web stats

ข่าว

 


กับดักของความรัก ตอนที่ 3 yuri

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 09 มกราคม 2017 เวลา 18:11:05 อ่าน: 758

   น้ำเสียงอ้อแอ้ของแต่ละคนทำให้คนมีสตินึกขำอยู่หลายครั้งอาจเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพวกสาวๆ เหล่านี้จึงพากันจัดเต็มและแม้จะต้องเดินทางกลับบ้านก็ไม่ต้องเป็นห่วงเมื่อแต่ละคนมีรถของที่บ้านมารับทั้งนั้น
   ดวงตาคู่หวานจ้องมองสภาพของเพื่อนแต่ละคนอย่างอนาถใจหากแต่ดูจากสภาพตัวเองก็คงจะไม่ต่างไปมากผิดกันแค่ในเวลานี้เธอมีที่พักพิงแสนสบายอยู่ข้างกาย
   "กลับกันเถอะ"
   หนึ่งในคนเมาเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ๆ อารมณ์อยากกลับบ้านเข้ามาเยือนและทันทีที่พูดจบเพื่อนแต่ละคนก็พยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง
   "พวกฉันกลับก่อนนะ"
   "บายยยย"
   "นี่แกไม่คิดไปส่งหน่อยเหรอ"
   "ไม่"
   "ชัดเจน?"
   วิมลเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านไม่มีทีท่าว่าจะลุกยืนแต่อย่างใด
   "ทีตะกี้ล่ะไล่เค้าเอาไล่เค้าเอาตอนนี้ตะปบเสียจนแน่นอย่างกับหนวดปลาหมึกที่กำลังรัดเหยื่อ"
   "ใคร!"
   "ยังจะกล้าถามอีกนะ"
   "ฉันเปล่าแกอยากได้ก็เอาไปเลย"
   ร่างกายใช่ว่าจะทำตามสิ่งที่พูดเพราะแม้ปากจะบอกว่ายกให้หากแต่แขนที่เกาะเกี่ยวใครอีกคนนั้นกลับแน่นขึ้นให้เพื่อนแต่ละคนได้ส่ายหน้านึกหมั่นไส้คนปากไม่ตรงกับการกระทำ
   ตอนไม่เมาล่ะถีบหัวส่งตะโกนว่าเกลียดจนกลายเป็นนางร้ายในสายตาของคนรอบข้างไปหมดหากแต่พอเมาเท่านั้นแหละกลายเป็นนางมารจะกินหัวคนที่เข้าใกล้กรวีร์เสียอย่างนั้น
   แบบนี้นิลลดาจะเข้าข่ายคนสองบุคลิกหรือเปล่านะ
   "จะกลับก็กลับสิจ้องอะไรนักหนา"
   "ไล่เลยนะ"
   "ดึกแล้ว"
   "กลับก็ได้ยะ"
   วิมลเอ่ยหน้างอก่อนจะหันไปส่งจูบให้กับใครอีกคนที่นั่งหาวอยู่ใกล้ๆ
   "พี่กลับก่อนนะคะน้องพลอย"
   "ออ ค่ะ"
   "จะไม่ไปส่งหน่อยเหรอ"
   "เอ่อ?"
   พลอยใสยังไม่ทันได้เอ่ยตอบวิมลก็ถูกเพื่อนที่เดินไปแล้วเดินกลับมาลากตัวออกไปเสียก่อนและแม้จะมีการขึงตัวออกแรงต้านหากแต่ก็ยังไม่สามารถสู้แรงคนที่กำลังลากตัวเองได้
   ทำไมนะ! ทำไมทุกคนถึงได้ไม่เข้าข้างเธอบ้างเลยขอเวลาอ้อยเด็กสักนิดสักหน่อยแค่นี้ก็ไม่ได้?
   เมื่อแยกย้ายกันไปหมดแล้วพลอยใสก็หันไปยังใครอีกคนที่ยังคงทำตัวเป็นปลิงเกาะแขนเพื่อนของเธอไม่ยอมปล่อย
   นึกอยากให้พี่สาวได้เห็นสภาพของตัวเองในเวลานี้เสียจริงๆ หากได้เห็นคงได้ร้องกริ๊ดจนบ้านแตกแน่หากได้เห็นว่าตัวเองนำพาร่างกายมาชิดใกล้กับคนที่ปากบอกเกลียดมากถึงเพี่ยงนี้
   "จะมองอีกนานมั้ย"
   กรวีร์เอ่ยเสียงเข้มว่าให้คนที่เอาแต่มองไม่คิดช่วยพลอยใสไม่รู้เลยหรือไงนะว่าเธอรู้สึกเกร็งแค่ไหนที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้และที่น่าขนลุกก็คือหากจู่ๆ สติของใครอีกคนกลับคืนมาเธออาจจะถูกเหวี่ยงออกไปไกลถึงนอกโลกเลยก็เป็นได้
