web stats

ข่าว

 


Ghost Writer - บทที่ 19 Happier

โพสต์โดย: anhann วันที่: 31 มกราคม 2019 เวลา 20:17:22 อ่าน: 154





"Ghost Writer (เลิกเป็นผี มาเป็นแฟนกันดีไหม) "

เปิดให้จองและชำระเงินได้ตั้งแต่ วันนี้ - 10 กุมภาพันธ์ 2562 กำหนดส่งหนังสือประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ในราคา เล่มละ 350 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา (เฉพาะช่วงจอง) ส่งลงทะเบียน 400 บาท และ 420 บาท EMS

สนใจติดต่อ anhann5@gmail.com , Inbox หรือ ไลน์ anhann

หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ --->>> http://bit.ly/2RmpYRR




บทที่ 19 Happier





ฮารุนะยังไม่ค่อยง่วง  ถ้าอยู่ออกซ์ฟอร์ดตอนนี้เธอคงเข้ากะอยู่  แต่ที่นี่ไม่มีอะไรทำ  คาเร็นเข้านอนไปแล้ว  จูนทำกับพี่เธอเหมือนไข่ในหิน  ดูแลคาเร็นดีมากจนเธออิจฉาและเลิกอิจฉาไปแล้ว 

เด็กสาวพลิกตัวมาอีกด้าน  เห็นแผ่นหลังบางของคนที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงหลังเดียวกัน  เธอแปลกใจที่ดิ๊พซี่ไม่ยอมนอนห้องเดียวกับฟลิค  เธอคิดว่าพวกเขาชอบพอกันแล้วซะอีก  หรือเธอจะเข้าใจผิด 

"ถ้าไม่อยากนอนก็ออกไปข้างนอก"  ดิ๊พซี่พูดขึ้นในความเงียบ  เสียงจึงดังก้องไปทั้งห้อง

"แล้วคุณล่ะ  ทำไมไม่ไปนอนอีกห้องถ้าไม่อยากนอนที่นี่"  ฮารุนะย้อนทันควัน  "คุณบอกห้องนี้มันเล็กไม่ใช่เหรอ"

"ฉันจะนอนที่ไหนก็เรื่องของฉัน"

"คุณไม่ได้เป็นแฟนกับเขาเหรอ"

"เธอหมายถึงใคร"  ดิ๊พซี่พลิกตัวมาถามฮารุนะ  ตาวาวในความมืด  เด็กสาวยิ้มแห้งๆ  เริ่มรู้ตัวว่าไม่น่าปากไวไปเลย  "ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ  เลิกเดามั่วๆ สักที"

"ก็ฉันเห็นพวกคุณสนิทกัน"

"ฉันสนิทกับเขามาตั้งแต่ตอนเป็นแฟนจูน  ตั้งแต่สมัยเรียน"

"ฉันก็แค่คิดว่า --"

"ฉันไม่ใช่วิธีมีใหม่ให้ลืมคนเก่าหรอกนะ  มันไม่ยุติธรรม"  ดิ๊พซี่พูดจริงจัง  "และเธอไม่จำเป็นต้องทำเป็นญาติดีกับฉันหรอกนะ  ฉันไม่ได้ซาบซึ้ง  มันน่ารำคาญที่ต้องเห็นคนเสแสร้งทุกๆ ที่  ฉันอยากจะพักบ้าง  ตกลงไหม"

"คุณไม่เคยคิดว่าคนอื่นๆ เขาจะมีอะไรดีๆ บ้างเหรอ  นอกจากคุณหรือจูนน่ะ"  ฮารุนะถามเสียงขุ่น  หงุดหงิดทุกครั้งที่คุยกับผู้หญิงคนนี้

"ฉันไม่ได้คิดว่าตัวฉันหรือจูนดีกว่าใคร  แค่เราไม่เสแสร้งมากเท่าพวกเธอ  นั่นแหละ  ประเด็น"

"แต่นั่นก็เป็นวิธีที่บอกว่าพวกคุณวิเศษวิโสกว่าคนอื่นแล้วนะ"

"ถ้าเธอเข้าใจแบบนั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด  และฉันต้องการพักผ่อน  เพราะฉะนั้นช่วยเงียบด้วย"

ฮารุนะแทบจะได้ยินเสียงไล่ดังออกมาพร้อมกับถ้อยคำแบบผู้ดีนั่นเลยทีเดียว  ปกติเธอชอบคนอังกฤษนะ (ดิ๊พซี่สัญชาติอังกฤษ  เกิดลอนดอน  เป็นคนลอนดอนโดยแท้เหมือนบ้านเดวิส)  ชอบคนสำเนียงแบบดิ๊พซี่ด้วย  แต่เธอลืมไปว่าคนพวกนี้เหยียดคนอื่นจนเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต

"ฉันก็แค่อยากนอนให้สบาย"

เด็กสาวรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีทั้งที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลย  หรือแค่หายใจก็ผิดแล้วละ  ยายผู้หญิงเพี้ยนเอ๊ย!

.....................................................

