web stats

ข่าว

 


หัวใจพ่ายรัก บทที่ 3 ตัดสินใจ

โพสต์โดย: Miray วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 15:37:03 อ่าน: 425

" จ๊ ว บ  จ๊ ว บ ?" เสียงดูดนมเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะกินเก่งจนไม่ยอมพักหายใจหายคอเลยแม้แต่วินาที ทำเอาคนเป็นแม่ได้แต่อมยิ้มเล็กๆ ออกมาอย่างนึกเอ็นดู  แต่เพียงไม่นานแววตาแห่งความอิ่มสุขที่ฉายชัดอยู่เมื่อครู่ก็ค่อยๆ เศร้าหม่นหมองลงอย่างช้าๆ พร้อมกับสีหน้าคิดหนักและเป็นกังวลอยู่ในใจ  เจ้าขาของเธอน่ารักน่าชังขนาดนี้ต่อให้มีเงินเป็นล้านมาวางกองอยู่ตรงหน้าเธอก็ไม่มีวันยอมแลกเด็ดขาด ไม่มีวันที่เธอจะยอมเสียดวงใจน้อยๆ ดวงนี้ให้กับใคร แม้ว่าเค้าคนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกับบิดาผู้ให้กำเนิดลูกสาวเธอก็ตามที

"แม่จะไม่มีวันยอมให้ใครมาพรากเราสองคนจากกันไปไหนเด็ดขาด  แม่สัญญา?"

"แพรไหม ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน" เสียงยานเครืออย่างคนมึนเมาของชายหนุ่มที่ดังคุ้นหูเข้ามาในบ้าน เรียกให้คนที่อยู่ด้านในแอบขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงสงสัย ก่อนจะค่อยๆ เดินก้าวออกมาเปิดประตูรั้วบ้านด้วยสีหน้าท่าทีไม่มั่นใจ  เมื่อแอบสังเกตเห็นอาการของชายหนุ่มที่เหมือนจะไม่ปรกติซักเท่าไหร่ในตอนนี้

"ภาม นี่มันดึกแล้วนะมีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ไหมต้องดูเจ้าขาไม่ว่างหรอกนะ?" หญิงสาวเอ่ยบอกอีกคนออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ติดจะไม่พอใจอยู่ในที เมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งอยู่รอบกายของชายหนุ่ม ให้เธอเริ่มคิดหนักถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

"เอะอะอะไรก็อ้างแต่เจ้าขาๆ ภามถามจริงๆ นะไหม ชีวิตนี้ไหมจะมีแค่เจ้าขาคนเดียวงั้นหรือ ทั้งๆ ที่เจ้าขาเป็นแค่ลูก?"

"พอเถอะภาม ถ้าเมาก็กลับบ้านไปนอนซะ ไว้มีสติแล้วค่อยมาคุยกันใหม่พรุ่งนี้"

"จะวันไหนมันก็เหมือนกันอยู่ดี จะคุยวันนี้พรุ่งนี้ยังไงซะไหมก็เฉไฉไม่ยอมเข้าใจอะไรเหมือนเดิม ภามเบื่อที่จะต้องอดทนกับทุกอย่างแล้วตอนนี้ ไหมจะเอายังไงก็เคลียร์กันให้มันจบวันนี้เลยจะได้ไม่ต้องมีใครอึดอัดใจต่อกันอีก"

"ถ้าจะพูดเรื่องนี้ไหมก็ไม่มีอะไรจะเคลียร์ด้วย เพราะทุกอย่างไหมพูดไปชัดเจนแล้วเมื่อวาน ถ้าภามยังไม่เข้าใจไหมก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะนั่นมันเป็นความรู้สึกของภามฝ่ายเดียวที่ไม่ยอมเข้าใจไม่ใช่กับไหม"

"แต่ภามจะคุยกับไหมและก็จะคุยตอนนี้เดี๋ยวนี้ เปิดประตูให้ภามนะไหมไม่อย่างนั้นภามจะพูดอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไปไหน ก็เอาสิคนอื่นเค้าจะได้รู้ว่าเรามีเรื่องอะไรกัน ภามไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วตอนนี้"

"กลับบ้านไปตั้งสติมาใหม่ดีกว่านะภาม อย่าทำให้ไหมต้องรู้สึกแย่กับภามไปมากกว่านี้เลย ไหมยังอยากให้เราใช้คำว่าเพื่อนต่อกันได้ ไม่อยากให้ใช้คำว่าคนอื่น"

