ่มง่วงนิดๆ แล้วแหละ"  แม็กซ์เวลบอกพลางขยี้ตาสีไม่เหมือนกันของเขา  แทยอนจึงพาเขาไปที่โซฟานั่งเล่น

"เดี๋ยวแม่เก็บของก่อนนะครับ  แล้วจะมานอนด้วย"  เธอบอกลูกขณะห่มผ้าให้ถึงอก  เธอจูบหน้าผากเขาและลุกขึ้นเดินกลับมาจัดการงานในแล็ปท็อปต่อ  แต่เผลอทำงานนานไปนิด  มองมาอีกทีแม็กซ์เวลก็หลับไปแล้วเรียบร้อย 

แทยอนยกมือขึ้นเท้าคางมองลูกอยู่ที่โต๊ะทำงานแทนที่จะลุกขึ้นมานอนเป็นเพื่อนเขาตามที่บอกกับเขาในตอนแรก  เธออยากทำงานตรงนี้ให้เสร็จก่อน  อีกอย่างเธอควรทำใจให้คุ้นชินกับความห่างเหินบางเวลาแบบนี้ด้วย  ถ้าไม่อยากตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าแบบตอนฝาแฝดกับไอรีนไม่ยอมเตียงเดียวกับเธอแล้ว

..................................................

เราสี่คนอยู่ในโรงหนัง  แคลร์เฉยๆ กับการเลือกที่เที่ยวของไอรีนและโปรแกรมหนังที่จะดู  น้องสาวขอดูบัมเบิ้ลบีซึ่งเพิ่งเข้าฉายได้ไม่นาน  แต่เธอแปลกใจนิดหน่อยที่โดโรธีกับพีบีไม่บ่นอะไร  หรืออาจจะเป็นหนังแนวที่ทั้งคู่ชอบอยู่แล้วก็ได้  ส่วนเธอต้องขอยอมรับเลยว่าเธอสนใจชาร์ลี  นางเอกของเรื่องมากที่สุด  ใครจะไม่ชอบเฮลีย์  สไตน์เฟลด์กันล่ะ

แคลร์นั่งติดกับไอรีนซึ่งอีกด้านของน้องคือโดโรธี  แบบเดียวกับพีบีที่อยู่อีกด้านของเธอ  ที่จริงเธอไม่ควรนั่งตรงกลางแบบนี้ถ้าจะดูแลทุกคนให้ทั่วถึง  แต่พีบียืนกรานว่าเธอควรจะนั่งข้างไอรีน  เผื่อน้องอยากจะคุยด้วย  ซึ่งก็จริง  ไอรีนกระซิบกระซาบกับเธอแทบทั้งเรื่องจนเธอเกรงใจผู้ชมคนอื่นๆ  รวมถึงโดโรธีด้วย  หากท่าทางโดโรธีจะเอ็นดูไอรีนมากกว่าจะรำคาญ  ถึงกับชวนให้ไปคุยกันแทนจะให้กวนเธอต่อไปจนไม่ได้ดูว่าชาร์ลีคนสวยเป็นยังไงบ้างแล้ว  เธอรู้สึกขอบคุณโดโรธีพร้อมกับสงสัยมากขึ้น 

หรือจะเป็นแบบที่ไอรีนเคยพูดไว้  แต่กับโดโรธีเนี่ยเหรอ  แล้วแบบนี้ครูซจะไม่ยิ่งช้ำใจหนักขึ้นหรือไง  หรือเรื่องครูซจะไม่เกี่ยวกับโดโรธีเลย

"เธอไม่สนุกเหรอ" 

แคลร์หยุดหมุนขวดน้ำแร่เล่นขณะนั่งรอพีบีพาไอรีนไปห้องน้ำ  น้องไม่ยอมให้โดโรธีไปเป็นเพื่อน  ส่วนเธอก็ไม่ควรเข้าห้องน้ำหญิง  ไอรีนยืนยันแบบนั้น 

"หรือเธอไม่ชอบหนังหุ่นยนต์  เฮลีย์สวยดีนะ  พี่หมายถึงชาร์ลี"