   "ทำไมล่ะฉันว่าภาพแบบนี้หาดูยากออกน่าจะปล่อยให้เกิดขึ้นนานๆ"
   "สนุกว่างั้น"
   "ไม่ได้สนุกแต่มีความสุขต่างหากที่เห็นคน?รักกัน"
   สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนฟังถึงกับพ่นน้ำที่ดื่มออกจากปากก่อนจะต้องตกใจซ้ำสองเมื่อถูกมือของคนข้างๆ ตะปบเข้าที่ปากอย่างแรง
   "ทำอะไรของพี่เนี่ย"
   กรวีร์เอ่ยขึ้นทันทีเมื่อดึงมือที่ปิดปากตัวเองออกหากแต่ดูเหมือนใครอีกคนจะยังไม่สาแก่ใจถึงได้พยายามจะทำในแบบเดิมซ้ำอีกเดือดร้อนให้คนพูดล้อในทีแรกต้องเข้าไปดึงตัวพี่สาวขี้เมาให้ออกห่างจากเพื่อนรัก
   "ปล่อยฉันนะ"
   "ปล่อยแน่แต่เป็นในห้องพี่นู้นนะ"
   พลอยใสเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนรักอย่างเซ็งๆ
   "เมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที"
   "งั้นฉันกลับก่อนนะ"
   "เคพรุ่งนี้เจอกัน"
   เมื่อกรวีร์ผละออกไปแล้วก็ถึงเวลาลากตัวคนขี้เมาขึ้นห้องหากแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือถึงได้ออกแรงขัดขืนอยู่ตลอดเวลาและท่าทางน่าเป็นห่วงแบบนี้ก็ทำให้คนที่บอกจะไปต้องเดินกลับมาเพื่อช่วยให้เรื่องวุ่นวายจบเร็วขึ้น
   "เดี๋ยวฉันช่วยจะได้นอนเร็วๆ"
   "เอางั้นเหรอ"
   กรวีร์พยักหน้าก่อนจะพาตัวเองไปอยู่อีกข้างของคนเมาเพื่อช่วยกันหิ้วปีกพาไปส่งที่ห้องหากแต่ก่อนที่จะส่งถึงเตียงนอนคนเมาก็ออกแรงดิ้นอีกครั้งให้คนไม่ทันระวังได้ตกใจจนพากันสะดุดล้มกันเป็นแถบยังดีที่เบื้องหน้าเป็นเตียงนุ่มไม่อย่างนั้นคงได้มีใครเจ็บตัวกันบ้างแน่ๆ
   พลอยใสนึกหงุดหงิดกับความไม่มีสติของพี่สาวหากแต่พอจะหันไปต่อว่าก็ต้องตกใจเมื่อพี่สาวของตัวเองนอนทับใครอีกคนอยู่ในเวลานี้หากเธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และเพิ่งเข้ามาเห็นคงได้เข้าใจผิดกันยกใหญ่เป็นแน่เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ในเวลานี้มันส่อไปในเรื่องอย่างว่ามากจริงๆ
   "ให้ช่วยมั้ย"
   เป็นคำถามกวนประสาทที่ทำให้กรวีร์ต้องถลึงตาใส่คนพูดก่อนจะชี้ให้อีกฝ่ายมาช่วยจัดการกับใครอีกคนที่นอนทับตัวเองอยู่
   ท่าทางคนเมาคงจะน็อคไปแล้วถึงได้นอนนิ่งมากถึงเพียงนี้หากแต่เธอก็ยังไม่กล้าลงมือเองอยู่ดีกลัวเจ้าหล่อนจะสะดุ้งตื่นแล้วหันมาคว้าคอเธอไปบีบเข้าให้เพราะอาจจะนึกได้ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ชอบขี้หน้าเธอเลยสักนิด
   "ค่อยๆ เดี๋ยวตื่น"
   "กลัวพี่ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ"
   "ไม่ได้กลัวแต่แค่ไม่อยากให้ได้สติตอนนี้"
   "ทำไมกลัวโดนปล้ำเหรอ"
   ช่างเป็นการสนทนาที่กรวีร์ไม่นึกอยากจะเสวนาด้วยเลยสักนิดหากแต่ดูเหมือนท่าทางของเธอจะยิ่งทำให้คนแกล้งแหย่ถูกใจจนหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด

   "เรียบร้อยซะที"
   การจัดการกับคนเมาทำเอาคนสองคนถึงกับหมดแรงหากแต่ในวันนี้ยังหนักหนาไม่เท่าครั้งก่อนที่นำพาเรื่องวุ่นวายปวดหัวมาให้เครียดจนถึงทุกวันนี้หากแต่เมื่อเรื่องมันจบไปแล้วก็ไม่มีใครคิดอยากจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก
   ปล่อยให้มันจบและเงียบหายไปแบบนั้นแหละดีแล้วที่สุดแล้ว?

   แสงจากบานหน้าต่างแยงตาให้คนหลับสนิทได้รู้สึกตัวหากแต่มีหรือที่จะทำให้คนที่ยังไม่อยากตื่นลืมตาขึ้นมาได้
   นิลลดายังคงหลับตาและปล่อยให้สติที่เกือบจะกลับมาหลุดลอยออกไปอีกครั้งแต่บางอย่างที่แทรกเข้ามาในความคิดก็ทำให้ต้องลืมตาขึ้นมาจนได้
   เมื่อคืนมีบางอย่างสะกิดใจหากแต่บางอย่างที่แตะความรู้สึกนั้นมาจากใครกันนะ??
   เธอคงต้องยอมรับว่าเมื่อคืนสติของตัวเองรางเลือนเหลือเกินหากแต่กลับมีบางอย่างชัดเจนจนนึกเอะใจแต่เธอกลับทำสิ่งผิดพลาดเพราะไม่สามารถเปิดดวงตาของตัวเองให้จ้องมองชัดแจ้งได้แต่แม้ภาพนั้นจะเลือนรางราวกับความฝันหากแต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจนทำให้ต้องมาขบคิดอยู่แบบนี้แต่ท้ายที่สุดนิลลดาก็ไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้อยู่ดีเพราะทุกอย่างที่ได้สัมผัสมันราวกับความฝันที่ไม่น่าจะเคยเกิดขึ้นจริง

