web stats

ข่าว

 


Sparkle_s3 (แฟนฟิค) - บทที่ 2 Blame It on Me

โพสต์โดย: anhann วันที่: 07 ธันวาคม 2017 เวลา 00:15:42 อ่าน: 298


บทที่ 2 Blame It on Me





ยุนอาถอนเข็มออกมาจากหัวไหล่ของแทยอน  และกดสำลีแนบไว้กับรอยเข็มเล็กๆ ที่มีรอยเลือดซึมอยู่นิดหน่อยครู่หนึ่งก่อนนำมาทิ้งลงถังขยะ  วางเข็มฉีดยาลงใส่ถาดแสตนเลส  แล้วถกแขนเสื้อเชิ้ตของตนขึ้น  ยื่นท่อนแขนให้คุณแม่ของลูกๆ  แทยอนเบะปากไม่อยากทำสิ่งที่เธอให้ทำ  เธอจึงต้องดึงแขนตัวเองกลับมากดเขี้ยวลงไปแล้วยื่นกลับไปใหม่  คราวนี้กลิ่นเลือดก็ลากตัวจิ้งจอกสาวให้ต้องไปลิ้มรสของมันจนได้

"กินเยอะๆ หน่อย  เธอโดนลูกสูบอยู่ในท้องนะ"  คุณหมอทำเสียงดุ  คนไข้ประจำทำหน้างอนๆ ให้หลังจากถอนเขี้ยวเล็กๆ ออกไป  ยุนอาอมยิ้มขำ  ใช้ปลายนิ้วปาดคราบเลือดตรงมุมปากให้อย่างอ่อนโยน  ก่อนแทยอนจะขยับมาจูบขอบคุณเธอตรงริมฝีปาก  นิ้วเล็กๆ ลูบแก้มเธออย่างถนอม  ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็อ่อนยวบ  มันเป็นเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้แหละ  ใครๆ ก็อยากได้ความใส่ใจ  การดูแลแบบนี้ทั้งนั้น

"อุ้มไหม  ขี่หลังก็ได้  ถึงฉันจะไม่ได้ตัวใหญ่เท่าคริส  แต่ก็ใหญ่กว่าเธอ  แข็งแรงกว่าเยอะด้วย"

"ทำไมใจดี"

"เพราะเธอคู่ควร"

แทยอนยิ้ม  เธอเหนื่อยมาก  ท้องนี้ดูเหมือนจะแพ้หนักกว่าตอนท้องฝาแฝด  ทว่าเธอกลับมีความสุขมากเกินกว่าจะนึกเสียใจที่ยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้  เธอโหยหาความรักดีๆ แบบนี้มาทั้งชีวิตสองร้อยกว่าปีที่เกิดมา  เพิ่งจะมาได้มันก็ตอนได้พบกับพวกเขา  ใครๆ ก็บอกว่าพวกเขาโหดร้าย  นิสัยป่าเถื่อน  ชอบกดขี่คนที่ด้อยกว่า  แต่สิ่งที่เธอเจอเมื่อมาอยู่ร่วมกันจริงๆ กลับตรงข้ามกัน  พวกเขาทำให้เธอรู้จักกับความหมายของครอบครัวที่แท้จริง

เราทะเลาะกัน  เถียงกัน  มีปากเสียง  ไม่ได้หวานแหววกันตลอดเวลา  หากก็พยายามหาทางปรับความเข้าใจกันจนได้  คริสตัล  ยุนอายอมรับเธอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพวกเขา  ยอมให้เธอเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาได้โดยไม่รังเกียจ  เราดูแลกันและกัน  ช่วยกันดูแลลูกๆ ของพวกเรา  พวกเขาให้เกียรติเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งแบบที่เธอไม่เคยได้จากที่ไหน  เธอไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานหรือสู้รบกับคนภายนอกเพื่อให้ได้รับการยอมรับ

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกะพริบถี่ๆ  ชำเลืองมองเจ้าของปลายนิ้วที่มาลูบแก้มเธอเบาๆ  สายตาของยุนอามีคำถาม  และหยดน้ำบนปลายนิ้วนั้นก็คือต้นเหตุของความสงสัยและคำถาม

"ร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไรเธอ"  ยุนอาถาม  เสียงดุนิดหน่อย  แทยอนเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้จึงสั่นศีรษะและพยายามจะห้ามไม่ให้มันไหลออกมาอีก  แต่พอแขนยาวรั้งตัวเธอไปกอด  เธอก็กลั้นสะอื้นไว้ไม่ไหว

"โอเคๆ  ร้องเถอะ  ไม่ต้องกลั้นแล้ว  ร้องให้พอใจ  แล้วต้องหยุดนะ  เธอคงไม่อยากให้คริสไปพังบ้านใครหรอก  ใช่ไหม"

"คุณก็ห้ามเขาให้หน่อยสิ"  แทยอนว่า  งอแงเป็นเด็กๆ  เหตุเพราะที่นี่มีแต่คนคอยเอาใจเธอ  ปลอบถนอมเธอดุจไข่ในหิน 

"ยุนอา..."

