web stats

ข่าว

 


Immortals (Sparkle 4) - บทที่ 13 Fragile

โพสต์โดย: anhann วันที่: 10 มิถุนายน 2018 เวลา 22:50:13 อ่าน: 272



บทที่ 13 Fragile





ทิฟฟานี่แวะเข้ามาดูงานในห้องไอที  เพราะวันนี้เป็นวันเช็กระบบครั้งใหญ่ของบริษัท  เธอเดินเข้ามาพร้อมเจสสิก้าที่นำทีมงานมาด้วยตัวเอง  ถือโอกาสมาเยี่ยมเธอด้วย  คริสตัลก็มา  มันเป็นงานของเขาอยู่แล้ว  แม้จะเป็นถึงรองประธาน  แต่เขาก็ชอบทำงานภาคสนาม  วันนี้เขามาแปลกนิดหน่อย  เขานั่งทำงานเงียบๆ อยู่บนโต๊ะตรงมุมห้องคนเดียว

"เขาเป็นอะไร"  เธอถามขึ้น  เจสสิก้าจึงหันไปมองน้องบ้าง 

"ไม่ได้เป็นอะไร"  เธอตอบ  "ก็ทำงานไง  ทำงานจะให้พูดกับใคร"

"ไม่รู้สิ  ปกติเขาไม่ดูเงียบขนาดนี้มั้ง"  ทิฟฟานี่พูด  รู้สึกจริงๆ ว่ามันผิดปกติ  "เขาดูซึมๆ น่ะ"

"ขี้เกียจพูดมั้ง  เหมือนฉัน...บางครั้ง"  เจสสิก้าตอบ  ทำหน้านิ่งเฉยเมื่อทิฟฟานี่จ้องเธอเหมือนจะจับผิด  แน่นอนมันสำเร็จเหมือนทุกครั้ง  "เธออยากเช็กอะไรตรงไหนก็บอกบิลลี่ได้เลย  ฉันขอไปดูเขาหน่อยละกัน"

"โอเค"  ทิฟฟานี่ตอบ  เหลียวมองคริสตัลอีกที  แล้วจึงเดินแยกไปอีกทาง  ปล่อยให้เจสสิก้าจัดการกับพนักงานคนพิเศษเอาเอง

เจสสิก้าแตะบ่าเขาเรียกความสนใจ  ถ้าเป็นคนอื่นมาเงียบๆ แบบนี้คงได้โดนหักข้อมือไปแล้ว  เขาคงไม่แค่เงยหน้าขึ้นสบตาเธอ

"เป็นไง"

"คงที่  ไม่มีอะไรน่าห่วง"  เขาตอบ  ขณะนิ้วเรียวรัวไปบนคีย์ไม่หยุด

"งั้นก็ให้คนอื่นทำต่อได้แล้วสิ" 

"ไม่เป็นไร  ฉันทำเองได้"  เขาตอบเสียงปกติ  หากคนฟังอย่างเธอกลับรู้สึกได้ถึงความเซื่องซึมในน้ำเสียงนั้น  แม้เธอจะไม่ได้เขาไปอ่านใจเขา  เธอจับผมยาวนุ่มมือของเขาเล่นขณะยืนดูเขาทำงานอยู่เงียบๆ  นานจนเขาเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาสงสัย 

ทำไมเธอถึงยังเห็นว่าเขาน่ารักอยู่ได้นะ  ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเขาทำอะไรร้ายกาจไว้มากมาย  เพราะเขาเป็นน้องของเธอหรือไง

"เจมีอะไรหรือเปล่า"

"ฉัน..."  เจสสิก้าคิดคำตอบในหัวอย่างรวดเร็ว  "ฉันอยากไปเที่ยวกับเธออีก  เหมือนวันนั้น"

"วันไหน"  เขาถามกลับ  กลับไปพิมพ์อะไรไม่รู้ในแล็ปท็อปอีกครั้ง  เธอจึงต้องจับหน้าเขากลับมาให้มองหน้าเธอไม่ใช่จอคอมพิวเตอร์

"ไพค์ เพลส มาร์เก็ต  Space Needle  นั่งรถบัส  รถไฟ  แบบนั้นน่ะ"

เขาจ้องหน้าเธอเหมือนคิดว่าเธอกินยาผิดมา  "แต่เจเคยบอกว่า  มันเหนื่อย  ไม่สนุกนะ"

แหม...ทีแบบนี้ทำเป็นซื่อบื้อนะ  เจ้าบ้า! 

