web stats

ข่าว

 


AGENT K. - บทที่ 2 You Know Nothing

โพสต์โดย: anhann วันที่: 24 พฤษภาคม 2018 เวลา 22:02:14 อ่าน: 192



บทที่ 2 You Know Nothing





เคย์ติดสินบนเจ้าหน้าที่โลแกนด้วยเบียร์ที่เขาชอบหนึ่งแพ็คเพื่อเข้ามาในบ้านของพ่ออีกครั้ง...ตามลำพัง  ตอนมีวาเลนเซียอยู่ด้วย  เธอทำอะไรไม่ถนัด  และจริงๆ พ่อของเธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นเข้าบ้านเท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นบ้านของสายลับ  มันจึงลึกลับซับซ้อนเป็นปกติ  ใครจะมารู้ดีเท่ากับสายลับด้วยกัน  บางทีอาจแค่เธอคนเดียวที่พอจะจับทางของพ่อได้  เธอมีความรู้สึกแปลกๆ ด้วยว่า  พ่ออาจไม่ได้หายไปจริงๆ  เธอยังรู้สึกถึงเขาอยู่  มันเป็นสัญชาตญาณคล้ายๆ ของสัตว์ป่า

บางทีวาเลนเซียอาจไม่ได้บอกเธอทั้งหมด  ไม่สิ  วาเลนเซียคงไม่ได้บอกเธอทั้งหมด  องค์กรนี้มีแต่การหลอกลวง  หลอกแม้กระทั่งคนกันเอง  เธอไม่สามารถเชื่อใจใครได้สนิทใจแม้แต่คู่หู  ยิ่งหัวหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย  วาเลนเซียทำงานตามคำสั่งของหัวหน้าที่อยู่สูงกว่า  และยึดถือคำสั่งนั้นราวกับเด็กในโอวาท  เถรตรงเกินเหตุ  บ่อยครั้งที่เราทะเลาะกันเพราะแนวทางที่แตกต่างกันมากเกินไปแบบนี้

"ยายหนู  เร็วๆ หน่อย  ฉันไม่อยากโดนย้ายเพราะปล่อยให้เธอมาเพ่นพ่านในบ้านพ่อตัวเองหรอกนะ"  เสียงเจ้าหน้าที่โลแกนผู้อายุมากกว่าพ่อของเคย์นิดหน่อยร้องบอกมาจากประตูหน้าบ้าน  เคย์ขมวดคิ้วหงุดหงิด

"ขออีกสิบนาทีค่ะ"  เธอตอบเขากลับไป  มือขยับไฟฉายสาดส่องไปในความมืดของบ้าน  เธอเลี่ยงการเปิดไฟ  เพราะบางอย่างที่พ่อซ่อนไว้  อาจแสดงตัวออกมาในความมืด  มันเป็นแบบนั้นเสมอ  เขาชอบวิทยาศาสตร์  และมักจะใช้มันในอาชีพของเขา 

สายลับที่ฉลาดๆ มักเป็นแบบนี้  เขาชอบบอกกับเธอแบบนี้  เธอจึงสนใจวิทยาศาสตร์มากเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะเวลาทำอะไรสักอย่างที่มันดังตูมตามออกมาได้  แต่ตอนนี้คงยังไม่ถึงเวลาระเบิดบ้านตัวเองหรอก  เดี๋ยวตาแก่นั่นกลับมาแล้วจะไม่มีบ้านอยู่

"ไม่เอาน่า  ตาเคย์แมน  บอกที่ซ่อนของมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"  เคย์พูดอยู่ในความมืดขณะเดินสำรวจภายในห้องทำงานของพ่อ  ปกติพ่อจะไม่ค่อยซ่อนของสำคัญในนี้  เพราะมันจะเป็นเป้าหมายแรกๆ เหมือนห้องนอนที่คนจะมาค้น  แต่บางทีเขาก็คิดอีกอย่าง... 

ที่ที่อันตรายที่สุด  อาจเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด  --  นั่นแหละที่เขาพูด

"ฉันก็แค่อยากรู้ว่าพ่อยังสบายดี"  เธอใจหายกับคำพูดตัวเอง  เธอกะพริบตาถี่ๆ ไล่ความเศร้าให้ออกไป  เธอจะไม่ร้องไห้เด็ดขาดถ้ายังไม่รู้แน่ๆ ว่าพ่อยังอยู่หรือไม่อยู่แล้ว  เพราะมันอาจจะกลายเป็นคำสาปแช่งเขา

