web stats

ข่าว

 


Ghost Writer - บทที่ 15 Rewrite The Stars

โพสต์โดย: anhann วันที่: 19 มกราคม 2019 เวลา 13:44:06 อ่าน: 98





"Ghost Writer (เลิกเป็นผี มาเป็นแฟนกันดีไหม) "

เปิดให้จองและชำระเงินได้ตั้งแต่ วันนี้ - 10 กุมภาพันธ์ 2562 กำหนดส่งหนังสือประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ในราคา เล่มละ 350 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา (เฉพาะช่วงจอง) ส่งลงทะเบียน 400 บาท และ 420 บาท EMS

สนใจติดต่อ anhann5@gmail.com , Inbox หรือ ไลน์ anhann

หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ --->>> http://bit.ly/2RmpYRR





บทที่ 15 Rewrite The Stars





จูนแทบกินอะไรไม่ลงเมื่อรู้ว่าเช้านี้เธอจะได้ไปเจอคาเร็นที่โรงพยาบาล  แต่คาเร็นซึ่งนั่งอยู่ข้างเธอบังคับให้เธอกินมันจนได้  ฮารุนะแม้จะไม่เห็นพี่สาว  หากเธอก็อดยิ้มกับความน่ารักของจูนเวลาโดนพี่ตนดุไม่ได้  จูนขอให้แม่นมจอร์จิน่าเอามื้อเช้ามาให้ที่บ้านหลังเล็กอย่างเกรงใจ  เพราะไม่อยากให้ฮารุนะอึดอัดถ้าต้องไปร่วมโต๊ะกับพ่อเธอ  ฟลิคคงเข้าใจจึงไม่บ่นอะไรเธอไปอีกคน  และฟลิคก็ชินชากับการร่วมกินมื้อเช้ากับพ่อและนางเล็กๆ ของพ่อแล้วละ

"ฉันไปหาปู่กับย่าก่อนนะ  แล้วเราค่อยไปโรงพยาบาลกัน"

"คุณปู่กับคุณย่าคุณยังอยู่เหรอคะ  ขอโทษนะคะ  ฉันแค่ไม่รู้" 

"ไม่เป็นไร  พวกท่านไม่ค่อยชอบยุ่งกับใครหรอก"  จูนบอกฮารุนะ  พลางหันมาพยักหน้าให้คาเร็น  และผิวปากเรียกแบร์ให้เลิกมองหานกมาหาเธอแทน  "หรือเธออยากจะไปด้วยกัน"

"ไม่ดีกว่าค่ะ  ฉันคงทำตัวไม่ถูก"  ฮารุนะตอบ  "ขอฉันนั่งเล่นแถวนี้ดีกว่า  อากาศที่นี่ดีนะคะ  นึกว่าไม่ได้อยู่ในลอนดอนซะอีก"

"คงเพราะต้นไม้เยอะ"  จูนว่า  เธอเองก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน  อันที่จริงน่าจะเรียกว่าอาณาจักรมากกว่า  "ตามสบายนะ  แต่อย่าไปบ้านหลังใหญ่  เธอคงไม่สนุกที่นั่นหรอก"

ฮารุนะรับคำจูน  รอจนอีกฝ่ายกับสุนัขสีขาวลับตา  เธอก็ยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้หน้าเฉลียงบ้านตั้งใจจะไปเดินเล่นใกล้ๆ นี้ตรงสวนหย่อมข้างบ้าน  และอาจจะถ่ายรูปเล่นสักหน่อย  จูนไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอถ่ายรูปที่นี่  แค่ห้ามไม่ให้เขียนแคปชั่นเกี่ยวกับบ้านเดวิส  เธอยินดีจะทำตามคำสั่ง  ไม่อยากมีปัญหากับคนใหญ่คนโตแบบนี้หรอก  และคาเร็นก็คงจะไม่ชอบด้วย

"จูนนี่ใจดีไม่เข้าท่าจริงๆ"  ดิ๊พซี่บ่นพึมพำขณะก้าวลงจากรถ  แล้วเห็นเด็กสาวชาวญี่ปุ่นในสวนหย่อมข้างบ้านเล็กของจูน  เธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรฮารุนะหรอก  เธอแค่ไม่ไว้ใจ  และเป็นห่วงจูน

"คุณจะไปทำงานแล้วเหรอ"  เธอถามเมื่อเห็นฟลิคเดินสวนออกออกมาจากบ้าน  "ไม่ไปเป็นเพื่อนน้องคุณหรือ"

"จูนโตแล้วค่ะ  ตัวใหญ่กว่าฉันอีก"

"นั่นข้ออ้างของคุณเหรอ"

ฟลิคส่ายหน้า  แตะไหล่ดิ๊พซี่อย่างสุภาพ  ปลอบให้ใจเย็นๆ  "ฉันต้องไปทำงานค่ะ  โดดมาหลายวันแล้ว  คุณไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรือไง"

"ก็เข้า  แต่ว่าจะไปตอนบ่าย"  ดิ๊พซี่ตอบ  ชำเลืองไปทางบ้านเล็ก  หวังจะเห็นจูน  แต่ก็มีแค่ฮารุนะเดินอยู่คนเดียว  เจ้าแบร์ก็ไม่อยู่  จูนคงจะไปหาคุณปู่คุณย่าที่บ้านอีกหลัง 