   วันนี้เป็นวันเปิดเรียนที่หนักเอาการเพราะใกล้สอบแล้วหากแต่ที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ก็คงจะเป็นสายตาหลายๆ คู่ที่จับจ้องมาของคนในโต๊ะ
   "มองกันขนาดนี้คงไม่ใช่แค่ตะลึงในความสวยของฉันหรอกใช่มั้ย"
   นิลลดาเอ่ยเปิดประเด็นเพราะทนกับสายตาและรอยยิ้มที่น่าสงสัยที่จ้องมองมาไม่ได้อีกต่อไป
   เธอเป็นคนเปิดเผยและไม่ชอบให้มีเรื่องค้างคาใจอยู่แล้วนั่นจึงทำให้พร้อมที่จะรับฟังทุกอย่างแม้จะรู้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ก็ตามที
   "ตรงๆ เลยนะ"
   "จัดมา"
   "แกชอบน้องเกมใช่มั้ย"
   คำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินดังขึ้นให้นิลลดาถึงกับหลุดความตกใจออกมาทางสีหน้าไม่ใช่ว่าถูกจับได้อะไรหรอกนะหากแต่เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้นมาได้ต่างหาก
   "พวกแกไปเอาความคิดบ้าๆ แบบนี้จากไหนกันรู้มั้ยว่าทำฉันขนลุกมากขนาดไหน"
   เจ้าของประโยคเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะลูบแขนของตัวเองไปมาเพื่อให้ขนที่ตั้งชันได้กลับไปนอนลงอีกครั้ง
   "เห็นมั้ยล่ะฉันบอกแล้วว่าช่วงสติมันอยู่ครบถามไปก็ไม่ได้ประโยชน์"
   "หมายความว่ายังไง"
   นิลลดาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจเธอไปแสดงความรักหรือความรู้สึกว่าชอบยัยเด็กข้างบ้านนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
   เป็นไปไม่ได้เพราะเพียงแค่คิดก็รู้สึกขนลุกขนพองไปหมดทั้งตัวแล้ว
   การพูดปากเปล่าดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ดังนั้นจึงจำเป็นต้องงัดหลักฐานที่เป็นรูปภาพขึ้นมาประกอบเพื่อมัดจำเลยให้แน่นจนไม่มีทางแก้ตัวได้อีก
   รูปภาพเกือบสิบรูปที่มองเห็นทำให้นิลลดาแทบเป็นลมเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็นไม่จริง! ต้องมีคนตัดต่อรูปพวกนี้แกล้งเธอแน่ๆ
   ไม่จริ๊งงงงงงงง?!
   "นี่พวกแกแกล้งฉันใช่มั้ย"
   คนพูดโยนมือถือที่เป็นหลักฐานคืนเจ้าของก่อนจะหันไปจับผิดคนรอบๆ โต๊ะที่ทำหน้าตามีลับลมคมในกันแทบจะทุกคน
   "แรงไปนะถ้ารูปหลุดไปจะทำยังไง"
   "พวกฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"
   "ก็พวกแกตัดต่อรูปน่าขนลุกพวกนี้ยังไงล่ะยังจะมีหน้าบอกว่าไม่ได้ทำอีกงั้นเหรอ"
   วิมลยื่นมือถือที่มีรูปให้คนพูดปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ายืนยันในคำพูดของทุกคนอีกเสียง
   "ไม่จริง"
   "ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อแต่เมื่อคืนแกแทบจะกลืนกินน้องเกมเข้าไปทั้งตัว"
    ประโยคเกินจริงถูกเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าจริงจังนั่นทำให้คนสับสนเริ่มรู้สึกลังเลเล็กน้อยหากแต่เพราะภาพความทรงจำมันรางเลือนจึงทำให้เธอไม่อาจที่จะพูดปฏิเสธได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
   นิลลดาหยิบมือถือที่มีหลักฐานสำคัญขึ้นมาดูอีกครั้งไม่คิดเลยจริงๆ ว่าตอนเมาเธอจะพาตัวเองไปเข้าใกล้คนที่ปากบอกว่าเกลียดได้มากถึงเพียงนี้
   "เพราะแกนั่นแหละ"
   เมื่อความรู้สึกกับภาพที่เห็นมันไปด้วยกันไม่ได้จึงทำให้เกิดแพะรับบาปขึ้นในทันทีและจะเป็นใครที่ไหนไปได้นอกจากคนที่เป็นตัวการดึงกรวีร์ให้มานั่งข้างๆ เธอ
   "ถ้าแกไม่ดึงยัยนั่นมานั่งข้างฉันฉันก็คงไม่ทำเรื่องน่าขนลุกแบบนั้น"
   "เอ้า! ความผิดฉันซะงั้น"
   "ใช่เพราะแกนั่นแหละ"
   "ฉันก็พยายามจับแกแยกออกจากน้องเกมแล้วนะแต่แกมันมือตุ๊กแกแกะยังไงก็ไม่ออกแถมยังฟ้อนเล็บใส่ฉันจนแสบไปหมด"
   คนพูดโชว์รอยเล็บเป็นหลักฐานให้คนจำอะไรไม่ได้หมดข้อโต้เถียงในทันทีหากแต่เหตุการณ์นี้มันก็ยากจะทำใจยอมรับนั่นจึงทำให้การโต้เถียงแบบไร้เหตุผลเกิดขึ้นอีกครั้ง
   เธอไม่มีทางยอมรับเรื่องที่น่าขนลุกนั่นได้เป็นอันขาด!
   "ฉันไม่ได้ทำ"
   "แต่แก?"
   "ฉันไม่ได้ทำและไม่มีทางที่ฉันจะอยากเข้าใกล้คนแบบนั้นพวกแกก็รู้ว่าฉันอยู่ใกล้ยัยนั่นทีไรก็ซวยทุกที"
   การปฏิเสธเสียงแข็งทำให้หลักฐานที่มีต้องตกไปอันที่จริงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักกับรุ่นน้องข้างบ้านมันก็ไม่มีอะไรในก่อไผ่อยู่แล้วแต่เพราะความหมั่นไส้เพียงตัวเดียวจึงทำให้พวกเธอแกล้งแซวและล้อเลียนไปแบบนั้น
   ความจริงและสิ่งที่เห็นก็คือนิลลดาไม่ชอบหน้ารุ่นน้องคนนี้สักเท่าไหร่หากแต่ที่น่าแปลกก็คือยิ่งไม่ชอบกลับยิ่งต้องผูกติดกัน
   "เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วนะล้อเล่นอยู่ได้ก็รู้อยู่ว่าไม่ชอบ"
   "เห็นกันทุกวันยังอุตส่าห์เกลียดกันได้อีกนะฉันล่ะไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ"
   "ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจรู้แค่ว่าไม่ชอบไม่อยากเข้าใกล้แค่นั้นก็พอ"
   น้ำเสียงสะบัดถูกเอ่ยออกมาอย่างดังตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของผู้เป็นเจ้าของที่พบว่าคนที่ถูกพูดถึงกำลังเดินตัวเป็นๆ มาพร้อมกับน้องสาวของตัวเอง
   พูดถึงก็โผล่หน้ามาให้เห็นเลยแบบนี้ท่าทางจะตายยากจริงๆ สินะ