เธอรื้อดูแทบทุกที่ที่เขาเคยซ่อนของเอาไว้  เปิดแผ่นไม้ใต้เก้าอี้นวมที่เขาชอบนั่งอ่านหนังสือยามว่าง  แต่ก็ไม่เจออะไรนอกจากตั๋วพนันแข่งม้าที่เธอชอบบ่นเขาเวลาไปเล่น  ตู้เชฟหลังภาพโมนาลิซ่าจำลอง (ที่มีเพียงเธอที่เปิดมันได้ตามกฎหมาย) ก็มีแต่เงินกับพันธบัตรสถาบันการเงินต่างๆ ที่เขาสะสมไว้และเอกสารสำคัญของครอบครัวเรา  เธอเริ่มเห็นแววความล้มเหลวในการทำรอยพ่อ  หากการได้รู้ว่าสิ่งของพวกนี้ยังอยู่ในที่เดิมของมันก็แปลได้ว่า  พ่อไม่ได้ถูกองค์กรทำอะไร  เขาไม่ได้ทำอะไรผิดจนต้องถูกเก็บหรือลงโทษ  เขาอาจแค่ไปทำงานของเขาตามปกติ  แต่ขาดการติดต่อไปนาน  ทำให้องค์กรเริ่มเป็นห่วง  ไม่ใช่  พวกนั้นคงสงสัยว่าเขาจะถูกจับได้หรือเปล่า

"พ่อ  อย่าลืมสัญญาสิ  ปีนี้เราจะไปตกปลาด้วยกันไม่ใช่เหรอ"  เคย์พูดกับรูปของพ่อที่ยิ้มกว้างถือปลาตัวโตกอดคอเธอหน้าบูดๆ อยู่  จำได้ว่าวันนั้นเธอตกปลาไม่ได้สักตัว  และนั่นก็เป็นปลาตัวแรกของเราซึ่งท้ายที่สุดก็ต้องปล่อยมันลงน้ำไป  เพราะมันดันเป็นช่วงที่ปลากำลังผสมพันธุ์  และเราจะโดนจับ  ถ้าเอามันมากิน  ที่จริงเราก็ไม่ได้กลัวจะโดนจับอะไรนักหนา  แค่เราพอจะมีจิตสำนึกอยู่บ้างว่าถ้ากินมันเสียแล้ว  อนาคตข้างหน้าเราก็คงหาปลาได้ยากขึ้น  ไม่มีปลาที่ไหนมาติดเบ็ดเราอีกต่อไป 

ปกติเธอกับพ่อก็ไม่ไปตกปลาในหน้าผสมพันธุ์ของมันหรอก  แค่ช่วงนั้นเราว่างตรงกันพอดี  กิจกรรมที่เราจะทำร่วมกันแล้วทะเลาะกันน้อยที่สุดก็คือการตกปลา  การรอคอยให้ปลามาติดเบ็ดมันทั้งลุ้นและน่าเบื่อ  แต่ก็ทำให้ใจสงบลงได้อย่างน่าประหลาด  เธอไม่เคยรู้ว่ามันรู้สึกแบบนี้จนวันที่เธอยอมไปกับเขาตอนประมาณสิบขวบ  ทริปนั้นมีเพื่อนๆ เขาไปด้วย  ไปกันเป็นครอบครัว  มีเด็กๆ ที่เป็นลูกของเพื่อนพ่อไปด้วย  พวกเขาจับกลุ่มกันเล่นตามประสาเด็ก  มีแค่เธอคนเดียวที่ไม่ยอมไป  เธอขอช่วยพวกผู้ใหญ่ถืออุปกรณ์ตกปลาไปลงเรือแทน  เธอว่าการไปตกปลากับพวกเขาสนุกกว่าการไปเล่นไร้สาระกับเด็กรุ่นเดียวกัน  เหมือนเวลาอยู่โรงเรียน  เธอชอบอยู่ลำพังมากกว่าไปเดินตามก้นกันด้อยๆ และคอยแกล้งคนที่อ่อนแอกว่า  เธอก็เคยเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่ถูกเพื่อนแกล้ง  พวกนั้นเหยียดความเป็นลูกครึ่งและการไม่มีแม่ของเธอ  แต่ตั้งแต่เธอต่อยหน้ายายเด็กหัวโจกนั่นไปจนตาเขียวก็ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับเธออีกเลย  รวมถึงไม่มีเพื่อนด้วย  แต่เธอไม่แคร์

"ยายหนู  หมดเวลาแล้ว"  เจ้าหน้าที่โลแกนตะโกนดังเข้ามาในบ้าน  เคย์วางกรอบรูปลง  หันไปสำรวจตู้เซฟว่าปิดดีเหมือนเดิมหรือไม่  ตรวจเช็กความเรียบร้อยภายในห้องก่อนจะออกไป 