ที่นี่มีบ้านอยู่สามหลัง  บ้านหลังเก่าของปู่กับย่าจูน  บ้านหลังใหม่ (หลังใหญ่สุด) ของพ่อแม่จูน  และบ้านแม่จูนที่สร้างขึ้นเพราะคุณนายเดวิส ต้องการแยกบ้านกับสามีจอมเจ้าชู้  ตอนนี้มันเป็นของจูนแล้ว  เด็กในบ้านอยู่ห้องว่างๆ ชั้นล่างของบ้านใหญ่  แม่นมจูนด้วยแต่อยู่ชั้นสองใกล้ห้องเก่าของจูนที่ตอนนี้ร้างไปแล้ว

"คุณจะไปกับเขาหรือ"  ฟลิคถาม  ไม่อยากให้อีกฝ่ายไป  แต่ก็ไม่อยากจะห้าม  ดิ๊พซี่ไม่ชอบให้คนไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพอกับจูน

"ต้องไปสิ  จะปล่อยให้เขาไปกับเด็กนั่นสองคนได้ยังไง"

"ยังไม่ไว้ใจอีกเหรอ"

"ไว้ใจเหรอ  คนเคยโกหกมาก่อน  มันยากค่ะ  อีกอย่างคุณไม่สงสัยบ้างหรือไง  แม่นักเขียนนั่นต้องนอนเป็นผักอยู่โรงพยาบาลคนเดียว  แถมยังมีคนลงข่าวปลอมว่าตายด้วย  ถ้าฉันยังสืบเรื่องนี้ไม่ได้  ฉันไม่ยอมปล่อยให้คนบ้านนั้นมายุ่งกับจูนหรอก  น้องคุณน่ะชอบใจอ่อน  เห็นผู้หญิงไม่ได้"

"ก็เหมือนตอนคุณนั่นแหละ"

"คุณว่าอะไรนะ"

"เปล่าค่ะ  อ้าว  นั่นจูนมาแล้ว"  ฟลิครีบชี้ไปทางน้องสาวที่มีเจ้าหมาสีขาววิ่งนำหน้ามา  ตามด้วยเด็กสาวชาวญี่ปุ่นแต่พูดอังกฤษไฟแลบ

"เธอจะไปไหน  ดิ๊พ"  จูนทักเมื่อเห็นดิ๊พซี่ยืนกอดอก  จ้องฮารุนะด้วยสายตาเหยียดๆ  แฟนเก่าเธอเป็นแบบนี้ตลอด  เจ้าหล่อนเหมือนไม่รู้ตัวว่าทำให้ใครต่อใครอึดอัดได้แค่มอง

"ไปกับเธอนั่นแหละ"  ดิ๊พซี่ตอบ  ไม่ได้พุ่งกับเกาะแขนจูนแบบตอนเป็นแฟนกันแต่มายืนข้างๆ  แสดงความใกล้ชิดอย่างที่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ทำได้  ยกเว้นคาเร็น  ถ้าเธอมีร่างกายอยู่ตอนนี้นะ

"ว่างเหรอ"

"ก็ว่าง  ตอนนี้"

จูนยิ้ม  เข้าใจนิสัยดิ๊พซี่ดี  คงไม่พ้นเป็นห่วงเธอ  "โอเค  ไปก็ไป  แล้วพี่ล่ะ  ฟลิค"

"ฉันต้องไปทำงาน  โจซี่โทรมาตามแต่เช้าแล้ว" 

"โอเค  ถ้าเสร็จธุระแล้วฉันอาจจะเข้าไปนะ  ต้องพาฮารุนะไปดูเรื่องขอทุนเรียน  ฉันบอกโจซี่ไว้แล้ว"

"ใช้งานเลขาฉันใหญ่เลยนะ"  ฟลิคแกล้งบ่น  "โอเค  แล้วเจอกัน"

ดิ๊พซี่โบกมือให้ฟลิค  แล้วขึงตาใส่จูนที่ทำหน้าล้อเลียนเธอ  "จะไปกันได้หรือยัง  ฉันเมื่อยแล้วนะ"

"ไปสิ  --  ทัคเกอร์  มาเอาแบร์ไปที"  จูนบอก  แล้วก้มลงคุยกับสุนัขที่เธอรักเหมือนน้องสาวมากกว่าสัตว์เลี้ยง  "อยู่บ้านนะแบร์  ฉันไปแป๊บเดียว  โรงพยาบาลเขาไม่ให้แกเข้า  แล้วจะซื้อขนมมาฝาก  --  ทัคเกอร์  ดูแบร์อย่าให้ไปเล่นโคลนด้วยนะ"

"ครับ  คุณจูน"

"ไป  แบร์  อย่าดื้อกับทัคเกอร์  เขาไม่ทำอะไรแกหรอก  ถ้าทำฉันจะเตะก้นให้  ตกลงไหม"

"คุณจูน  เอาใจแบร์จนเหลิงหมดแล้วนะฮะ"  ทัคเกอร์บ่น  จูนก็ดันหัวเขาอย่างหยอกเอิน  เห็นเขาเป็นน้องชายเหมือนกัน  เขาเป็นหลานชายของแม่นมจอร์จิน่าที่นางเอามาเลี้ยงที่นี่ตั้งแต่ยังเล็ก  เราจึงโตมาด้วยกัน