"สำหรับไหมภามก็เป็นคนอื่นมาตลอดไม่ใช่หรือ จะเป็นอะไรสถานะไหนมันก็ไม่ต่างอะไรกันอยู่ดี เปิดประตูให้ภามเข้าไปคุยในบ้านถ้าไหมอยากให้เรื่องมันจบด้วยดี" ฝ่ามือแข็งแรงของชายหนุ่มคว้าจับเข้ากับรั้วไม้ด้วยความโมโห ก่อนจะมองจ้องหญิงสาวด้วยสายตาจริงจังเอาจริง ให้อีกคนได้แต่นึกกลัวขึ้นมาจับใจ เธอจะไม่กลัวอะไรเค้าเลยหากว่าตอนนี้เธอจะมีคนอื่นอยู่ในบ้านด้วย ไม่ใช่แค่เธอกับลูกสองคนเหมือนเช่นในตอนนี้

"ไหมเปิดให้ก็ได้แต่ไหมมีเวลาคุยกับภามแค่ห้านาทีเท่านั้น เพราะไหมต้องพาเจ้าขาเข้านอน"

"ก็ได้แค่ห้านาที?" หลบพ้นจากเสี้ยวสายตาของแพรวาไม่ถึงหนึ่งวินาที รอยยิ้มยกอย่างคนเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอย่างช้าๆ ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ คิดว่าเค้าจะยอมให้ทุกอย่างมันจบลงแค่คำว่าเพื่อนอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางแล้วก็ไม่มีวันเด็ดขาดชาตินี้
ตุบ ! กระเป๋าใส่เอกสารถูกโยนวางทิ้งลงบนโซฟาในทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาเหยียบย่างในตัวบ้าน ให้คนที่เดินนำเข้ามาก่อนหน้ารีบหันขวับกลับไปมองด้วยแววตาตื่นตระหนกตกใจ เมื่อเห็นท่าทีของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนเปลี่ยนไปให้ดูไม่น่าไว้ใจเหมือนเช่นที่ผ่านมา
สูทสีดำเข้ารูปถูกถอดขว้างทิ้งลงกับพื้นอย่างช้าๆ พร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ชอบใจของชายหนุ่ม ที่ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าประชิดตัวหญิงสาว ให้เจ้าของบ้านรีบก้าวถอยหนีห่างออกจากการคุกคามของชายหนุ่มในทันใด

"นี่ภามจะทำอะไร"

"ไหมก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าภามจะทำอะไร  ไม่ต้องกลัวเจ็บตัวหรอกนะไหมเพราะภามจะทำให้ไหมมีความสุขที่สุดในชีวิต จะทะนุถนอมไหมอย่างดีไม่ทำให้ไหมต้องเสียใจอย่างแน่นอน"

"หยุดนะภาม ไม่อย่างนั้นไหมร้องให้คนช่วยจริงๆ แล้วอย่าได้คิดว่าชาตินี้ไหมจะญาติดีกับภามอีก"

"ภามไม่สนใจอะไรทั้งนั้นตอนนี้ นอกจากทำให้ไหมเป็นของภาม ยอมให้ภามดีๆ ดีกว่านะไหมอย่าให้ภามต้องใช้กำลังกับไหมเลย ภามไม่อยากให้ไหมต้องเจ็บตัว"

"ไหมมองคนผิดไปจริงๆ ที่แท้ภามก็เลวไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่น ใช้กำลังบีบบังคับผู้หญิงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา ต่อให้ภามได้ตัวไหมแต่ภามจะไม่มีวันได้หัวใจของไหมไปด้วย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนมันก็จะไม่มีวัน"

"ก็ลองดูภามก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไหมจะใจแข็งกับสามีตัวเองได้ซักกี่น้ำ วันนี้ได้แค่ตัวแต่ซักวันภามจะต้องได้หัวใจของไหมมาด้วย" สิ้นประโยควงแขนแข็งแรงของชายหนุ่มก็คว้าหมับจับเข้าที่เอวบางของอีกคนด้วยความว่องไว ก่อนจะพยายามซุกไซร้ไปตามลำคอระหงและนวลแก้มขาวเนียนของหญิงสาวอย่างหื่นกระหาย

"ปล่อยนะภาม ช่วยด้วย?"
ตุบ ! ร่างบางถูกผลักกระแทกชนเข้ากับกำแพงตัวบ้านเต็มแรง ให้ความรู้สึกเจ็บแปลบที่แผ่นหลังร้าวชาขึ้นมาตามลำตัวอย่างช้าๆ ให้พละกำลังที่มีเริ่มถดถอยอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ นัยน์ตาสั่นเทาเหลือบมองไปทางเปลไกวสีชมพูหวานแหววของลูกสาวอย่างนึกหวาดกลัวและเจ็บปวด นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เธอควรได้รับจากผลของการกระทำ ถูกย่ำยีให้ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีมีชีวิตอยู่ด้วยบาดแผลให้ต้องเจ็บปวดไปจนวันตาย เธอสมควรได้รับมันใช่ไหม