"เร็วเข้า  พวกสายตรวจมันจะมาตรวจแถวนี้แล้ว" 

เคย์พยักหน้ารับรู้  แต่เธอก็ยังอดอาลัยอาวรณ์บ้านหลังนี้ไม่ได้  เธอเกิดที่นี่  โตที่นี่  เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ที่นี่  ความทรงจำนั้นยังชัดเจนอยู่ในใจเธอ

"มาเถอะ  ยายหนู  ฉันจะดูแลมันอย่างดี  และจะบอกเธอถ้ามีใครมาทำอะไรมัน"

"ขอบคุณค่ะ"  เคย์บอก  พลางยัดธนบัตรยี่สิบปอนด์ที่ติดกระเป๋ามาด้วยใส่มือเขา  "ฉันยังไม่ได้แลกเงิน  คุณเอาไปแลกเองนะคะ"

"ไม่มีปัญหา"  เจ้าหน้าที่โลแกนตอบอย่างอารมณ์ดี

"เดี๋ยวนะคะ  ฉันลืมอะไรบางอย่าง"  เอเจนท์สาวเดินย้อนกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งอย่างนึกขึ้นได้  คราวนี้เธอเดินตรงเข้าไปในห้องนอนเก่าของตัวเองที่จะยังใช้อยู่เวลามาค้างกับพ่อ  นึกขอบคุณวาเลนเซียที่ไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามกับมันตอนมาค้นของของพ่อ  ทุกอย่างในห้องนี้ยังเหมือนเดิม  ไม่มีใครขยับเขยื้อนมัน  เธอแน่ใจ  มันปิดล็อกอย่างดีด้วย

"แท้งกิ้ว  ดาร์ลิง"  เคย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อเจอกล่องคุกกี้เก่าๆ ใต้เตียงตัวเอง  มันเป็นกล่องที่เธอเอาไว้เก็บของเล่นเล็กๆ ในสมัยเด็ก  แต่ในตอนนี้มันถูกใช้เป็นที่ซ่อนของของเรา 

ถูกแล้ว  เดี๋ยวนี้พ่อจะซ่อนของที่อยากให้เธอรู้ไว้ในนี้เสมอ  และมันจะอยู่ในรูปแบบของเล่นที่ดูไร้ค่าสำหรับคนอื่น  เพราะไม่มีใครรู้ความหมายของมันนอกจากเรา  นอกจากเธอกับพ่อ

"เดี๋ยวก่อน  มันจะง่ายไปนะ"  เอเจนท์สาวคิดอย่างระวัง  เกรงว่านี่อาจจะเป็นแผนให้เธอมาหาของของพ่อออกมาให้คนพวกนั้น  เจ้านายของพวกเรานั่นแหละ  เธออาจคิดมากไปก็ได้  แต่พ่อเธอสอนให้ระวังตัวเสมอ

เคย์ตัดสินใจปล่อยหุ่นเลโก้ทหารอยู่ในกล่องต่อไปโดยไม่แตะต้อง  ปิดกล่องและนำไปเก็บที่เดิม  แสดงท่าทางผิดหวังให้สมจริงขณะเดินออกไปจากบ้าน  เอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่โลแกน  จากนั้นก็ขับรถออกไป  แต่หลังจากผ่านไปห้านาที  เธอก็ขับรถย้อนกลับมาใหม่  เพียงแค่ไม่ได้ขับมาจนถึงบ้าน  เธอจอดรถทิ้งไว้ในซอยหลังบ้าน  และย่องกลับมา  สิ่งที่เธอเห็นทำให้แทบพูดไม่ออก  วาเลนเซียยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้านพ่อเธอกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ  อีกสองคน  ไม่นับรวมเจ้าหน้าที่โลแกน

"วาเลนเซีย"  เอเจนท์สาวเอ่ยอย่างผิดหวัง  ขนาดทำใจไว้บ้างแล้ว  ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้  "โอเค  ถ้าคุณต้องการแบบนี้"

เคย์ถอนหายใจ  ลุกขึ้นจากที่ซ่อนตัวและเดินกลับไปยังรถตัวเองอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะทิ้งตัวลงในเบาะคนขับอย่างหดหู่  กว่าจะทำใจให้ถอดถุงมือที่ใส่ระหว่างไปรื้อของบ้านพ่อได้ก็เกือบห้านาที  เธอกลั้นใจไม่ตะโกนออกมา  แม้จะอึดอัดใจจนแทบคลั่ง  เธอขับรถกลับบ้าน  พยายามจะไม่ไปชนใครระหว่างทาง

...........................................

