web stats

ข่าว

 


Pieces Of You Vol.3- ตอนที่ 7 Stand By You

โพสต์โดย: anhann วันที่: 21 พฤษภาคม 2018 เวลา 21:42:49 อ่าน: 165



ตอนที่ 7 Stand By You






อิซซาเบลไม่เคยดีใจเท่านี้มาก่อนเวลาเจอเจสซี่  แต่ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับเจสซี่เป็นนักบุญมาโปรด  การเฝ้ารอจบสิ้นลงแล้ว  ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย  เธอคิดว่าเธอพร้อมจะฟัง

เจสซี่เดินเข้ามาหาเธอกับเยลด้วยท่าทางจริงจังเหมือนชุดที่สวมใส่  แม้จะดูอายุยังน้อยอยู่  ชุดกาวน์สีขาวกลับราวกับมีมนตราประหลาดทำให้ผู้ที่สวมมันดูน่าเชื่อถือได้อย่างน่าพิศวง

"อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเข้าเยี่ยมได้แล้วละ"  เจสซี่ประกาศเสียงขรึม  มันเป็นคำยืนยันว่าคนด้านหลังประตูบานใหญ่ตรงหน้าเธอกับเยลปลอดภัยแล้วในที่สุด  แน่นอนว่าเจสซี่ไม่ใช่หมอที่ทำบอลลูนให้รุจ  เพราะยังเป็นแค่หมอฝึกหัด  แต่ก็ร่วมอยู่ในทีมด้วย  และคงอาสามาแจ้งเรื่องนี้ให้เธอกับเยลฟังด้วยตัวเอง     

อิซซาเบลรู้สึกอยากกระโดดกอดคอคุณหมอฝึกหัดคนนี้เหลือเกิน  แต่ยังจำได้ว่า  เจสซี่ไม่ชอบแบบนั้น  และเธออาจโดนยันออกมาได้

"ขอบใจนะ  เจสซี่"  เธอพูดด้วยรอยยิ้มโล่งใจ  เจสซี่พยักหน้า  และแม้จะแทบไม่ยิ้ม  ความโล่งใจในสีหน้ากับแววตาก็บอกได้ว่าเจสซี่ยินดีกับข่าวนี้เหมือนกันกับเรา 

"เราจะย้ายเขาขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้แล้ว  พวกเธอจะขึ้นไปก่อนเลยก็ได้นะ  เอลลี่ก็ขึ้นไปแล้วนี่"

"ฉันขึ้นไปพร้อมเขาได้ไหม"  เยลถามขึ้น  ดวงตายังชุ่มด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ  เจสซี่ผงกหัวให้เธอแทบจะทันที  "ขอบคุณนะ  เจสซี่"

อิซซาเบลมองตามหลังเยลที่ไปยืนเกาะประตูห้องผ่าตัดรอรุจอย่างใจจดใจจ่อ  เราสองคนรออยู่หน้าห้องนี้มาร่วมสองชั่วโมงได้  ตอนแรกลิทซ์กับคุณอลิซและเอลลี่ก็อยู่กับเรา  แต่ตอนนี้พวกเขาไปจัดแจงเรื่องห้องพักให้รุจกัน  น่าจะไปคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดด้วย  แว่วๆ คุณอลิซจะเป็นคนออกให้น้องสาวเองทั้งหมด  แล้วเอลลี่ไม่ยอมเพราะรุจสั่งเอาไว้ว่าจะไม่กวนพี่สาวเด็ดขาด  และก็ใช่ว่ารุจจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาตัวเองเมื่อไหร่ล่ะ  มันก็แค่คนเป็นพี่อยากจะดูแลน้องบ้างเท่านั้นเอง 

ทะเลาะกันเพราะความรักอีกแล้วใช่ไหมนะ

"ฉันไปทำงานต่อก่อนนะ"  เจสซี่พูด  อิซซาเบลลุกขึ้นแสดงความขอบคุณอีกครั้ง  "มันเป็นหน้าที่ฉันที่ต้องดูแลคนไข้ให้ดีที่สุดอยู่แล้ว  และรุจก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนด้วย"

อิซซาเบลพยักหน้ารับ  แต่เจสซี่ที่กำลังจะจากไปกลับหันกลับมา  และพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้

"แอนดี้บอกว่าเลิกงานแล้วจะรีบมา  ถ้าเธอไม่ได้ไปไหน  ก็อยู่รอเขาก่อนสิ"

"ฉันคิดว่าคงจะค้างที่นี่แหละ"  อิซซี่บอก  ชำเลืองมองเยลที่ยังยืนรอรุจอยู่  เจสซี่มองตามไปก็ทำหน้าตาเข้าใจ

"ห้องนั้นเป็นห้องพิเศษ  แม่ฉันจัดไว้ให้รุจโดยเฉพาะ  ถ้าไม่เหม็นกลิ่นยา  ก็คงไม่แพ้โรงแรมห้องดีลักซ์ของเธอ"  เจสซี่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่แบบหมอเหมือนเคย  อิซซาเบลยิ้มกว้าง  รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

"ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี  เจสซี่"