"พี่กำลังทำอะไรอยู่"  แคลร์ถาม  ไม่พยายามปิดบังความสงสัยที่มีต่อโดโรธี  "ถ้าไอรีนกวนใจพี่  พี่ควรปฏิเสธน้องบ้างนะคะ  อย่าปล่อยให้เขาเคยตัว  เดี๋ยวพี่จะเดือดร้อนเอง"

"พี่เต็มใจ  แคลร์  วันนี้พี่ก็ว่างอยู่จริงๆ  ไม่ได้โดดงานมา"  โดโรธีพูด  เกร็งนิดหน่อยเพราะสายตาจับผิดอย่างเปิดเผยของแคลร์  "หรือเธอกำลังคิดว่าพี่แกล้งไอรีนล่ะ"

"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ"  แคลร์ส่ายหน้า  ต่อให้ฉลาดยังไงเธอก็มีจุดอ่อน  โดยเฉพาะกับโดโรธี  ซึ่งพีบีคงไม่ชอบใจถ้ารู้เข้า  "ฉันแค่คิดว่าน้องยังเด็กไปที่จะสนใจ --"

"เธอคงลืมไปว่าตัวเองหมั้นตอนอายุเท่าไหร่"  โดโรธีเตือน  "โทษทีถ้าพี่ทำให้เธอไม่สบายใจ  แล้วพี่จะระวังขึ้นแล้วกันจ้ะ"

"ฉันแค่ --"

"แคลร์  ไปหาของกินกันเถอะ  ฉันหิวแล้ว"  ไอรีนส่งเสียงชวนพี่สาวทันทีที่กลับมาถึง  เธอคล้องแขนแคลร์  พาดึงไปตามทางที่อยากให้พี่พาไป  แคลร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจน้องสาว  ไอรีนก็จุดอ่อนเธอเหมือนกัน

"แคลร์เป็นคนใจดี"  โดโรธีเอ่ยขึ้นเหมือนหลุดปาก  เธอชำเลืองมองพีบีที่เดินอยู่ข้างกัน  เราเดินตามหลังแคลร์กับไอรีนอยู่  พีบีไม่ได้ดูโกรธเคืองเหมือนที่เคยเป็น  หรืออาจจะไม่ได้ยิน

"ค่ะ  นั่นเลยทำให้เขาน่าเป็นห่วง"  พีบีพึมพำเหมือนพูดคนเดียว

โดโรธีสะอึกเมื่อตาสีฟ้าตวัดมามอง  ต่อให้มันสีเหมือนเธอแต่แววในนั้นมันคนละเรื่องกันเลย  พีบีมีแววตาน่ากลัว  เย็นชาเหมือนรูปสลัก  และหน้าตาสะสวยแบบนั้น  แต่ถ้ายิ้มขึ้นมาก็ดูน่ารักจนใครๆ หลงรักได้ง่ายๆ

"พี่เองก็ใจดี  เพราะแบบนั้นช่วยทำอะไรให้ชัดเจนด้วยนะคะ"  พีบีพูดจบก็เดินก้าวขายาวๆ ไปจนทันแคลร์กับไอรีน  คล้องแขนกับแขนข้างที่ว่างของแคลร์  แม้จะไม่ได้เอาตัวแนบชิดแบบที่ไอรีนทำ  แต่โดโรธีก็มองออกว่านั่นคือการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างหนึ่ง  อาจเป็นคำเตือนด้วยก็ได้

หญิงสาวส่ายหน้าให้ตัวเอง  จริงๆ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมยังเข้ามาวุ่นวายกับคนบ้านสมิธอยู่ทั้งที่ทิฟฟานี่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่  หรือมันเป็นแค่การต่อต้านเล็กๆ ที่เธอพอจะทำได้  และไม่เดือดร้อนใครนัก

บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดก็ได้...



............................


แล้วก็จะหายไปสักพักนะคะ   :21: :02: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

02 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 13:56:56
แต่ละคนล้วนเป็นลูกสาวที่คุณพ่อหวงกันทุกคน แต่ลูกชายน่าห่วงกว่านะตอนนี้
แสดงความคิดเห็น