"แง้ ! " เสียงร้องไห้ตกใจของเด็กหญิงร้องดังขึ้นมาลั่นบ้าน พาลให้ชายหนุ่มที่กำลังพยายามรวบหัวรวบหางของหญิงสาวอยู่ในบ้านเกิดอาการหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาในทันใด

"ปล่อยไหมเถอะนะภามไหมขอร้อง  ไหมจะไปดูเจ้าขา เจ้าขาร้องไห้ตกใจใหญ่แล้วสงสารเจ้าขาเถอะนะ"

"ปล่อยให้โง่หรือไหม ภามรอโอกาสนี้มานานแค่ไหนรู้รึเปล่า อ้อยกำลังจะเข้าปากช้างอยู่ๆ จะให้ทิ้งไปง่ายๆ ไม่มีทาง ยอมเป็นของภามดีกว่านะไหมจะได้ไม่เจ็บตัวไปมากกว่านี้"

"ฉันยอมเจ็บตัวดีกว่าต้องตกเป็นเมียคนชั่วๆ อย่างคุณ ภาสกร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ใครก็ได้ช่วยด้วย" แพรไหมร้องลั่นขอความช่วยเหลือขึ้นมาอีกครั้งอย่างฮึดสู้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไร้ซึ่งความหวังแต่เธอก็ยังจะทำแม้ว่ามันจะไม่มีใครได้ยินก็ตามที

" แ ง.. แ ง้?" เสียงร้องไห้โยเยตกใจของเด็กหญิงร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ให้คนเป็นแม่ได้แต่ฮึดสู้จนสุดใจหวังจะผลักตัวเองออกจากการรัดตรึงของชายหนุ่ม แต่ทว่ายิ่งเธอพยายามมากแค่ไหนเค้าก็ยิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้นเท่านั้น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดและหวาดกลัวของแพรไหมไหลรินออกมาอย่างนึกยอมแพ้ เธอสงสารตัวเองที่กำลังจะโดนย่ำยีศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงแต่เธอสงสารลูกมากกว่าเป็นไหนๆ ที่ร้องไห้ปานเจียนจะขาดใจไปกับเธอ เจ้าขาคงรับรู้ว่าเธอกำลังถูกทำร้ายถึงได้ร้องไห้เอาเป็นเอาตายแบบนี้ ลูกคงหวังว่าจะมีใครซักคนผ่านมาได้ยินและเข้ามาช่วยพวกเธอให้รอดพ้นจากความชั่วช้าของผู้ชายตรงหน้า แต่เค้าคงไม่รู้ว่าความหวังนั้นมันช่างริบหรี่เหลือเกิน

"เฮ้ ! "  เสียงของใครบางคนดังแทรกเข้ามาขัดจังหวะในเหตุการณ์ประหนึ่งระฆังสวรรค์ที่ดังก้องขึ้นมาช่วยยื้อชะตาชีวิตของแพรไหมขึ้นมาอีกหน  แต่ทว่าใครคนนั้นกลับเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าเป็นไหนๆ สิตางศุ์ มณีศวร
ชายหนุ่มหันขวับกลับมามองทางต้นเสียงด้วยความตระหนกตกใจอย่างคนกำลังกลัวความผิด แต่ยังไม่ทันที่สายตาจะได้เหลือบแลเห็นใบหน้าของคนด้านหลัง ความรู้สึกเหมือนโดนของแข็งกระแทกเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรงก็เกิดขึ้นในชั่ววินาที ก่อนที่สติในตัวทุกอย่างจะดับวูบลงไปอย่างช้าๆ ต่อหน้าต่อตาของหญิงสาวให้เจ้าตัวได้แต่นิ่งค้างด้วยความตกใจ
แต่เพียงชั่วขณะเท่านั้นที่เธอยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เมื่อตั้งสติได้และมั่นใจว่าทุกอย่างปลอดภัยและจบลงด้วยดี สมองก็สั่งการให้เธอพาตัวเองวิ่งถลาเข้าไปหาลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะรีบอุ้มอีกคนขึ้นมากอดปลอบอย่างนึกสงสาร

"ไม่เป็นไรนะคะคนดีแม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วนะคะ" น้ำเสียงอ่อนโยนประกอบกับอ้อมแขนเรียวเล็กที่ประคองโอบอุ้มปลอบประโลมของหญิงสาว ทำเอาคนที่กำลังมองดูอยู่ไม่ไกลเกิดอาการเงียบไปด้วยความครุ่นคิด

