Yuri-Read

รายชื่อนักเขียน ก - ฮ => อาพัทธ์ อันธการ => คืนนั้น...ของฉันและเธอ => ข้อความที่เริ่มโดย: อาพัทธ์ อันธการ ที่ 26 ธันวาคม 2013 เวลา 23:37:39

หัวข้อ: คืนนั้น...ของฉันและเธอ บทที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: อาพัทธ์ อันธการ ที่ 26 ธันวาคม 2013 เวลา 23:37:39
บทที่ 6

สาวนักธุรกิจรู้สึกปวดหัวหนึบๆ บริษัทกำลังไปได้สวย แต่มีสัญญาณทางตลาดบางอย่างที่บ่งบอกว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นถ้าไม่ได้รับการแก้ไขเสียตั้งแต่ตอนนี้

หล่อนนึกถึงคุณกนกนักธุรกิจวัย 50 ปี จำได้ลางๆ ว่าเลขาบอกว่ามีการ์ดเชิญส่งมาถึงเธอตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนแล้ว หญิงสาวเกลียดงานเลี้ยง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะไปนัก แต่ก็ต้องไปบ้างถ้าเป็นงานที่มีนักธุรกิจไปจำนวนมาก การได้รู้จักคนในแวดวงเดียวกันย่อมมีประโยชน์เสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เสียงโทรศํพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด คนหน้านิ่งมองหน้าจอ หล่อนตัดสายทิ้ง รู้สึกเซ็งเล็กน้อย นิ้วมือเรียวยาวเปิดหน้ากระดาษรายงานทางการเงินอีกครั้ง พลางคิดว่าภายในอาทิตย์นี้คงต้องเรียกประชุมกรรมการบริษัทเป็นวาระพิเศษ

หญิงสาวชะงักอีกครั้งเพราะเจ้าเครื่องมือสื่อสารส่งเสียงรบกวน ยิ่งเห็นชื่อสาวอีกคนหล่อนยิ่งเซ็งหนัก ตัดสายทิ้งอย่างไม่สนใจ พลางบล็อกเบอร์สาวน้อยสาวใหญ่เกือบทุกคนยกเว้นสวรรยาเพียงคนเดียว จะได้ไม่มีใครมากวนสมาธิอีก



สาวน้อยวัยแรกรุ่นรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อยด้วยความร้อนใจ เธอนัดเพื่อนชายให้มาเจอที่หน้าบริษัทของคุณลุง นี่เลยเวลามาเกือบ 10 นาทีแล้วอีกฝ่ายยังไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา

มือขาวเล็กแลดูสำอางควักโทรศัพท์หมายจะโทรตาม แต่คนรอก็มาพอดี อ้นสวมเสื้อยืดมีเสื้อเป็นฮู้ดทับอีกชั้น กางเกงยีนส์ยี่ห้อดังหลวมโพลก ผมสีทองตั้ง หูทั้งสองข้างเจาะแล้วขยายใหญ่ด้วยวงกลมสีดำ มองเผินๆ เหมือนคนไม่เอาการเอางาน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเจ้าตัวไม่เคยคิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

หล่อนไม่แคร์นักว่าเพื่อนๆ จะเป็นอย่างไร เธอฉลาดพอจะรู้ว่าหากเอาแต่ผลาญเงินโดยที่ไม่ทำให้มันเพิ่มขึ้น สุดท้ายแล้วก็จะไม่เหลืออะไร มีตัวอย่างถมเถให้เห็น การที่คุณพ่อส่งดวงฤทัยมาทำงานที่นี่เพราะมันจะช่วยให้หล่อนมีพื้นฐานที่ดีในการควบคุมดูแลกิจการของตัวเองในอนาคตต่อไป

"ทำไมมาช้า" เด็กสาวถามห้วนๆ ติดหงุดหงิด

"ก็สาวๆ ที่เพิ่งได้มาใหม่น่ะสิ สุดยอด" อิทธิพลทำหน้าเคลิ้มบอกให้รู้ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ

