web stats

ข่าว

 


แผนงานรัก ตอนที่ 1 yuri

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 14 มิถุนายน 2018 เวลา 14:24:08 อ่าน: 194

   สายตาคู่ที่มองมาทำเอาคนถูกจ้องถึงกับเหงื่อตกเพราะความหมายของมันบ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ความจริงทุกอย่างควรจะดีกว่านี้หากเพื่อนตัวแสบไม่ทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้กลายเป็นเรื่องได้
   สรุปสั้นๆ ก็คือ...ความซวยทุกอย่างมาตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว
   "ฉันอยากร่วมงานกับเพียรไพศาล กรุ้ป นะคะ"
   "คุณธาริกาหมายความว่าจะรับข้อเสนอของทางเราใช่มั้ยคะ"
   กนิษฐาเปิดยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจเพราะหากงานนี้ถือว่าเป็นงานแรกที่เธอได้ก้าวเข้ามาทำเต็มตัวหากผลงานเป็นที่พอใจคงจะทำให้มารดาพอใจและเลิกบ่นว่าให้กันเสียที
   "งั้นเราเซ็นสัญญากันเลยมั้ยคะ"
   "ยังค่ะ"
   ประโยคปฏิเสธทำเอารอยยิ้มกว้างค่อยๆ หุบลงพร้อมกับดวงตาคู่สงสัยที่ชำเลืองมองไปยังเพื่อนสนิทที่ในเวลานี้ทำหน้าที่เป็นเลขาของคนที่ทำท่าราวกับจะดับความหวังของตัวเอง
   วิรากรส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยุดการขยับของตัวเองทันทีเมื่อมีอีกหนึ่งสายตามองมาราวกับจะสาปร่างกายของเธอให้เป็นหินหากมีการเคลื่อนไหวอีกเพียงเล็กน้อย
   นั่นก็เพื่อนส่วนนี่ก็เจ้านายงานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วยสินะ
   "เอาล่ะค่ะถ้าคุณหมดเรื่องที่จะเสนอแล้วฉันคงต้องขอตัวไปทำงานก่อน"
   ธาริกาหันกลับมาจ้องยังคู่สนทนาที่ดูจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้รับถ้อยคำปฏิเสธจากตัวเองแต่จะให้รับข้อเสนอในครั้งนี้ก็คงจะไม่ได้เพราะการลงทุนร่วมหุ้นธุรกิจมันเป็นเรื่องใหญ่แล้วข้อเสนอที่ได้รับมันก็ดูมีช่องโหว่งที่ทำให้ทางเธอสียเปรียบแล้วมีหรือนักธุรกิจที่เห็นกำไรเป็นเรื่องสำคัญที่สุดอย่างเธอจะยอมรับ
   "แต่เรายังคุยกันไม่เสร็จเลยนะคะ"
   "คุณอาจไม่แต่กับฉันมันจบแล้วค่ะเอาไว้มีข้อเสนอใหม่แล้วค่อยมาคุยกันนะคะ"
   "คุณธาริกาคะ..."
   "คุณชณชนกคะฉันฝากส่งคุณกนิษฐาด้วยนะคะ"
   "เดี๋ยวก่อนสิคะ"
   "ขอตัวค่ะ"
   เจ้าของประโยคเอ่ยจบก็เดินออกไปจากห้องประชุมทันทีทิ้งให้กนิษฐาได้แต่ยืนมองตามอย่างไม่ค่อยจะพอใจนักแต่ครั้นจะเดินตามไปก็ทำไม่ได้เพราะถูกคนรู้สถานการณ์ดึงรั้งแขนเอาไว้เสียแน่น
   "อย่าแม้แต่จะคิด"
   เจ้าของแรงฉุดเอ่ยเตือนเสียงเข้มให้กนิษฐาได้หันมามองด้วยความหงุดหงิดเพราะคิดว่าหากตามไปตื้อต่ออีกนิดคำพูดปฏิเสธนั้นอาจแปรเปลี่ยนมาเป็นข่าวดีก็เป็นได้
   "แกไม่น่ามาขัดฉันเลยเสียจังหวะหมด"
   "เสียจังหวะก็ยังดีกว่าเสียหมานะ"
   "ไม่ขนาดนั้นมั้ง"
   "คนอื่นอาจจะไม่แต่ถ้าเป็นแกก็ไม่แน่"
   "ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว"
   "สุดๆ"
   กนิษฐาถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ เพราะรู้ดีถึงความหมายที่แฝงในประโยคของเพื่อนรักเพียงแต่มันใช่ความผิดของเธอเสียที่ไหนกัน!!!