"นี่ใช่ไหมลูกของพี่พี.." ขายาวๆ ค่อยๆ ก้าวพาร่างเข้าไปหาหลานตัวน้อยด้วยความตื่นเต้นยินดี ในที่สุดเธอก็ได้พบกับลูกสาวของพี่ชายซักที หลานคนแรกของมณีศวร
นัยน์ตาเรียวมนของคนเป็นน้ามองจ้องดวงตากลมโตของคนเป็นหลานอย่างนึกปิติดีใจ พลันความรู้สึกบางอย่างในหัวใจก็ก่อเกิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ความรู้สึกบางอย่างที่เธอกับพี่ชายรู้สึกสัมผัสถึงกันได้ตลอด ความเป็นสายเลือดเดียวกัน เป็นคนของมณีศวร

"เจ้าขา?เค้าชื่อเจ้าขาเป็นเด็กผู้หญิงค่ะ" รอยยิ้มเล็กๆ อย่างนึกเอ็นดูของสิตางศุ์ฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างช้าๆ พร้อมกับสายตาแห่งความดีใจและอิ่มสุข หลานสาวของเธอช่างน่ารักน่าชังเสียจริงๆ ใบหน้าดวงตาช่างละม้ายคล้ายพี่ชายเธอเหลือเกิน เจ้าขาของอาเล็ก

"เกิดอะไรขึ้นในบ้านเมื่อครู่แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร รู้จักเค้ารึเปล่า" สายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความไม่ชอบใจของสิตางศุ์เหลือบผ่านมองไปทางชายหนุ่มอีกคนที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระใส่ใจ

"เค้าเป็นเพื่อนของฉันแต่?" แพรไหมได้แต่กลืนประโยคต่อมาลงไปในลำคอด้วยความรู้สึกจุกและเจ็บในใจ เธอมันโง่เองที่หลงไว้ใจผู้ชายคนนี้ โง่ที่หลงคิดว่าเค้าเป็นคนดีเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด โง่จนเกือบต้องเสียตัวให้กับเค้าไปแบบไม่เต็มใจ

"เป็นเพื่อนแต่คิดจะเคลมคุณเนี่ยนะ ฉันต้องเชื่อรึเปล่า"

"เค้าเมามากจนขาดสติ ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โต ให้ทุกอย่างมันจบแค่ตรงนี้ดีกว่าค่ะ"

"ปกป้องเค้าขนาดนี้แน่ใจหรือว่าเป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่ผู้ชายในสต็อกของคุณอีกคน" สายตาดูถูกกับคำพูดดูแคลนของอีกคนทำเอาคนฟังได้แต่เงียบไปอย่างพูดอะไรไม่ออก ในสายตาของเค้าเธอคงเป็นผู้หญิงอย่างว่าสินะ เค้าถึงได้มองเธอสำส่อนมั่วผู้ชายอยู่ทุกครั้ง

"คุณอยากคิดยังไงมองยังไงก็ตามสบายเถอะค่ะ ฉันพูดอะไรไปคุณก็ไม่คิดจะเชื่ออยู่ดี"

"ก็พูดมาสิไม่พูดแล้วจะรู้ได้ไงว่าฉันเชื่อไม่เชื่อ"

"ใจคุณมองฉันเป็นผู้หญิงอย่างว่าไปแล้ว ต่อให้ฉันพยายามอธิบายตัวเองยังไงใจคุณก็ปฏิเสธที่จะเชื่ออยู่ดี  อย่าเสียเวลามาฟังในสิ่งที่คุณไม่มีวันเปิดใจเชื่อดีกว่าค่ะ "

"ก็ตามใจไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เพราะฉันจะเป็นฝ่ายพูดบ้างตอนนี้ ไปเก็บของเท่าที่จำเป็นต้องใช้ในวันสองวันนี้ ฉันจะพาคุณกับเจ้าขาไปอยู่ที่บ้านกับคุณลุงของฉัน ที่นี่คงไม่ปลอดภัยแล้วตอนนี้ ประเดี๋ยวผู้ชายของคุณได้สติฟื้นตื่นขึ้นมา คงโวยวายกลับมาหาเรื่องคุณกับลูกอีกแน่ๆ ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของหลานฉัน ไม่อยากให้เป็นอันตราย"

"ฉันแก้ปัญหาได้ค่ะไม่รบกวนคุณกับลุงของคุณหรอกนะคะ ถ้าที่นี่ไม่ปลอดภัยฉันจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น"