"ไหนล่ะของ" เธอส่ายหน้า รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคงจัดปาร์ตี้มั่วsexเมายาอีกตามเคย

"นี่ไง" อ้นหยิบถุงพลาสติกเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงข้างซ้าย

"แค่นิดเดียว รับรองเด็ด" อีกฝ่ายทำมือพลางขยิบตา

"ว่าแต่...ถึงขั้นต้องใช้ยาเนี่ย ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าผู้หญิงคนนั้นสวยขนาดไหน" ดวงตาสีน้ำตาลมีแววชั่วร้ายพาดผ่านวูบหนึ่ง

"อย่ายุ่งน่า คนของใครก็ของมันสิ" หล่อนทำหน้าจริงจัง บอกให้รู้ว่าอย่าได้แม้แต่คิด

"แหย่เล่นยังไม่ได้เลย หึหึ ไว้เดี๋ยววันเกิดอย่าลืมแนะนำให้รู้จักบ้างล่ะ" คนตรงหน้ายักไหล่ทีหนึ่ง แล้วเดินกลับไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก

เธอหย่อนของที่เพิ่งได้มาลงในกระเป๋าถือใบเล็ก รู้สึกได้ว่าเป้าหมายอยู่ไม่ไกล เหลือแค่เพียงทำให้คนหน้ารูปหัวใจดื่มเข้าไปได้ แค่นั้นก็จบ



จิณณพัตใช้เวลาว่างช่วงพักกลางวันคิดเรื่องที่แม่หล่อนและคนตัวสูงได้พูดไว้ แต่เป็นเรื่องยากเสียจริงที่จะรู้ว่าใครกันแน่ที่เธอรัก และถ้าอีกคนไม่ใช่ความรู้สึกที่มีให้คืออะไร

เฮ้อ...จริงๆ แล้วความรักคืออะไรกันแน่นะ แล้วคนที่รักกันเขาควรรู้สึกกันแบบไหน ตลกดีเธอแต่งงานมาตั้ง 5 ปีเพิ่งมาถามตัวเองเอาป่านนี้ อายุอานามก็ 29 จะขึ้นเลข 3 อยู่แล้ว มานั่งคิดเหมือนเด็กวัยรุ่น ใครรู้เข้าได้ขำแย่ แต่หล่อนไม่ตลกสักนิดเดียว เข้าขั้นเครียดเลยด้วยซ้ำ รู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก อยู่กับสามีก็น้ำท่วมปากมีชนักปักหลัง อยู่กับคนหน้าสวยนิ่งก็อัดอัด ขัดเขิน วางตัวไม่ถูก ทำอะไรไม่ได้

สาวร่างบางถอนหายใจอีกครั้ง ถ้าโทรถามเพื่อนคนอื่นเขาก็คงสงสัยกัน แล้วมีทางไหนบ้างที่เธอจะรู้ ว่าคนอื่นที่เขามีความรัก เขารู้สึกกันยังไง

"พี่พิมคะ" เสียงใสแทรกเข้ามาในความคิด

"หือ" เธอได้สติจึงขานตอบ

"คิดอะไรอยู่คะ ทำไมเครียดจัง" สาวหน้าใสถามด้วยความอยากรู้

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ จะบ่ายโมงแล้ว เตรียมตัวทำงานกันเถอะค่ะ" เธอยิ้ม ตอบบ่ายเบี่ยง

"ค่ะ" อีกฝ่ายรับคำง่ายๆ มองๆ ไปก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน



"เอาตัวไหนดีนะ" คนผมสลวยมองดูชุดราตรีที่วางเรียงรายอยู่บนเตียง หล่อนมีเพียง 5 ชุดเท่านั้น เผื่อเอาไว้ เพราะปกติไม่ค่อยจะได้มีโอกาสใส่สักเท่าไหร่ เธอไม่ใช่คนมีหน้ามีตาที่จะได้ถูกเชิญไปงานเลี้ยงสังสรรค์บ่อยๆ เคยไปแต่งานเลี้ยงของบริษัทที่จัดทุกๆ 2 ปีเท่านั้นเอง และได้ไปเพราะโดนบังคับว่าพนักงานทุกคนต้องไปร่วม