"คุณเหมือนเด็กผู้ชายเลย"  คาเร็นพึมพำอยู่ข้างๆ จูนขณะเดินตามไปขึ้นรถ  ฮารุนะเดินห่างจากจูนไปด้านหลังคล้ายจะเว้นที่เอาไว้ให้เธอ  ส่วนดิ๊พซี่ก็เดินอีกด้าน  ทำทีเป็นไม่เห็นเธอ

"ก็คุณยังเอาฉันไปเป็นพระเอกนิยายเลยนี่นา"

"ใครบอกว่าเป็นพระเอก"

"อ้าว  ไม่ใช่พระเอกเหรอ"

"แกเบรียลเป็นตัวร้ายค่ะ"  ฮารุนะบอก  ได้ยินหมดทุกคำที่จูนพูด  และเดาออกว่าคุยอะไรกับพี่สาวตน  แม้จะไม่ได้ยินเสียงคาเร็น  "ไม่เชิงว่าเป็นตัวร้ายหรอกค่ะ  น่าจะเป็นพระเอกแหละ  แต่ออกแนวร้ายๆ  มาทำให้ชีวิตนางเอกเปลี่ยนแปลงน่ะค่ะ  ไม่ใช่นิยายน้ำเน่านะคะ  คุณลองไปอ่านสิ  อยู่ในเรื่องสาวน้อยโดโนแวนนั่นแหละ  เขาเป็นเด็กหนุ่มร้ายๆ หน่อย"

"ซึ่งเหมาะกับคุณมาก"  คาเร็นพูดอย่างได้ที  "หรือไม่จริง"

"แปลว่าคุณชอบคนร้ายๆ สินะ"  จูนล้อเลียน  คาเร็นจะแย้ง  แต่จูนหันไปดึงแขนดิ๊พซี่เอาไว้ก่อน  "ไปรถฉันสิ  จะขับไปเองทำไม  ยังไงขากลับฉันก็ต้องไปบริษัทอยู่แล้ว  ไปด้วยกันนี่แหละ  จะสร้างมลพิษให้โลกทำไม"

"ห่วงโลกว่างั้นเถอะ"  ดิ๊พซี่ประชด  หากยอมถูกพาไปขึ้นรถคันโก้แบรนด์สี่ห่วงของจูน  ไม่ใช่โตโยต้าคันที่จอดอยู่เดวอน  คงไม่มีทางเลือกจึงต้องเอารถที่พ่อให้เป็นของขวัญเรียนจบ (ตามธรรมเนียมของบ้าน) มาใช้

"จะห่วงอะไรก็ช่างฉันเถอะน่า"  จูนว่า  เปิดประตูรถตัวเอง  และกดหัวดิ๊พซี่ให้เข้าไปนั่ง  หากอีกฝ่ายยังขัดขืน  "อะไร  เข้าไปนั่งสิ"

"เธอทำอย่างกับฉันเป็นคนร้ายโดนจับมาใส่รถตำรวจงั้นละ  แล้วไม่ต้องเว้นที่ตรงนี้ไว้ให้แฟนเธอหรือไง"

"ฉันนั่งหลังได้ค่ะ"  คาเร็นบอก  จูนยิ้มกว้าง

"เห็นไหม  แฟนฉันน่ารัก"

"ย่ะ"  ดิ๊พซี่ประชด  ปัดมือจูนออกจากศีรษะและก้าวเข้ารถเอง

"คุณก็ชอบไปแกล้งเธอ"

"มันสนุกนี่คะ"

"ไม่น่ารักเลย"  คาเร็นว่า  หายเข้าไปนั่งในรถตรงเบาะเดียวกันกับฮารุนะที่ถือวิสาสะเข้าไปนั่งรอนานแล้ว  ที่จริงเธอก็อยากนั่งข้างจูน  แต่กลัวว่าคนที่มองไม่เห็นเธอจะมองจูนไม่ดี

"ฮารุนะ  แน่ใจนะว่าคุณแม่ไม่ได้สั่งห้ามคนเยี่ยมคาเร็น"  จูนถามเด็กสาว  กลัวฤทธิ์เดชคุณป้าของคาเร็น

"เท่าที่รู้ไม่ได้ห้ามนะคะ  แต่ก็อย่างที่ฉันบอก  คุณควรจะทำเรื่องขอสิทธิ์ดูแลคาเร็นเอง  เพราะฉันไม่รู้ว่าแม่จะทำอะไรอีก"

"ฉันไม่เข้าใจ  แม่เธอต้องการอะไรจากคาเร็น  เงินอย่างนั้นเหรอ"

"ดิ๊พซี่"  จูนปรามคนตัวเล็ก  ทั้งที่เธอก็อยากจะถามอยู่เหมือนกัน

"เธอจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะ  ถึงเธอจะสามารถเลี้ยงเขาได้ตลอดชีวิต  ไม่ต้องทำงานก็ได้  แต่สิทธิ์ที่เขามี  เธอต้องรักษาให้เขา  ในเมื่อเขายังไม่ตาย  ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ  แต่นี่คือโลกความเป็นจริง  จูน"  ดิ๊พซี่พูดจริงจัง  จ้องคาเร็นไม่ใช่ฮารุนะ  "เธอต้องสู้เพื่อตัวเองด้วย  ไม่ใช่ให้จูนดิ้นรนเป็นบ้าอยู่คนเดียว"