คาเร็นพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด  พยายามเคลื่อนไหวร่างกายตามที่ลิซซีสอน  แต่อย่างไรก็ยังต้องให้จูนช่วยอยู่หลายอย่าง  อย่างตอนเช้าแบบนี้  จูนก็ต้องอุ้มเธอไปขึ้นวีลแชร์แล้วเธอค่อยบังคับให้มันพาไปห้องน้ำ  ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองโดยมีจูนคอยมองอยู่  จะยื่นมือมาช่วยก็ต่อเมื่อเธอทำบางอย่างไม่ได้เท่านั้น  จูนคงพยายามทำตามที่ลิซซีขอไว้เหมือนกัน  ทุกๆ อย่างในนั้นจูนจัดให้อยู่ในระยะที่เธอเอื้อมถึงขณะนั่งอยู่บนวีลแชร์แบบนี้  แปรงสีฟัน  ยาสีฟัน  เธอเริ่มบีบยาใส่แปรงเองได้แล้ว  และเห็นจูนยิ้มระหว่างยืนแปรงฟันอยู่ข้างๆ 

ไม่ใช่แค่จูนหรอกที่ดีใจ  เธอเองก็ดีใจมากที่ทำมันได้  ใครจะอยากเป็นภาระคนอื่น  ถึงเขาจะเต็มใจทำให้ 

"ไม่เอา  ทำเอง"  คาเร็นบอก  ไม่ยอมให้จูนอุ้มไปนั่งชักโครก  "จับ"

จูนทำตามอย่างเสียไม่ได้  ปล่อยให้คาเร็นจับแขนและช่วยประคองลงจากรถมานั่งบนโถชักโครก  ชุดนอนคาเร็นเป็นกระโปรงและไม่ได้สวมกางเกงในนอนอยู่แล้วจึงง่ายสำหรับการช่วยเหลือตัวเองตรงนั้น  แต่อาการกุมท้องน้อยของหญิงสาวก็ทำให้เธออดห่วงไม่ได้

"เป็นอะไรคะ  เป็นเมนส์เหรอ"

คาเร็นส่ายหน้า  หน้าแดงแจ๋  จูนยิ้มแห้งๆ  รู้แล้วว่าแฟนเป็นอะไร  เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของคาเร็น  เธอไม่น่าทำรุนแรงเลย  แต่มันอดใจไม่ไหวนี่  เธอชอบฟังเสียงคาเร็นคราง  ชอบเสียงร้อง  ชอบปลายเล็บที่จิกเนื้อตัวเธอ

"เอ่อ  มันก็..."

"มานี่"

จูนเลิกคิ้ว  หากทำตามที่อีกฝ่ายขอ  เธอก้มลงฟังว่าคาเร็นอยากจะได้อะไร  แล้วหญิงสาวก็ดึงคอเธอลงไปหา  จูบปากเธอและสอดลิ้นเล็กๆ เข้ามาในปากเธออย่างเงอะงะ  หากเธอกลับเคลิ้มจนดูดมันเหมือนหิวกระหาย  มือป่ายไปลูบคลำหน้าอกด้วยความเคยชิน  คาเร็นครางรับ  ไม่ได้ปฏิเสธ  ทั้งยังยกสะโพกเปิดทางให้เธอเข้าไปในตัวด้วย  มันคับแน่นจนน่าตกใจ  แต่เสียงร้องก็เหมือนจะส่งสัญญาณให้เธอทำต่อไปอีก  แล้วเธอหรือจะยอมพลาดโอกาสงามแบบนี้  เธออดทนรอคาเร็นมานานตั้งแต่ตอนยังไม่เข้าร่าง  ดูแลร่างกายให้แข็งแรงขึ้นจนพ้นสภาพผักมาแล้ว  และนี่คือรางวัล

"ให้ฉันอุ้มนะ"

"ไม่ใช่เด็กนะ"

"ไม่ใช่หรอกค่ะ  แต่เป็นเมียฉัน"

คาเร็นกัดปากตัวเอง  เขินมากแต่ยังอยากมองตาหวานๆ ของจูนที่อุ้มเธอขึ้นจากชักโครก (หลังจากมีเซ็กซ์และทำความสะอาดให้แล้ว) เหมือนเธอตัวเบามาก  เธอรู้สึกเหมือนผู้หญิงใจง่าย  ยอมให้จูนอึ๊บเธอทั้งกลางคืนและกลางวันแบบนี้  แถมเมื่อกี้ยังเป็นฝ่ายชวนก่อนด้วย  แต่มันจะผิดอะไร  คนเรารักกัน  เราก็แสดงมันต่อกัน  เธอไม่รู้ด้วยว่าจะมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่  เธอเหลืออายุขัยอีกแค่ไหน  แอชเชอร์ไม่ได้บอกเธอ  ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องบอกเธอให้รู้  ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนแข็งแรง  จะต้องจากจูนไปวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้  ถ้ายังมีเวลาอยู่  เธอก็อยากให้จูนมีความสุข

