กับดักของความรัก ตอนที่ 2 yuri
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 05 มกราคม 2017 เวลา 18:17:37
อ่าน: 901
|
วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นอีกหนึ่งวันที่บ้านของพลอยใสมักมีงานปาร์ตี้เล็กๆ เกิดขึ้นโดยมีพี่สาวตัวจี๊ดของเธอเป็นแกนนำชักชวนเพื่อนของเจ้าหล่อนมาสังสรรค์ทำบ่อยเข้าๆ ก็กลายเป็นงานประจำที่หากไม่มีคงทำให้ใครหลายๆ คนเหงาโดยเฉพาะคนจัดงาน "วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" ประโยคคำถามที่ดูธรรมดาหากแต่เมื่อมันออกมาจากปากของคนที่เป็นพี่สาวมีหรือพลอยใสจะไม่เข้าใจในความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ พี่สาวของเธอไม่ชอบให้มีคนอื่นอยู่ในงานปาร์ตี้ของเจ้าหล่อนโดยเฉพาะใครคนนั้นเป็นคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เธอคนนี้ "ไม่มีที่ไป" "ทำไมล่ะปกติพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินฉันก็เห็นแกออกจากบ้านไปแล้ว" "ก็ใช่" "แล้วทำไมวันนี้ไม่ไป" นิลลดาชายตาไปยังใครอีกคนที่ดูท่าจะไม่สนใจประโยคสนทนาของตัวเองกับน้องสาวเลยสักนิดทั้งๆ ที่เธอจงใจพูดเสียงดังเพื่อหวังให้อีกฝ่ายได้ยินแล้วนึกเกรงใจบ้างหากแต่มันจะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรเพราะตั้งแต่รู้จักกันกรวีร์ทำอย่างกับไม่รับรู้ถึงความเกลียดในหัวใจของเธอดูได้จากท่าทางไม่แยแสของอีกฝ่ายมันทำให้เธออยากตะโกนสิ่งที่คิดใส่หน้าอีกฝ่ายเหลือเกินจะได้ไม่ต้องทนอึดอัดใจกันอยู่แบบนี้ พลอยใสวางสมุดในมือลงก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่เอาแต่พูดไล่ตัวเองทางอ้อมและทุกอย่างก็ชัดเจนเมื่อเธอมองเห็นความไม่ชอบใจในดวงตาของพี่สาวที่จ้องมองไปยังเพื่อนของตัวเอง อันที่จริงมันก็ผิดวิสัยจริงๆ นั่นแหละที่คนชอบเที่ยวจะขังตัวเองอยู่บ้านในวันหยุดเช่นนี้หากแต่เพราะมันมีบางอย่างที่สำคัญกว่าจึงทำให้ไปไหนตามใจชอบไม่ได้อีกแล้ว "วันนี้ขออยู่ปาร์ตี้ด้วยสิ" "อะไรนะ!" "ตามนั้น" พลอยใสเอ่ยด้วยรอยยิ้มกวนๆ ก่อนจะหันไปทางคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง "ฉันจะไปเอาเบียร์แกเอาอะไร" "เหมือนแกแหละ" "โอเคงั้นรอแป๊บ" "นี่! จะเดินหนีฉันทั้งๆ ที่ยังคุยกันยังไม่จบไม่ได้นะ" แม้ประโยคข่มขู่ในน้ำเสียงจะถูกเอ่ยขึ้นมาอย่างดังหากแต่ก็ไม่สามารถหยุดคนเดินหนีได้และนั่นทำให้คนพยายามไม่สนใจได้รับผลกระทบไปด้วยเมื่อถูกสายตาคู่ไม่พอใจตวัดมาจ้องราวกับจะตะปบให้หน้าหงายและเหมือนคนถูกมองจะรู้ตัวถึงได้แสร้งมองไปทางอื่นหากแต่มีหรือจะหยุดคนพาลที่สติแตกไปแล้วได้ "ทำไมไม่ออกไปข้างนอก" "คะ?" "ชอบไม่ใช่หรือไงกินเที่ยวเนี่ย" "เอ่อ?" "น่าเบื่อ!!!" กรวีร์มองคนพูดเองเอ่อเองแถมยังปิดท้ายด้วยการสะบัดตูดเดินออกไปเสียดื้อๆ โดยที่เธอยังไม่ได้เอ่ยปากตอบในคำถามที่เจ้าหล่อนพูดขึ้นมาเลยสักคำหรือบางทีนิลลดาอาจจะพูดกับตัวเองก็เป็นได้เพราะเธอก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายรับรู้การมีตัวตนของเธอหรือเปล่า?