"ขา... ว่าไง"  คุณที่ปรึกษาขานรับเสียงอ่อน  เข้าใจดีว่าแทยอนกำลังอยู่ในช่วงยากลำบาก  ทั้งแพ้ท้อง  และยังมีเรื่องไม่สบายใจหลายอย่าง  สำคัญที่สุดก็คงเป็นเรื่องทิฟฟานี่  ซึ่งส่วนหนึ่งเธอก็มีความผิดด้วย

"ฉันไม่มีงานทำแล้วนะ  เป็นคนไร้ค่า"

"ก็ทำอยู่นี่ไง  งานสำคัญมากด้วย" 

แทยอนขยับออกมามองดวงตาสีฟ้า  ดูว่ายุนอาแกล้งเอาใจเธอเล่นเฉยๆ หรือเปล่า  หากปรากฏว่าไม่  มันมีความจริงจังจริงใจอยู่ในนั้น

"การเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย  ยิ่งเป็นแม่แบบเธอด้วย  เธอเลี้ยงพวกเขาได้ดีมากนะ  แทยอน"

"แต่คุณเคยถามว่า  ฉันเลี้ยงเด็กเป็นหรือเปล่าไง"

"ฉันก็พูดไปงั้นแหละ"  ยุนอาพูด  ยิ้มกวนๆ  พอถูกค้อนก็หัวเราะ  "ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า  บอกหน่อย  ร้องไห้ทำไม  ยังเสียใจเรื่องนั้นอยู่เหรอ"

"แล้วคุณว่าฉันไม่ควรเสียใจหรือไง"  แทยอนย้อน  ขมวดคิ้วเมื่อยุนอาพยักหน้าหงึกหงัก  "ฉันถูกไล่ออกจากงาน  แถมยังถูกปลดจากตำแหน่งในฝูง  ไม่ถูกไล่ออกจากฝูงก็เหมือนถูกนะ  คุณจะให้ฉันสบายดีหรือไง"

"ไล่ออกแล้วไง  ฉันกับคริสเลี้ยงเธอได้สบายไปทั้งชาติ  เลี้ยงลูกเราได้อีกเป็นโหล  วงเล็บว่าถ้าเธอจะมีนะ  ส่วนเรื่องฝูง  เธออยู่กับฉันกับคริส  อยู่ที่นี่  กับลูกๆ ของเรา  เธอเป็นสมิธไปเกินครึ่งแล้ว  แทยอน  มันไม่แปลกหรอก  ถ้าทางนั้นจะไม่อยากให้เธอไปวุ่นวายหรือรู้เรื่องภายในของพวกเขาอีก"

"แต่ฉันไม่เคยคิดทรยศพวกเขานะ  ทำไมจะต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย  ฉันไม่เคยเอาความลับของพวกเขามาขายพวกคุณสักหน่อย  ถ้าจะบอกก็พูดแค่เรื่องที่พูดได้  ไม่ใช่ทุกเรื่อง  ฉันเสียใจนะ  รู้ไหม"

"จริงๆ  มันก็แค่...ทิฟฟานี่คิดว่าเธอเลือกพวกฉันเหนือเขาเท่านั้นละ"

แทยอนชักสีหน้า  พลางบ่นพึมพำว่าไร้สาระชะมัด  สักพักฤทธิ์ยาที่ถูกฉีดเข้าไปบำรุงกับต้องการให้พักผ่อนก็ก่อผลให้เธอสะลึมสะลือจนคุณหมอผู้ยกให้เธอเป็นคนไข้พิเศษเกือบเท่าคริสตัลคนไข้นัมเบอร์วันก็พาเธอขึ้นหลัง  และพาไปนอนบนเตียง  จูบหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน

"ยุนอา  คุณให้เจดมานอนกับฉันก็ได้นะ  แต่ต้องระวังไม่ให้แฝดงอแงด้วยละ"  เธอเอ่ยบอกทั้งตาปรือ  ยุนอาพยักหน้ารับปาก  จับมือเธอไปจูบเบาๆ  ราวกับจะปลอบโยนเธอให้หายเศร้าโศก  มันได้ผล  เธอรู้สึกดีขึ้น  เรื่องนี้ต้องยกความดีความงามให้พวกเขา  ถ้าคริสตัลกับยุนอาไม่ดีกับเธอมากขนาดนี้  เธอคงผ่านมันไปได้ยากกว่านี้มาก  ถึงอย่างนั้น...

"คุณอย่าทำอะไรฟานี่นะ  ยุนอา  รับปากฉันได้ไหม"

"ค่ะ  ไม่ต้องกังวลหรอก  นอนเถอะ  แล้วเจอกันค่ะ  คุณแม่"

แทยอนพยักหน้า  รอยยิ้มแต้มบนริมฝีปากจางๆ  เธอหลับตาลงและซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ ที่ยุนอาห่มให้  เธอผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ยา  ส่วนคนทางนี้ก็ถอนหายใจยาวเหยียด  ยังคงไม่สบายใจ

ยุนอาเดินออกจากห้อง  ปิดประตูเบาๆ ไม่ให้เสียงไปรบกวนคนหลับ  พลางมองร่างสูงโย่งที่ยืนกอดอกเป็นยักษ์เฝ้าประตู  คริสตัลหงุดหงิดตามคาด