"เลือกไม่ถูกเหรอจ๊ะ" สามีที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอมองชุดอยู่อย่างนั้น

"ค่ะ" หล่อนยอมรับ

"เอาชุดสีน้ำเงินสิ ผมว่ามันตัดกับผิวคุณดี" เขาออกความคิดเห็น รอยยิ้มมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

"ไม่เด่นไปเหรอคะ เกิดน้องที่เป็นเจ้าภาพใส่ชุดสีอ่อน จะกลายเป็นว่าพิมเกินหน้าเกินตา" หญิงสาวลังเลเริ่มคิดมาก

"โถ่ อย่าคิดเยอะสิครับ บางทีเขาอาจจะใส่สีแดงก็ได้ มีเชื้อจีนไม่ใช่เหรอ"

"ค่ะ เห็นว่าคุณพ่อน้องเขาเป็นจีนแท้ๆ เลย แล้วก็มาแต่งงานกับคนไทยเชื้อสายจีน" จิณณพัตนึกถึงคำบอกเล่าของพี่ๆ ในบริษัท

"งั้นใส่สีแดงแน่ๆ งานวันเกิดก็ต้องใส่สีมงคลอยู่แล้ว" นนทพันธ์เอ่ยย้ำให้ความมั่นใจ

"ถ้าอย่างนั้นพิมใส่สีชมพูดีกว่าค่ะ จะได้ดูกลืนๆ หน่อย สีน้ำเงินตัดสีแดงไป อีกอย่างถ้าทั้งงานเขาใส่สีแดงพิมจะได้ไม่ดูแปลก" เธอคิดและตัดสินใจทันที

"ตามใจครับ ว่าแต่ให้ผมไปรับไปส่งไหม" ชายหนุ่มพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

"ไม่ดีกว่าค่ะ งานจะเลิกกี่โมงก็ไม่รู้ พรุ่งนี้คุณต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า ขืนมารอให้พิมโทรไปรับคุณจะแย่เอา" หญิงสาวบอกปัดด้วยเหตุผล

"โอเคครับ ถ้ามันดึกมากก็ค้างโรงแรมนะ ขับรถกลับมาบ้านดึกๆ ดื่นๆ ผมเป็นห่วง" ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูจริงจัง

"ค่ะ" หล่อนรับปาก จริงๆ ตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว



ประตูอลูมิเนียมบานใหญ่ถูกเปิดอ้าไว้ เสียงเพลงจากลำโพงขนาดยักษ์ดังค่อนข้างมาก จิณณพัตจอดรถบริเวณกำแพงบ้านที่อยู่ออกไปไม่ไกลนัก รถคันอื่นล้วนหรูหรากันทั้งนั้น ไม่มีใครขับรถเก๋งสักคน ไม่สปอร์ตก็รถตราสามแฉก คนรวยย่อมคบกันเองสินะ ไม่เข้าใจเด็กน้อยเลยว่าจะชวนเธอมาเพื่ออะไร

หญิงสาวเดินเข้าไปรู้สึกเหมือนคนหลงทาง แสงกระทบแก้วใสระยับวิบวับไปทั่วบริเวณที่เป็นสถานที่จัดเลี้ยง เธอกะไม่ผิดจริงๆ งานทั้งงานมีแต่สีแดง พวกผู้หญิงก็มีใส่สีอื่นกันอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนผู้ชายบางคนก็ใส่ชุดแพรมา หล่อนว่าแปลกดีเหมือนกัน