   ย้อนกลับไปก่อนวันสิ้นปีที่ทุกอย่างกำลังจะผ่านพ้นไปด้วยความสนุกสนานหากไม่มีใครบางคนก่อเรื่องให้ต้องแยย้ายด้วยความรวดเร็วแทนที่จะได้นับถอยหลังอย่างคนอื่นๆ และคนมันจะซวยอย่างเธอก็ต้องเป็นคนแบกรับทุกอย่างเอาไว้เพราะไม่ทันได้รู้เรื่องราวเพียงแค่กลับจากห้องน้ำมานั่งที่โต๊ะก็ถูกคนของร้านรวบตัวลากไปยังห้องเย็นเสียแล้ว
   "คนนี้แหละค่ะ"
   เสียงผู้หญิงที่ดูจะเมาแทบสิ้นสติเอ่ยออกมาพร้อมกับชี้มาที่ตัวเองให้กนิษฐาได้นึกสงสัยกับประโยคแปลกๆ จากคนไม่เคยเห็นหน้าก่อนจะเหงื่อตกเมื่อหันไปเห็นดวงตาคู่หาเรื่องของใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าของประโยค
   "นี่มันเรื่องอะไรกันคะ"
   "อย่าตีหน้าซื่อ! เมื่อกี้ยังทำหน้าหื่นจะปล้ำฉันอยู่เลย"
   "อะไรนะ!!!"
   "หน้าตาก็ดีไม่น่าทำเรื่องทุเรศๆ แบบนี้เลย"
   "เดี๋ยวก่อนนะคุณ..."
   "อย่ามาเข้าใกล้แฟนฉัน"
   เจ้าของงานัวตาไม่เป็นมิตรเอ็ดด้วยน้ำเสียงทรงพลังก่อนจะเดินเข้ามาประจันหน้ากับกนิษฐาที่พยายามจะอธิบายให้เจ้าทุกอย่าง์ได้เข้าใจและเธอก็อยากให้เจ้าหล่อนได้มองเห็นหน้ากันชัดๆ เผื่อจะได้กระจ่างขึ้นมาบ้างว่าให้โรคจิตที่ลวนลามนั้นไม่ใช่เธอแต่ดูเหมือนความพยายามของเธอจะถูกมองเป็นอย่างอื่นที่ดูจะน่าระแวงเสียจนแฟนของเจ้าหล่อนแทบจะกระโจนมาตะปบ
   "เอาล่ะค่ะเราก็จับตัวคนร้ายได้แล้วจะให้ฉันแจ้งตำรวจเลยมั้ยคะ"
   น้ำเสียงหวานที่ฟังจากทีแรกให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มทำเอากนิษฐาถึงกับลมแทบจับเมื่อได้ฟังจบ
   "งั้นก็จัดการเลยสิรออะไรอยู่"
   ทางฝั่งเจ้าทุกข์เอ่ยเสียงดังก่อนจะหันไปกอดปลอบคนรักที่เพิ่งถูกลวามมาหมาดๆ มองดูแล้วน่าเห็นใจหากแต่เธอใช่คนทำเสียที่ไหนกันล่ะ!!!
   "เดี๋ยวนะคะฟังกันก่อน"
   แม้จะเค้นเสียงออกมาจนสุดก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินเลยสักคนให้กนิษฐาได้หน้าถอดสีหากแต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ก็ปรากฏร่างของใครอีกคนหน้าประตูให้คนมีเรื่องได้โล่งใจและหนักใจไปพร้อมๆ กัน
   ดูท่าเธอจะรอดจากมือตำรวจแล้วล่ะแต่ไม่แน่ใจว่าที่ๆ ต้องไปใหม่นี้จะสบายกว่าในคุกหรือเปล่า