"แฝดล่ะ"

"หลับแล้ว  เล่นเหนื่อย"  คริสตัลตอบ  เสยผมระบายความรำคาญใจ  ยุนอาต้องลากเขามาคุยกันตรงระเบียงชั้นลอยที่มองเห็นห้องโถงได้

"อย่าเป็นอะไรไปอีกคนได้ไหม  คริส  ขอร้องละ"  ยุนอาพูด  นัยน์ตาสองสีเหลือบมามอง  ความขุ่นเคืองค่อยๆ จางลงจนเกือบเป็นปกติ  "แทยอนอ่อนแอมาก  รู้ไหม  ฉันต้องฉีดยากันแท้งให้ด้วย  จะทำอะไรก็ระวังด้วยนะ  ถ้าท้องนี้เป็นอะไรไปละก็  เรื่องใหญ่แน่ๆ  เป็นไปได้ก็อย่าให้มีเรื่องไปกวนใจเลย  เธอคอยปลอบด้วยละ  อย่าให้เครียดเกินไป  เมื่อกี้ก็เพิ่งร้องไห้ไปอีก  ฉันไม่รู้จะช่วยได้ยังไงแล้ว  บางทีเราอาจต้องแยกแฝดออกมา  ไม่ให้ไปกวนแม่"

"แบบนั้นคุณแทก็จะยิ่งเศร้าน่ะสิ  ยุน  เธอดูมีความสุขตอนได้อยู่กับพวกเขานะ  กับเจดก็เหมือนกัน"

"แต่มันทำให้หล่อนเหนื่อยมากนะ  ดีไม่ดีต้องพาไปนอนโรงพยาบาล"

"ให้น้ำเกลืออยู่บ้านไม่ได้เหรอ"

"ได้น่ะได้  แต่ก็ไม่วายจะต้องมีคนมากวนใจอยู่เรื่อยน่ะสิ  แล้วถ้าจะให้ยามากไปก็ไม่ได้อีก  แฝดน่ะไม่มีปัญหาเท่าไหร่  เริ่มยอมกินนมชงแล้ว  กินอาหารอื่นก็ได้แล้ว  แต่เจย์เดนจะกินไม่ได้ไง  ไม่งั้นต้องให้เขากินนมชงด้วย"

"ไม่ต้องหรอก  เม็บจะอยู่เลี้ยงเขา"  คริสตัลบอก  พลางยิ้มฝืดเคือง  "ไม่ใช่ฉันหรอก  ฉันไม่ได้ทำอะไร  เม็บคงเห็นใจคุณแทมั้ง  ไม่รู้สิ"

ยุนอายิ้มนิดหน่อย  วางมือบนศีรษะคนที่นั่งหมิ่นๆ อยู่บนราวระเบียง  นัยน์ตาสองสีสบตาเธอ  เราเป็นทุกข์ไม่ต่างกัน  "ฉันอยากให้แทยอนไปนอนโรงพยาบาล  คริส  สักสองคืนก็ยังดี  จะได้พักผ่อนมากๆ  อยู่ที่นี่ไม่มีทางได้พัก  ฉันกับซันนี่จะดูแฝดเอง  ส่วนเธอก็ไปเรียนตามปกติ  ไหวไหมล่ะ"

"ฉันคลื่นไส้  แต่ไม่เยอะ  แค่หงุดหงิดง่าย  คงไม่เป็นไรมั้ง  แต่ยุนจะทำยังไงให้คุณแทยอมไปได้ล่ะ  เธอจะต้องดื้อแน่ๆ  ห่วงลูก  ห่วงหลาน  ห่วงไปหมดทุกคน  ตัวก็แค่นั้นแท้ๆ  จะอะไรนักหนานะ"

"เพราะเป็นแบบนี้ไง  ฉันถึงยอมรับหล่อน  ยอมให้เธอดูแลหล่อนได้  หล่อนไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมาของเธอ  ใช่ไหมล่ะ"

คริสตัลส่ายหน้า  คว้าตัวยุนอามากอดซบหน้าลงหว่างอก  มือผอมๆ ของสาวตัวสูงลูบศีรษะเขาอย่างอบอุ่น  "ขอบคุณนะ  ยุน  ฉัน...ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี  แต่ยุนเข้าใจใช่ไหม"

"แน่นอนสิ  ฉันเป็น Soulmate ของเธอนะ"  ยุนอาตอบ  จูบศีรษะโตๆ ของเด็กตัวโตด้วยความรัก  "อีกอย่างนึงนะ  คริส  แทยอนขอร้องไม่ให้เราไปยุ่งกับทิฟฟานี่  เธอห้ามไปทำอะไรเด็ดขาดเลยนะ  ตกลงไหม"

"ยังจะห่วงอีก  คนแบบนั้น"

"ไม่เอาน่า  เธออย่าไปถือสาคนป่วยเลย  เธอก็รู้ว่าทิฟฟานี่น่ะป่วย"

"ป่วยก็รักษาสิ  อย่าพาลคนอื่น  ทำกับคุณแทแบบนี้ได้ยังไง"

"มันเป็นความกลัวอย่างหนึ่ง  เขาก็แค่ป้องกันตัวเอง..."