   เป็นอีกครั้งที่คนมาใหม่รู้สึกถึงการถูกนินทาหากแต่มันก็ไม่สำคัญอะไรอยู่แล้วและเพราะในวงมีแต่ผู้หญิงการพูดถึงคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะแปลกใหม่อะไร
   "พี่นิลจะกลับบ้านหรือยัง"
   "ฉันจะกลับไม่กลับแกมายุ่งอะไรด้วยมาก็ไม่ได้มาด้วยกันเสียหน่อย"
   นิลลดาเอ่ยกับน้องสาวเสียงห้วนก่อนจะแลสาวตาไปยังคนที่มากับพลอยใสและยิ่งได้มองใบหน้าของคนๆ นี้มันก็ยิ่งเหมือนกับเป็นการย้ำเตือนในเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นเมื่อคืนมากขึ้นร้อนให้ต้องหยิบหนังสือที่วางข้างๆ ขึ้นมาอ่านเพื่อดึงความสนใจของตัวเองให้กลับมาแต่แล้วกลับยิ่งทำให้รู้สึกสึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อหนังสือในมือถูกใครอีกคนแย่งไปต่อหน้าต่อตา
   "นี่ฉันกำลังอ่านหนังสือนะมายุ่งอะไรด้วย"
   "กลับบ้าน"
   "อะไรของแกบอกแล้วไงจะกลับก็กลับไปก่อน"
   "รถพลอยเสีย"
   "แล้วยังไง"
   "ก็จะกลับด้วย"
   "แต่ฉันยังไม่กลับ"
   "อย่ามาโกหก"
   รอยยิ้มของคนพูดทำให้นิลลดาต้องเลื่อนสายตาไปยังใครบางคนที่อาจเป็นนกต่อส่งข่าวในเรื่องของตัวเอง
   "นี่แก?"
   "ฉันเอ่อ ฉันแค่พูดความจริง"
   วิมลมีอาการวิตกเล็กน้อยก่อนจะหันไปรับรอยยิ้มขอบคุณจากคนที่โทรมาถามข่าวจากตัวเองเมื่อสักครู่
   "ทีนี้จะกลับได้หรือยังคะ"
   คำถามชวนโมโหทำให้นิลลดาต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงทำไมนะ ทำไมเธอถึงหนีใครอีกคนไม่เคยจะพ้นและมันก็ยิ่งชัดเจนว่ายิ่งหนีก็ยิ่งต้องเจอกันมากขึ้นอาจเพราะกรวีร์อาศัยอยู่ข้างบ้าน เป็นเพื่อนกับน้องสาวและเป็นน้องรหัสของเธอนั่นจึงทำให้ต้องประสบพบเจอกันบ่อยๆ และยิ่งบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เธอนึกไม่ชอบใจมากเท่านั้น
   นึกขัดใจเสียทุกทีที่ได้มองเห็นใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของอีกฝ่ายทั้งๆ ที่การแสดงออกของเธอชัดเจนถึงเพียงนี้กรวีร์ก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไปไหน
   คงต้องรอให้เรียนจบก่อนกระมังถึงจะต่างคนต่างแยกย้ายกันได้หากแต่ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็จะนับวันรอเพราะเชื่อว่าหากวันนั้นมาถึงเธอก็จะมีแต่ความโชคดีเท่านั้นที่เข้ามาเฉียดใกล้
   ?อดทน รอคอยสองสิ่งนี้เท่านั้นที่เธอจะสามารถทำได้ในเวลานี้?
      

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น