ดวงฤทัยยิ้มแป้นให้เธอ พลางโบกมือเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหา เด็กสาวอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงแปร๊ด แต่ก็สวยสมวัยไม่น้อย ขับผิวที่ขาวจนเห็นเลือดฝาดให้ดูนวลเปล่งปลั่ง จะว่าไปน้องฝนก็มีเสน่ห์เย้ายวนใจอยู่มากเมื่ออยู่ในชุดนี้

"พี่พิมสวยจังเลย" ใบหน้าเนียนดูอึ้งเล็กน้อย

"น้องฝนต่างหาก ใส่ชุดนี้แล้วสวยมากค่ะ นี่ถ้าพี่เป็นผู้ชายพี่คงตกหลุมรักไปแล้ว" หล่อนหยอกแก้เขินที่โดนชม

เจ้าภาพยิ้มกว้าง ให้ความรู้สึกประหลาด เหมือนมีบางอย่างแฝงอยู่ในยิ้มสวยๆ นั้น สาวร่างบางไม่รู้ว่าคืออะไร แต่นั่นแหละไม่เห็นต้องใส่ใจเลย

เด็กสาวไม่ได้พาหล่อนไปแนะนำให้ใครรู้จัก ซึ่งเป็นเรื่องดีอย่างมากเพราะเธอคงไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่มีฐานะต่างกันขนาดนี้ เธอนั่งที่โต๊ะว่างริมกำแพง พยายามไม่วุ่นวายกับใคร



หญิงสาวมองผ่านเพื่อนๆ ไปยังสาวสวยที่หล่อนเชิญมางาน ชุดสีชมพูอ่อนช่างเข้ากับผิวขาวๆ นั้นจริงๆ ชวนให้ลูบไล้อย่างบอกไม่ถูก หล่อนกลืนน้ำลายอยากจะพาอีกฝ่ายเข้าห้องนอนให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย แต่คงต้องรอให้งานเลี้ยงเกือบเลิกเสียก่อน

ผู้หญิงสูงโปรงในชุดราตรีสีแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน ผมมวยรุ่ยนิดๆ พอดูสวย ดวงหน้าคมมีเสน่ห์อย่างประหลาด เธอคนนั้นมองอยู่สักพักก่อนเข้าไปทักทายคุณพ่อ เด็กสาวเดาว่าคงนักธุรกิจ จากลักษณะที่ดูมั่นใจ และการยืนทักทายคนนั้นคนนี้ ไม่มีการสะดีดสะดิ้งเหมือนคุณนาย

พรุ่งนี้เดี๋ยวค่อยถามคุณพ่อว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร หล่อนไม่ได้สนใจเชิงเสน่หา แต่มีความอยากรู้จักแปลกๆ เกิดขึ้น อาจเพราะความเด่นสะดุดตาของอีกฝ่ายก็ได้

เพียงพักเดียวสาวร่างสูงโปร่งก็ผละออกมาจากการยืนคุยกับนักธุรกิจคนอื่นซึ่งเป็นเพื่อนคุณพ่อ แล้วเดินไปยังโต๊ะของสาวหน้าหวานรูปหัวใจที่เธอหมายปอง


"พิมมางานนี้ด้วยเหรอ" หล่อนรับรู้ถึงความอุ่นที่หัวไหล่ พร้อมกับเสียงนุ่มที่คุ้นเคย

"หญิง" เธอยิ้ม อย่างน้อยก็มีหนึ่งคนในงานที่รู้จักกัน

"ก็น้องที่เป็นเจ้าภาพแหละชวนมา เขาไปทำงานกับหญิงน่ะ" เธอบอกพลางบุ้ยปากไปยังสาวน้อยที่มองมาอยู่แล้ว

"อ่อ" อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้

"หญิงได้รับเชิญล่ะสิ" หญิงสาวพูดเรียบๆ จริงๆ แล้วครอบครัวของกิตติญาก็ถือว่าร่ำรวยและมีหน้ามีตาไม่น้อย บวกกับการที่คนตัวสูงมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้รับเชิญก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