"คิดอะไรอยู่คะ"  จูนถาม  ใช้แปรงหวีผมยาวสีดำสนิทให้ภรรยาทางพฤตินัย  เธอยังชอบทำมันให้คาเร็นอยู่  แม้อีกฝ่ายจะพอทำได้เองแล้ว

คาเร็นสบตาจูนผ่านกระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้ง  แล้วหันมากอดคนตัวใหญ่กว่า  กดจมูกกับซอกคอจูน  สูดดมกลิ่นหอมประจำตัว  มืออุ่นๆ ลูบแผ่นหลังเธอราวกับจะปลอบขวัญ  เหมือนจูนจะรู้ว่าเธอคิดอะไร

"ไม่เป็นไรนะคะ  อย่าคิดมาก"

"ฉันกลัว"

จูนหน้าเจื่อน  เธอเองก็กลัวเหมือนกัน  "คุณแข็งแรงขึ้นเยอะแล้ว  และถ้าคุณเดินได้เองเมื่อไหร่  เราจะไปเดินเล่นกันทุกเช้า  โรคหัวใจของคุณไม่ใช่ออกกำลังกายไม่ได้นะ  คุณเดินช้าๆ ได้  ฉันจะเป็นเทรนเนอร์ให้คุณเอง  มาพยายามด้วยกันนะ  คาเร็น"

"คุณน่ารักเหมือนฮารุนะบอก"  คาเร็นพูด  แปลกใจที่วันนี้เธอพูดได้ยาวขึ้นแล้ว  และไม่เหนื่อยเท่าก่อนแล้วด้วย  "ฉันพูดได้แล้ว!"

"ใช่  เห็นไหมล่ะ  คุณเก่งจะตาย"  จูนเชียร์  หอมศีรษะคนตัวเล็กอย่างรักใคร่  คาเร็นกอดเธอแน่นขึ้น  มันไม่ได้อุ่นแค่ตัวแต่หัวใจเธอด้วย

"คุณทำให้ฉันอยากสู้"  คาเร็นพูด  มองตาจูน  "เพราะฉันอยากจะอยู่กับคุณต่อ  ฉันไม่อยากไป"

"ขอบคุณค่ะ"  จูนตอบ  น้ำตาคลอ  ลูบแก้มขาว  ก้มลงจูบหน้าผากคนรัก  คาเร็นขยับขึ้นมาจูบปากเธอต่อ  เสียงครางพอใจกระตุ้นให้ความใคร่ให้ตื่นตัวอีกครั้ง  แต่มันคงไม่ดีถ้าจะอึ๊บคนป่วยทั้งวันทั้งคืนแบบนี้

"เอ่อ  เราลงไปข้างล่างกันเถอะ  คุณต้องกินมื้อเช้าและกินยานะ"

"ฉันมีความสุขนะ  เวลาคุณเมคเลิฟกับฉัน  คุณล่ะ"

"ฉันพูดไม่เก่ง  ขอทำแบบนี้แทนได้ไหม" 

คาเร็นอยากจะเถียงว่าไม่จริง  จูนพูดเก่งจะตาย  แต่เธอกลับปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามที่อยากทำ  เสื้อผ้าเธอถูกถอดออกทั้งที่เพิ่งใส่เมื่อกี้เอง

อา  ถ้าจูนเป็นผู้ชาย  เธออาจจะตั้งท้องแล้วก็ได้นะเนี่ย

.........................................................

ท้องฟ้าวันนี้ปลอดโปร่งดี  หลังกินมื้อเช้า  ทำกายภาพบำบัดแล้ว  จูนจึงชวนเธอมาหอหนังสือประจำเมืองกับเจ้าแบร์  แม้เพื่อนขนฟูของเราจะต้องโดนกักตัวไว้ด้านนอก  บางทีฟลิคกับดิ๊พซี่ที่มากับเราด้วยอาจจะช่วยดูให้เราก่อน  แต่แบร์ไม่มีปัญหากับการอยู่ข้างนอกตัวเดียวเท่าไหร่  ยกเว้นตอนคิดถึงจูนขึ้นมา  ฮารุนะอาสาอยู่กับแม่นมที่บ้าน  บอกว่าจะทำมื้อเที่ยงเอาไว้รอพวกเรา  เธอคิดว่าฮารุนะคงเดินเที่ยวจนเบื่อแล้วมากกว่าเลยไม่มา

"คุณจำได้ไหมว่า  มันมีมุมหนังสือของคุณอยู่"  จูนพูดขึ้น  คาเร็นพยักหน้า  ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ  "มาทางนี้ดีกว่า  คาเร็น  มันมีทางสำหรับคุณอยู่ตรงนี้"

"ฉันอยากเดิน  จูน"  คาเร็นบอก  ทุกคนจึงหันมามองเธอกันหมด

จูนอึกอัก  คาเร็นก็พอจะเดินเองได้นิดหน่อยแล้วแต่ยังลำบากอยู่ดี

"จูน  ฉันอยากลอง"  คาเร็นขอร้อง  ดึงชายเสื้อจูนเหมือนเด็กๆ และแน่นอนมันสำเร็จ  จูนใจอ่อนเสมอเวลาถูกผู้หญิงอ้อนกับทำท่าทางแบบนี้  เธอเห็นดิ๊พซี่ทำแล้วมันได้ผลทุกที  ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ด้วย  ดิ๊พซี่จึงกลอกตามองฟ้าอย่างเซ็งๆ 