"ที่ไหนล่ะ เท่าที่ฉันทราบคุณมีบ้านหลังนี้เป็นสมบัติติดกายอยู่เพียงชิ้นเดียว ไม่มีบ้านหรือที่อยู่ที่อื่นอีก"

"นี่คุณคิดจะสืบเรื่องของฉันทุกเรื่องเลยงั้นหรือ มันไม่เป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวมากเกินไปหรือคะแบบนี้"

"ถ้าฉันคิดจะคุกคามความเป็นส่วนตัวของคุณจริงๆ เมื่อเช้าฉันไม่ไปคุยกับคุณให้เสียเวลาหรอกนะคะ แล้วฉันก็จะไม่ขออนุญาตคุณเรื่องเจ้าขาด้วย ฉันคงมาพบหลานของฉันตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่แล้ว ถ้าคิดว่านี่คือการคุกคามคุณกำลังคิดผิด เพราะฉันมองว่ามันคือความจริงใจและเปิดเผย การทำอะไรลับหลังโดยไม่บอกนั่นไม่ใช่นิสัยของฉันค่ะ"

"หรือคะแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลา"

"ไม่รู้สิคะอาจจะเพราะคุณเกลียดขี้หน้าฉันละมั้ง ถึงได้รู้สึกแบบนั้น แต่จะชอบหรือเกลียดคุณก็ต้องไปกับฉัน เพราะนี่เป็นเรื่องความปลอดภัยของเจ้าขา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่จะเจ็บตัวแต่เจ้าขาจะพลอยโดนไปด้วย ถ้าคุณรักลูกก็ไม่ควรลังเลใจในสิ่งที่ฉันกำลังบอกอยู่ตอนนี้ "

"คุณกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่คุณสิตางศุ์"

"สิ่งที่ฉันคิดอยู่ตอนนี้คือทำทุกอย่างเพื่อให้คุณกับเจ้าขาปลอดภัยเท่านั้น เรื่องอื่นก็ตามที่ฉันกับลุงพูดไปเมื่อเช้า ทุกอย่างที่เราต้องการมีแค่นั้น"

"ก็ได้ค่ะฉันจะไปพักที่บ้านคุณลุงของคุณ แต่แค่จบเรื่องนี้เท่านั้นถ้าทุกอย่างโอเคเมื่อไหร่ฉันจะพาเจ้าขาย้ายไปอยู่ที่อื่น" สิตางศุ์ได้แต่นึกขัดใจกับนิสัยดื้อรั้นของอีกคนอยู่ลึกๆ นี่แพรไหมจะไม่ยอมใจอ่อนทบทวนข้อเสนอของพวกเธอซักนิดเลยหรือ หล่อนถึงได้ใจแข็งเด็ดเดี่ยวอยู่แบบนี้

"ก็ตามใจถ้าคิดว่าไหวก็ทำ" เกิดมาเธอก็ไม่เคยง้อใครเหมือนกัน ขนาดกับคนที่เคยได้ชื่อว่าคบกันเธอยังไม่พูดบ่อยขนาดนี้ แต่กับแพรไหมเธอว่าเธอพูดมากที่สุดแล้วนะ

"ฉันจะไปเก็บของคุณอุ้มเจ้าขาไว้ซักเดี๋ยวได้ไหม ฉันไม่อยากให้ลูกตื่นขึ้นมากลางคันประเดี๋ยวจะร้องไห้งอแงอีก"

"ฉัน?" นิ้วเรียวชี้เป้ามาที่ตัวเองด้วยอาการท่าทีอย่างคนไม่มั่นใจ ก็นะเกิดมาเธอเคยอุ้มเด็กที่ไหนอยู่บ้านก็มีแต่คนงานในไร่โตๆ กันแล้วทั้งนั้น กับเด็กน่ะหรือไม่มีโมเม้นนั้นเลยซักครั้ง

"หรือคุณจะไปเก็บของให้ฉันคะ"

"เอ่อ..แล้วของที่ว่ามีอะไรบ้าง ฉันเก็บให้ก็ได้ถ้ามันไม่ใช่ของส่วนตัวเกินไปนะ" หญิงสาวได้แต่แอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความระอา นี่น่ะหรือคนที่บอกจะดูแลลูกเธอเป็นอย่างดี ขนาดอุ้มเค้ายังไมกล้าแล้วนับประสาอะไรดูแลเรื่องอื่น แค่คิดภาพเธอก็ชัดเจนหมดแล้วตอนนี้