"แต่มันไม่แฟร์  คุณแทไม่ได้ผิดนะ  ยุน"

"ใช่  เพราะคนผิดคือฉัน"

คริสตัลขมวดคิ้วมองภรรยา  เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย  "ยุนแค่ทำงานของยุน  คนที่ผิดที่สุดก็คือพวกเขา  พวกเขาไม่คุยกันเอง  ทำตัวเป็นเด็กๆ กันอยู่ได้  เป็นถึงจ่าฝูงแท้ๆ"

"ไม่เอาน่า  คริส  พอเถอะ  มานี่มา  เธอก็ควรต้องพักเหมือนกัน"

"ฉันกอดยุนได้ไหม"

ยุนอาเลิกคิ้ว  มองหน้าคนที่อยู่ๆ ก็มาถามเหมือนเกรงใจกันทั้งที่มันเป็นเรื่องปกติของเราสองคนอยู่แล้ว  แต่มันกลับทำให้เธอยิ้ม

"ได้สิ  หนุ่มน้อย  ฉันกำลังรอคำชวนอยู่พอดี"  เธอตอบ  พ่อหนุ่มน้อยตัวโตก็หัวเราะในลำคอ  อุ้มเธอเข้าเอว  พาไปหาที่สงบๆ คลายเครียดด้วยกัน

....................................................

"ฉันทำให้คุณถูกถอนหมั้น"

"ไม่ใช่  เธอเป็นแค่ข้ออ้าง"

เม็บเลิกคิ้ว  มองแผ่นหลังคนยืนหันหลังให้และกำลังมองออกไปทางหน้าต่างห้อง  ขณะที่เธอพยายามให้นมเด็กทารกวัยสองเดือนตามคำสอนของคุณแม่ลูกแฝดผู้เชี่ยวชาญงาน  เธอเขินที่ต้องทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น  ถึงอีกคนจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน  หากเพราะเจสสิก้าไม่เหมือนเธอ  ถ้าเหมือนก็คงทำให้เด็กคนนี้เกิดขึ้นมาไม่ได้

เด็กคนนี้ที่เธอไม่มีสิทธิ์เรียกว่า "ลูก"  แม้จะเกิดจากเลือดเนื้อของเธอ  จากความทนุถนอมมาเป็นเวลาเก้าเดือนของเธอ  เพราะเธอแลกมันมากับเงิน  เธอแค่รับจ้างให้กำเนิดเด็กเท่านั้น  ตอนนี้เธอก็กำลังละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับตัวเอง  สัญญาที่ยุนอา  ฟอร์ดให้เธอเซ็นตอนรับทำงานนี้  ไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอมาเจอเด็กคนนี้  แค่เพียงไม่ให้เธอเอาเขาไปไหน  ไม่มีสิทธิ์ในตัวเขา  ทุกอย่างหากจะทำได้  ต้องได้รับอนุญาตจากเจสสิก้า  สมิธแต่เพียงผู้เดียว  ถึงอย่างนั้น  เธอก็คิดเอาไว้ก่อนแล้วว่าเธอจะไม่มาเจอเด็กคนนี้อีกแล้ว  ไม่มีหน้าจะมาเจอ  เพราะเธอขายเขาไปแลกกับเงิน

"ที่ฉันอยากรู้  คือเธอรู้ไหมว่า  คู่หมั้นของฉันเป็นใคร"  เจสสิก้าถาม  ไม่ได้หันมา  ให้เกียรติและให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้หญิงที่กำลังให้นมเด็กอยู่

"คุณคงจะหาว่าฉันโกหก  ถ้าฉันบอกว่าไม่รู้"

"แค่พูดมา  พูดความจริง"

"รู้ค่ะ"

นัยน์ตาสีเทาปิดลง  รอยยิ้มหยันปรากฏบนริมฝีปากบาง  หากมันเกิดขึ้นจากการสมเพชตัวของเธอเอง  เธอละเลยไม่สอบถามซักไซ้ประวัติของผู้หญิงคนนี้  เธอเอาแต่ตกตะลึงนัยน์ตาสีทองกับความเศร้าลึกล้ำของมัน

"แต่ฉันต้องการเงิน  แม่ฉันป่วยหนัก  ฉันไม่มีทางหาเงินได้มากพอกับค่ารักษาพยาบาล  นอกจากจะทำงานนี้กับขายตัว  และฉันก็คิดเอาไว้แล้วว่า  ฉันจะไม่ยุ่งอะไรกับคุณ  มันไม่น่าจะเป็นอะไร... ฉันขอโทษค่ะ"

เจสสิก้าสั่นศีรษะ  ยกมือขึ้นนวดขมับเผื่อมันจะดีขึ้นบ้าง

"แต่เรื่องเช็คนั้น  ฉันไม่ขอรับค่ะ  คุณให้มากพอแล้ว"

"นี่เป็นบริการฟรี  แบบเรื่องนั้นสินะ"

เม็บชะงัก  ไม่มีคำโต้เถียงออกมา

"แล้วถ้าฉันนอนกับเธอล่ะ  ยังจะฟรีอีกไหม"