"ไม่ต้องพูด  ฉันคิดว่าฉันฉลาดพอจะเข้าใจเธอได้"  เจสซี่พูดฉะฉาน  และขอตัวจากไปทำงานต่อจริงๆ เสียที 

อิซซาเบลเดินเข้าไปยืนข้างเยล  แตะแผ่นหลังเด็กสาวแผ่วเบา  เยลหันมามองเธอด้วยสีหน้าดีขึ้นมาก  เรารอกันเกือบสิบนาทีประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก  บุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้ออกมาอย่างระมัดระวัง  รุจนอนหลับตาอยู่บนนั้น  คงหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา  ห่มผ้าสีขาว  ผิวหน้าขาวซีดแต่ดูสบายดี  คุณหมอเจ้าของไข้เรียกเยลเอาไว้ก่อนที่เราจะเดินตามรุจไป  เขาคงรู้อยู่แล้วว่าเยลเป็นอะไรกับรุจ  หน้าตาบอกยี่ห้อมากขนาดนี้ 

คุณหมอแจ้งกับเยลว่าผลการทำบอลลูนหัวใจของรุจเป็นไปด้วยดี  ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าจะไม่มีอาการแทรกซ้อน  เพราะร่างกายรุจแข็งแรงอยู่แล้ว  รุจไม่แพ้สีที่หมอฉีดเข้าไป  และน่าจะกลับบ้านได้ภายในสองวัน  หรืออาจเร็วกว่านั้น  แต่เยลก็ยังขอให้คุณหมอช่วยเช็กให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ  คุณหมอก็รับปากอย่างดีและขอตัวจากไป  ปล่อยให้พวกเราขึ้นลิฟต์ตามเตียงคนไข้ของรุจไปทีหลัง

"เขาดูเหมือนเด็กเลยเนอะ  ดูอ่อนแอ"  เยลพูดขึ้นในลิฟต์หลังจากเงียบไปนาน  อิซซาเบลยิ้มบางๆ อย่างเห็นด้วย  ขยับเข้ามายืนชิดกัน  "ฉันกลัวแทบตายเลย  อิซซี่  เธอเชื่อไหม  เหมือนตอนแม่โซฟีเข้าโรงพยาบาลเมื่อก่อน  รู้สึกแบบเดียวกันเลย"

"ฉันเชื่อ"  อิซซี่ตอบ  คว้ามือเยลมาจับและพบว่ามันเย็นเจี๊ยบ  จึงถูมันไปมาอย่างนึกสงสาร  "เขาไม่เป็นไรแล้วละ  ทำใจให้สบาย"

เยลพยักหน้า  ยิ้มทั้งน้ำตาคลอ  "ฉันเกือบกอดเจสซี่เลย  ถ้าไม่กลัวเขาเตะ"

"ฉันด้วย"  อิซซี่พูดกึ่งหัวเราะ  "แต่จริงๆ เจสซี่ใจดีนะ  เห็นแบบนั้น  จิตใจดีมากเลยละ  ฉันอยากให้มีหมอแบบเขาเยอะๆ  คนไข้จะได้สบาย"

"เพื่อนเธอมีแต่คนรวยๆ เนอะ  อิซซี่"  เยลพูดขึ้นมา  เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าโรงพยาบาลนี้เป็นของบ้านเจสซี่  แม่ของเจสซี่เป็นผู้บริหาร  และหุ้นส่วนใหญ่ 

"บังเอิญล่ะมั้ง"  อิซซาเบลพูด  ไม่ได้สังเกตตัวเอง  ตอนอยู่ไฮสกูลเธอก็ไม่ได้สนใจ  เพราะทุกคนเหมือนกันหมด  บ้านมีเงินกันทั้งนั้น 

"แต่พวกเขาขยันกันหมดเลย  ทำงานอย่างกับบ้านไม่มีจะกินแน่ะ"

"แล้วมันไม่ดีเหรอ  เธอเองก็ยังทำเลยนี่"

"บ้านฉันไม่ได้รวยมากหรอก  แค่พอมีพอใช้"  เยลพูดแล้วยิ้มแหยๆ เมื่ออิซซาเบลหรี่ตาใส่  "เอ่อ  มันก็แบบ...พ่อแม่ฉันบอกว่า  ถ้าเราเอาแต่ใช้  มันก็มีวันหมดไง  ฉันเป็นโรคกลัวเงินหมดน่ะ  คือตอนเด็กๆ เวลาอยากได้ของเล่นอะไรสักอย่าง  ต้องเก็บเงินซื้อเอง  แม่ไม่ให้พ่อซื้อให้  มันเลยติดมา"

"บ้านฉันก็เหมือนกัน  เพื่อนๆ ในแก๊งฉันส่วนใหญ่ก็แบบฉัน  ยกเว้นยายเจอร์  แต่รายนั้นก็ยังเก็บเงินค่าขนมเอานะ" 

"เออ  นั่นสิ  --  งั้นคุยเรื่องอื่นดีกว่า..."