โทรศัพท์แผดเสียงลั่น  เคย์สะดุ้งตื่นก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เสียงระเบิดที่ไหน  ไม่มีใครมายิงกันข้ามหัวเธอไปมาระหว่างหลับเหมือนในซีเรีย  เธอควานหามันทั้งหลับตาอยู่  และปรือขึ้นมองรอบตัวเมื่อกลิ่นอาหารลอยเข้าจมูก  ถ้าไม่เห็นก้นใครผ่านหน้าห้องไปแวบๆ คงคิดว่าเป็นกลิ่นมาจากบ้านเพื่อนบ้าน  "ฮัลโหล  จะพูดกับใครคะ"

"คุณตื่นสาย"

เคย์ตื่นเต็มตาทันที  เธอยกนิ้วแตะริมฝีปากเมื่อหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาดอาหารเช้า  หากขยับปากขอบคุณแบบไม่มีเสียงไป  แล้วรับแก้วกาแฟร้อนมาดื่ม  เธอมองร่างกึ่งเปลือยนั่งลงบนเตียงพร้อมกับทาแยมบนขนมปัง  ขณะรอฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรต่อ

"คุณทำอะไรอยู่  รู้ไหมว่ามันกี่โมงแล้ว"

"เก้าโมงค่ะ"  เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ  พลางอ้าปากรับแยมส้มจากนิ้วที่มาแกล้งแหย่ปากเธอ  เกือบเผลอหัวเราะไปกับผู้หญิงขี้แกล้ง  ถ้าไม่จำได้ว่าติดสายอยู่  "ฉันอยู่ในช่วงพักนะคะ  ผู้กอง  เท่าที่ฉันรู้"

"ฉันรู้ค่ะ  แต่ฉันอยากให้คุณเข้ามาสำนักงานหน่อย  ฉันมีเรื่อง --"

"ขอสี่สิบนาทีค่ะ  ฉันกินอาหารเช้าอยู่  ได้ไหมคะ"

วาเลนเซียเงียบไปเกือบนาทีก่อนจะตอบตกลงและวางสายไป  เคย์ทิ้งโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิด  ยังติดใจเรื่องเมื่อวานอยู่  หากจูบหยอกเย้าบนริมฝีปากก็คืนรอยยิ้มกลับมาให้  เธอลูบไล้ผิวกายใต้ร่มผ้าของอีกฝ่ายจนหญิงสาวหัวเราะคิก  ปัดมือเธอออกอย่างไม่จริงจัง

"โดนเรียกตัวไม่ใช่เหรอคะ"

"ค่ะ  แต่ยังไม่รีบ  บอกไปแล้วว่าขอกินอาหารเช้าก่อน"  เคย์บอก  จูบเนินอกของอีกสาวที่สอดนิ้วเข้ามาในเรือนผมสีทองปลอมๆ ของเธออย่างทันที  หญิงสาวครางเสียงสั่นขณะเธอดูดเม้มยอดถัน

"ฉันถือวิสาสะรื้อครัวคุณ  มีแค่ขนมปังกับแยมและกาแฟสำเร็จรูป"

"ขอบคุณค่ะ  ฉันยังไม่ได้ไปจ่ายตลาดละ"  เจ้าของบ้านและเตียงตอบเสียงใส  พลางดูดกินนมจากเต้าเป็นอาหารเช้ารสเลิศของตัวเอง   

"เคย์คะ  มัน..."

"ตอบแทนที่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันเมื่อคืนค่ะ  ซีซี"  เอเจนท์สาวกระซิบ  ลดมือลงต่ำไปเรื่อยๆ  อีกฝ่ายจึงเบียดกายเข้าหาเธออย่างต้องการ  "ฉันเมาไปหน่อย  อาจทำอะไรไม่ดีลงไป  ขอแก้ตัวนะคะ"

ซีซีส่ายหน้าเร็วๆ  หน้าแดงจัด  เธอครางหวิวขณะถูกกลั่นแกล้งด้วยปลายนิ้วช่ำชอง  สะโพกเธอแอ่นขึ้นรับมันอย่างอัตโนมัติ  เธอไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้  เธอแค่เจอเคย์ในผับประจำที่พวกเจ้าหน้าที่ชอบไปกัน  เราดื่มด้วยกันที่นั่นพอสมควร  แล้วเคย์ก็ชวนเธอมาต่อที่บ้าน  หลังจากที่ดื่มไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศสไปหนึ่งขวด  ตัวเธอก็ร้อนระอุ  ลามมาถึงบนเตียงนี้  แต่เธอไม่ได้เสียใจที่มันเกิดขึ้น  ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับคนฮอตๆ สักคนก็คุ้มค่าแล้วที่เกิดมา  ถ้ามันจะดีขนาดนี้นะ