"ก็ให้ลองไปสิ"  ดิ๊พซี่พูด  ชักหมั่นไส้แฟนใหม่จูนเต็มที  ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าทั้งคู่ไปถึงไหนๆ กันแล้ว  ถ้าจูนยอมให้ขนาดนี้แปลว่าไม่เหลือแล้ว  จูนน่ะเป็นโรคหลงผู้หญิง  ถ้าพูดให้หยาบหน่อยก็หลงจิ๋มนั่นแหละ  แรกๆ กับเธอก็เป็นแบบนี้  ตอนนี้เธอจะพยายามเอาใจช่วยไม่ให้จูนแค่หลงละกัน

"ถ้าเธอโยกสะโพกได้แล้ว  แค่เดินคงไม่ยากอะไรมั้ง"

"ดิ๊พ"  จูนปรามดิ๊พซี่  ชำเลืองมองคาเร็น  ทางนั้นก็หน้าแดงก่ำ  แต่ดูเหมือนจะพยายามไม่กลัวฤทธิ์เดชแฟนเก่าเธอ 

"ค่ะ  ฉันคิดว่ามันทำให้ฉันแข็งแรงขึ้นเร็วกว่าเดิม  เสียดายที่ฉันเริ่มช้าไป  ไม่อย่างนั้นคงหายนานแล้วละ"  คาเร็นประชด  บีบแขนจูนแน่น  "จูนช่วยฉันหน่อยสิคะ  แต่ไม่ต้องอุ้มนะ  ไว้ที่บ้านก็พอ"

"ตอแหล!" ดิ๊พซี่ด่า  หมดความอดทนแล้ว  เธออยากตบคาเร็นมาก  แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เปลี่ยนใจและดึงแขนฟลิคเดินจากพวกเขามาแทน  ฟลิคก็ยังจะลากเจ้าแบร์มาด้วยซะอีก

"คุณ  ใจเย็นก่อนสิ"  ฟลิคร้อง  ฉุดแขนคนตัวเล็กไว้  ดิ๊พซี่หยุดวิ่ง  เธอจึงโล่งใจได้นิดหน่อย  เธอเหลือบมองเจ้าแบร์  มันดูงงไปหมด  โชคดีที่เดี๋ยวนี้มันคุ้นกับเธอเพราะนอนด้วยทุกคืนจึงไม่กระชากสายจูงวิ่งหนีกลับไปหาจูน  "คุณก็รู้ว่าเธอป่วย  คุณเคยเห็นใจเธอ..."

"แม่นั่นจงใจยั่วโมโหฉัน  ทั้งที่ฉันพยายามจะทำดีด้วยแล้ว"  ดิ๊พซี่ตะโกนกลับ  ไม่ใส่ใจจะอายใครทั้งสิ้น  "หล่อนอาจจะปั่นหัวจูนอยู่ก็ได้"

ฟลิคส่ายหน้า  ลูบไหล่บางอย่างปลอบโยนก่อนจะดึงร่างเล็กมากอดเมื่อดิ๊พซี่ไม่ขัดขืนและผ่อนคลายลงในอ้อมแขนเธอ  "ฉันรู้ว่าคุณเจ็บ  แต่พวกเขารักกัน  และคาเร็นคงแค่หวงจูน  เธอคงยังไม่มั่นใจว่าคุณกับจูนยังมีอะไรต่อกันอีกหรือเปล่า"

"จะมีได้ไงล่ะ  น้องคุณไม่ใช่พวกที่ชอบยูเทิร์นสักหน่อย"

"รีเทิร์นหรือเปล่าคะ"

"มันก็เหมือนกันนั่นแหละ"  ดิ๊พซี่ว่า  ชักสีหน้าไม่พอใจ  แถมยังทุบหลังฟลิคไปดังอึก  คนตัวสูงยืนจุกจนพูดไม่ออกทั้งที่อยากบอกว่าเธอไม่ได้อึดถึกเหมือนจูน  "คุณกอดฉันทำไม  แล้วคุณเอาไอ้หมาบ้านี่มาด้วยทำไม  เอามันไปคืน  แล้วก็ปล่อยฉันด้วย  ฉวยโอกาส"

ฟลิคโดนผลักแทบกระเด็น  แต่เธอยังมือไวคว้าแขนเล็กไว้ได้ทัน

"ปล่อย"

"คุณจะไปไหน  อย่าบอกนะว่าจะกลับไปตบเขา"

"ตบคุณนี่แหละ  พูดมากนัก  เข้าข้างกันนัก"

"ไปหาที่นั่งเล่น  ดื่มอะไรให้ใจเย็นๆ ดีกว่าค่ะ  นะ" 