นัยน์ตาสีเทาปรากฏวงแหวนสีเหลืองทองแซมขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาเธอ  เม็บใจสั่น  เธอรู้จักหมาป่าราชวงศ์  แม้จะไม่เคยคลุกคลีใกล้ชิด   รู้ถึงความอันตรายของพวกเขา  ในชุมชนที่เธออยู่อาศัยกับแม่และน้องชายคนละพ่อ  มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับความน่ากลัวของพวกเขาโดยเฉพาะสมิธ

"ตอนนั้นไม่เห็นเธอจะกลัวฉันเลยนี่  ตอนที่เธอยั่วฉันน่ะ  ตอนนี้มากลัวทำไม  มันก็เหมือนกันนั่นแหละ"

"ไม่  นี่มันไม่เหมือนคุณ  คุณไม่ได้เป็นแบบนี้  เจสสิก้า"  เม็บแย้ง  ภาวนาในใจให้อีกฝ่ายเห็นแก่เด็กที่เธออุ้มอยู่  อย่างน้อยนี่ก็คือลูกของเขา

"คุณ  อย่านะ  ลูกคุณหลับอยู่นะ  เจสสิก้า"  เธอถอยหนี  ดึงสาบเสื้อมาปิดทรวงอกเมื่อเจสสิก้าเดินเข้ามาใกล้คล้ายหมดความเกรงใจในตัวเธอ

"คุณ --"

"เงียบน่ะ  ฉันแค่จะดูเขาหลับ"  เจสสิก้าดุ  หากดวงตาเปลี่ยนสีกลับเป็นสีเทาเช่นเดิมแล้ว  อาจเพราะใบหน้าหลับใหลไร้เดียงสาของลูกชาย 

"เขาดูเหมือนยิ้ม"  เธอพูด  แล้วมุ่นคิ้วเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดจาเพ้อเจ้อ  เด็กที่ไหนจะยิ้มได้  หรือเด็กสองเดือนยิ้มได้แล้ว  --  โอ  ช่างมันเถอะ

"ฉันไม่เคยคิดอยากมีลูก  เพราะฉันท้องเองไม่ได้"

"คุณเคยพูดแล้ว"  เม็บบอก  สบตาสีเทาที่เหลือบขึ้นมองเธอ  ใจชื้นขึ้นนิดหน่อย  เพราะกลิ่นความน่ากลัวของอัลฟาซึ่งแผ่มากระทบเธอจางลงไปมากแล้ว  เบต้าส่วนใหญ่เกรงกลัวอัลฟา  มันเป็นลำดับชั้นภายในฝูงหมาป่าที่จำต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  มันก็คล้ายผู้ชายกับผู้หญิงในสังคมมนุษย์  หากพวกเขาให้เกียรติพวกเธอมันก็ดีไป

"แล้วฉันเคยบอกไหมว่า  ฉันไม่ชอบสิ่งที่ฉันเป็น"

"เคย...เคยค่ะ"  เธอตอบ  กลั้นหายใจไม่รู้ตัว  ใบหน้าของเจสสิก้าใกล้เธอมากเกินไป  มันคล้ายจะมีแรงดึงดูดประหลาดรั้งเราเอาไว้แบบนี้  ตรึงเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี  ทำให้เธอนึกถึงคำสอนของแม่ที่เตือนไว้ว่าอย่าเข้าใกล้พวกอัลฟา  พวกเขาจะมีพลังงานบางอย่างทำให้เบต้าอย่างเธอปฏิเสธไม่ได้

"ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพวกผู้ชาย  แต่ร่างกายของฉันมันปฏิเสธฉัน  ฉันทำอะไรกับมันไม่ได้เลย  ฉันเคยอิจฉาพวกเธอนะ  รู้ไหม"  เจสสิก้าเอ่ยเบาๆ

"คุณก็คงต้องเลิกฝืนมัน"  เม็บบอก  ยั้งตัวเองไว้ไม่ให้ทำอะไรที่เธอจะต้องเสียใจในภายภาคหน้า  ภาวนาในใจให้เจสสิก้าเห็นใจเธอหน่อย  หรืออย่างน้อยก็เกรงใจเจย์เดน

"อย่างเช่น..."  เจสสิก้าถาม  กลืนน้ำลายลงคอ  หูเธออื้อ  ปั่นป่วนตรงช่องท้องและใต้เข็มขัด  เธอเคยรู้สึกแบบนี้อยู่บ้างตอนอยู่ใกล้แทยอน  ยุนอาให้ความเห็นว่า  มันเป็นเพราะฟีโรโมนของเบต้าซึ่งขับออกมาโดยเจ้าตัวไม่ล่วงรู้

"เธอบอกว่า  เธอเคยมีแฟน  แล้วตอนนี้เขาไปไหนซะล่ะ"  เธอชวนคุย  เบี่ยงเบนความสนใจตัวเอง  มันเคยได้ผลกับแทยอนมาก่อนบวกกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วย  แทยอนเป็นภรรยาน้องเธอ  เป็นแม่ของหลานๆ  เป็นผู้หญิงที่เธอให้ความเคารพและให้เกียรติเพียงคนเดียว  นอกจากแม่ของเธอ