"คุณสวยนะคะ  ซีซี  หอมด้วย"  เคย์พูดขณะอีกฝ่ายส่งเสียงครางไม่หยุดตามจังหวะการกระแทกเข้าออกของนิ้วเธอ  ซีซีจิกเล็บลงบนไหล่เธอตามแรงอารมณ์  สุดท้ายเปล่งเสียงหวีดร้องออกมาพร้อมกับอาการสั่นทั้งตัว  ครางสะอื้นอย่างน่าสงสารอยู่กับอกเธอ  ก่อนจะรวบรวมกำลังกลับมา  และตอบแทนเธอด้วยปากน่ารักกับลิ้นซุกซนที่ทำให้เธอผ่อนคลายจนลืมเรื่องปวดหัวไปอย่างเมื่อคืน

"กาแฟเย็นหมดแล้ว"  ซีซีบ่นขณะเช็ดปากด้วยทิชชูและยกกาแฟขึ้นดื่มพร้อมกับส่งให้เคย์ที่รับมันไปดื่มอย่างไม่บ่น  "คุณทำแบบนี้  ถ้าผู้กองรู้เข้าล่ะคะ"

"เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ"  เคย์บอก  ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ  "ฉันโสด  คนโสดจะเล่นซนบ้าง  จะเป็นอะไรไปล่ะคะ"

"แปลว่า  เราแค่เล่นซนกัน"  ซีซีถาม  พยายามจะไม่ผิดหวังเมื่อเคย์พยักหน้ารับ  "แล้วหลังจากนี้..."

"ขอบคุณสำหรับอาหารเช้าค่ะ  ซีซี  และเมื่อคืนด้วย"  เคย์ตัดบทพร้อมลุกขึ้นยืน  ไม่สนใจจะปกปิดร่างกายตัวเอง  "ไปอาบน้ำก่อนนะคะ  คุณกินต่อเถอะ  แล้วค่อยออกไปทีหลัง  ฉันขี้เกียจโดนตามอีก"

ซีซีพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้  ตาสีน้ำตาลทองมองตามอีกฝ่ายไปจนเคย์หายเข้าห้องน้ำไปแล้ว  ก็ถอนหายใจยาวเหยียด  ส่ายหน้าปลงๆ ให้ตัวเอง  และร้องออกมาเบาๆ เมื่อเผลอขยับตัวเร็วไปหน่อย  เธอพยายามนึกว่าทำอะไรไปบ้างเมื่อคืนนี้  แล้วบางอย่างที่ถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใส่ใจอยู่ใต้หมอนข้างที่อาจกระเด็นไปทับมันก็บอกเธอชัดจนหน้าแดงก่ำ  --  มิน่าล่ะ  ใหญ่ขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้ยังไง

"ซีซีคะ  อาบน้ำด้วยกันไหม  จะได้ไม่เสียเวลา"

เจ้าหน้าที่สาวกะพริบตาถี่ๆ พร้อมกับหยิกตัวเองให้รู้ตัวฝันไปหรือเคย์ชวนเธอจริงๆ  "โอ๊ย  เจ็บอะ"

"ซีซี  คุณจะไปออฟฟิศพร้อมกันหรือเปล่าคะ"

"ไปค่ะไป  ไปเดี๋ยวนี้แล้ว"  ซีซีรีบขานรับ  กลั้นใจทนความเจ็บเสียดเดินไปห้องน้ำ  และทำใจต่ออีกหน่อย  เผื่อจะต้องเจ็บเพิ่มถ้าเลือกก้าวเข้าไปข้างในนั้น 

.......................................

วาเลนเซียละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์เมื่อได้ยินเสียงคุยกันดังเข้ามาถึงในห้องของเธอ  ความรื่นเริงในสำนักงานที่หายไปนานแล้ว  หวนกลับมาอีกครั้ง  เธอเผลอยิ้มขณะนึกถึงตัวต้นเหตุ  แล้วสั่นศีรษะปัดมันออกจากหัว  เธอไม่ควรคิดเรื่องแบบนี้  เธออยู่ที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้น