ดิ๊พซี่ลังเล  แต่แล้วก็ตัดสินใจไปนั่งคาเฟ่ใกล้ๆ หอสมุดเมือง  สั่งชาอังกฤษกับบิสกิตที่เอามาป้อนให้เจ้าแบร์แทนที่จะกินเอง  ฟลิคเท้าคางมองสาวตัวเล็กขณะคนกาแฟร้อนในถ้วยเล่น

"คุณรู้ไหม  น้องเวรของคุณน่ะ  มันอึ๊บฉันกี่ครั้งต่อวัน"  ดิ๊พซี่พูดขึ้นกะทันหัน  ฟลิคชะงักตั้งตัวไม่ถูก  หากดวงตาเหมือนแมวก็เปล่งประกายวาวขณะจ้องเธอ  เธอส่ายหน้าช้าๆ  จะไปรู้บ้าเรื่องนั้นได้ยังไงกันเล่า!

"ฉันจำไม่ได้  เพราะไม่เคยนับ"  คนตัวเล็กบอกหน้าตาเฉยราวกับพูดเรื่องจำนวนของที่ช้อปปิ้งมาอย่างนั้น  "ตอนอยู่เกาหลี  ฉันอยู่ในห้องพักแคบๆ เหม็นๆ กับเขาทั้งที่เพนต์เฮ้าส์ของฉันโคตรจะใหญ่  แต่เขาไม่ชอบ  ฉันก็เลยต้องยอม  ถ้าวันไหนเขาไม่ต้องไปทำงาน  ฉันก็โดดเรียนอยู่กับเขา  เอากันทั้งวันทั้งคืน  หมดแรงก็นอน  พอมีแรงก็ทำใหม่อยู่อย่างนั้น  เวลาหิวๆ ก็ควักพิซซ่าเก่าๆ ในตู้เย็นมาอุ่นกิน  ตอนกลางคืนเขาไปเล่นดนตรี  ฉันก็ตามไปด้วย  เพราะกลัวเขาเมาแล้วจะกลับห้องไม่ถูก  แต่ไม่หรอก  จริงๆ ฉันกลัวว่าเขาจะไปกับผู้หญิงคนอื่น  คุณไม่รู้หรอกว่าน้องคุณมันสารเลวแค่ไหน  แม่นั่นก็ไม่รู้  เพราะตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว  ดีเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน  และที่น่าเจ็บใจก็คือฉันไม่ได้อยู่ตอนที่เขาดีวิเศษเป็นเทวดาแบบนี้ไง  เขาเปลี่ยน  แต่ไม่ใช่เพื่อฉัน  คุณเข้าใจความรู้สึกฉันไหม  เฟลิซิตี้"

ฟลิคปั้นหน้าไม่ถูก  เธอไม่เคยติดใจเรื่องแบบนั้นหรอก  คนเราเป็นแฟนกันก็ต้องมีอารมณ์อยากใกล้ชิดกันเป็นธรรมดา  แต่เธอก็ไม่คิดว่าจูนจะเคยทำกับดิ๊พซี่ขนาดนี้  เลือดพ่อแรงมากจริงๆ

"ช่างเถอะ  ฉันไม่ได้คิดถึงนิ้วเขาขนาดนั้นหรอก  แค่เห็นแม่นั่นทำแบบนั้นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้  ฉันไม่เคยคิดจะแย่งของใคร  ยกเว้นเขาจะมาเอง"  ดิ๊พซี่พูด  ไม่จำเป็นต้องบอกฟลิคทุกอย่างว่าเธอแค่อ่อยจูนแล้วพอเมาๆ ก็ลากเขาเข้าห้องน้ำ  แทบจะยัดนิ้วจูนเข้ามาในตัวเองด้วยซ้ำ  ทำไมจะต้องบอกล่ะ  มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ         

"ฉันเสียใจด้วย"

"ไม่จำเป็น  ฉันโอเค"

ฟลิคคลี่ยิ้มเหมือนจะปลอบ  ยื่นมือมาขอมือเล็กๆ ไปจับ  ดิ๊พซี่ยอมให้อีกฝ่ายถูคลึงหลังมือเธอด้วยปลายนิ้วหัวแม่โป้ง  อดคิดไม่ได้ว่าจูนก็เคยทำกับเธอแบบนี้เวลาเธอมีเรื่องไม่สบายใจ  พี่น้องคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ

"ฉันไม่ใช่จูนและคงเป็นจูนให้คุณไม่ได้ด้วย  ฉันก็เป็นฉัน  เฟลิซิตี้  เดวิส  แต่ฉันขอให้คุณลองคบกับฉันดู  ได้ไหม  ดิ๊พซี่"

เจ้าของชื่ออึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มออกมาด้วยสีหน้าขำๆ  ฟลิคหน้าแดง

"นี่ไม่ตลกเลยนะ  ดิ๊พ  คุณกำลังทำให้ฉันรู้สึกหน้าแตก  แค่ตอบมาว่าคุณจะเอาไงก็พอ"

"ทีแบบนี้ทำเป็นใจร้อน"  ดิ๊พซี่ล้อเลียน  ฟลิคทำแก้มป่อง  ดูเด็กลงจนไม่น่าเชื่อ  จริงๆ เธอก็รู้ว่าฟลิคน่ารัก  บางทีก็น่ารักกว่าจูนด้วย  นิสัยก็ดีมากกว่า  หน้าหวาน  ทำเป็นเย็นชาไปอย่างนั้นแต่จริงๆ ใจดี  ไม่เหมือนจูนที่ถ้าร้ายแล้วก็ร้ายจริงๆ 

"ฉันแค่อยากรู้  เผื่อว่า..."