"งั้นก็นั่งดูเจ้าขาอยู่ตรงนี้ค่ะ เดี๋ยวฉันมา" ร่างเล็กกลมจ่ำม่ำของเด็กหญิงถูกวางลงในเปลไกวสีชมพูอย่างทะนุถนอมเบามือ ให้เจ้าตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่เบาๆ ชั่วขณะ ให้ผู้เป็นแม่รีบยื่นขวดนมใส่ปากเล็กๆ กระจับอย่างนึกรู้ทัน ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็ค่อยๆ งัวเงียหลับไปอย่างช้าๆ  ให้คนแอบมองได้แต่ลุ้นตามด้วยความตื่นเต้น

"ให้ไกวเปลด้วยรึเปล่าหรือว่านั่งดูเฉยๆ"

"อยากทำแบบไหนก็ทำค่ะ แค่อย่าให้ตื่นขึ้นมาร้องไห้อีกรอบก็พอ" พูดจบหญิงสาวก็เดินหลบเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่คิดจะสนใจใยดีคนที่ถามเลยแม้แต่นิด ปล่อยให้สิตางศุ์ได้แต่นั่งจ้องหน้าหลานตัวน้อยตาแป๋วอยู่เงียบๆ ด้วยความเกรงใจ

"แม่เค้าบอกให้นั่งดูก็นั่งดูเฉยๆ ดีกว่าสิตางศุ์ ประเดี๋ยวลูกเค้าตื่นขึ้นมากลางคันแล้วจะซวยบรรลัย" รอยยิ้มอ่อนโยนของคนเป็นน้าระบายออกมาอีกครั้ง เมื่อนั่งมองหลานสาวตัวน้อยหลับปุ๋ยอยู่ในเปลเงียบๆ น่ารักน่าชังเหลือเกินเจ้าขา นี่ถ้าคุณย่าได้เห็นหน้าหนูมีหวังหลงรักหัวปักหัวปำแน่ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงอาก็จะพาหนูกลับไปอยู่ที่เมืองไทยด้วยกันให้ได้ ไปอยู่กับอานะคะเจ้าขา

"เกิดอะไรขึ้นหรือสิตางศุ์  ทำไมอยู่ๆ ถึงได้พาคุณแพรไหมกับลูกมากลางดึกแบบนี้" กำธรที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากหลานสาวให้เตรียมห้องนอนไว้อีกห้องสำหรับหลานสะใภ้กับลูก ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่รอช้าทันทีที่อีกคนก้าวลงมาจากรถจะเข้าบ้าน

"เรื่องมันยาวค่ะคุณลุงเอาไว้เล็กจะอธิบายให้ฟังหลังจากนี้นะคะ ตอนนี้ให้แพรไหมพาเจ้าขาเข้าไปนอนก่อนดีกว่าค่ะ ประเดี๋ยวจะตื่นขึ้นมาร้องไห้อีกรอบ"

"นั่นสิคะคุณนี่ก็ดึกมากแล้วหนูแพรไหมกับลูกคงจะเหนื่อยแย่  มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีไหมคะ" กำธรได้แต่พยักหน้ารับตามคำสั่งของภรรยาอย่างว่าง่าย ให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแขกผู้มาอาศัยชั่วคราวได้แต่นึกเกรงใจอยู่ในที

"ขอบคุณนะคะที่ให้เราสองแม่ลูกมาพักที่นี่คืนนี้"

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะจ๊ะ หนูแพรไหมเป็นภรรยาตาใหญ่ก็เป็นหลานสะใภ้ของเราด้วยเหมือนกัน บ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับเสมอจ้ะ" นางพิสมัยเอ่ยบอกหญิงสาวผู้มาใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร ก่อนจะพาทั้งสองคนเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ พร้อมกับจัดแจงเรื่องที่นอนที่พักให้ด้วยความเต็มใจ

"คุณ..พักผ่อนให้สบายนะ รับรองว่าที่นี่ปลอดภัย ไม่มีใครตามหาคุณเจอแน่นอน ถ้ามีอะไรอยากได้หรือว่าต้องใช้ก็บอกฉัน เดี๋ยวฉันจัดการให้"

"ขอบคุณนะคะคุณสิตางศุ์?" สิตางศุ์ได้แต่เงียบไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เมื่อได้ยินคำขอบคุณจากปากของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ของตน แพรไหมในเวลานี้ช่างไม่เหมือนแพรไหมคนที่เธอเจออยู่ในบาร์คืนนั้นเลยซักนิด หล่อนดูบอบบางไร้มารยาไม่ก๋ากั่นเหมือนอย่างแพรไหมคนนั้นเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเธอมองข้ามอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ไปนะ