ผู้กองสาวทนฟังเสียงเซ็งแซ่อยู่ราวๆ เกือบสองนาทีก่อนตัดสินใจออกมาดูด้วยตาตัวเอง  และพบว่าเคย์กับซีซี  เจ้าหน้าที่ดูแลเอเจนท์ยืนอยู่ด้วยกันกับเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวอายุไล่ๆ กันอีกสามคน  พวกเขาดูจะไม่สนใจอะไรเลย  คุยกันสนุกเหลือเกิน  จนกระทั่งเธอส่งเสียงกระแอมออกมาดังๆ  สามคนนั้นก็ค้อมศีรษะขอโทษและแยกย้ายกันไป  เคย์มองเธอวูบหนึ่ง  แล้วหันไปเอ่ยลากับซีซี  เธอเกือบจะพอใจที่ได้รับความสนใจเสียที  ถ้าไม่บังเอิญเห็นมือเอเจนท์สาวลูบก้นเจ้าหน้าที่สาวสวยในกระโปรงทรงสอบนั่นก่อน  และซีซีก็มองค้อนเคย์อย่างไม่จริงจังแบบนั้น

เสร็จไปอีกหนึ่ง... วาเลนเซียคิดในใจอย่างปลงๆ  เคย์ไม่เคยเปลี่ยน  ไม่เคยทิ้งนิสัยมักง่ายแบบนี้  บางทีเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่ายังมีเจ้าหน้าที่สาวๆ คนไหนที่ยังไม่ได้เป็นขนมหวานขบเคี้ยวของเอเจนท์สาวคาสโนวี่บ้าง  เธอควรดีใจไหมนะ  ที่เคย์ไม่ใช่ผู้ชาย  ไม่อย่างนั้นคงมีสาวๆ สักคนที่นี่ป่องเพราะมีเคย์จูเนียร์ดิ้นอยู่ในท้องแล้ว

"เจ้านาย..."

"ตามฉันมาค่ะ  แคสเปอร์"

เคย์เดินตามหลังหัวหน้าสาวอย่างเลี่ยงไม่ได้  เห็นสายตาเป็นห่วงจากซีซีมองมาระหว่างเดินผ่านคอกโต๊ะทำงานของเจ้าตัว  จึงส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  ยังไงเธอก็ไม่ใช่พวกกินทิ้งกินขว้างขนาดนั้นโดยเฉพาะของดีๆ

"คุณรู้ไหม  ว่ามันมีถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงด้วย"  วาเลนเซียพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้  และเธอก็พบว่าตัวเองคิดผิดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายกับรอยยิ้มระรื่นอย่างไม่รู้สึกผิดแบบนี้  "ถึงจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน  คุณก็ควรจะรับผิดชอบหน่อยนะคะ"

"ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณสนใจเรื่องชีวิตส่วนตัวของฉันขนาดนี้"  เคย์พูดด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์  หากคนร้อนตัวก็รู้สึกได้แล้วว่าตัวเองก้าวก่ายชีวิตของคนอื่นมากเกินไป  "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  มีคนเป็นห่วงบ้างก็ดีเหมือนกัน"

วาเลนเซียหน้าเจื่อน  เธอเลือกเดินต่อไปโดยไม่โต้ตอบอะไรเคย์อีก  เราอยู่ในความเงียบกันจนกระทั่งเข้าเขตห้องนิติเวช  เคย์จึงถามขึ้น

"มีงานให้ฉันทำหรือคะ"

"ค่ะ  เผื่อว่าคุณจะรู้จัก" 

เคย์พยักหน้าอย่างขาดความกระตือรือร้น  วาเลนเซียเห็น  แต่พูดไม่ออก  ทำได้แต่ปล่อยให้เคย์เป็นไปแบบนั้นด้วยความรู้สึกผิด

"คงไม่ใช่พ่อฉันนะคะ"

"โธ่คุณ  ไม่ใช่หรอก"  วาเลนเซียครางอ่อนใจ  ไม่ชอบความอึดอัดที่เกิดขึ้นตอนนี้เลย  "ตามที่ฉันได้ข้อมูลมา  เขาเป็นหนึ่งในมาเฟียที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศเราค่ะ"

ประโยคนี้ดูเหมือนจะกระตุ้นความสนใจของเอเจนท์เคได้นิดหน่อย  วาเลนเซียรู้ดีว่า  ต่อให้เคย์จะไม่เอาไหนเลยเรื่องควบคุมการหว่านเสน่ห์ของตัวเอง  งานก็ยังเป็นงาน  งานมีความสำคัญต่อเคย์มากพอๆ กับการได้แอ้มสาวที่หมายตาไว้ก่อนเพื่อนผู้ชายในทีมเดียวกัน  มันเป็นศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ ที่เธอไม่เข้าใจ  คงไม่มีวันเข้าใจแน่ๆ

"ถ้าคุณมีหลักฐานเพียงพอแล้วจะให้ฉันไปดูศพทำไมล่ะคะ  ฉันไม่ค่อยถูกกับห้องนิติเวชเท่าไหร่นักหรอกนะ"