คาเร็นพยักหน้าให้ดิ๊พซี่  พลางเหลือบมองจูนที่มองเธอผ่านกระจกส่องหลัง  แววตาเปี่ยมรักนั้นทำให้เธอไม่รู้สึกกดดันกับคำพูดของดิ๊พซี่นัก  เธอเองก็ตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้วด้วย  ถ้าเป็นไปได้  เธอจะเข้าร่างตัวเอง  และลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ควรทำ

"ฉันรู้นะว่าคุณระแวงฉัน  แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับแม่หรอกนะคะ  แม่ไม่ได้ทำเพื่อฉัน  พี่ชายฉันกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน  ธุรกิจของเขาเจอปัญหาเศรษฐกิจในอเมริกาเหมือนคนอื่นๆ  แม่เลยยืมเงินคาเร็นไปให้เขาหมุน  แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะเอามาคืนให้ได้เร็วๆ นี้"  ฮารุนะสารภาพ  อึดอัดใจจนทนไม่ไหวแล้ว  "ฉันต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วยค่ะ"

"นี่เองสินะที่ทำให้พวกเขาอยากจะฆ่าเธอ"  ดิ๊พซี่มองคาเร็นที่ตกใจจนไม่อยากเชื่อ  "เงินน่ะ  เปลี่ยนคนได้  ถามฉันสิ  ฉันเสียเพื่อนมาหลายคนแล้ว  เพราะมันนี่แหละ"

"ดิ๊พ..."

"ฉันไม่เป็นไร  ฉันแค่ให้อภัยคนพวกนี้ไม่ได้  และเธอจำเอาไว้นะ  แม่เด็กญี่ปุ่น  ฉันจะไม่ยอมให้เธอกับครอบครัวเธอเอาเปรียบคนไม่มีทางสู้ได้หรอกนะ"

"ฉันไม่เคยคิด --"

"และควรจะไม่คิดตลอดไปด้วยนะ"

"ดิ๊พซี่  อย่าขู่เด็กนักเลยน่า"  จูนปราม  แอบขอบใจดิ๊พซี่ทางสายตา

"ก็ได้  ฉันจะเลิกคุกคามเธอ  แต่หลังจากที่เธอตอบคำถามฉันอีกคำ  ทำไมถึงไม่มีใครอยู่ดูแลคาเร็นที่นี่  พวกเธอคิดว่าเขาจะตายใช่ไหม  และที่กุเรื่องว่าเขาตายแล้วขึ้นมาเพื่อที่จะไม่ให้ใครตามไปเยี่ยมใช่หรือเปล่า  จะได้จัดการอะไรกันได้ตามใจเลยสินะ  กำลังรอเวลาอยู่ล่ะสิท่า  ถ้าจูนไม่มาเจอ  พวกเธอคงจะฆ่าเขาแล้วใช่ไหม"

"อย่าเหมารวมฉันไปด้วย"  ฮารุนะพูดเสียงดัง  น้ำตาร่วงเผาะ  จูนตกใจ  แต่ดิ๊พซี่ไม่สะทกสะท้าน  ยังคงจ้องหน้าเด็กสาวอย่างคาดคั้น  "ฉันอยากอยู่ดูแลคาเร็นแต่ฉันไม่มีเงิน  แม่ไม่ให้เงินฉัน  ไม่มีเงินเช่าห้อง  คาเร็นขายบ้านในลอนดอนไปแล้ว  ฉันหางานทำไม่ได้  แต่ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะขัดขวางพวกเขาทุกทางที่ทำได้  ฉันกำลังเก็บเงินจะกลับมาที่นี่อยู่  และดีใจมากที่พวกคุณมาก่อนที่จะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับพี่ฉัน  ฉันเคยถามแม่ว่าทำไมไม่ย้ายคาเร็นไปญี่ปุ่นถ้าเราอยู่ดูแลไม่ได้  แต่แม่บอกว่ามันยุ่งยาก  เสียค่าใช้จ่ายเยอะ  ฉันลองหาข้อมูลแล้วมันก็จริง  ก็เลยเชื่อ  แต่แล้ววันหนึ่งพี่ชายฉันมา  ฉันแอบฟังพวกเขาคุยกันก็เลยรู้ว่ามันเป็นแผนของพวกเขา  แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ  ฉันมีตัวคนเดียว  เงินก็ไม่มี  ฉันไม่รู้จักใครเลย"

"แล้วตัวแทนของคาเร็นล่ะ  แอมเบอร์"  จูนถาม  ข้องใจกับตัวแทนนักเขียนคนนี้มานานแล้ว  "เธอเป็นคนเจอคาเร็นตอนป่วยหนักและพาส่งโรงพยาบาลใช่ไหม"

"ใช่ค่ะ  คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ"

"คาเร็นบอกฉัน" 

ฮารุนะผงกหัว  "เธอถูกกันออกไปจากเรื่องนี้ค่ะ  ถูกจับเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคาเร็น  ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์จากลิขสิทธิ์หนังสือของพี่  และจะโดนแม่ฟ้องด้วยค่ะ  ฉันทำอะไรไม่ได้เลย  ได้แต่ขอร้องให้เธอช่วยมาเยี่ยมคาเร็นแทนฉัน  ฉันแน่ใจว่าเธอรักคาเร็นค่ะ"

"รัก?"