"นิ่งไว้เยล  ไม่ต้องตื่นเต้น"  อิซซี่พูดอย่างรู้ทางกัน  เธอลูบหลังเยลเบาๆ  ปลอบก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ด้วยกัน  "รุจคงดีใจที่ได้เห็นเธอ"

"หวังว่านะ"  เยลพึมพำ  ยังไม่เลิกเกร็งจากตอนที่ลุ้นรุจผ่าตัด  เธอแทบอยากเข้าไปช่วยหมอทำงานข้างในเลยด้วยซ้ำ 

เป็นไปตามคาด  ภายในห้องพักคนไข้ของรุจหรูหราสมคำอวดของเจสซี่  และจริงๆ มันคงกว้างขวางมากกว่านี้  ถ้าไม่มีคนแน่นขนัดไปหมดจนมองไม่เห็นเตียงคนไข้เลย 

"นี่แม่ฉันแน่นะ  ไม่ใช่ดาราฮอลลีวูดที่ไหน"  เยลพูด  หงุดหงิดกับความมีชื่อเสียงของไบโอมัมคนสวย  "อิซซี่  เธอรู้จักหมดทุกคนไหมเนี่ย"

"เยล"  เสียงคุ้นหูเรียกทั้งเจ้าของชื่อและอิซซาเบลให้หันไปสนใจเขาพร้อมกัน  แต่เขาก็ดูจะเป็นจุดเด่นที่สุดแล้วในห้องนี้  ด้วยความสูงราวๆ หกฟุตกับดวงตาสีฟ้าสดใส

"พ่อ"  เยลเอ่ยเรียกเขา  และเข้าไปหาทันที  ไม่ลืมจับแขนอิซซี่ไปด้วยกัน  เขายืนอยู่ด้านหลังแขกซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  และหนึ่งในนั้นก็คือแม่โซฟีของเธอ  "พ่อ  แม่  เยลนึกว่าจะไม่มากันแล้ว"

"ต้องมาสิลูก"  จอห์นบอก  วางมืออบอุ่นบนศีรษะทุยของลูกสาว  และหันมาทักทายอิซซาเบลด้วย  โซฟีกำลังคุยกับอลิซอยู่แต่ก็หันมามองเยลให้ลูกรู้ว่าตนก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน  "รุจยังไม่ตื่น  ท่าทางหมอจะให้ยาให้พัก"

เยลพยายามชะเง้อคอมองผ่านผู้คนที่รุมอยู่ข้างเตียงรุจเพื่อจะดูอาการคุณแม่ด้วยตัวเอง  แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าหลับใหลแค่เพียงครึ่งเดียวด้านหลังเอลลี่ที่ยืนอยู่  เอลคงจะยืนบังไม่ให้คนอื่นๆ เข้าใกล้รุจมากเกินไป  ไม่เข้าใจเลยว่าพยาบาลปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาในห้องได้ยังไง  คนไข้เพิ่งจะออกมาจากห้องผ่าตัดแท้ๆ  หรือเพราะมันเป็นห้องโคตรจะวีไอพีแบบนี้

"สวยยังกับเจ้าหญิงนิทรา"

อิซซาเบลตากระตุกเมื่อได้ยินจอห์นพูดแบบนั้น  แต่เยลแทรกขึ้นด้วยเสียงเข้มๆ ก่อนที่เธอจะทันได้ทัก

"พ่อ"

จอห์นยิ้มแห้งๆ  ลูบต้นคอแบบคนประหม่า  "พ่อแค่พูดความจริง  เยล  ลูกก็เห็นไม่ใช่เหรอ"

"ก็ใช่  แต่เวลาได้ยินพ่อพูดแบบนี้  มันทะแม่งๆ นะคะ"  เยลบอก  หน้าตาหาเรื่องใช่เล่น  "รุจเป็นของเยล  ไม่ใช่ของพ่อ  ของพ่อน่ะคนนั้น"

"ไม่ใช่รุจเป็นของเอลลี่หรอกหรือ"  จอห์นแซวแล้วหัวเราะ  "โอเคๆ  พ่อยอมแล้ว  รุจเป็นของลูก  แต่แน่ใจนะว่ารุจยอมเป็น..."

"แน่นอนอยู่แล้ว"  เยลตอบ  ยืดอก  พยายามจะทำตัวให้สูงเหมือนคุณพ่อ  ถึงจะเป็นไปไม่ได้  "แล้วพ่อมาไงอะ  แม่บังคับให้มาหรือ  พ่อเป็นคนบังคับแม่"

"เราตกลงกันว่าจะมา"  จอห์นตอบ  เป็นการเป็นงานขึ้นกะทันหัน  "ยังไงแม่เรากับรุจก็เป็นพี่น้องกันนะเยล"

"ก็แม่ทำไม่ค่อยเหมือนเลยนี่คะ"  เยลพูด  แล้วส่ายหน้า  "ช่างเถอะ  ถ้าแม่จะคิดช้าไปหน่อยว่ารุจเป็นน้องสาวก็ยังดีกว่าไม่คิดเลย"

จอห์นยิ้มอย่างเข้าใจลูก  เขาโยกศีรษะเยลเบาๆ  พลางยิ้มให้อิซซี่ที่ทำตัวไม่ค่อยถูกนัก  เมื่อต้องมาเจอเรื่องยุ่งๆ ในครอบครัวอัลเลนกับพาเวลส์