"ฉันก็พูดไปงั้นแหละ  จริงๆ ฉันสนุกจะตาย"  เธอบอก  "หรือจะนั่งรถไปแวนคูเวอร์  ใกล้นิดเดียวเอง"

"เจชวนเม็บไปสิ  เจดจะได้ไปเที่ยวด้วย"

เจสสิก้ากลอกตา  ไม่คิดว่าจะต้องมาง้อน้องตัวเอง  ชวนเขาไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้  แต่เมื่อก่อนก็เป็นเขาที่พาเธอไปเวลาเธอไม่สบายใจ

"ฉันอยากไปกับเธอ  สองคน  แบบวันนั้น  เธอไม่อยากไปกับฉันแล้วเหรอ  คริส  เธอเคยพูดว่าเธอจะตามใจฉันไง  ไม่สนใจฉันแล้วเหรอ"

"โอเค  เจ  โอเค..."  เขาตัดบท  ยกสองมือขึ้นจากแป้นพิมพ์  "แต่ขอฉันทำงานก่อนได้ไหม  จะไปวันนี้เลยหรือเปล่า"

"ตอนบ่ายก็ได้"  เธอตอบด้วยน้ำเสียงรื่นเริง  เขาทำหน้าเหลือเชื่อใส่เธอ  ดูน่ารักและตลกด้วย  "งั้นฉันปล่อยให้เธอทำงานก่อนละกัน  ตั้งใจเข้านะ  น้องชาย" 

เธอปิดท้ายประโยคนั้นด้วยจูบที่แก้มเขา  และกดหัวไปแรงๆ อย่างมันเขี้ยว  แล้วจึงเดินจากมาโดยมีเขามองตามมางงๆ  เขากลับไปทำงานต่อหลังจากเห็นเธอไม่สนใจแล้ว

"ไหนบอกว่าเขาไม่เป็นไร"  ทิฟฟานี่ถาม  อยากรู้อยากเห็นเป็นปกติ  แต่เจสสิก้าแค่ยักไหล่  แล้วเดินไปดูพนักงานคนอื่นทำงานแทน  เธอจึงต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

....................................

"ตามนี้นะ  ฉันขอยืมตัวเขาไปหน่อย"  เจสสิก้าป้องมือกับโทรศัพท์ขณะยืนอยู่นอกห้องไอทีของบริษัทแลนดอน  เธอยังอยู่ที่นี่  เพราะคริสตัลยังทำงานไม่เสร็จ  ระหว่างรอเธอจึงโทรไปบอกกับยุนอาก่อน  จะได้ไปรับลูกๆ แทนคุณพ่อเขาได้  ถ้าเธอกับคริสตัลกลับไปไม่ทันเวลา

"เขาเป็นอะไรเหรอคะ"  ยุนอาถาม  เจสสิก้าได้ยินเสียงเครื่องอะไรบางอย่างกำลังทำงานอยู่เป็นแบ็กกราวน์  ที่ปรึกษาของเธอที่ควบตำแหน่งหัวหน้าห้องแล็บด้วยคงจะยุ่งอยู่แน่ๆ 

"ไม่ได้เป็นอะไร  แต่เงียบไปหน่อย  และฉันไม่ชอบ"  เธอตอบตรงๆ  ได้ยินเสียงยุนอาหัวเราะเบาๆ  "ทำไมล่ะ  เธอไม่รู้สึกบ้างหรือไง  อยู่กับเขาอยู่ตลอดเวลาแท้ๆ"

"รู้สึกค่ะ  แค่ฉันอยากให้เวลาเขาคิด"  ยุนอาตอบ  กังวลนิดๆ

"อืม  เข้าใจ  แต่ฉันไม่ชอบเห็นเขาซึม  มันหดหู่"

"เขาคงเหนื่อยมั้งคะ  ช่วงนี้งานเยอะ  ปัญหาเยอะ  ไหนจะเด็กๆ"

"ไม่ใช่แทยอนไม่คุยกับเขาหรือ"

"ก็คุยค่ะ  แต่..."  ยุนอาพูดแล้วหยุดเหมือนกำลังจะคิดคำตอบให้ดีก่อนจะตอบ  "ก็ตึงๆ กันนิดหน่อยค่ะ  คือ...แทยอนเอาไอรีนไปนอนข้างบน  เขาก็เลยเหงาๆ มั้งคะ"

"ติดลูกสาวหรือติดเมีย"

"ทั้งสองอย่างมั้ง  แต่เขาอาจจะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ด้วยก็ได้"

"เจ้านั่นคิดเรื่องอื่นเป็นด้วยเหรอ"  เจสสิก้าถามอย่างไม่อยากเชื่อ  "หรือเขาคิดเรื่องผู้หญิงคนนั้น"

"ฉันว่า  เขาคงรู้สึกผิดมากกว่าค่ะ"  ยุนอาตอบ  "ฉันไม่อยากจะพูดแบบนี้  แต่ฉันรู้สึกได้ว่า  เขาชอบนานะพอสมควร..."

"อยากมีเมียอีกคนเหรอ"

"คงไม่ใช่แบบนั้นค่ะ  ฉันว่าเขาน่าจะเสียดายที่ทำแบบนั้นลงไป  เพราะอันที่จริง  นานะก็เป็นเพื่อนเขา"

"เพื่อนที่นอนด้วยกันน่ะเหรอ  เพื่อนแบบไหน"  เจสสิก้าพูดพลางส่ายหัวอย่างรับไม่ได้  "เขาควรจะแยกแยะประเภทของเพื่อนให้ดีกว่านี้นะ  ผู้ชายก็เป็นเพื่อนกับผู้หญิงได้  แต่เขาต้องไม่นอนกับหล่อนแบบนี้  มันจะสับสนกันไปหมด"