"แบบน้องสาวค่ะ"

จูนโล่งใจจึงยิ้มแห้งๆ แต่ผ่อนคลายขึ้น  ดิ๊พซี่กลอกตาให้จูนที่ยังจะมีอารมณ์มีหึงหวงตอนนี้  ขณะที่คาเร็นแอบยิ้มดีใจที่จูนยังหวงเธอ

"เธอนัดแอมเบอร์อะไรนี่มาด้วยไหม"  ดิ๊พซี่ซัก  ฮารุนะพยักหน้า

"ฉันพยายามคุยกับเธอแล้วค่ะ  แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะมาได้  เธอบอกว่าเธอจะพยายามมาให้ได้ค่ะ  เธออยากเจอคุณ" 

จูนเลิกคิ้ว  แปลกใจ  "ฉันเคยติดต่อไปหลายครั้ง  แต่เธอทำท่าเหมือนไม่อยากจะพูดกับฉัน"

"ก็เพราะเรื่องสัญญาแหละค่ะ"  ฮารุนะพูด  ถอนใจยาว 

"เธอรู้ไหมว่า  เรื่องทั้งหมดนี้จะทำให้แม่เธอติดคุกหัวโตได้เลยนะ  อาจจะตายในนั้นเลยก็ได้"  ดิ๊พซี่พูดตรงๆ แต่ฟังดูเหมือนข่มขู่ในที  "ถ้าเธอมีปัญญาพูดกับแม่อยู่ละก็  รีบๆ บอกให้ปล่อยมือจากตรงนี้เลย  ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันกับจูนใจร้ายไม่ได้"

ฮารุนะมองจูน  หวังจะเห็นสายตาปรานีอย่างที่จูนเคยทำ  แต่ครั้งนี้มันไม่มี  ไม่น่าแปลกใจนัก  จูนเคยทำหน้าตาเย็นชาแบบนี้มาก่อนแล้วตอนเธอสารภาพว่าโกหกเรื่องที่อยู่ร่างของคาเร็น

"ฉันไม่ใช่คนใจร้ายหรอกนะ  แต่ไม่ได้ใจดีกับคนที่ไม่ดีกับฉัน"  จูนพูด  ตอกย้ำคำพูดของดิ๊พซี่ให้หนักแน่นขึ้นไปอีก  "และฉันเกลียดคนโกหกมากที่สุด"

ฮารุนะหน้าซีดเผือดเหมือนโดนมีดจ่อคอ

"ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าเธอแน่ใจว่าไม่ได้โกหก  และเธอก็จะได้ตามที่ขอไว้ทุกอย่าง  แต่ถ้าไม่  ก็ตรงกันข้าม  แฟร์ๆ ดีไหมล่ะ"

"ไหนเธอบอกไม่ให้ฉันขู่เด็กไง  จูน"  ดิ๊พซี่แกล้งแซว  จูนยิ้มกว้าง

"ฉันแค่ต้องการพูดให้เคลียร์เท่านั้น  จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำอีก"  จูนว่าเสียงขรึม  เหลือบมองฮารุนะทางกระจกส่องหลัง  เด็กสาวเบือนหน้าหนีเธอไปแล้ว  "ถ้าฉันทำให้กลัวก็ขอโทษด้วย  แต่คุณไม่ต้องกลัวฉันนะ  คาเร็น"

"กล้าทำฉันก็ลองดูสิ"  คาเร็นท้าทาย  ใช่ว่าเธอไม่กลัวจูน  เธอแค่ไม่ได้ทำอะไรผิดให้ต้องกลัว  และเธอรู้ว่าจริงๆ แล้วจูนอ่อนโยนมาก  แต่ร้ายกับคนที่ร้ายด้วยเท่านั้น 

"เสียการปกครองหมดเลยนะเนี่ย"  จูนพึมพำ  อมยิ้มอารมณ์ดี  แค่ได้คุยกับคาเร็นแบบนี้เธอก็มีความสุขแล้ว  แต่ถ้าคาเร็นมีร่างกายจริงๆ ก็คงจะดีกว่านี้มาก 

"ถ้าฉันกล่อมให้แม่เลิกทำแบบนี้  คุณจะไม่เอาเรื่องท่านได้ไหม"

เสียงฮารุนะพูด  กวาดรอยยิ้มของจูนออกไปจากใบหน้าคมคาย

"ได้สิ  ฉันอาจจะแถมเงินให้ก้อนหนึ่งด้วย  ถ้าพวกเขาเลิกมายุ่งกับคาเร็นของฉัน  อย่างเด็ดขาด"  จูนตอบหน้าตาย  พลางส่งยิ้มให้คาเร็นที่อึ้งไปอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนทุ่มเทให้เธอมากขนาดนี้

หวังว่าจูนคงไม่แค่อยากจะเอาชนะเฉยๆ นะ

"ฉันจะพยายามค่ะ"  ฮารุนะรับปาก  หน้าเครียด

เราเงียบกันไปจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล  หากยังไม่มีใครพูดอะไรจนถึงตึกผู้ป่วยในที่จูนรู้สึกไม่ชอบมันเลย  แม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน  แต่กลิ่นยาและบรรยากาศของมันก็พาลให้นึกถึงแต่เรื่องไม่ดี  ดิ๊พซี่คงเห็นจึงมาแตะไหล่เธออย่างให้กำลังใจ