   และไม่รู้ว่าเป็นการลงโทษจากมารดาหรืออย่างไรท่านถึงส่งเธอมาทำงานการเจรจาร่วมหุ้นธุรกิจการทำรีสอร์ทบนเกาะกลางทะเลที่มีเจ้าของเกาะเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์และจากสายตาที่เจ้าหล่อนมองมาก็แสดงออกมาอยางชัดเจนว่าเธอยังเป็นไอ้โรคจิตหื่นกามไม่เปลี่ยนแปลง
   "เพราะแกคนเดียว"
   "ฉันขอโทษไม่คิดจริงๆ ว่าเรื่องมันจะใหญ่ขนาดนี้"
   "คิดหรือไม่คิดแกก็ไม่ควรไปล้วงคนอื่นแบบนั้น"
   "ก็ไม่รู้นิว่ายัยนั้นจะมีแฟนแล้วมายั่วกันแบบนั้นใครจะไปทนได้"
   ชณชนกเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับหันไปส่งสายตาคู่สำนึกผิดให้คนที่ได้รับผลกรรมแทนตัวเองหากแต่ถ้าวันนั้นเป็นตัวเองที่ถูกจับได้วันนี้เธอคงได้ถูกลอยแพเป็นคนว่างงานเพราะจิตฆาตที่เหนียวแน่นของบอสสาวอย่างธาริกาเป็นแน่และที่ทำให้ใจหายก็คือบอสสาวไม่ชอบความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงผู้หญิงด้วยกันเรื่องนี้เป็นข่าวลือหนาหูในบริษัทที่ทำให้เธอต้องปิดตัวตนแอ๊บวี๊ดว๊ายหนุ่มๆ ตามสาวๆ ทั่วๆ ไปจะได้ไม่มีคนสงสัยทั้งๆ ที่ใจจริงอย่างจะหน้าหม้อใส่ผู้หญิงด้วยกันเองใจจะขาด
   "อย่าโมโหเลยนะถ้าเปลี่ยนจากแกเป็นฉันจะน่าสงสารกว่นี้อีกนะ"
   "ยังจะพูดอีก"
   "ก็มันจริงนี่นาแกคงไม่อยากให้เพื่อนถูกเฉกหัวออกจากงานหรอกนะ"
   "บอสแกคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นมั้ง"
   "น้อยไปน่ะสิไม่ว่าแกไม่เคยได้ยินข่าวลือในบริษัทฉันนิ"
   "เยอะ..."
   "ใช่หลายเรื่องเลยล่ะ"
   "ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเล่าแต่หมายถึงแกนั่นแหละ"
   กนิษฐาเอ่ยเหน็บเพื่อนรักที่ทำท่ากลัวจนโอเวอร์ให้เธอนึกหมั่นไส้หากแต่พอย้อนกลับไปในเหตุการณ์ของการพูดคุยเมื่อสักครู่ก็ทำให้อดที่จะคล้อยตามไม่ได้เพราะดูคุณธาริกาจะเป็นมิตรกับคนทุกคนยกเว้นเธอแค่คนเดียวจริงๆ
   "ฉันไม่คุยกับแกแล้วกลับดีกว่า"
   ชณชนกมองคนที่พูดจบแล้วเดินออกไปโดยไม่สนตัวเองอย่างงอนๆ หากแต่เพียงเรื่องที่ตัวเองก่อวนกลับมาในความคิดก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งเธอควรจะทำอย่างไรดีนะหรือจะไปสารภาพความจริงกับคุณธาริกา...
   ไม่ได้สิ! ขืนทำแบบนั้นได้ถูกถอดออกจากงานกลางอากาศแน่ๆ ดูได้จากสายตาเวลาบอสสาวมองไปยังกนิษฐานั่นสิยังทำเอาคนที่ไม่ได้ถูกมองอย่างเธอแทบจะเป็นลมงั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมันก็แล้วกันบอสของเธองานเยอะจะตายไปอีกหน่อยก็คงจะลืมเรื่องไร้สาระนี้ไปเอง
   ปล่อยให้เวลานี่แหละเยียวยาทุกอย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว...

   ช่วงเวลาของการพักผ่อนถูกทำลายลงด้วยสายเรียกเข้าจากมือถือที่ในเวลานี้คงไม่มีใครกล้าโทรมานอกจากเพื่อนตัวดีที่ชอบหาเรื่องมาให้ในแต่ละคืน
   "ฉันกำลังจะนอนและจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น"
   กนิษฐากรอกเสียงไปยังปลายสายทันทีที่กดรับแต่ดูเหมือนคนที่โทรมาจะไม่สนใจในอารมณ์ขุ่นเคืองที่เธอแสดงออกมาในน้ำเสียงเลยสักนิดเพราะยังมีหน้ามาส่งเสียงหัวเราะให้เธอได้หงุดหงิดจนอยากจะตัดสายทิ้งเสียจริงๆ
   "แค่นี้นะ!"
   "เดี๋ยวๆ ใจร้อนไปได้นี่เพื่อนเอง เพื่อนฝนสุดที่รักไง"
   น้ำเสียงร่าเริงราวกับคนกวนประสาททำเอาคนง่วงนอนยิ่งเกิดอาการโมโหมากขึ้นเพราะหากทุกอย่างปกตินั่นก็หมายถึงเธอกำลังถูกคนบ้าก่อกวนเข้าให้เสียแล้ว
   "จำได้ไงถึงไม่อยากจะคุยด้วย"
   "แรงอะน้อยใจแล้วนะ"
   "ช่างสิแค่นี้นะ"
   "เดี๋ยวก่อนๆ"
   "อะไรอีก"
   "ฉันจะเข้าโหมดจริงจังแล้วนะตั้งใจฟังล่ะ"
   "อะไร"
   "พร้อมนะ?"
   "อืมมมม"
   "ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ"
   "...."
   "เตรียมตัวนะ"
   "เออ!"
   "คือแกพร้อมนะ?"
   "....."
   "พร้อมนะ?"
   "......"
   "ฟางแกพร้อมนะ"
   "โอเคแค่นี้นะ"
   พูดจบกนิษฐาก็กดตัดสายคนก่อกวนทันทีก่อนจะตัดปัญหาด้วยการปิดเครื่องเพื่อตัดโอกาสที่เพื่อนตัวแสบจะโทรมาแกล้งได้อีก
   ให้ตายเถอะนี่มันจะตีสองแล้วนะ! ชณชนกจะมาคึกบ้าพลังนึกสนุกแกล้งอะไรเธอเอาตอนนี้และเพียงไม่ถึงสิบนาทีหน้าประตูก็ปรากฏร่างของคนที่โทรมาตัวเป็นๆ
   อ้อ!!! เรื่องหนึ่งที่ลืมบอกไปก็คือบ้านของเธอและเพื่อนคนนี้อยู่ห่างเพียงแค่รั้วกั้นตอนเด็กๆ มันก็ดีอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้เธอชักอยากจะย้ายบ้านหนีไปอยู่ที่อื่นเสียแล้วสิ?


   

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น