"เอาสิ  แต่คุณจะมาโวยวายกับฉันไม่ได้นะ  ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา"

"เช่น"  ฟลิคถาม  อยากรู้จริงจัง  แต่ดิ๊พซี่ก็ยังยักไหล่  "หรือคุณอยากมีเซ็กซ์"

บิสกิตชิ้นใหญ่ปาใส่หน้าฟลิคแทบจะทันที  ดิ๊พซี่ขมวดคิ้วส่ายหน้าไปมา  แล้วหันไปสนใจหมาสีขาวแทนคนซื่อบื้อ  ฟลิคยิ้มแห้งๆ  ทำอะไรก็ผิดไปหมดเลย  เธอไม่เคยจีบใครจริงจัง  แค่หยอกก็ยังไม่เคยเลย  ถ้าไม่นับรวมเซ็กซ์สมัยเด็กที่เกิดขึ้นเพราะความอยากลองอยากรู้  เธอก็แทบจะไม่เคยมีอะไรกับใครเลย  เธอไม่ได้ตายด้าน  แค่ไม่มีเวลา

"มันไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆ ก็มาชวนกันได้แบบนี้หรอกนะ  หัดมีชั้นเชิงหน่อยสิ"  ดิ๊พซี่พูดเสียงขำ  ฟลิคก็ยังดูไม่ชอบใจ  "ฉันไม่ได้รังเกียจคุณหรอก  แค่ยังไม่พร้อม  และบอกไม่ได้ด้วยว่าจะพร้อมเมื่อไหร่  ถ้าคุณรอไหวก็รอ  แต่ฉันจะไม่ขอให้คุณรอหรอกนะ  มันไม่แฟร์"

ฟลิคทำหน้าเข้าใจแม้จะไม่อยาก  เธอชะงักเมื่อดิ๊พซี่ชะโงกข้ามโต๊ะมาจูบแก้มและผละออกไปยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

"อย่างน้อยฉันก็ยังมีคนดีๆ มาชอบ  ไม่ถือว่าเสียชาติเกิดแล้วละ"

ถึงแม้จะยังเห็นรอยน้ำตาจางๆ ในดวงตาของอีกฝ่าย  แต่ฟลิคก็ยังรู้สึกนับถือหัวใจแข็งแกร่งของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเกิน


................................................


เสียงด่าทอนั้นยังดังก้องอยู่ในหู  คาเร็นรู้ว่าทำเกินไปหน่อย  เธอจะไปขอโทษดิ๊พซี่  บอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำบ้าๆ แบบนั้น  ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอทำใส่ดิ๊พซี่อย่างนั้น  เธอหวงจูนจนหน้ามืดหรือไง  หรือใกล้จะเป็นเมนส์ 

โอ้  คาเร็น  เธอเหมือนผู้หญิงงี่เง่าที่เธอเกลียดมาตลอดเลยนะ

"ขอโทษค่ะ  เธอยังไม่พร้อม  ขอทางให้เธอหน่อยนะคะ" 

เสียงจูนพูดฉุดให้คาเร็นหันกลับมาสนใจรอบๆ ด้านจึงเห็นว่ามีคนมามุงดูเธอ  ทำเหมือนเธอเห็นสัตว์ในสวนสัตว์

"มาทางนี้เถอะค่ะ"  ผู้หญิงคนหนึ่งบอก  อาจเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่หอสมุด  จูนกับคาเร็นตามหล่อนไปและพบว่าเป็นห้องเก็บหนังสือหายากของที่นี่  ทั้งสองถึงกับอึ้งในความเก่าแก่ของมัน

"คุณไม่รู้ตัวใช่ไหม  ว่าตัวคุณดังแค่ไหน"  เสียงหญิงสาวพูดทำนองตำหนิ  คาเร็นยิ้มแห้งๆ  รู้ตัวว่าสร้างความวุ่นวายให้  สาวผมน้ำตาลหม่นโบกไม้โบกมือราวกับอ่านออกว่าเธอคิดอะไรอยู่

"จริงๆ ทางเราก็ผิดเองแหละค่ะ  ดันจัดมุมของคุณไว้เสียยิ่งใหญ่ขนาดนั้น  ยิ่งรู้ว่าคุณกลับมาแล้วแบบนี้ก็ยิ่งมีคนสนใจเยอะ  ทางเราก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน"

"เอ่อ  ไม่เป็นไรค่ะ"  คาเร็นตอบ  ค่อยใจชื้นขึ้นนิด  "แต่ขอนั่งหน่อยได้ไหมคะ  พอดีขาฉันมัน..."