"พี่ไม่ได้ใส่ท่อหายใจหรอกนะคะ  เธอหายใจเองได้  แต่สมองเธอเสียหายจากหัวใจหยุดเต้นทำให้ร่างกายไม่ตอบสนองเท่าที่ควร  เธอลืมตามองคุณได้  แต่เหมือนมองไม่เห็น  และไม่สื่อสารกับใครเลย"  ฮารุนะเล่าให้จูนฟังก่อนจะขอตัวไปหาเจ้าหน้าที่เวชระเบียนเพื่อขอเยี่ยมคาเร็นกรณีพิเศษ

"ไม่ได้หลับ"  จูนพึมพำ  มองคาเร็น (วิญญาณ) ตาปริบๆ  ผู้ถูกมองก็ทำหน้าไม่ถูก  นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน

"สมองเสียหายจากออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอสินะ"  ดิ๊พซี่พูดขึ้นเหมือนพูดกับตัวเองแต่มองหน้าจูนสลับกับคาเร็น  "มันต้องใช้เวลาฟื้นตัว  และมีสิทธิ์หาย  แต่เธออยู่ในสภาพนั้นมาปีกว่าแล้ว  บางทีป้าเธอกับหมออาจลงความเห็นร่วมกันว่าควรถอดสายอาหารได้  กฎหมายอังกฤษปัจจุบันเป็นแบบนั้น  เมื่อก่อนต้องขออนุญาตจากศาลชำนัญพิเศษก่อน  แต่ถ้าหมอไม่เห็นด้วยก็ยังต้องให้ศาลตัดสินอยู่ดี"

"ทำไมเธอรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ  ดิ๊พ"

"ก็อ่านหนังสือสิยะ  หนังสือที่มีความรู้น่ะ  ไม่ใช่แค่นิยาย"

"โทษที"  จูนยิ้มแหยๆ  "แต่ขอบใจนะ  ฉันโง่ไปเลยเรื่องนี้"

"บางทีที่ร่างกายไม่ตอบสนอง  อาจเพราะเธอไม่ได้อยู่ในร่างก็ได้  แต่ยังไงก็ต้องคุยกับหมอก่อน  ถ้าหมอยอมคุยกับเรา"  ดิ๊พซี่พูดกับคาเร็น

"แล้วถ้ามีคนอื่นอยู่ในร่างฉันล่ะ"  คาเร็นชักกลัว  เธอมองหายมทูตหนุ่มอย่างอัตโนมัติ  เขาไม่มาให้เจอเลยตั้งแต่วันที่บอกเธอว่าการจะอยู่ต่อบนโลกนี้ของเธอมีราคาต้องจ่ายกับเขา 

"มีก็ไล่ไปสิ"  ดิ๊พซี่พูดง่ายๆ  "เธอไล่เองนะ  ฉันไม่ใช่แม่มดหมอผี"

จูนส่ายหัวให้ดิ๊พซี่  และมองคาเร็นอย่างเป็นห่วง  อยากแยกตัวไปตามหาแอลลี่ตอนนี้เลย  แต่เธอต้องรอเจอร่างคาเร็นก่อน  ต้องเห็นกับตา

"เขาให้เยี่ยมได้ค่ะ  แต่พวกคุณต้องเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อ"  ฮารุนะกลับมาบอก  และทั้งสามก็พากันไปเปลี่ยนชุด 

จูนใจคอไม่ดีเลย  เธอพยายามมองหาวิญญาณคาเร็นตลอดเวลา  กลัวว่าจะคลาดกันและไม่เจอกันอีก  เธอนึกถึงแอลลี่หวังให้นางฟ้าองค์น้อยปรากฏตัวมานำทางสว่างให้เธอ  นาทีนี้เธอกลัวมากจริงๆ

"ฉันจะพยายามอยู่กับคุณให้ได้"  คาเร็นบอกกับจูน  เข้าใจอาการหน้าตาไม่สู้ดีของจูน  "แต่คุณอย่าลืมที่สัญญากับฉันไว้นะ"

จูนพูดไม่ออก  ได้แต่พยักหน้าและคว้าคาเร็นมากอด  ขอกำลังใจ  อีกฝ่ายก็กอดตอบเธอมาเหมือนเคยจนเธอผ่อนคลายลงได้นิดหน่อย

"มาสิ  จูน  เร็วเข้า  ฮารุนะบอกว่าพวกเขาให้เวลาไม่มากนะ"  ดิ๊พซี่เร่ง  พลางส่งสายตาบอกคาเร็นว่าเธอจะไม่ปล่อยให้จูนอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้แน่นอน 

"ฉันจะเข้าไปกับคุณด้วย  ฉันก็อยากเห็นตัวเองเหมือนกัน"  คาเร็นบอกจูน  สอดมือเข้าไปจับมือจูนไว้  ให้กำลังใจทั้งจูนและตัวเธอเอง

"มาเถอะ"  ดิ๊พซี่ย้ำ  ส่งมือมารับมืออีกข้างของจูนที่ยอมส่งมาให้เธอจับ  เธอรู้สึกว่ามือจูนเย็นมาก  คงเพราะตื่นเต้นมาก  เธอก็เหมือนกัน