"นั่นแหละค่ะ  เขาก็เลยเสียดายมั้ง  เขาไม่มีเพื่อนเลยนี่คะ  ตั้งแต่เรียนจบมา"

"ฉันก็ไม่มี  ฉันก็มีแค่เธอ"

"คุณมีฉัน  มีทิฟฟานี่ด้วยค่ะ  แต่เขาไม่มีใคร  ไม่มีเพื่อน"

"เขามีเธอ  มีแทยอน  มีลูกๆ  เพื่อนที่ทำงาน  ลูกน้อง  แล้วก็ฉัน  เขายังจะต้องการคนอื่นไปทำไม"

"นั่นสิคะ  งั้นก็ช่างเขาเถอะ  เดี๋ยวเขาก็หายเองแหละ"  ยุนอาตอบ  ท่าทางไม่ค่อยใส่ใจจะคุยเรื่องนี้แล้ว  "เขาโตแล้วค่ะ  เจสซี่  ให้เขาคิดอะไรๆ เองบ้างเถอะ  นะคะ"     

เจสสิก้าจำใจยอมรับคำแนะนำของยุนอา  และวางสาย  ปล่อยให้ทางนั้นกลับไปทำงานหัวหมุนต่อ  เธอตกใจเล็กน้อยที่หันมาเห็นทิฟฟานี่จ้องหน้าอยู่  "อะไร  มีอะไรเหรอ  งานมีปัญหาตรงไหน"

"ฉันนึกว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วซะอีก"  ทิฟฟานี่พูด  สุ้มเสียงน้อยใจ 

"เธอพูดอะไรของเธอ  ฉันไม่เข้าใจ"

"คริสเป็นอะไร" 

"ไม่ได้เป็นไร  จะให้เป็นอะไรล่ะ"

"โกหก  ก็ได้ยินอยู่เมื่อกี้"

"แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์  เสียมารยาท"  เจสสิก้าว่า  แต่ทิฟฟานี่เมินเธอ  ถามย้ำคำเดิมอยู่นั่นเอง  "อะไร  เป็นห่วงเขาขึ้นมาหรือไง"

"ก็แค่สงสัยน่ะ"

"ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย"

"ไม่คิดบ้างเหรอ  ว่าฉันอาจจะพอช่วยได้"

"เธอเนี่ยนะ"

ทิฟฟานี่พยักหน้าแน่วแน่  แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าขำเธอ  "โอเค  ก็ได้  ไม่ยุ่งด้วยก็ได้..."

"แทยอนน่ะ"  เจสสิก้าพูดในที่สุด  คนที่กำลังจะไปก็รีบหันมาทันที  ท่าทางอยากรู้อยากเห็นกว่าเดิม  "ก็เรื่องในครอบครัวนั่นแหละ  จะมีอะไร"

"งั้นฉันไม่ยุ่งดีกว่า"  ทิฟฟานี่พูด  สยองขึ้นมาทันที  "แค่ลูกสาวฉันคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว"

"ทำไม  โดโด้มีแฟนแล้วเหรอ"

"ไม่มี!" 

เจสสิก้าหัวเราะคิก  ขำคนหวงลูก  "พูดถึงโดโรธี  แล้วไซม่อนล่ะ  เธอสนิทกับหลานชายไหม  เคยคุยกับเขาบ้างหรือเปล่า"

"คุย  เขาน่ารักดี  เรียบร้อย  คนละเรื่องกับพี่ฉันเลยแหละ" ทิฟฟานี่เล่าด้วยรอยยิ้ม  "ซาบีนสอนลูกได้ดีมาก  ไม่น่าเชื่อ  ยังอายุน้อยๆ อยู่เลย"

"แก่กว่าคริสสามปี"

"ใช่  แต่ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน  ฉันหมายถึง  ความรับผิดชอบเรื่องลูก  แต่ก็อีกนั่นแหละ  ผู้หญิงบางคนก็แย่  แล้วแต่คน"

"คริสมันรักลูกนะ  แต่นิสัยส่วนตัวมัน...ก็อย่างที่เธอรู้"

"ห่วยแตกพอกันกับพี่ฉัน  แต่คริสยังดีกว่า  พี่ฉันป่านนี้ยังร่อนไปร่อนมาเป็นสัมภเวสีอยู่เลย"

"บางคนก็ไม่เหมาะกับชีวิตแต่งงาน  สเตฟานี่คงรู้ตัวเองดี"

ทิฟฟานี่พยักหน้าเห็นด้วย  "แต่วันหนึ่ง  เขาอาจจะอยากอยู่เฉยๆ  อยากลงหลักปักฐาน  แล้ววันนั้นอาจเป็นวันที่อะไรๆ ก็สายไปแล้ว"

เจสสิก้าฟังแล้วก็รู้สึกหดหู่  แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ  เธอกับเม็บไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ  แต่เราก็แลกแหวนกันแล้ว  เราอยู่ด้วยกัน  เลี้ยงลูกด้วยกัน  ทุกวันนี้เรามีความสุขดี 