"อือ แต่ที่ต้องมาวันนี้เพราะอยากคุยเรื่องงานกับคุณกนกหรอก ไม่งั้นหญิงเหรอจะมา พิมก็น่าจะพอรู้หญิงไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย"

"อืม พิมรู้" หล่อนบอก เงยหน้ามองคนตัวสูง ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ ผิวขาวยังกับเรืองแสงได้อย่างนั้นแหละ หัวใจเธอกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ

"หน้าหญิงมีอะไรติดเหรอ" เสียงนุ่มถามเบาๆ

"เอ่อ...เปล่า" จิณณพัตหลบตา ไม่กล้ามองหน้าสวยๆ นั่น

"เดี๋ยวหญิงไปคุยงานก่อนนะ แล้วหญิงจะมาคุยด้วย" คนหน้านิ่งยิ้มนิดๆ แล้วเดินจากไป

หญิงสาวมีความรู้สึกอยากรั้งอีกฝ่ายไว้ รู้สึกหน่วงแปลกๆ ที่หน้าอก แต่เธอก็ไม่ได้ทำ รู้ว่ากิตติญามีสิ่งที่ต้องทำ หล่อนไม่ควรทำให้อีกฝ่ายเสียการเสียงาน



เกือบสี่ทุ่มแล้ว เริ่มมีคนทยอยกลับเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังอยู่กันค่อนข้างเยอะ สาวร่างสูงเพรียวคุยอยู่กับคุณพ่อของหล่อน หน้านิ่งๆ นั้นเกือบดูเครียด เธอยอมรับว่าแรกพบสนใจก็จริง แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปทักทายพี่พิม เธอก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาตะหงิดๆ ใช่ มันเป็นความหึงหวงไม่อยากให้ใครมายุ่งกับคนของเธอ แล้วยิ่งคนตัวสูงยืนคุยอยู่นานสองนานด้วย หล่อนยิ่งไม่ไว้ใจ ระแวง

"พี่พิมคะ" หล่อนเรียก

"คะน้องฝน" สาวหน้าหวานยิ้ม เห็นแล้วอยากรวบตัวเสียตรงนี้

"ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอคะ นั่งนิ่งเลย"

"ไม่รู้จะทานอะไรน่ะค่ะ" จิณณพัตตอบ หลังจากมองไปที่โต๊ะวางอาหาร

"งั้นเดี๋ยวฝนตักให้นะคะ" เธอเสนอตัวบริการ

"ไม่เป็นไรค่ะ จะให้เจ้าภาพมาตักได้ยังไง" อีกฝ่ายค้านเสียงหลง ยกมือห้าม

"พี่นั่งนี่แหละค่ะ เดี๋ยวฝนจัดการเอง" เด็กสาวยืนกราน จับไหล่เนียนให้นั่งลง มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านวูบหนึ่ง

ดวงฤทัยหยิบจานแล้วเลือกตักนู่นนิดนี่หน่อย อยากให้คนที่รักได้ชิมทุกอย่าง เธอมั่นใจในฝีมือพ่อครัวของตระกูลว่าเก่งไม่แพ้ใคร



เธอนั่งมองปากสีชมพูรูปกระจับกลืนกินอาหารอย่างช้าๆ มันดูเย้ายวนเหลือเกิน หล่อนรักทุกวินาทีที่ได้อยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงคนนี้ และแน่นอนคืนนี้ด้วย

สาวน้อยเรียกคนรับใช้ให้นำไวน์ที่เตรียมไว้มาเสิร์ฟให้กับสาวร่างบางตรงหน้า หญิงสาวรินเครื่องดื่มให้ด้วยตัวเอง