ด้านในห้องคนไข้มีอุปกรณ์อะไรหลายอย่างที่พวกเธอเรียกไม่ถูก  ฮารุนะยืนหันหลังให้พวกเธอ  หันหน้าเข้าหาเตียง  เด็กสาวร่างไม่ใหญ่  แต่กลับสามารถบังไม่ให้เห็นคนบนเตียงได้  และจูนก็ยังต้องขอเวลาทำใจก่อนจะเดินเข้าไปเจอคาเร็นซึ่งยังมีเลือดเนื้อกับหัวใจที่เต้นอยู่

"พี่ตื่นอยู่ค่ะ  แต่เหม่อเหมือนเดิม"  ฮารุนะหันมาบอกจูนกับดิ๊พซี่ที่ยังอึ้งเป็นคนใบ้เมื่อเห็นคาเร็นตัวเป็นๆ กับตาตัวเอง  คาเร็นที่มีชีวิตจริงๆ

"พยาบาลบอกว่าพี่เป็นแบบนี้ตลอด  ไม่คุย  ไม่พูดสักคำ  ไม่ขยับตัวเอง  ต้องมีคนทำให้หมดทุกอย่าง  กิน  อาบน้ำ  ขับถ่าย  พวกเขาเปิดทีวีให้พี่ดูสลับกับฟังเพลง  แต่พี่ก็เหมือนไม่สนใจอะไรเลย  แอมเบอร์มักจะเอาหนังสือมาอ่านให้พี่ฟังเวลามาเยี่ยม  พี่ก็ไม่สนเหมือนกันค่ะ"

"แล้วหมอว่าไง  มีอาการอื่นแทรกซ้อนหรือเปล่า"  ดิ๊พซี่ถาม  เพราะจูนเอาแต่จ้องคาเร็นที่นอนหันหลังให้แต่ลืมตาและเหม่อลอยเหมือนไม่สนใจโลกใบนี้อีกแล้ว  "อัมพาตไหม  หรือยังไง"

"ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ  พวกเขาแสกนสมองพี่แล้ว  มันฟื้นตัวแล้วตั้งแต่สามเดือนแรก  เหมือนพี่แค่ไม่ยอมขยับตัว  นั่นแหละค่ะที่หมอบอกว่าแปลกมาก  และทำให้แม่ฉันต้องทะเลาะกับหมอเรื่องที่จะปล่อยให้พี่ตาย"

ดิ๊พซี่มองหน้าจูนที่เลิกอึ้งหันมามองเธอได้สักที 

"ฉันว่าเพราะวิญญาณไม่ได้อยู่ในร่าง"  เธอกระซิบกับจูนพร้อมกับมองวิญญาณคาเร็นที่ยืนมองร่างตัวเองด้วยอาการสติแตกไม่แพ้จูน

"หมออยากให้เราเอาพี่ไปดูแลต่อที่บ้านเอง  แต่แม่อ้างว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่  จะเอาพี่ไปญี่ปุ่นด้วยก็ไม่ได้  เลยให้อยู่ที่นี่ต่อค่ะ"  ฮารุนะชี้แจง

ดิ๊พซี่กระตุกมือจูนให้คืนสติกลับมา  พอไม่ได้ผลก็หยิกแก้มแรงๆ จนแดง  แล้วคนตัวสูงก็ตีมือเธอคืน  "คิดสิ  จะเอายังไงต่อ  เธอด้วย"

คาเร็นกะพริบตา  เลิกมองร่างผู้หญิงที่เหมือนเธอเปี้ยบแต่ดูไร้ชีวิตยิ่งกว่าตัวเธอที่เป็นแค่วิญญาณเสียอีก

"ฉันจะขอคาเร็นกลับไปดูแลที่เดวอน  ฉันจะดูแลเขาเอง"  จูนพูด  จ้องฮารุนะอย่างจริงจัง  "แต่ฉันต้องการคำอนุญาตจากผู้ปกครองคาเร็นตามกฎหมาย  ซึ่งก็คือแม่เธอ"

"เอ่อ  ฉันไม่แน่ใจว่า..."

"ถ้าไม่ให้  ฉันจะฟ้องให้ติดคุกหัวโตเลย  คอยดูสิ"  ดิ๊พซี่ขู่  ถลึงตาใส่เด็กสาวอย่างน่ากลัว  "รีบติดต่อแม่เธอซะ  บอกตามที่ฉันกับจูนพูด"

ฮารุนะพยักหน้าเร็วๆ  เอื้อมมือแตะไหล่คาเร็นบนเตียง  และขอตัวออกไปจากห้อง  ปล่อยให้จูนกับดิ๊พซี่อยู่กับพี่สาวตามลำพัง

"เธอเข้าร่างไปเลยตอนนี้ไม่ได้เหรอ  มันจะง่ายกว่าเยอะเลยนะ"

"ถ้าฉันทำได้ก็ทำแล้วค่ะ"  คาเร็นตอบดิ๊พซี่ที่ดูหงุดหงิดมากกว่าเธอกับจูนเสียอีก  "ฉันต้องไปคุยกับบางคนก่อน  แล้วเจอกันนะจูน"

"คาเร็น"  จูนร้องแต่ไม่เห็นวิญญาณคาเร็นแล้ว  ใจเธอหายวาบ

"เดี๋ยวก็กลับมาน่า  ไม่ต้องกลัวหรอก"  ดิ๊พซี่ปลอบ  ข้องใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทนมองจูนรักกับคนอื่นได้แบบนี้  ชินชาหรือยังไงกันแน่  แต่ที่แน่ๆ เธอทนเห็นจูนทำหน้าเศร้าไม่ได้