"เข้าใจค่ะ  แต่อย่างน้อย  คุณหมอมาวิสก็อยู่ที่นี่"  วาเลนเซียพูด  เธอกลอกตาเมื่อเห็นประกายวาบในดวงตาของผู้หญิงตัวสูงข้างๆ  เธอควรลงพนันกับวิกเตอร์ด้วยไหมนะ  ว่าเคย์จะต้องได้คุณหมออีกคน 

ไม่เข้าใจเลยว่ามันสนุกตรงไหนที่มานั่งพนันเรื่องแบบนี้กัน  แต่ที่ไม่เข้าใจมากกว่า  คือทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบคนแบบเคย์ได้  ถึงขนาดยอมไปทำแบบนั้นด้วยกัน  หรือแค่อยากสนุก  อยากลอง  เพราะลองกับผู้หญิงด้วยกันมันไม่เสียหายเท่าผู้ชาย  สามารถแยกย้ายกันไปโดยไม่ติดใจได้ง่ายกว่าหรือเปล่า  แล้วเคย์ก็หน้าตาดี  รูปร่างดีขนาดนี้ด้วย 

แล้วเคย์ล่ะ  คิดอะไรอยู่กันแน่  สนุกจริงๆ หรือ  ที่ทำแบบนี้...

"เมื่อคืนฉันไปบ้านพ่อมา" 

ผู้กองสาวตวัดสายตามามองหน้าลูกน้องคนโปรดอย่างตกใจ  เคย์มองเธอกลับมาด้วยสายตาไร้อารมณ์  ขณะที่ใจเธอเต้นแรง

"ไม่เจออะไรเหมือนเดิมค่ะ"  เคย์พูดต่อด้วยรอยยิ้มเศร้า  ที่คงทำให้ใครสักคนอยากเอื้อมมือไปแตะไหล่ปลอบใจอย่างทันที  แม้แต่คนใจแข็งแบบวาเลนเซีย  โชคดีที่เราเดินเข้ามาในห้องพิสูจน์ศพกันแล้ว  และคุณหมอมาวิสก็ถอดหน้ากากออกเพื่อทักทายพวกเรา

"กำลังนึกอยู่เชียวค่ะ  ว่าจะมากันหรือเปล่า" 

เสียงใสๆ ของเดน่าส์ทำให้ห้องหนาวเย็นและวังเวงห้องนี้มีชีวิตชีวาขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์  มันทำให้เคย์ยิ้มออกมาอย่างอัตโนมัติด้วย  เธอชอบคนสวยอารมณ์ดี  ขี้เล่นแบบนี้แหละ  แต่นั่นไม่ใช่วาเลนเซียเลย

"เพื่อนของเราเป็นยังไงบ้างคะ"  วาเลนเซียถาม  พยายามใช้คำให้ดูน่าฟัง  แม้บุคคลที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจอยู่บนเตียงเหล็กเย็นๆ นี้จะไม่ได้น่ารักเลยยามมีชีวิตอยู่

"เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายค่ะ"

"ไม่ใช่เพราะถูกยิง  และถูกชนซ้ำหรือคะ" 

"ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นในตอนแรกค่ะ  ถ้าบาดแผลที่ถูกกระสุนเป็นอวัยวะสำคัญ  และศีรษะของเขาแตกในบริเวณที่กระทบกระเทือนถึงสมอง"  เดน่าส์ตอบเป็นการเป็นงาน  ขณะที่เคย์พยายามจ้องแต่ส่วนใบหน้าของร่างไร้ชีวิต  "และฉันก็เจอว่าหัวใจของเขาเป็นสาเหตุ  มันเสียหาย  ฉันส่งเลือดของเขาไปตรวจดูแล้วนะคะ  อีกไม่นานคงรู้ผล"

"คุณคิดว่าเขาอาจถูกยาพิษหรือคะ"  วาเลนเซียถามอย่างสนใจ

"อาจจะเป็นแค่ของที่เขาแพ้ก็ได้ค่ะ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอผลจากการตรวจอาหารในกระเพาะด้วย"

"ใช่ค่ะ"  เดน่าส์ตอบ  "ว่าแต่เขาเป็นใครหรือคะ  ถึงต้องส่งมาที่นี่"

เคย์ชำเลืองมองวาเลนเซีย  หัวหน้าสาวก็สบตาเธอพอดี  เรื่องนี้เรารู้กันดีว่าไม่ควรจะพูดออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าแม้แต่กับคนในสำนักงานเดียวกัน

"ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ  ฉันก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นหรอก" 