"ดื่มล้างท้องเสียหน่อยนะคะ" เธอวางแก้วตรงหน้าพี่พิม

"เอ่อ พี่ไม่อยากเมาน่ะ" น้ำเสียงหวานมีแววลังเล พลางบอกปฏิเสธ

"แค่แก้วสองแก้วไม่เมาหรอกค่ะ อันนี้แอลกอฮอล์ต่ำมากด้วย" เสียงใสคะยั้นคะยอ

"แค่สองแก้วนะคะ" คนตรงหน้าคล้อยตามโดยง่าย เมื่อหล่อนยกเหตุผล

"ค่ะ แค่สองแก้ว" แก้วเดียวพี่ก็น่าจะไม่ไหวแล้วมั้งคะ หึหึ เธอนึกในใจ ยิ้มหวานเมื่อเห็นคนสวยค่อยๆ จิบทีละนิดจนกระทั้งหมด

"แก้วสุดท้ายค่ะ" ดวงฤทัยย้ำเมื่อเห็นว่าสาวสวยเริ่มมีอาการ

ออกฤทธิ์ไวสมราคาคุยนะอ้น ว่าแต่ไอ้อ้นอยู่ไหนเนี่ย ไหนบอกจะมา สงสัยติดสาวเมายาอยู่คอนโดอีกแล้ว เฮ้อ

"พี่รู้สึกปวดหัวไงไม่รู้ ไม่ค่อยมีแรงด้วย" เสียงหวานเริ่มยานคาง หน้าแดง

"แก้วเดียวนะคะ" กันไว้ จะได้ง่ายๆ หน่อย

"ค่ะ" ร่างบางรับคำแล้วรับแก้วไป คราวนี้กระดกรวดเดียวหมด อาจจะเพราะอยากให้จบๆ ไปก็ได้

เธอเรียกคนรับใช้อีกครั้งให้เอาไวน์ไปเก็บ ปล่อยวางทิ้งไว้แถวนี้เดี๋ยวจะมีปัญหาภายหลังเอาได้ ถ้ามีใครพิเรนมาดื่มต่อ

"พี่พิมเป็นไรคะ" หล่อนแกล้งแสดงความเป็นห่วงเป็นใย

"ม่ายยยรู้" อีกฝ่ายตอบกึ่งๆ ไม่มีสติ ตากลมโตมีความต้องการแฝงอยู่

"งั้นไปนั่งพักในบ้านฝนก่อนนะคะ" เด็กสาวเชิญชวน

"อือ" จิณณพัตตอบรับเสียงเบา ร่างกายดูอ่อนแรงจนหล่อนต้องเข้าไปพยุง



"แล้วถ้าสั่งตอนนี้ เครื่องจักรตัวใหม่จะมาถึงเมื่อไหร่คะ" เสียงนุ่มถามนักธุรกิจสูงวัยที่เริ่มมีผมหงอกแซมอยู่ประปราย

"น่าจะม่ายเกิงฉองเดือนนาคุงกิตติญา" เสี่ยใหญ่พูดภาษาไทยไม่ชัดเนื่องจากหัดพูดทีหลังภาษาจีน หล่อนไม่ได้ใส่ใจนักขอให้แค่คุยรู้เรื่องเป็นพอ

"อืม งั้นเดี๋ยวดิฉันให้คนส่งเอกสารการสั่งซื้อไปให้นะคะในวันจันทร์" คนหน้านิ่งบอก อยากรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหาย

"ด้ายๆ เดะจัดกางห้ายย" คุณกนกยิ้มรับคำอย่างเป็นกันเอง

หางตาเธอเห็นอะไรแวบหนึ่ง จึงหันไปมอง ปรากฎว่าจิณณพัตถูกเด็กสาวคนหนึ่งพยุงเดิน เกิดความเป็นห่วงขึ้นมาในทันที

"เอ่อ เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ" เธอพูดเร็วลาคนสูงวัย

"ด้ายๆ" เสี่ยใหญ่รับคำ

กิตติญาเดินหลบผู้คนมากมายเพื่อเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ คนตัวสูงเริ่มแปลกใจเมื่อเห็นหลังไวๆ ของทั้งสองคนเดินลับหายไปในชั้น 2 ของบ้าน