"หัวใจของเขาอยู่ที่เธอ  มั่นใจหน่อยสิ"

จูนมองดิ๊พซี่  แล้วค่อยๆ ยิ้มให้แฟนเก่าซึ่งเธอรักและเพิ่งแน่ใจว่า  ดิ๊พซี่สำคัญกับชีวิตเธอไม่ต่างจากคาเร็น  แค่คนละสถานะกัน  เธอรักดิ๊พซี่เหมือนเพื่อนเหมือนพี่สาวมากกว่าคนรัก  และถ้าเราเป็นแบบนั้นกันได้จริงๆ  เราคงจะคบกันไปได้ตลอดชีวิต

"ลองคุยกับเขาดูสิ  เผื่อยายนั่นจะเข้าร่างตัวเองได้"  ดิ๊พซี่เชียร์

จูนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินวนไปหาคาเร็นบนเตียงที่หันหน้าให้หน้าต่างอย่างไม่สนใจใคร  ไม่รับรู้ว่ามีใครมาเยี่ยมหรือคุยด้วยเลย  เธอไม่อยากจินตนาการว่าภายใต้ผ้าห่มสีขาว  จะมีสายยางอะไรมากมายต่อกับร่างกายนี้บ้าง  แค่เห็นหน้าซีดขาวกับนัยน์ตาเหม่อลอย  เธอก็รู้สึกแย่มากแล้ว  ถึงอย่างนั้นเธอก็ดีใจที่คาเร็นยังหายใจได้  และหัวใจยังเต้นอยู่

"คุณ  ไปอยู่กับฉันนะ  ฉันจะดูแลคุณเอง  คาเร็น"  เธอพูดเบาๆ  แต่ก็เหมือนเดิม  ไม่มีการตอบสนองกลับมา  คาเร็นยังนอนเหม่ออยู่แบบนั้น  เธอเหลือบมองดิ๊พซี่ที่ยืนลุ้นอยู่  สาวตัวเล็กพยายามเชียร์เธอตัวโก่ง  เธอจึงลองเอื้อมมือไปหาร่างคาเร็น  อยากลองสัมผัสร่างกายที่มีเลือดเนื้อดูบ้าง

แต่ว่า...

"ถ้าเขาเข้าร่างไป  อาจจะจำคุณไม่ได้ก็ได้นะ" 

จูนกะพริบตา  มองหน้านางฟ้าองค์น้อยที่มาปรากฏตัวบนเตียงข้างร่างคาเร็น  แอลลี่มองเธอด้วยสายตาหยั่งเชิง

"มันเป็นกฎน่ะ  แต่ก็คงแค่ชั่วระยะหนึ่ง  อยู่ที่คุณว่าจะอดทนได้มากแค่ไหน  และคุณจะสามารถทำให้เธอจำคุณได้หรือเปล่า"

"ฉันจะต้องเลือกงั้นหรือ"  จูนถามกลับ  แอลลี่พยักหน้า  ยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ  เธอมองหน้าคาเร็นที่นอนเหม่ออยู่  และวิญญาณคาเร็นที่มาโผล่ข้างเตียงแล้ว  มองสลับไปสลับมาอยู่แบบนั้นอย่างคิดไม่ตก

"พรุ่งนี้ละกัน  ช้าเหลือเกิน"  แอลลี่สรุปแล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตา  ทั้งจูนและคาเร็น (วิญญาณ) พยายามมองหา  แต่นางฟ้าองค์น้อยไม่กลับมาแล้ว  มีแต่เสียงที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน

"ถ้าพรุ่งนี้ยังตัดสินใจไม่ได้  เธอก็ไปกับแอชเชอร์ละกัน  หมอนั่นจะพาเธอไปจากโลกนี้แล้ว  คาเร็น  คีแกน  เลือกให้ดี  จะอยู่หรือไป  ตกลงกันให้ได้ก่อนละกัน"

ภายในห้องผู้ป่วยผักเหลือเพียงความเงียบที่มีจูนกับคาเร็นมองหน้ากันอยู่อย่างสับสน  แต่เมื่อจูนตัดสินใจจะพูด  ฮารุนะก็ย้อนกลับมาก่อน  และแจ้งข่าวให้พวกเราได้ฟัง

"แปลกมากค่ะ  แม่ยอมให้คุณเอาคาเร็นไปได้เลย  แม่จะส่งเอกสารยืนยันคำอนุญาตมาให้วันนี้เลยค่ะ  เหลือเชื่อจริงๆ"

จูนกะพริบตาปริบๆ กับดวงวิญญาณคาเร็น  ขณะที่ดิ๊พซี่ลอบยิ้มอย่างที่ไม่มีใครเห็นหรือสนใจ  นอกจากนัยน์ตาสีช็อคโกแลตว่างเปล่าของคาเร็น  คีแกนในชุดคนไข้




...................


ลุ้นกันต่อได้ถึงตอนที่ 20 นะคะ  แล้วต่อที่เหลือในเล่มจ้า...   :21: :02: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

19 มกราคม 2019 เวลา 22:34:06
ช้าจริงๆด้วย ช่วยตัดสินใจเอาป่ะล่ะ
แสดงความคิดเห็น