"เจ  ฉันเสร็จแล้ว"  คริสตัลบอก  เดินมาพร้อมแล็ปท็อปตัวเก่ง  เขาเห็นทิฟฟานี่ยืนอยู่กับพี่ด้วยจึงหันไปคุยด้วย  "เรียบร้อยแล้วฮะ  ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอดนะ  ไม่ต้องเกรงใจ  --  เจคุยต่อก่อนก็ได้  ฉันไปรอที่รถ"

"เสร็จแล้วเหมือนกัน"  เจสสิก้าตอบ  มองทิฟฟานี่อย่างรู้กันขณะสอดแขนคล้องแขนน้องตัวสูง  เดินออกไปจากบริษัทที่เจ้าของมันโบกมือให้เธอเหมือนเพื่อนสนิท

"จะเปลี่ยนชุดก่อนไหม"  คริสตัลถาม  มองรองเท้าส้นสูงของพี่สาวอย่างหวาดๆ  เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนตัวเองใส่มันไปได้ยังไง 

"ฉันมีรองเท้าอยู่ท้ายรถเป็นสิบคู่" 

"โอ้  ฉันไม่น่าลืมว่าเจบ้ารองเท้าขนาดไหน"

"พอกับเธอบ้าเกมนั่นแหละ  ไปกันเถอะ  แต่ไปไหนก่อนดี"

"หาของกินก่อนเลย  ฉันหิว  มากด้วย"

"ก็ได้  ฉันก็หิวเหมือนกัน"

"งั้นเจเลี้ยงนะ  ฉันไม่มีเงิน"

"แล้วบัตรเธอล่ะ  ไปไหนหมด"  เธอถาม  เขาทำหน้าแห้งๆ  แบบนี้แปลได้อย่างเดียว  "ยุนอายึดเงินเธออีกแล้วล่ะสิ"

เขาได้แต่เกาหัวแกรกๆ  หมดมาดท่านรองจนพี่สาวต้องส่ายหัวให้

"ทำไมเธอถึงยอม  คริส  เงินก็เงินเธอ  เธอหามา  เธอทำงาน"  เธอถามเขาอย่างอดไม่ได้  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกริบเงิน  จริงอยู่ที่ยุนอาจะทำแซนด์วิชกล่องใหญ่มาไว้ให้เขากินกลางวันทุกครั้งที่ริบเงินเขา  แต่มันก็ตลกอยู่ดี  แถมยังดูเสียศักดิ์ศรีด้วย  เหมือนเด็กที่โดนแม่หักค่าขนมเวลาทำผิด

"ไม่เป็นไรหรอกเจ  มันเป็นกฎของบ้านฉันน่ะ"

"ไม่รู้สิ  ถ้าเป็นฉัน  ฉันไม่ยอมหรอก  เงินของฉัน"

คริสตัลยิ้ม  เขาดูสดชื่นขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ถูกใจเธออยู่ดี 

"งั้นเธออยากกินอะไร  ฉันเลี้ยงก็ได้"

"แต่ฉันมีแซนด์วิช  กล่องใหญ่เลย  ยุนทำให้  อร่อยด้วยนะ"

เจสสิก้ายิ้มอย่างสงสารน้อง  เธอก็รู้ว่าเขาสมควรโดนลงโทษ  และมันก็เล็กน้อยมากด้วยที่ยุนอาทำแบบนี้  แต่เพราะเขาไม่ต่อต้าน  จึงทำให้เขาดูน่าสงสารไปถนัด  แล้วทำไมเขาถึงไม่หยุดทำผิดเสียที

"งั้นไปหาที่นั่งกินกัน"

"ปิกนิกน่ะเหรอ"  เขาถาม  ท่าทางรื่นเริงขึ้นมาเชียว  เธอพยักหน้า

"หรือจะรอไปรับเด็กๆ มาด้วยกันล่ะ  ฉันไม่มีปัญหานะ"

เขาไม่ตอบในทันที  แต่กลับรวบตัวเธอเข้าไปกอด  โชคดีที่เรามาถึงลานจอดรถแล้ว  ไม่ได้เดินเตร่อยู่ในแลนดอน  ไม่อย่างนั้นคงอายคนแย่ 

"ฉันรักเจนะ  รู้ไหม"

เธอพยักหน้ารับ  เผลอกอดตอบเขาไปทั้งที่ไม่ได้อยากจะทำซึ้งอะไรแบบนี้  สองนาทีผ่านไป  เธอจึงแกล้งชกไหล่เขาและดุให้ไปขึ้นรถ  ส่งกุญแจให้ขับแทนด้วย  ขณะที่เธอเปลี่ยนรองเท้ามาใส่ส้นเตี้ย

"ฉันรู้สึก...เบื่อผู้หญิง"

เจสสิก้างัดหน้าขึ้นจากรองเท้าตัวเอง  เร็วจนหัวเกือบกระแทกประตู  เพราะเอนตัวไปทางนั้นอยู่พอดี  คริสตัลหันมายิ้มให้เธอขำๆ

"ไม่ใช่แบบนั้น  เจ  ไม่ต้องตกใจ"

"ก็เธอพูดแบบนี้ทำไมล่ะ  ฉันก็นึกว่าเธอจะไปชอบแบบ...ซีวอน"