"ไม่มีใครอยากอยู่กับสิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างฉันหรอกค่ะ  ต่อให้ไม่รู้วันนี้  พวกเขาก็ต้องรู้วันอื่น  และฉันก็ไม่มีเวลาให้ใคร  เวลาของฉันมีแค่ทำงานหาเงินให้ครอบครัว  น้องชายฉันยังเรียนอยู่  เขาไม่เหมือนฉัน"

"แปลว่า  เขาเป็นมนุษย์"

เม็บพยักหน้า  ปลายจมูกเกือบชนกับคู่สนทนาและเจสสิก้าก็ไม่ใส่ใจจะถอยออกไปด้วย  เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง  แต่เธอรู้สึกได้ว่าอัลฟาตนนี้ต้องการอะไรจากเธอ  บางทีเจสสิก้าอาจไม่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น

"แล้วเขารู้ไหมว่าเธอเป็นอะไร  แล้วหายจากบ้านตั้งนาน  เขาไม่สงสัยบ้างเลยเหรอ  เขาอายุเท่าไหร่"

"เท่าๆ กับน้องชายคุณ  แต่เขาตัวเล็ก  ไม่ค่อยแข็งแรง  เป็นโรคหัวใจ  เป็นมาตั้งแต่เกิด  เขาต้องกินยาประจำเหมือนกัน  แต่เขาหัวดีค่ะ  เขาอยากเป็นหมอ  อยากรักษาคนไม่ให้เจ็บป่วยแบบเขา"

เจสสิก้าฮัมรับรู้  เริ่มเข้าใจชีวิตของคนที่ต้องลำบากในการหาเงินมาดำรงชีพมากขึ้น  เริ่มเข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้น  ถึงไม่รู้ว่าจะเข้าใจไปทำไม

"ฉันบอกเขาว่าจะไปทำงานต่างเมือง  ไปปีนึง  เขาเลยไม่ว่าอะไร  แค่ให้ระวังตัว  แล้ววันนั้นฉันก็เพิ่งไปหาเขามา  เขาเรียนคณะแพทย์  อยู่ที่เดียวกับคริส  พักอยู่หอพักใกล้ๆ มหาลัย  ทำงานพิเศษร้านฟาสต์ฟู้ดค่ะ"  เม็บเล่าไปเรื่อยๆ เหมือนคุยกับเพื่อนที่ไว้ใจคนหนึ่งซึ่งมันก็แปลกดีที่เธอรู้สึกแบบนี้  เธอเลิกคิ้วแปลกใจเมื่ออีกฝ่ายอมยิ้มประหลาด

"ฉันพูดอะไรผิดเหรอ  ก็คุณถามเองนะ"

"เธอหน้าเหมือนฝาแฝดแลนดอนมาก  ทำไมฉันถึงมองไม่ออกแต่แรก  หรือเพราะเธอผมทอง  ตาสีทองแบบนี้"  เจสสิก้าพูดเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าจะตำหนิเม็บ  "ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพวกเขา  เธอจะได้ไม่ต้องลำบาก  แม่กับน้องชายเธอจะได้สบายไปด้วย"

"ฉันไม่อยากยุ่งกับพวกเขา  เราต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว"

"สเตฟานี่บอกว่า  มีพินัยกรรมชื่อเธอรอเธออยู่ที่แลนดอน  ทำไมเธอไม่ไปเอา  ถ้าเธอไปรับมันมา  เธอก็ไม่ต้องมาทำเรื่องแบบนี้  ทำไมเธอถึง --"

"ฉันรับมันไม่ได้หรอกค่ะ  มันไม่ควรเป็นของฉัน"

"แต่เขาเป็นพ่อของเธอ  เขาต้องการทำหน้าที่นั้นให้เธอนะ"

"เขาควรจะมาดูแลฉันตอนที่เขายังทำได้ต่างหากค่ะ"  เม็บแย้ง  "เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีฉัน  ถ้าเราไม่บังเอิญเจอกัน  ตอนที่เขาไปแถวที่ฉันอยู่"

เจสสิก้าสะกิดใจกับเรื่องเล่านี้  "แถวที่เธออยู่  ที่ไหนเหรอ  ใช่ที่ที่ซันนี่ไปเจอเธอหรือเปล่า"

"ค่ะ  ทำไมเหรอ  ฉันอยู่ที่ไหนไม่ได้หรอกค่ะ  ไม่มีใครต้อนรับ  ไม่มีใครจ้างทำงาน  เพราะฉันไม่มีบัตรอะไรเลย  โลกข้างนอกอันตรายมากสำหรับพวกที่ไม่มีสังกัดอย่างฉัน  ไม่มีใครดูแลเรา  คุณเป็นผู้พิทักษ์ย่อมรู้ดี"

"ใช่"  จ่าฝูงสมิธตอบ  ยังติดใจเรื่องนั้น  "มิสเตอร์แลนดอนไปทำอะไรแถวที่เธออยู่  เธอเจอเขายังไง  ในผับที่เธอเป็นบาร์เทนเดอร์น่ะเหรอ  หรือ..."