"แล้วลูกกับอิซซี่จะกลับปารีสเมื่อไหร่"  จอห์นเปลี่ยนเรื่อง 

"ขอดูอาการรุจอีกสักวันก่อนค่ะ"  อิซซาเบลตอบแทนเยลที่ตอนนี้ดูจะไม่มีกะจิตกะใจสนใจเรื่องอื่นแล้ว  เอาแต่บ่นพึมพำว่าทำไมเอลลี่ไม่ไล่คนพวกนี้ออกไปสักที  แล้วแบบนี้รุจจะพักผ่อนได้ยังไง

"เห็นเอลลี่บอกว่า  หมอจะให้กลับได้พรุ่งนี้เลยนะ  ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน  แต่เอลลี่ขอให้อยู่ต่ออีกสองวัน  กลัวกลับบ้านแล้วจะไม่ได้พัก"

"เห็นด้วยค่ะ"  อิซซาเบลรีบตอบ  เยลก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

"ถ้าแบบนั้นก็คงต้องอยู่ต่อกันยาวเลยสิครับ"  จอห์นพูด  อิซซี่มองหน้าเยลอย่างถามความเห็น  "เราไม่ต้องรีบไปเรียนหรือ  เยล"

"ไว้ไปตามจดเลคเชอร์ทีหลังก็ได้"  เยลบอก  มองคุณพ่ออย่างขอความเห็นใจ  จอห์นโอบไหล่ลูกสาว  เขย่าเบาๆ อย่างเข้าใจ  "พ่อจะอยู่จนรุจตื่นหรือเปล่า"

"อาจจะ"  จอห์นแบ่งรับแบ่งสู้  เขาเหลือบมองไปทางภรรยา  โซฟีดูเหมือนจะโล่งอกขึ้นกว่าตอนอยู่ที่บ้าน  คงเพราะได้เห็นกับตาแล้วว่ารุจโอเคจริงๆ  อย่างไรเสียทั้งสองก็เป็นพี่น้องกัน  และรุจก็เป็นน้องเล็กที่สุดของบ้าน

"พ่อว่าแม่รักรุจบ้างไหม"  เยลถาม  รู้ดีว่าไม่ใช่เวลา  แต่เธออยากรู้  อยากรู้มานานแล้ว  และทุกครั้งที่อยากจะถามแม่  เธอก็ต้องเตือนตัวเองว่า  ไม่ควรถาม  เกรงว่ามันจะไปทำร้ายจิตใจของท่าน  "พี่น้องกัน  ก็มีไม่ชอบหน้ากันได้"

"พ่อคงตอบแทนแม่ไม่ได้หรอก  แต่เท่าที่พ่อรู้สึก  ครั้งนี้แม่เป็นห่วงรุจไม่น้อยเลยละ"

ความเห็นของจอห์นในตอนนี้มีค่ามากกว่าที่เขาคิด  ลูกสาวยิ้มได้กว้างขึ้นอย่างที่เขาไม่เห็นเธอยิ้มมานานแล้วนับแต่พบว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของเขากับภรรยา  มันเป็นการยิ้มทั้งตาและปากแบบเด็กสาวตัวน้อยที่เขากับโซฟีเลี้ยงดูอุ้มชูมาตั้งแต่เกิด  เขาจำไม่ได้เลยว่าเขาคิดถึงมันมากแค่ไหน

"อิซซี่  อยู่นี่ก่อนนะ"  เยลหันไปบอกแฟนสาว  และขอตัวออกไปจากห้องพร้อมกับคุณพ่อ  เธอส่งสายตาให้คุณแม่ที่หันมามองกันพอดี  และโซฟีก็ตามเธอออกไปในเวลาไม่นาน 

"ลูกมีอะไรจะพูด  เยล  รอให้พ้นวันนี้ไปก่อนได้ไหม"

"ตอนแรกก็ตั้งใจว่าอย่างนั้นค่ะ  แต่ในเมื่อเรามากันพร้อมหน้าแล้ว  ก็พูดกันเลยเสียดีกว่า"

"แต่รุจยังไม่ฟื้น...ตื่น"  โซฟีแก้คำตัวเอง  เมื่อเห็นแววตาไม่สบายใจของลูกสาว  "แม่จะรอจนกว่าเขาจะตื่น"

เยลกำลังจะอ้าปากพูด  หากสายตาตักเตือนของคุณพ่อตรงหางตาก็หยุดเธอเอาไว้  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสลับคำพูดในหัวตัวเองและพูดมันออกมา  "หลังจากเรียนจบ  เยลจะกลับมาทำงานบริษัทคุณตา  แต่จะไม่อยู่บ้านเดียวกับแม่นะคะ"

โซฟีอึ้งไปเล็กน้อย  แต่ปรับสีหน้าได้เร็วเพราะทำใจไว้แล้วส่วนหนึ่ง  เธอพยักหน้า  ยอมรับว่ามืออุ่นๆ ของสามีที่ลูบหลังเธอช่วยได้เยอะ