"บ้าสิ  พี่ซีวอนจะได้ไล่เตะฉัน  วิ่งหนีไม่ทันพอดี"  เขาพูดกึ่งหัวเราะ  แต่แววตายังซึมอยู่หน่อยๆ  "ฉันหมายถึง  ผู้หญิงแบบ...พวกนั้นน่ะ  ฉันเบื่อ  เป็นเหมือนกันหมด  ก็แค่สวย"

"คงงั้นมั้ง  ไม่งั้นเธอจะเอาทีเดียวทิ้งเหรอ"

"มันเป็นเหมือนกีฬา  เจ  มันช่วยให้ผ่อนคลาย  มันก็เหมือนกินข้าว  ผู้หญิงพวกนั้นบอกว่า  อยากสนุก  แต่พอเอาเข้าจริง  ก็เริ่มเรียกร้อง"

"ถ้างั้นก็เลิกซะสิ  กินข้าวที่บ้านก็พอ"  เธอพูด  พยายามทำใจเย็นกับเขา  เขานิ่งไป  คิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด  แล้วเขาก็พูดขึ้น

"นานะไม่ใช่คนแบบนี้  ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะทำแบบนี้  มันต้องมีอะไรสักอย่างที่..."

"เธอประมาทความแค้นของผู้หญิง  ประเมินค่ามันต่ำเกินไป  คริส"

คริสตัลทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้  แล้วเขาก็ยิ้มเหมือนเธอพูดตลกให้ฟัง  ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อ  หรือเห็นว่ามันไร้สาระ

"ไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอ"  เจสสิก้าพูด  เขาเหลือบมองเธอด้วยสายตาไม่สบายใจ  แต่ครู่เดียวเขาก็หัวเราะออกมากลบเกลื่อนมันอยู่ดี

...........................

ยุนอาพาเด็กๆ ตามเรามาที่ Space Needle  ซึ่งเรานั่งเล่นกันอยู่ด้านล่างไม่ได้ขึ้นไป  เธอขี้เกียจไปแย่งคิวกับนักท่องเที่ยว  เลยชวนคริสตัลนั่งรอยุนอากับเด็กๆ ดีกว่า  เธอชวนเม็บมาด้วย  แต่รายนั้นติดงานตามเคย  ปล่อยให้เจย์เดนเป็นเด็กคนที่สี่ที่ยุนอาต้องพกมาด้วย  มีมาร์คัส  ผู้ติดตามคนสนิทของคริสตัล  คอยช่วยระวังไม่ให้เด็กๆ ที่ไม่ค่อยซนเท่าไหร่ (?)หายไปจากสายตาระหว่างเดินมาที่นี่

"แทยอนขอตัวค่ะ"  ยุนอาบอกทันทีเมื่อมาถึง  เจสสิก้ามองหน้าคริสตัล  เขายิ้มแห้งๆ เหมือนจะเดาได้อยู่แล้ว  "เธอบอกว่ามีงานต้องทำ"

"งั้นเราก็ไปกันเถอะ"  คริสตัลพูด  พลางถอดสูทสีน้ำเงินเข้มออกให้มาร์คัสถือให้  พับแขนเสื้อแขนยาวตัวในขึ้นถึงข้อศอก  แล้วหันไปหาลูกสาวคนเล็กที่ยุนอาอุ้มอยู่  "น้องไอ  ป๊าอุ้มไหมคะ"

ไอรีนกางแขนโผเข้าหาคุณพ่อทันที  ยุนอาจึงส่งลูกสาวให้คริสตัล  สบตาเขา  ใช้สายตาสอบถามความเป็นไป  เขาก็ยิ้มให้เธอเหมือนอยากให้สบายใจ  และพาลูกๆ เดินนำไปยังสวนแก้ว Chihuly Garden and Glass  เดินเล่นที่นั่นก่อนไปสวนสาธารณะซีแอตเทิล  เซ็นเตอร์ที่อยู่ติดกัน  เขาจูงมือเจย์เดนไปด้วย  ขณะที่แคลร์กับครูซวิ่งแข่งกันมีมาร์คัสคอยประกบ

"แฝด  อย่าแตกแถวนะลูก"  ยุนอาร้องบอกลูกฝาแฝด  แต่เหมือนพูดกับลม  แคลร์กับครูซไม่ได้หันมาฟังเธอ

"ทำเหมือนไม่เคยวิ่งเล่นกันเลยนะ"  เจสสิก้าทำท่าปลงกับหลานๆ  ที่ซนจนไม่รู้ว่าเป็นหมาป่าหรือลิงกันแน่  "แม่เอือมเลยไม่มาด้วยสินะ"

"เธอบอกว่า  มีเรื่องต้องสะสางค่ะ"  ยุนอาตอบ  เจสสิก้าหันขวับมามองเธอด้วยสีหน้าตื่นตระหนก  เธอก็ยิ้มขำ  "ไม่ได้ไปตามฆ่าใครค่ะ  แค่จะทำงานบ้านน่ะค่ะ  ตั้งแต่ออกไปทำงานก็ไม่ค่อยได้ทำ  เวลาเด็กๆ อยู่กันก็ทำไม่ได้  วุ่นวายไปหมด  แล้วแทยอนก็เป็นประเภทไม่ชอบให้คนอื่นเข้าห้องเท่าไหร่  ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ  จะมีก็แค่ซักผ้ารีดผ้าที่ให้เด็กรับใช้ทำ  ขวดนมลูกๆ เมื่อก่อนเธอก็บอกว่าอยากให้ล้างเองด้วยนะ  กลัวจะไม่สะอาด"