"ค่ะ  ในผับ  เขานัดเจอใครบางคน"

"เธอรู้จักไหม  ไม่สิ  ถ้าเจออีก  เธอจะจำคนคนนั้นได้ไหม"

เม็บแปลกใจที่ถูกถามเหมือนสอบสวนแบบนี้  หากพอคิดได้ว่ามันจะต้องเป็นเรื่องสำคัญ  ไม่อย่างนั้นเจสสิก้าคงไม่เสียเวลามาซักไซ้เธออย่างนี้แน่ๆ  แถมยังดูเป็นงานเป็นการเสียอีก  "บางทีค่ะ  ต้องลองดู"

"โอเค  ขอบใจมาก"  เจสสิก้าตอบด้วยรอยยิ้ม  มันน่าประหลาดใจสำหรับเม็บมากพอๆ กับที่จ่าฝูงสมิธตบไหล่เธอแปะๆ ราวกับเธอเป็นเพื่อนผู้ชายหรือลูกน้องคนสนิท

"ฉันไปทำงานก่อนนะ  ถ้ามีอะไร  ในห้องนี้มีอินเทอร์คอม  เธอกดเรียกซันนี่ได้ตลอดเวลา"

เม็บพยักหน้า  มองเจสสิก้าก้มลงหาลูกชาย  จับมือเล็กๆ ของเจย์เดนมาแตะริมฝีปากเบาๆ  แล้วยิ้มให้เธอก่อนเดินออกไปจากห้อง

เธอนั่งกะพริบตาปริบๆ อยู่เกือบนาทีก่อนยิ้มออกมา

..............................................

ทิฟฟานี่เลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน  เธอตกใจนึกว่าเข้าบ้านผิดแต่ไม่มีทางจะเป็นแบบนั้นไปได้  บ้านของเธอเป็นเอกลักษณ์และอยู่ห่างจากคนอื่นๆ มาก  แต่เธอจำไม่ได้ว่าเธอชวนใครมาบ้านมากมายขนาดนี้  และบ้านมีงานอะไร

"ซอ  นี่มันเกิดอะไรขึ้น"  เธอถามเมื่อเห็นซอฮยอนเดินหน้าตึงออกมาจากประตูบ้าน  และมองไปยังลานจอดรถด้วยอาการไม่พอใจ 

"ฝาแฝดของพี่ไง  จัดปาร์ตี้ริมสระน้ำ  ไม่ได้บอกพี่เหรอคะ"  ซอฮยอนตอบแต่เหมือนจะฟ้องมากกว่า  ทิฟฟานี่ส่ายหน้า  ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

"งั้นฝากพี่ถามเขาให้หน่อยได้ไหมคะ  ว่าเมื่อไหร่จะเลิก  ฉันทำงานไม่ได้นะ  เสียงดังขนาดนี้"

ทิฟฟานี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร  คุณน้องตัวสูงก็เดินปึงปังจากไปแล้ว

เธอกำลังคิดว่าจะเดินไปดู  แต่ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน  เธอคงปวดหัวตายแน่ๆ  ถ้าเข้าไปใกล้สระว่ายน้ำมากกว่านี้  แค่นี้เสียงเพลงเร็วๆ ที่เธอไม่รู้จักว่ามันแนวไหน  เพราะไม่เคยใส่ใจจะรู้ก็แทบจะทำให้หูของเธอหนวกไปแล้ว

"ฟานี่  กลับมาแล้วเหรอ"

เสียงคุ้นหูฉุดสายตาเธอให้หันไปหา  แครีนลงบันไดบ้านมาในชุดที่ทำให้เธอตะลึงจนอึ้งไปนาน  แต่มันก็แค่เสื้อเกาะอกสีช็อกกิ้งพิงก์กับกางเกงยีนรัดรูปเท่านั้นเอง  ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นสักหน่อย  ถึงมันจะผ่านมานานมากแล้ว

"ไปเต้นรำกันไหม"  แครีนถาม  ดึงกระเป๋าเอกสารของทิฟฟานี่ไปถือแทนให้  พลางใช้อีกมือดึงแขน  ฉุดเบาๆ เรียกร้องความสนใจ

"ไม่ดีกว่า  ฉันเหนื่อยน่ะ  งานเยอะ  เธอไปเถอะ  แต่มันงานอะไรล่ะ"

"ไม่รู้เหมือนกัน  สเตฟจัดน่ะ  เขาแค่ชวนฉันไปดื่ม  แก้เซ็งมั้ง"

"แล้วลูกล่ะ  โดโด้ไปไหน  คงไม่ได้อยู่กับพวกเขานะ"

"อยู่บนห้อง  ทำการบ้าน"

"ทำการบ้าน?  เสียงดังแบบนี้น่ะเหรอ"

"ช่าย  ก็ปกติเค้าก็เอาไอพอดที่คริสตัลซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดมาฟังทุกวันอยู่แล้ว  นี่ก็คงฟังอยู่มั้ง  ไม่เป็นไรหรอก  ลูกโตแล้ว  ปล่อยเขาให้มีโลกของตัวเองบ้าง"