"พร้อมจะฟังต่อไหมคะ"  เยลถาม  พยายามไม่ให้ฟังดูเร่งรัดเกินไป  แต่เธอก็ยังเห็นสายตาตำหนินิดหน่อยจากพ่อ  ซึ่งมันไม่แปลกเลย  พ่อเธอดูแลแม่ดีมากราวกับเจ้าหญิงน้อยๆ  เขาถนอมแม่มาก  ขณะที่สอนให้เธอรู้จักดูแลตัวเองและดูแลคนอื่นมาเสมอ  พ่อคงอยากให้เธอเป็นเหมือนเขา

"เราจะได้เจอกันบ่อยๆ ค่ะ  เยลสัญญา  บางวันเยลจะไปค้างด้วย"

"แล้วรุจพูดว่ายังไงบ้าง"

นี่เป็นคำถามที่เยลคิดไว้แล้วว่าจะต้องเจอ  เพราะแบบนี้เธอจึงต้องพูดมันก่อนที่รุจจะตื่น  รุจจะต้องขัดขวางเธออีกแน่ๆ

"รุจบอกให้รอเขาผ่าตัดเสร็จก่อนค่ะ"  เยลตอบ  "แต่เยลคิดว่าไม่จำเป็น  เพราะยังไงเยลก็ตัดสินใจไปแล้ว"

"เพราะไม่ว่ายังไง  ลูกก็จะไม่กลับมาบ้านใช่ไหม"  โซฟีเอ่ยด้วยท่าทีเจ็บปวด  แต่พยายามจะเข้าใจลูก  เธอเป็นคนบอกให้ลูกเลือกเอง  และลูกก็ได้เลือกแล้ว  ดังนั้นเธอก็ต้องทำตามสัญญา

"เยลแค่อยากมีสิทธิจัดการชีวิตตัวเอง  แต่ไม่ได้หมายความว่าเยลจะลืมบุญคุณพ่อแม่นะคะ"

"พ่อเข้าใจลูก"  จอห์นพูด  มองลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดู  ใช่ว่าเยลจะไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขามาก่อน  ลูกเกริ่นๆ มาตลอดอยู่แล้ว  อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเยลจึงอยากอยู่กับรุจมากกว่ากับเขาและภรรยา  เขาแค่รู้ว่าลูกต้องการแบบนี้  และเขายอมรับการตัดสินใจของเธอ

"เยลคิดว่าแม่รู้นะคะ  ว่าทำไมเยลต้องทำแบบนี้"  เยลเอ่ย  เธอจ้องตาสีฟ้าเยือกเย็นของมารดาอย่างกล้าหาญ  ระวังไม่ให้มันส่อแววแข็งกร้าวออกมา  "และเยลต้องขอโทษด้วยค่ะ"

แม่โซฟีพยักหน้าให้เธอแม้จะดูออกเลยว่าไม่เต็มใจ  เธออยากจะพูดอะไรอีก  แต่พ่อขอให้เธอพอก่อน  เราจึงกลับเข้ามาในห้องรุจด้วยกัน  และพบว่าพวกคนน่าเบื่อหายกันไปหมดแล้ว  น่าจะถูกเอลลี่หรือป้าอลิซไล่  รุจก็ตื่นแล้วด้วย  แต่ดูเหมือนยังมึนๆ อยู่

"ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น  แม่แค่จะไปทักทายเขาเฉยๆ"  โซฟีดักทางลูกสาว  เยลหน้าเจื่อนอย่างยอมรับผิด  คุณพ่อก็พยักหน้าให้เธอมั่นใจ  เยลจึงตัดสินใจยืนมองอยู่ห่างๆ  อิซซาเบลเข้ามาสมทบเธอทีหลัง

"เขาสบายดี  แต่ยังไม่ค่อยพูดอะไร"  อิซซี่รายงาน  "คงมึนยาสลบ  แต่เขาเหมือนจะมองหาเธออยู่นะ"

"ฉันเห็นแล้ว"  เยลบอก  สบตากับรุจที่มองมาจากเตียงและยิ้มให้    รุจก็ยิ้มให้เธอทั้งที่ยังดูล้าๆ อยู่

"พยาบาลเข้ามาเตือนอยู่ว่าให้เขาพักผ่อนมากๆ  ป้าเธอก็เลยไล่คนที่มาเยี่ยมไปหมดเลยละ  แต่จริงๆ ก็แค่มองปราดเดียวเท่านั้น  พวกนั้นก็พากันขอลากลับกันหมด  รุจยังไม่ตื่นเลยด้วย"

"นั่นละ  ป้าฉัน"

อิซซี่ยิ้มโล่งใจเมื่อเห็นเยลยิ้มได้  "ฉันจะกลับไปเอาเสื้อผ้านะ  จะไปด้วยกันไหม  แต่ฉันเอามาให้ด้วยก็ได้  เธอจะได้อยู่กับรุจ"

"แล้วเธอจะไปยังไง"  เยลถาม  ไม่ทันไรก็เห็นแอนเดรียยืนคุยกับใครสักคนอยู่ด้านนอกห้อง  ผมสีทองเหมือนกัน  น่าจะเป็นลิทซ์

"รับรอง  ฉันไม่หนีไปไหนแน่"  อิซซาเบลพูดเสียงขี้เล่น  หยิกแก้มเยลอย่างหยอกเย้า  ทำให้คนกำลังคิดมากยิ้มออกมาได้  "เธอจะได้อยู่กันตามประสาครอบครัว"

"ประโยคนี้แหละ  น่ากลัวมาก  อิซซี่"  เยลพูด  พยายามจะขำ  อิซซี่ลูบไหล่เธออย่างให้กำลังใจ  ก่อนจะหันไปมองรุจที่ยังอุตส่าห์หันมายิ้มให้

"จะรีบมาให้เร็วที่สุด"  อิซซาเบลบอก  แล้วหายไปกับสองคนที่ยืนงุ่นง่านอยู่นอกห้องนานแล้ว

............................