"แม่ศรีเรือนเว่อร์"

ยุนอาหัวเราะ  "แต่เม็บก็ทำเองไม่ใช่เหรอคะ  คุณก็ทำนี่"

"โดนบังคับให้ทำน่ะสิ  แต่ฉันไม่ดูดฝุ่นเองหรอกนะ  แค่ทำงานกับเลี้ยงเจดก็พอแล้ว  ฉันไม่ได้จ้างคนมาเพื่อจะทำงานพวกนี้เอง"  เจสสิก้าพูด  พลางโบกมือให้ลูกชายที่หันมายิ้มร่าเริงให้เธอ

"มิน่า  คุณไม่ยอมมีลูกอีก"

"ฉันไม่เน้นปริมาณ  แล้วก็ยังกับจะมีเวลาดูแลเขา  อีกอย่าง  เธอก็รู้ว่าเม็บทำงานอะไร"

ยุนอาฮัมรับ  "คุณให้เธอลาออกก็ได้นี่คะ  แทยอนยังลาออกจากหน่วยพิเศษเลย"

"เขาบอกว่า  ยังทำงานไม่คุ้มกับเงินพ่อฉัน"  เจสสิก้าตอบ  ยักไหล่ให้ยุนอาที่มองเธออย่างเห็นใจ  "ก็เหมือนเธอ  ตอนแรกถ้าไม่ต้องตอบแทนบุญคุณพ่อฉัน  เธอจะมาดูแลฉันกับเจ้าคริสหรือ"

"แรกๆ ก็ใช่ค่ะ  แต่ต่อมาฉันก็ไม่คิดว่ามันเป็นหน้าที่อะไร  พวกคุณสองคนน่ารักดีจะตาย  ถึงคริสจะซนไปหน่อย"

"ไม่หน่อยน่ะ  หนักกว่าแฝดอีก  หรือเพราะแทยอนดุ  แต่เธอใจดี"

"เลี้ยงลูกตัวเองกับการเป็นพี่เลี้ยงมันต่างกันนะคะ  ลูกของเราเอง  เราดุได้  ตีได้  จะสอนยังไงก็ได้  แต่ลูกคนอื่น  มันคนละเรื่องกันเลย"

"ไม่เอาละ  ไม่พูดกับเธอดีกว่า  เหนื่อย  เล่นกับเจดสนุกกว่าอีก" 

"อ้าว  ก็คุณถามฉันเองนะ"  ยุนอาพูดไล่หลังเจ้านายที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีเธอไป  เธอส่ายหน้าและกำลังจะล้วงเอาโทรศัพท์มากดโทรไปเช็กที่แล็บ  ตรวจดูความเรียบร้อยตามปกติ  แต่เจสสิก้าก็หันกลับมาใหม่พร้อมกับตะโกนพูดกับเธอแข่งกับเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่กำลังร่าเริงกันสุดๆ

"แซนด์วิชอร่อยดี  แต่ครั้งหน้าใส่ผักน้อยๆ หน่อยสิ  ฉันกับเจ้าคริสไม่ได้เป็นมังสวิรัตินะ  รู้ไหม"

........................................

แทยอนเดินเก็บของเล่นของเด็กๆ เข้ากล่องเป็นชิ้นสุดท้าย  มันซ่อนอยู่ใต้เตียงของพวกเขา  ฝาแฝดจึงไม่เห็นและไม่ได้เก็บมันกลับเข้าที่เองตามที่เธอสอนไว้  เธอเดินต่อมาเช็กมุมอุปกรณ์การเรียนของพวกเขาซึ่งเธอแยกเอาไว้ให้สองชุดพร้อมแปะชื่อว่าเป็นของใคร  มันเป็นตู้ล็อกเกอร์เหล็กแบบเดียวกับที่โรงเรียน  มีหนังสือเรียน  เครื่องเขียน  กระเป๋านักเรียน  ทุกๆ เย็นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน  เมื่อทำการบ้านเสร็จแล้วแคลร์กับครูซจะต้องจัดหนังสือลงกระเป๋าตามตารางเรียนของวันรุ่งขึ้นด้วยตัวเองซึ่งเธอจะเช็กให้พวกเขาอีกทีในตอนเช้า  กันความผิดพลาด  แต่หากเป็นวันศุกร์อย่างวันนี้เธอจะเว้นให้  พวกเขาจะทำมันวันอาทิตย์แทน  และวันนี้พวกเขาก็ไปเที่ยวกับคริสตัลและยุนอา  คงจะสนุกกันน่าดู  ความจริงเธอก็อยากไปด้วยเหมือนกัน  แต่ถ้าไปแล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำงานบ้านล่ะ  มันก็ต้องคนยอมเสียสละคนหนึ่ง  ซึ่งเธอขอเป็นคนนั้นเองดีกว่า  ยุนอากับคริสตัลให้ดูแลเด็กๆ ไปน่ะดีแล้ว 