ทิฟฟานี่จำใจต้องยอมรับ  ใจเบาหวิวไปนิดหน่อยตอนได้ยินชื่อของคนบ้านสมิธ  คนที่ทำให้นึกถึงคนสำคัญของเธออย่างอัตโนมัติ

"ฉันไปนะ  ถ้าเธอไม่ไป"  แครีนบอก  พลางส่งกระเป๋าเอกสารคืนให้  ทิฟฟานี่มองตามหลังไปอย่างเสียดายนิดหน่อย  เธอไม่ชอบงานปาร์ตี้  ไม่เคยชอบความอึกทึกแบบนี้ด้วย

"เฮ้  กลับมาแล้วเหรอ  จ่าฝูง"

เธอหยุดเดินอีกครั้งเพราะเสียงที่คล้ายเธอแต่ไม่ใช่เธอ

สเตฟานี่เดินถือแก้วไวน์แดงเข้ามาทางประตูบ้าน  คงจะมาจากสระว่ายน้ำที่จัดงานปาร์ตี้  แฝดพี่ของเธออยู่ในชุดเดรสกระโปรงสีน้ำเงิน  สายเดี่ยวโชว์รอยสักตรงสีข้าง  เป็นตัวอักษรภาษาฝรั่งเศส  แต่งหน้าจัดจ้านเหมือนจะไปงานกลางคืนตามไนต์คลับ

"ไม่ไปสนุกกันหน่อยเหรอ"

"ไม่ละ  เชิญตามสบาย  แต่เลิกเร็วหน่อยก็ดีนะ  ปวดหู"

"แต่ฉันว่า  โรคปวดใจของฉันหนักกว่าโรคปวดหูของเธอนะ  น้องรัก"

ทิฟฟานี่จ้องหน้าแฝดพี่  เริ่มเข้าใจแล้วว่าสเตฟานี่ต้องการอะไร 

"ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวฉันก็เลิกแล้ว  ต้องไปโรงพยาบาล  เยี่ยมคนสักหน่อย"  สเตฟานี่พูด  ยกไวน์ขึ้นจิบนิดๆ  เธอยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าน้องแฝดยังไม่เดินหนีไป  แปลว่าคงอยากฟังต่อ  แต่ถึงไม่อยากฟัง  เธอก็จะพูดอยู่ดี 

"แทยอนแอดมิดน่ะ  อ่อนเพลียมากไป  ยุนอากลัวแท้งก็เลยให้ไปนอนโรงพยาบาล  ฉันก็เลยว่าจะไปดูหน่อย  ไปด้วยกันไหม  --  โอ้  แต่เธอคงไม่อยากไปหรอก  อยู่กับลูกกับเมียไปเถอะ  เธอไม่เหยียบสมิธอยู่แล้วนี่"

"ก็ทำตัวเองไม่ใช่เหรอ  ที่เป็นแบบนั้น"  ทิฟฟานี่พูด  รองเท้าส้นสูงของสเตฟานี่จึงหยุดกึก  และใบหน้าสวยเฉี่ยวก็หันขวับมาหา  นัยน์ตาสีเขียววาววับอย่างน่ากลัว  แต่เธอพยายามจะไม่กลัว

"ฉันพูดอะไรผิด  เขาทำตัวเอง  ทุกๆ เรื่อง  เขาเลือกจะเป็นแบบนั้น  เขาเลือกคนอื่น  ไม่ใช่เรา  เธอจะไปสนใจอีกทำไม"

สเตฟานี่เดินกลับมาจ้องหน้าฝาแฝด  ยั้งมือไว้ไม่ให้ปาแก้วไวน์ใส่หน้าน้อง  หรือตบให้หน้าหันสักทีเพื่อความสะใจหรือให้รู้สำนึก

"เธอรู้อะไรไหม  ฟานี่  ฉันเคยอิจฉาเธอนะ  ที่แทยอนรักเธอมากที่สุด  และโกรธเขามาก  แต่ตอนนี้ฉันสมเพชเธอ  และสงสารแทยอนที่ยังเป็นห่วงเธอจนกระทั่งวันนี้  ทั้งที่เธอไม่ได้มีอะไรคู่ควรกับความห่วงใยนั่นเลยสักนิดเดียว"

ทิฟฟานี่ยืนอึ้งเป็นคนใบ้แม้กระทั่งตอนโดนไวน์ราดศีรษะจนเปียกชุ่มเกือบทั้งตัว  เธอสะดุ้งเฮือกตกใจ  เพราะเสียงสเตฟานี่ปาแก้วใส่ผนังอย่างแรง  และเดินกระแทกส้นสูงจากไป  ถึงอย่างนั้น  เธอก็ยังได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดดังก้องอยู่ในหัวตัวเอง

"เธอมันคนเฮงซวย  ฟานี่  หัดแหกตากว้างๆ มองดูรอบๆ ตัวซะบ้างสิ  อย่ามองแค่ตัวเอง!"



......................

มันก็จะดาร์กๆ  วุ่นวายนิดหน่อยนะคะ   :61: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

11 ธันวาคม 2017 เวลา 15:39:23
 :20:แฝดนรกรุ่นใหญ่ เล่นกันแรงดีจริงๆชอบ :36:
แสดงความคิดเห็น