"เขาไม่หายไปไหนหรอก  ไม่ต้องเฝ้าก็ได้"

เยลกะพริบตาเมื่อได้ยินเสียงพูดกึ่งแซวดังขึ้นใกล้ๆ และผ้าห่มที่มาคลุมบนไหล่ตน  เธอพบในตาสีเขียวจัดที่ปกติน่ากลัวมาก  มองทอดมาอย่างอ่อนโยน  และร่างเล็กบางที่ลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เธอ  สายตานั้นเบนไปหาคนบนเตียงแทนเธอ  มือบางๆ เอื้อมไปจับมือที่วางนิ่งของคนหลับ  ลูบมันแผ่วเบา  เธอรู้สึกได้ถึงความห่วงหาอาทรจากสัมผัสนั้น  แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของมือ  แล้วเจ้าของจริงๆ จะไม่รู้ได้ยังไง

"ไปนอนสิ  ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาให้"  เอลลี่กระซิบ  ชำเลืองมามองเยลด้วยสายตาที่ยังไม่เปลี่ยนไป  "เขาแค่หลับเฉยๆ  ไม่มีอะไรต้องกลัว"

"แต่เขาดูซีด"

"เขาเพิ่งผ่าตัดมา  เชื่อสิว่าพรุ่งนี้เขาก็กลับมาพูดจ้อเหมือนเดิม"

เยลพยักหน้ารับรู้แต่ยังไม่ยอมลุกไปไหน  เธอมีหลายเรื่องที่อยากพูดกับเอลลี่  หากตอนนี้กลับคิดไม่ออกสักเรื่องว่าจะพูดอะไร  เธอได้แต่นั่งมองใบหน้าหลับใหลของรุจ  นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้สนใจเวลาเลยด้วยซ้ำ  อิซซี่คงหลับไปหลายตื่นแล้วด้วย

"ถึงฉันจะมีแม่แค่แป๊บเดียว  และไม่มีโอกาสเป็นแม่ใคร  ฉันก็เข้าใจเธอนะ"  เอลลี่พูด  สบตาเด็กสาวหน้าตาเหมือนคนรักตัวเอง  "รุจรักเธอมาก  เธอน่าจะรู้  ใช่ไหม  เพราะงั้นถ้าเขาจะทำอะไรเพื่อปกป้องเธอ  มันก็ไม่ได้แปลกอะไรเลย  เขาก็แค่อาจจะงี่เง่าไปบ้าง  แต่เขาเจตนาดี"

"เอลเข้าข้างเขา"  เยลว่า  เอลลี่เลิกคิ้วมองเธอขำๆ  "ก็จริงนี่  เอลน่ะเข้าข้างรุจตลอด  เอลก็คอยปกป้องเขาเหมือนกัน"

"เพราะเขาเป็นคนรักของฉัน"  เอลลี่ตอบชัดเจน  "เราแต่งงานกันมานานมากกว่าอายุของเธออีกนะ"

"นี่ข่มกันใช่ไหม"  เยลพูด  เอลลี่ยักไหล่อย่างไม่สนใจ

"ไปนอนได้แล้วไป  ฉันจะอยู่กับแฟนฉันสองคน"

เยลขมวดคิ้วให้เอลลี่ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้  เอาหนังสือมาอ่าน  มือจับมือรุจไม่ยอมปล่อย  ยอมรับว่าเธอรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ  ที่จริงอาจเรียกว่าอิจฉาก็ได้  แต่เพราะพวกเขาสองคนน่ารักกันเกินไปต่างหาก

"เฮ้ๆ  ไม่มีอะไร  นอนเถอะ"  เธอปลอบเมื่ออิซซาเบลขยับตัวจะลุกขึ้นจากที่นอนซึ่งเป็นเตียงสำรองสำหรับคนเฝ้าไข้  แต่ก็อย่างที่เจสซี่อวดไว้  ห้องนี้เหมือนห้องพักแบบดีลักซ์ในโรงแรมจริงๆ  เธอกับอิซซี่นอนกันเตียงนี้  และยังมีอีกเตียงไว้ให้เอลลี่นอนด้วย  แค่มันเล็กกว่าและอยู่ใกล้กับเตียงของรุจมากที่สุด  มันไม่มีก็แค่บาร์เครื่องดื่มที่มีเหล้าหลายชนิดให้เลือกเท่านั้น