เธอกำลังจะเดินมาดูต้นแคคตัสที่ปลูกไว้เองตรงระเบียงห้องที่เป็นมุมนั่งเล่นอ่านหนังสืออีกมุมของเธอ  ใครบางคนก็ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี 

"หล่อนโกหก" 

แทยอนมองหน้าแขกที่เธอไม่ได้เชิญมา  แต่ไม่มีความคิดจะขับไล่ไปตอนนี้  เธอยกมือขึ้นกอดอกและรอฟังต่อ

"หล่อนไม่ได้ท้อง"  สเตฟานี่พูด  นัยน์ตาสีเขียวจัดวาวน่ากลัว  "แต่เรื่องที่หล่อนรถคว่ำน่ะจริง  อันนี้คุณก็รู้นี่  ใช่ไหม"

"ฉันอยู่ที่นั่น"  แทยอนตอบหน้าตาย  "ฉันเป็นคนเรียกรถพยาบาล"

"โอ้  ฉันละเชื่อคุณเลย"  สเตฟานี่พูดด้วยรอยยิ้มชื่นชมกึ่งแปลกใจ  ขณะที่แทยอนทำหน้าเหมือนไม่สนใจอะไรมัน  "แค่ขู่เฉยๆ หรือไง"

"ฉันท้องอยู่ตอนนั้น  ไม่ควรฆ่าใคร"

"นั่นขนาดไม่ควรนะคะ"

แทยอนเมินเสียงหยอกเย้าของอีกฝ่าย  ไปสนใจแคคตัสของตัวเองแทน  สเตฟานี่เดินตามมาด้วยและเพราะความเงียบมันอึดอัด  เธอจึงคิดว่าควรต้องพูดอะไรบ้าง  "ขอบใจที่ไปเช็กให้  แต่จริงๆ ฉันก็มั่นใจอยู่ว่าหล่อนคงไม่ได้พูดความจริง"

"มั่นใจว่าสามีไม่มีน้ำยาเหรอคะ  ทั้งที่มีลูกตั้งสามคนเนี่ยนะ"

"ก็ไม่ถึงขนาดนั้น  แต่มันต้องตั้งใจจริงๆ น่ะ  ฉันคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะ  ว่ามันต้องทำยังไง"

"ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ"  สเตฟานี่พูดเสียงขำ  "จริงๆ ก็เพราะฉันรู้ว่าเจ้าหนูนั่นมันมีลูกยาก  ฉันถึงต้องไปเช็กให้แน่ใจด้วยตัวเอง"

"เข็ดเรื่องไซม่อนหรือไง"  แทยอนแซวบ้าง  คราวนี้สเตฟานี่ทำหน้าเซ็งๆ ขึ้นมาทันที  "ก็ไปคุยกับเขาบ่อยๆ สิ  แม่เขาก็ไม่ได้ว่าแล้วไม่ใช่เหรอ"

"ฉันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีของเด็กค่ะ  นานๆ เจอกันทีคงดีกว่า  ฉันก็บอกเขาแล้วละว่าถ้ามีอะไรก็เรียกได้  ไม่ต้องเกรงใจ  บอกแม่เขาด้วย"

"ทำไมถึงดูถูกตัวเองแบบนั้นล่ะ  ใช่ว่าคุณจะไม่มีส่วนดี"

"ฉันไม่ค่อยถูกกับเด็กค่ะ  รอให้เขาโตกว่านี้ก่อนแล้วกัน"  สเตฟานี่พูดแล้วยักไหล่  "พูดเรื่องคุณดีกว่า  คุณจะทำยังไงต่อไป"

"กับคริส  หรือกับใคร..."

"ผู้หญิงคนนั้นสิคะ  เพราะเจ้าคริสมันคงนิ่งไปพักใหญ่แหละ  ลองเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว  ไม่นิ่งก็เกินไป  ส่วนยายนั่นน่ะ  ฉันคิดว่าหล่อนคงไม่ทำเรื่องนี้คนเดียวแน่ๆ"

"หล่อนก็แค่หมากตัวหนึ่ง"  ใครอีกคนโผล่มาพูด  สเตฟานี่มุ่นคิ้วมองผู้หญิงผมทองที่นั่งอยู่บนราวระเบียง

"มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ  เป็นนินจาหรือไง"

"เมื่อกี้นี้แหละ  แต่ฟังรู้เรื่องว่าคุยอะไรกัน"  เม็บบอกหน้าตาเฉย  เธอหันไปยิ้มให้แทยอน  "ฉันไม่ได้ทำต้นไม้คุณพังนะคะ"

"มันก็ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ"  แทยอนตอบ  ยิ้มขำให้คนร้อนตัว  "ไปเล่นเป็นสายลับมาอีกแล้วเหรอคะ"

"มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉันค่ะ  เหมือนคุณ  เหมือนเธอ" 

สเตฟานี่ส่ายหน้าให้พี่สาวที่เอาเธอไปเหมารวมด้วย  "เธอทำแล้ว  งั้นฉันไม่ยุ่งละกัน  เรื่องนี้"