"โอ้  ได้ค่ะ"  สาวแปลกหน้าบอก  ลากเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งมาให้คาเร็นนั่งลง  ส่วนจูนสั่นศีรษะบอกว่าไม่จำเป็น  "แปลว่าคุณเป็นแบบที่เขาว่ากันจริงๆ เหรอคะ  ขอโทษที่ละลาบละล้วงค่ะ"

"เธออยู่ในช่วงพักฟื้นค่ะ"  จูนตอบสั้นๆ แต่เสียงดุจนคาเร็นต้องเงยหน้าขึ้นมอง  เตือนไม่ให้ทำตัวน่ากลัวนัก  "ฉันจะพาเธอกลับทางไหนได้บ้าง  ที่จะไม่ต้องผ่านประตูหน้า"

"นั่งรอสักพักก็ได้มั้งคะ  เดี๋ยวพวกเขาคงจะไปกันเอง  โชคดีนะคะที่ไม่ใช่  อกาธา คริสตี้  ฟื้นขึ้นมา  ไม่อย่างนั้นหอสมุดคงระเบิดแน่ๆ"

"ตลกนะคะ"

เจ้าหน้าที่สาวหน้าเจื่อน  คงรู้ว่าจูนประชดเข้าให้  คาเร็นแอบยิ้มขำ  เธอขำได้เพราะไม่ได้เป็นคนโดนจูนตอกใส่หน้าแบบนี้ไง  ร้ายนักเชียว

"ขอร้องละค่ะ  นั่งรอตรงนี้ก่อน  ให้ฉันออกไปดูลาดเลาก่อนได้ไหม"

คาเร็นพยักหน้าให้จูน  จับมือขอร้องให้ใจเย็นๆ  จูนยิ้มให้แล้วหันไปผงกศีรษะกับเจ้าหน้าที่สาวที่เพิ่งจะบอกเราว่าชื่อเอมี่  ไม่ได้บอกนามสกุล

เอมี่จากไปแล้ว  บอกว่าจะไปดูว่าทางโล่งหรือยัง  แล้วจะกลับมาบอกเรา  แต่จูนหงุดหงิดจนนั่งไม่ติด  ไม่สนใจเก้าอี้ที่เอมี่เอามาให้เพิ่มอีกตัว  คาเร็นมองคนตัวสูงเดินไปเดินมา  จูนดูนั่นดูนี่ภายในห้องเหมือนอยากรู้ไปหมดทุกอย่าง  มันก็น่าสนใจจริงๆ เพราะมีแต่หนังสือหายากกับหนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกทั้งนั้นเลย

"อย่าแตะ  เจ้าเด็กซน"

จูนชะงัก  คาเร็นก็หันขวับไปมองทันทีเหมือนกัน  แล้วเธอก็อุทาน

"ปู่ทวดชาร์ลี  โกลด์" 

"มากันอีกแล้วหรือ  โอ้  คราวนี้เธอมาเป็นมนุษย์"  บรรณารักษ์ชราเอ่ยทัก  แต่ดูไม่แปลกใจนัก  คาเร็นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ  จูนก็เช่นกัน

"ถึงจะมาเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่จะซนในนี้ได้นะ  ที่นี่เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์  ยายเอมี่จอมเบอะบะทำเรื่องอีกแล้วใช่ไหม"

"เราแค่มาหลบภัย  ไม่ได้มาซนค่ะ"  คาเร็นเล่า 

"หลบภัย?"  ปู่ทวดชาร์ลีทวนคำคาเร็น  พลางลูบเคราขาวอย่างครุ่นคิด  "อ้อ  พวกโกงความตายมาก็แบบนี้แหละ"

"ไม่ได้โกงนะคะ  แค่..."  คาเร็นชะงัก  ไม่แน่ใจว่าควรจะพูด

"ยังไม่ถึงเวลาของเธอค่ะ  เธอไม่ได้โกง"  จูนช่วยพูด  เดินกลับมาวางมือบนบ่าคาเร็น  "เราจะออกไปจากที่นี่ทันทีที่เอมี่บอกว่าออกไปได้"

"เจ้าหนูนี่ใจร้อนซะจริง"  ปู่ทวดชาร์ลีว่า  เขาดูขำมากกว่าจะถือสาอะไรจูนจริงจัง  "มีทางออกด้านหลัง  มันออกจะน่ากลัวสักหน่อย  แต่ก็ยังดีกว่าที่พวกเธอจะรอยายเด็กงี่เง่านั่นกลับมา  พวกเธอคงจะดมเชื้อราในนี้จนไม่สบายไปเสียก่อน  โดยเฉพาะเธอ"

คาเร็นรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงเธอ  ต่อให้เขาไม่มองหน้าเธอตรงๆ  เธอคนเดียวที่อ่อนแอง่อยเปลี้ยแบบนี้  มือจูนบนบ่าเธอบีบมันเบาๆ อย่างอ่านใจกันออก  เธอไม่ชอบถูกตอกย้ำความผิดปกติให้ดูน่าสงสารแบบนี้  แต่ก็พยายามคิดว่าพวกเขาแค่เป็นห่วงเป็นใย