"รุจล่ะ"  อิซซี่ถามงัวเงีย  ขยี้ตา  พยายามชะเง้อมองหารุจ  พอเห็นว่ารุจหลับอยู่  มีเอลลี่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงก็ทรุดลงนอนต่อ  กางผ้าห่มออกให้เยลเข้ามานอนด้วยกันด้วยความเคยชิน

"เขาหลับน๊านนาน"  เยลพูดเบาๆ  จับแขนอิซซี่มาพาดเอวตัวเอง

"หมอให้ยาไง  เขาจะได้ฟื้นตัวไวไว"  อิซซาเบลตอบ  ปัดเส้นผมบนใบหน้าอีกฝ่ายออกให้ด้วยปลายนิ้ว  "นอนได้ไหม  ถ้าไม่ได้  ฉันจะให้เจสซี่เอายานอนหลับมาให้"

"เขาอยู่เวรเหรอ"

"อยู่สิ  ป้าเจสสั่ง  และเขาก็คงอยากอยู่เองด้วยแหละ  เอาไหม  ฉันไปขอให้ก็ได้"

"ไม่เอาอะ  นอนๆ ไปเดี๋ยวก็หลับเอง"

"ก็เธอไม่ยอมนอน"

เยลยิ้มแห้งๆ  หน้าแดงขึ้นมาเมื่อนิ้วอิซซี่แตะเบาๆ บนริมฝีปากอย่างหยอกเอิน  "เธอก็เลยเหนื่อยไปด้วยเลย"

"ไม่ได้เหนื่อยสักหน่อย  ฉันแค่ไม่อยากกวนเขา  ให้เขานอนดีกว่า"

"ฉันพูดกับแม่แล้ว  เรื่องที่จะมาอยู่กับเขา"  เยลเล่า  อิซซี่เลิกคิ้วตั้งใจฟัง  "ก็น่าจะโอเคอยู่นะ  ดูเหมือนแม่จะเข้าใจ  แต่ปกติเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้ว  ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อยนี่  จริงไหม"

"ก็ใช่  แต่ความรู้สึกมันจะต่างกันเวลาเธอเรียนจบและกลับมา  แล้วไม่ได้กลับไปอยู่บ้าน"  อิซซาเบลอธิบายอย่างคนมีประสบการณ์มากกว่า

"แล้วเธอเคยไม่อยู่บ้านบ้างไหม  แบบที่ไม่ใช่ไปทำงานปารีส"

"ก็ไม่ค่อยนะ  ปกติฉันชอบอยู่บ้าน  เว้นว่าจะมาแอลเอ  และฉันก็ไม่ได้ไปค้างกับพวกแฝดบ่อยๆ หรอก  ส่วนใหญ่จะพักโรงแรม  รีสอร์ตริมทะเลแบบที่เราไปกันมา  ไม่เหมือนตอนเด็ก  ตอนเด็กๆ ฉันชอบอยู่กับแฝด  แต่ตอนนี้ฉันอยากไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า  ยกเว้นไปกับเธอนะ"

"นี่ถ้าไม่มี  'ยกเว้น'  ฉันต้องร้องไห้แน่"  เยลพูดทีเล่นทีจริง  ขยับไปจูบปากอิซซี่เบาๆ  แล้วถอยออกมามองตาสีฟ้า  "แล้วถ้าฉันกลับมาอยู่กับรุจ  เธอล่ะ  เธอจะอยู่ที่ไหน"

"ฉันก็อยู่บ้านฉันสิคะ"  อิซซาเบลตอบเร็วอย่างไม่ต้องคิด  เธอยิ้มขบขันเมื่อเยลหน้าเสีย  "ฉันไปๆ มาๆ นิวยอร์ก  แอลเอประจำ  แทบจะซื้อเครื่องบินเองแล้วนะ  เยล  ก็เหมือนรุจนั่นแหละ"

"แต่ฉันอยากเจอเธอทุกวันนี่"  เยลท้วง  "ฉันแทบไม่เคยอยู่ห่างจากเธอเลย  ตั้งแต่เราคบกัน  หรือเธอไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว"

"ก็อยาก  แต่ถ้าห่างๆ กันบ้างก็จะคิดถึงกันมากขึ้นนะ  แบบเอลลี่กับรุจไง"

"ไม่เอาอะ  ฉันไม่เก่งเท่ารุจหรอก  ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว"

"อยู่คนเดียวที่ไหนล่ะ"  อิซซาเบลพูดเสียงขำ  "เธอไปอยู่บ้านรุจนะ  ที่นั่นมีทั้งรุจทั้งเอลลี่  และยังมีหมาตัวใหม่ของรุจด้วย  มันชื่ออะไรนะ  ชื่อเหมือนเธอหรือเปล่า"

เยลหน้างอทันที  "ฉันจะฆ่าคนที่ตั้งชื่อให้มัน"

"ทำไมล่ะ  น่ารักดีออก  ว่าแต่ใครตั้งให้มันนะ"

"ยายลิทซ์"

อิซซาเบลเผลอหัวเราะ  และกัดปากตัวเองกลั้นขำ  ขณะที่เยลยังไม่เลิกหน้าบูด  "มันแค่คำพ้องเสียงเฉยๆ  จริงๆ ก็ออกเสียงไม่เหมือนกันด้วย  เจ้าฮัสกีนั่นมันชื่อ Yell (ตะโกน)  ไม่ใช่  Yael แบบเธอสักหน่อย"