"อืม คุณนอนเถอะ คืนนี้เจอเรื่องแย่ๆ มากมากพอแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกัน ยังไงก็?ฝันดีนะคะ" ท่าทีติดจะขัดเขินอยู่หน่อยๆ ของคนพูดทำเอาหัวใจคนฟังกระตุกไหวแปลกไปอย่างที่ไม่เคยเป็น ให้เจ้าตัวได้แต่รีบยกมือขึ้นมาทาบทับฟังเสียงหัวใจตัวเองด้วยความหวาดหวั่น นี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันทำไมเธอถึงได้รู้สึกแปลกๆ แบบนี้กันนะ

"เล็กต้องขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะที่พาแพรไหมกับลูกมารบกวนกลางดึกแบบนี้ แต่มันจำเป็นจริงๆ ค่ะ เล็กเลยต้องพาพวกเธอมาพักที่นี่ด้วย หวังว่าคุณลุงคุณป้าจะเอ็นดูเธอกับลูกเหมือนที่เอ็นดูเล็กกับพี่ใหญ่นะคะ"

"นั่นภรรยาตาใหญ่เป็นหลานสะใภ้ของป้ากับลุงเหมือนกัน เราไม่ต้องเกรงใจอะไรป้ากับลุงหรอกนะ เราสองคนเต็มใจและยินดีช่วยเหลือทุกเรื่องทุกอย่างจ้ะ ยิ่งเห็นเจ้าขาน่ารักน่าชังแบบนั้นด้วยแล้วป้ายิ่งอยากให้หนูแพรไหมพาเจ้าขามาอยู่กับป้าที่นี่ถาวรเสียเลย บ้านนี้จะได้ครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะบ้าง"

"ได้ที่ไหนล่ะประเดี๋ยวยัยเล็กก็เคืองเอาหรอก รายนี้ยิ่งตั้งใจจะพากลับไปอยู่ที่เมืองไทยอยู่ด้วย ขืนเรารั้งไว้ให้หนูแพรไหมกับเจ้าขาอยู่ที่นี่ ยัยเล็กได้เคืองแน่ๆ"

"ฉันรู้ค่ะแค่เอ็นดูเจ้าขาเท่านั้น นี่ขนาดมองแค่ผ่านๆ ฉันนึกว่าตาใหญ่กับยัยเล็กตอนเด็กๆ เสียอีก แบบนี้ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอหรอกจ้ะ หลักฐานอยู่บนหน้าชัดเจนขนาดนี้ ลูกตาใหญ่แน่ๆ"

"เล็กก็เชื่อค่ะว่าเป็นลูกพี่ใหญ่ แต่เล็กแค่อยากมั่นใจก็เท่านั้นค่ะ อยากให้ทุกอย่างสบายใจกับทุกฝ่ายทุกคน ไม่อยากให้มีใครกังขาหรือสงสัยกับเรื่องพ่อแม่ของเจ้าขา เล็กอยากให้หลานเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข ให้เค้าได้มั่นใจว่าเค้าคือมณีศวรเช่นเดียวกับเล็กกับพี่ใหญ่ค่ะ"

"ลุงเข้าใจว่าเราหวังดีกับหลานถึงได้อยากตรวจดีเอ็นเอ แต่หนูแพรไหมเธอไม่รู้เรื่องนี้เราไปพูดแบบนั้นก็เท่ากับเป็นการดูถูกเธอกับลูก มันคิดคนละมุมกันเล็กเข้าใจที่ลุงพูดใช่ไหม"

"เข้าใจค่ะคุณลุง แต่เล็กไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไงเรื่องนี้ มันละเอียดอ่อนกับความรู้สึกของเธอเกินไป เล็กเลยไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ถึงจะทำให้เธอยอมโอนอ่อนไปกับสิ่งที่เราเสนอได้"

"เท่าที่ลุงได้คุยและสัมผัสกับหนูแพไหมเมื่อเช้า ลุงว่าเค้าก็เป็นคนมีเหตุมีผลคนนึง ถ้าเราคุยกับเค้าดีๆ ลุงว่าคงไม่ยากที่จะเข้าใจใจกันได้"

"เรื่องเข้าใจเล็กยังพอจะทำให้เกิดขึ้นได้ แต่เรื่องจะพาเจ้าขากลับเมืองไทยด้วย เล็กมองไม่เห็นทางจริงๆ ค่ะตอนนี้ แพรไหมใจแข็งเหลือเกินเธอไม่ยอมทบทวนข้อเสนอของเราเลยแม้แต่น้อย เมื่อกี้ที่บ้านเธอก็บอกจบเรื่องนี้เมื่อไหร่จะพาเจ้าขาย้ายไปอยู่ที่อื่น เล็กพูดไม่ออกจริงๆ ค่ะ กลัวพูดไปแล้วจะทะเลาะกันไปใหญ่โตอีก"

"สิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้บางครั้งมันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรจากความคิดตัวเองฝ่ายเดียวเลย ตอนนี้หนูแพรไหมก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับเรา ยังไม่สุดทางหรอกนะยัยเล็ก"

"เล็กก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ขอให้เราอย่าสุดทางแค่ตรงนี้เลย เล็กคงกลับเมืองไทยไปด้วยความรู้สึกผิดหากว่าปล่อยทิ้งให้แพรไหมกับเจ้าขาต้องลำบากอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ไหนจะห่วงเรื่องคนที่เข้ามาตอแยกับแพรไหมอีก เล็กกลัวจะเกิดอันตรายขึ้นกับเธอกับเจ้าขาค่ะ ยิ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วยแล้วเล็กยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก ผู้ชายคนนั้นคงไม่ยอมรามือจากแพรไหมง่ายๆ ตราบใดที่เค้ายังไม่ได้ตัวเธออย่างที่ต้องการ"

"เดี๋ยวลุงจะให้คนสืบเรื่องผู้ชายคนนั้นดูว่าเค้าเป็นใคร ทำงานอะไร เผื่อเราจะช่วยเหลือหนูแพรไหมได้บ้าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะยัยเล็ก ต่อให้หนูแพรไหมกับเจ้าขาปฏิเสธที่จะกลับไปอยู่เมืองไทยกับเรา ลุงกับป้าก็จะไม่มีวันทิ้งให้หนูแพรไหมกับเจ้าขาลำบากและเกิดอันตรายเด็ดขาด เราจะดูแลพวกเธอแทนเองเล็กไม่ต้องเป็นห่วง"

"เล็กขอบคุณคุณลุงกับคุณป้ามากจริงๆ ค่ะ ที่คอยช่วยเหลือเล็กกับพี่ใหญ่แล้วไหนจะแพรไหมกับเจ้าขาอีกตอนนี้ ถ้าเราไม่มีคุณลุงกับคุณป้าที่นี่เราก็คงลำบากเหมือนกัน ขอบคุณนะคุณลุงขอบคุณนะคะคุณป้า" สิตางศุ์ก้มกราบญาติผู้ใหญ่ทั้งสองคนด้วยความสำนึกในบุญคุณที่ช่วยเหลือ ให้ทั้งสองคนได้แต่ลูบศีรษะหลานสาวไปมาอย่างนึกเอ็นดู

"เราเป็นครอบครัวเดียว เป็นมณีศวร ต่อให้ลำบากแค่ไหนเราก็จะไม่ทิ้งกันจำไว้"

"ค่ะ คุณลุง"

"เอาล่ะนี่ก็ดึกมากแล้วลุงว่าเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้มีอะไรก็ค่อยมาหารือปรึกษากันใหม่ ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ ลุงเชื่อว่าอย่างนั้น"

"เล็กก็เหมือนกันค่ะ" เชื่อเสมอว่าทุกอย่างต้องมีทางออก แต่จะออกแล้วเป็นแบบไหนยังไงอันนั้นเธอไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าแพรไหมจะเปลี่ยนใจมาพิจารณาเงื่อนไขของเธอที่เสนอไปเมื่อเช้า เธอหวังเอาไว้แบบนั้นในตอนนี้

"ถ้าฉันตอบตกลงไปอยู่ที่เมืองไทยอย่างที่คุณต้องการ ฉันกับลูกจะเชื่อใจและฝากชีวิตไว้กับคุณได้แค่ไหนกัน คุณสิตางศุ์?" หญิงสาวที่แอบเดินตามลงมาตั้งใจจะมาขอบคุณเจ้าของบ้านเผลอได้ยินบทสนทนาของทั้งสามคนเข้าโดยบังเอิญ ก็ได้แต่ครุ่นคิดตรึกตรองขึ้นมาในใจอยู่ลึกๆ ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพากันพูดไปเมื่อครู่เกี่ยวกับเรื่องของเธอและลูก ซึ่งล้วนแต่เต็มไปด้วยความหวังดีและห่วงใย  แน่นอนว่านอกจากมารดาผู้ให้กำเนิดแล้วเธอก็ไม่เคยได้รับจากใครอีกเลยตั้งแต่จำความได้   หรือเธอควรจะทบทวนเงื่อนไขที่เค้าเสนอมาเมื่อเช้าดูอีกรอบกันนะ  ไม่ใช่เพื่อเธอแต่เพื่อเจ้าขาของเธอนับจากนี้ เพื่อดวงใจดวงน้อยๆ ที่เธอรัก?


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น