"เราจะไปค่ะ  บอกทางมาเลย"

"แต่เอมี่จะตกใจนะจูน" 

จูนทำหน้านึกขึ้นได้  แล้วล้วงสมุดโน้ตเล่มเล็กกับปากกาที่ติดตัวมาตลอดออกมาเขียน  เจอที่ทับกระดาษเหลือว่างอยู่อันหนึ่งบนโต๊ะจึงเอามาทับโน้ตนั้นไว้  "คงจะมองเห็นนะ"

"ถ้าเซ่อนักก็ปล่อยไปสิ"  ปู่ทวดชาร์ลีพูดอย่างใจร้าย  "เอ้า  ไปกันได้แล้ว  เดี๋ยวแม่หนูนี่จะแย่เสียก่อน"

คาเร็นอ้าปากจะเถียง  เธอกลับจามเสียงดัง  แล้วยิ้มแห้งๆ อย่างรู้สึกผิดให้จูนที่ควักผ้าเช็ดหน้าจากแจ็กเกตมาส่งให้

"ถ้าจะอวดเก่งก็เลือกเรื่องอื่นจะดีกว่า  อยากอยู่บนโลกนี้นานๆ ไม่ใช่หรือ"  บรรณารักษ์ชราว่า  แล้วนำหน้าไปโดยไม่รอฟังคำขอบคุณของคาเร็นที่จามจนจมูกแดง 

"ไปกันเถอะค่ะ"  จูนชวน  ลดตัวลงนั่งให้คาเร็นขึ้นมาขี่หลัง  "ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากรบกวน  แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรมาเกรงใจกันนะ"

คาเร็นจำใจเชื่อฟังจูน  เธอปีนขึ้นบนแผ่นหลังแข็งแรงที่ทั้งเมื่อคืนและเมื่อเช้าปลายนิ้วกับเล็บของเธอกดจิกลงไปขณะสะโพกโยกเข้าใส่กัน  มันน่าอายชะมัดเวลานึกถึงมันตอนนี้  แต่เวลานั้นเธอไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าทำมันไปได้ยังไง  มันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายยามถูกกระตุ้น  ความโหยหาที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้  เธอแค่อยากถูกเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในหัวใจ

เธอไม่แคร์หรอกว่าดิ๊พซี่จะว่าเธออย่างไร  แรด  ร่าน  ตอแหล  หรืออะไรก็ตามแต่  เธอมีความสุขที่จูนต้องการเธอ  เรามีความสุขด้วยกัน

"เกาะแน่นๆ ค่ะ  คาเร็น"  จูนบอก  จับแขนแฟนสาวให้กอดคอเธอไว้ให้แน่นขึ้น  กลัวคาเร็นจะตกลงไป  ทางที่ปู่ทวดชาร์ลีพาไปมันก็ช่างมืดและแคบมากเหลือเกินจนรู้สึกเหมือนจะโดนหลอกมาฆ่าอย่างนั้น

"ฉันรักคุณนะ  จูน  แค่อยากบอกให้รู้เท่านั้นแหละ"  คาเร็นพูดเขินๆ  สายตาจูนทำให้เธอประหม่าเสมอ  จูนยิ้มกว้าง  น่ารักอีกแล้ว

"นี่เลิกจีบกันก่อนได้ไหม  เด็กสมัยนี้นี่  ออกไปให้พ้นๆ  แล้วอย่ามาซนที่นี่อีก  ฉันเบื่อจะช่วยพวกเธอเต็มทีแล้ว  ไม่ได้ว่างนะ  จะบอกให้"

จูนกับคาเร็นหัวเราะคิก  พวกเธอเดินออกมาสู่ตรอกเล็กๆ คับแคบ  และมีกลิ่นตุๆ ของถังขยะ  แต่แสงสว่างด้านนอกก็ทำให้เรามั่นใจได้ว่ายังไงก็คงไม่หลงทาง  หรือโดนหลอกมาทำอะไรมิดีมิร้าย

"กลับบ้านกันเถอะค่ะ"

"แวะรับแบร์ด้วย"  คาเร็นเตือนจูน  คนตัวสูงยิ้ม  พยักหน้าให้เธออย่างทันที  แบบนี้หรือเปล่านะ  ดิ๊พซี่ถึงได้เกลียดขี้หน้าเธอนักหนา

เธอไม่ได้แกล้งสักหน่อยนะ



.......................


ฉลองวันเงินเดือนออกค่า!!!

ตอนที่ 20 ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายที่ให้อ่านฟรีกัน  จะลงนู่นเลยนะคะ  ใกล้ๆ ปิดจองค่ะ  ส่วนถ้าจะถามว่ามีทั้งหมดกี่ตอนก็คงเป็น  ตอนหลัก 27 ตอน  ไม่รวมบทนำ  ตอนพิเศษและบทส่งท้ายค่ะ   :21: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

01 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 22:21:04
ชักถูกใจดิ๊พซี่ นางแรงดี
แสดงความคิดเห็น