เหมือนคุณหมอเดน่าส์จะสัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนใจของคนทั้งสองจึงเปลี่ยนคำพูด  และขอตัวไปทำธุระอื่น  ปล่อยให้เคย์กับหัวหน้าอยู่กันตามลำพัง 

"สรุปว่า..."  วาเลนเซียเอ่ยเบาๆ  จ้องตาสีน้ำตาลเข้มคมปราบของอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง  เคย์ทำหน้าครุ่นคิด  แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันเป็นแค่การแสดงเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น  "คุณต้องการอะไร  แต่คุณน่าจะจำได้นะว่า  คุณยังกินเงินเดือนของรัฐบาลอยู่  และคุณเป็น..."

"เด็กของฉัน"  เคย์ต่อความให้ด้วยรอยยิ้มขี้เล่น  วาเลนเซียตีหน้าบึ้งตึงกลับมา  ถึงอย่างนั้นเอเจนท์สาวก็ยังมีแก่ใจยัดสองมือลงล้วงกระเป๋ากางเกงและเดินวนรอบเตียงเหล็กอย่างวางท่า  "เราน่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้างนะคะ  หัวหน้า"

"คุณต่อรองกับฉันเหรอ"

"ฉันพูดว่า 'แลกเปลี่ยน' ค่ะ  ที่รัก"  เอเจนท์สาวพูด  ยิ้มตาวาวอย่างไม่น่าไว้ใจ  วาเลนเซียเม้มปาก  "ฉันไม่ต้องการอะไรเลย  นอกจากข้อมูลของพ่อฉัน  คุณก็รู้อยู่แล้ว"

"และฉันก็เคยบอกคุณว่า  ฉันพูดไม่ได้ไง"

"รวมถึงย่องไปดูว่าฉันเข้าไปที่นั่นแล้วเจออะไรบ้าง  ด้วยใช่ไหม"

วาเลนเซียผงะเล็กน้อย  แต่ไม่แปลกใจนักถ้าเคย์จะรู้เรื่องนี้

"ฉันทำตามหน้าที่  ฉันต้องดูแลคุณ"

"งั้นก็ขอบคุณค่ะ"

"คุณอย่าประชดฉันได้ไหม"

"เขาคือนายโอก้า  วอลคอฟ  ชาวรัสเซียเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามข้ามชาติ  แก๊งอีวานอฟ (Ivanov) ของพวกตระกูลอีวานอฟ"  เคย์พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยเหมือนกล่าวรายงานน่าเบื่อหน้าชั้นกับคุณครูที่ยังมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวงเหมือนเธอพกระเบิดทำเองมาด้วย

"ฉันไปได้แล้วใช่ไหมคะ"

"คุณจะไปไหน"  วาเลนเซียถาม  ไม่ได้สังเกตน้ำเสียงตัวเองว่าชักจะเหมือนภรรยาตามจิกสามีขึ้นไปทุกวัน

"หาอะไรทำค่ะ  ฉันไม่ชอบอยู่ว่างๆ  ฉันฟุ้งซ่าน"

"งั้นคุณรอก่อน  ฉันจะหางานให้คุณทำ  รออยู่ที่นี่นะ  ห้ามไปไหน"

เคย์เลิกคิ้วประหลาดใจกับท่าทางของวาเลนเซียที่เดินจ้ำออกไปจากห้องนิติเวชแล้ว  เอเจนท์สาวยืนยิ้มอยู่ลำพังกับศพพ่อค้าอาวุธสงครามที่คงไม่ลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เธอได้  ไม่เหมือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่  และส่งยิ้มแปลกๆ มาให้เธอขณะเดินกลับเข้ามาในห้อง

"ผู้กองเธอเหมือนจะลดความเฮี้ยบลงไปเยอะเลยนะคะ  เวลาอยู่กับคุณ"  คุณหมอมาวิสเอ่ยด้วยรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนเคย  เคย์ส่ายหน้าแต่ปากอมยิ้ม

"เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องกันค่ะ  คุณหมอ" 

"ค่ะ  เชื่อ"  เดน่าส์พูด  ยิ้มแบบเด็กสาวผู้ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนยังคงอยู่  เคย์ยิ้มด้วย  แต่ดวงตาของเธอไม่มีรอยยิ้มเลย     


........................

สายลับคาสโนวี่  อิอิ   :61: :01: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

25 พฤษภาคม 2018 เวลา 12:19:06
สาวสวยสดใสอยู่ใกล้ๆแล้วมันสดชื่นไม่รู้จะลุ้นคนไหนดีเลย
แสดงความคิดเห็น