"นั่นแหละ  ยายนั่นน่ะบ้าชัดๆ  ชื่ออื่นก็มีไหมล่ะ"

"เพราะชื่ออื่นมันทำให้นึกถึงเธอได้น้อยกว่าไง"

"เป็นข้ออ้างที่งี่เง่ามากเลยนะเนี่ย  แล้วรุจก็ยังเอาด้วยอีก"

"ก็เขาชอบ"

"งั้นฉันก็ต้องดีใจสินะ"  เยลทำเสียงประชด  และหลุดยิ้มเมื่ออิซซี่ดีดจมูกเธอเบาๆ  "เธอชอบทำเหมือนฉันเป็นเด็ก"

"ก็ยังเด็กจริงๆ นี่"  อิซซาเบลตอบ  คว้าตัวเยลมากอด  ลูบแผ่นหลังให้ตัวเองรู้สึกอุ่นใจ  "เดี๋ยวนี้ฉันติดกอดเธอไปแล้ว  ตุ๊กตาหมาน้อยของฉัน"

"ฉันเป็นตุ๊กตาหมาน้อยเมื่อไหร่เนี่ย"  เยลบ่น  แต่เสียงขาดความจริงจัง  คงเพราะเธอยิ้มชอบใจเสียขนาดนี้  "เธอเป็นวันเดอร์วูแมนของฉัน"

"ไม่เอา  ฉันอยากเป็นคนธรรมดาที่ได้อยู่กับเธอ"  อิซซี่ว่า  ขำตัวเองที่พูดแบบนี้ออกไป  "ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไง  ตลกล่ะสิ"

"เปล่า  ชอบ"  เยลตอบ  ลืมตัวจะจูบอิซซี่เต็มรัก  แต่โดนคนไวกว่าดันหน้าเอาไว้ได้ทัน 

"ฉันไม่โชว์แบบนี้ต่อหน้ารุจหรอกนะ"  อิซซาเบลบอก  พลางบุ้ยใบ้ไปให้เยลดูว่า  รุจตื่นแล้วและกำลังลุกขึ้นนั่งโดยมีเอลลี่ช่วยพยุง 

"เยล  มาพาแม่เธอไปเข้าห้องน้ำที  ตัวหนักมาก  ฉันไม่ไหวหรอก"

เยลลุกขึ้นเหมือนติดสปริงทันทีที่เอลลี่พูดแบบนั้น

อิซซี่นั่งมองทั้งสองอยู่บนเตียง  เห็นเมื่อไหร่เธอก็ชอบทุกที  เธอคงจะโรคจิตหน่อยๆ ละมัง  หรือบางทีเธออาจแค่ชอบที่เห็นเยลอ่อนโยนแบบนี้  รักครอบครัวแบบนี้  เพราะสำหรับเธอแล้ว  ครอบครัวสำคัญที่สุด

"อย่าทำหน้าเหมือนคุณแม่ที่ภูมิใจในตัวลูกแบบนั้นสิ"  เอลลี่พูดขึ้นเบาๆ  แต่เพราะห้องพักคนไข้มันเงียบ  อิซซี่จึงได้ยินมันและหน้าแดง  "เธอไม่เหมาะกับเจ้าแคลร์จริงๆ นั่นแหละ"

อิซซาเบลเลิกคิ้วกับประโยคนั้นที่เอลลี่เอ่ยขึ้นก่อนจะไปดูเยลกับรุจ  ช่วยสองคนนั้นด้วยการเปิดประตูห้องน้ำให้กว้างๆ  สมองส่วนหนึ่งของเธอพยายามคิดว่าเอลลี่ตำหนิเธออยู่หรือเปล่า  แต่อีกส่วนขณะเธอมองพวกเขาอยู่ตรงนี้  เธอรู้สึกว่าเยลได้เป็นส่วนหนึ่งของเอลลี่ไปด้วยแล้ว  ไม่ใช่แค่รุจ  โดยเฉพาะเมื่อเยลโดนเอลลี่บ่นจนหน้าหงิกหน้างอแบบนี้

"ยิ้มอะไรของเธอน่ะ  ฉันหูชาไปหมดแล้ว"  เยลพูดพร้อมกับนั่งตุบลงข้างอิซซี่บนเตียง  แต่แทนที่จะตอบคำถามอิซซี่กลับดึงเธอลงไปนอนด้วยกัน  หลับตาหนีไปเฉยเลย

"เธอเพี้ยนจริงๆ ด้วย  อิซซี่"  เด็กสาวบ่นงึมงำ  หากไม่ได้พยายามจะหนีออกจากอ้อมกอดของอิซซาเบลเลยแม้แต่น้อย



...........................


มันเป็นเรื่องของบ้านนี้  ก็ต้องเน้นคนบ้านนี้เนอะ  อิอิ   :02: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

21 พฤษภาคม 2018 เวลา 23:21:03
เหอะๆ ไอ้เด็กเยลนี่มันไม่โตซักทีเนอะ เด็กเวรมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
แสดงความคิดเห็น