"แต่มันจะดีกว่า  ถ้าเราร่วมมือกัน"  เม็บดึงชายเสื้อสเตฟานี่ไว้ได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะหนีไป  ตาสีเขียวเหลียวมามองเธอเบื่อๆ  "ฉันเคยช่วยเธอนะ  สเตฟ  ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย"

"ทวงบุญคุณเหรอ  นี่น้องนะ  น้องของเธอ"  สเตฟานี่ชี้หน้าตัวเองให้พี่สาวดูว่าหน้าตาเราคล้ายกันแค่ไหน  เม็บตั้งท่าจะแย้ง  แต่แทยอนเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน

"สรุปคือ  ไม่ได้ตั้งใจโจมตีแค่คริส"

"ไม่ค่ะ  แต่มันโดนเขาก่อน  เพราะเขามีจุดอ่อนใหญ่มาก"  เม็บว่า  ทำหน้าตาเหมือนจะบอกว่ามันใหญ่จริงๆ  "เขาเป็นคนอ่อนไหวด้วยค่ะ  ซึ่งคุณก็รู้ใช่ไหม"

"เจ้าเบื้อกนั่นมันแข็งแรงแต่ตัว"  สเตฟานี่วิจารณ์  แล้วยิ้มแหยๆ เมื่อแทยอนจ้องหน้าเธอ  "โถ  ไม่แขวะสามีคุณแล้วก็ได้"

"เขาแค่ยังเด็ก  ประสบการณ์น้อย"  เม็บแทรก  ไม่สนใจสเตฟานี่ที่กลอกตาอยู่ข้างๆ  "ฉันเองก็ยังต้องขอคำแนะนำจากคุณบ่อยๆ เลยค่ะ"

"เพราะฉันอยู่มานาน"  แทยอนพูดเลียนแบบยุนอา  "ฉันไม่อยากไปจุ้นจ้านกับเขามาก  ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย  เขาคงไม่ชอบแบบนั้น"

"เป็นภรรยาที่น่ารักมากค่ะ"  สเตฟานี่ชมเปาะ  แต่แทยอนคิดว่านี่เป็นการล้อเลียนเธอมากกว่า  หากก็ป่วยการที่จะเอามันมาโต้เถียงกัน

"ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันกับสเตฟจะจัดการเอง  คุณดูแลคริสเถอะ"  เม็บอาสา  พลางดึงแขนสเตฟานี่ที่จะหนีไปเอาไว้  ทำตาขู่น้อง  "ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ  มันเป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้ว"

"งั้นก็รบกวนด้วยค่ะ"  แทยอนเอ่ยอย่างเกรงใจ  เม็บผงกศีรษะให้  กดหัวสเตฟานี่ให้ทำตามด้วย 

"โอเคค่ะ  เราขอตัวก่อนเลยดีกว่า  ไปสเตฟ"

"ไปไหน"

"ทำงานน่ะสิ  เร็วเข้า  เดี๋ยวลูกฉันกลับมา"  เม็บว่า  หายไปจากระเบียงพร้อมสเตฟานี่ที่ยังส่งเสียงโวยวายอยู่ 

แทยอนชะโงกลงไปมองสองพี่น้อง  และเห็นสเตฟานี่ให้เม็บขี่หลังอยู่ข้างล่าง  น่าขำและน่ารักดี  ทำให้เธอนึกถึงทิฟฟานี่กับสเตฟานี่ตอนเด็กๆ  และแคลร์กับครูซตอนนี้ด้วย

"มองหาอะไรอยู่คะ" 

เธอชะงักกับเสียงคุ้นหู  แปลกใจที่ไม่ได้เสียงเขาเข้ามาในห้อง  แต่ไม่ได้ผิดหวังที่เขามา  เธอดีใจมากกว่า

"ยุนกำลังไล่ต้อนเด็กๆ ไปอาบน้ำ"

"มอมแมมกันมาเลยใช่ไหม"  เธอถาม  เขายิ้มแหยๆ  ลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ  "งั้นฉันไปดูพวกเขา --"

"เราโอเคกันแล้วหรือยังคะ"  เขาถาม  เดินมาดักหน้าเธอโดยไม่ได้แตะต้องตัว  เพราะเธอบอกเขาไว้ไม่ให้แตะตัวเธอตั้งแต่วันนั้น

"เอ่อ  ฉันก็แค่..."  เขาหยุดเมื่อเธอเป็นฝ่ายเข้าไปกอดเขาเอง  เขาทำท่างงๆ  ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหน  จนเธอต้องจับมันมาวางบนสะโพกตัวเองขณะซบหน้ากับอกอุ่นๆ ที่วันนี้ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมให้ชวนหงุดหงิด 

"ฉันยังโกรธเธออยู่นะ  บอกไว้ก่อน"  เธอพูด  สบตาเขาที่ก้มมองเธอด้วยรอยยิ้มโล่งใจ  และจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา       

..........................


ยาวไปนะ  อิอิ   :61: :27:  :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

11 มิถุนายน 2018 เวลา 07:00:27
โดนริบตังค์ ถุย น่าสงสารเนอะ ต้องกินอาหารที่ห่อมาด้วย ลูกคนโตเลี้ยงยากสุดๆ
แสดงความคิดเห็น