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นเมื่อเพื่อนของเจ้าของบ้านทยอยกันมาเกือบครบแล้วและทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของเจ้าของบ้านคนเล็กที่เอ่ยอ้างขอมีส่วนร่วมตั้งแต่ตอนเย็น "วันนี้ดีจังเลยนะมีรุ่นน้องหน้าใสของพวกเรามาร่วมด้วย" หนึ่งในเพื่อนสนิทของนิลลดาเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกายก่อนจะจับจ้องสายตาไปยังรุ่นน้องที่ตัวเองเอ่ยถึงทุกอย่างชัดเจนในความหมายเพราะแต่ละคนที่มาในวันนี้ต่างรู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้วยิ่งเวลาเมาก็ต่างพากันขนเรื่องน่าอายและความลับของเพื่อนในกลุ่มมาแฉกันให้สนุกปาก "พอเลยยัยมลนั่นน่ะน้องเพื่อนนะ" เพื่อนอีกคนเอ่ยปรามหากแต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดของวิมลไปได้หากแต่แทนที่พี่สาวตัวจริงจะพูดห้ามกลับยุเข้าใส่ให้คนคิดไกลได้ฉีกยิ้มพอใจออกมา "อยากได้ก็เอาไปเลยฉันยกให้จะแถมตั๋วเครื่องบินไปขั้วโลกเหนือให้ด้วย" "จริงอะ" "จริ๊งแต่ไม่มีตั๋วกลับนะเพราะเดี๋ยวมันจะหนีแกกลับมาบ้าน" เสียงหัวเราะชอบใจของคนทั้งโต๊ะดังขึ้นเมื่อพี่สาวใจร้ายเอ่ยจบและแม้จะนึกสงสารคนอายุน้อยหากแต่ก็อดที่จะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆ "ใจร้าย" วิมลเอ่ยว่าให้เพื่อนรักหากแต่รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่ในเวลานี้ก็ทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอทั้งพอใจและเต็มใจที่จะดูแลน้องสาวของเพื่อนคนนี้อย่างสุดกำลังและดูเหมือนปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่พี่สาวอย่างนิลลดาแต่กลับมาตกอยู่ที่คนที่เธอหมายตานี่แหละที่แสดงความกลัวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน "เป็นอะไรคะน้องพลอยทำไมทำหน้าแบบนั้น" "ปะเปล่าค่ะ" "แต่สีหน้าน้องพลอยออกมากเลยนะคะ" พลอยใสถึงกับหน้าซีดเมื่อถูกใครอีกคนรุกหนักหากแต่การแอบหัวเราะของเพื่อนตัวดีของตัวเองนี่แหละที่ทำให้รู้สึกเสียหน้าหากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อในเวลานี้เธออยู่ในดงของเสือสาวดาวยั่วทั้งนั้น อาจเพราะในตอนแรกเอาแต่เล่นมือถือจึงไม่รู้ตัวเลยว่าบรรดาหนุ่มๆ ที่มากลับไปหมดแล้วในเวลานี้จึงเหลือเพียงเพื่อนที่สนิทจริงๆ ของพี่สาวไม่กี่คนเท่านั้น "เอ่อ เบียร์หมดแล้วเดี๋ยวพลอยไปเอามาให้นะคะ" พูดจบพลอยใสก็ลุกขึ้นทันทีก่อนจะแอบสะกิดเพื่อนรักที่เอาแต่หัวเราะให้เดินตามออกมาและเมื่อรุ่นน้องที่น่ารักเดินลับสายตาไปแล้วเสียงหัวเราะชอบใจของกลุ่มเสือสาวก็ดังขึ้นทันทีไม่เว้นแม้แต่พี่สาวแท้ๆ ของพลอยใสที่รู้สึกชอบใจเพราะนานๆ ทีจะได้เห็นน้องสาวปากเก่งของตัวเองเปลี่ยนสภาพมาเป็นลูกแมวน้องแบบนี้ ดีล่ะถ้าวันไหนทำให้เธอโกรธล่ะก็แม่จะส่งยัยวิมลนี่แหละเข้าไปสั่งสอนเอาให้ร้องไห้ไม่หยุดกันเลยทีเดียว "ฉันว่าน้องเกมก็น่ากินนะ" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อการหัวเราะจบลงให้วิมลต้องทำท่าชั่งใจราวกับคิดหนักเพราะเลือกไม่ถูก "เงียบแบบนี้แสดงว่าลังเล" "คงงั้นมั้ง" "เจ้าชู้จริงนะแก" "ก็เด็กมันน่ากินจริงๆ นี่นา" "แล้วถ้าให้เลือกแกอยากกินใครล่ะ" "อืมมมม ฉันอยาก?" "พอได้แล้ว!" เจ้าของเสียงเอ่ยออกมาอย่างเหลืออดเพราะเริ่มรู้สึกว่าจะทนฟังเรื่องแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว การมีชื่อของใครบางคนอยู่ในประโยคสนทนาด้วยมันทำให้เธอรู้สึกเอือมจนทำให้รู้สึกหมดสนุกไปเลยทีเดียว "อะไรของแกอย่างบอกนะว่าอยู่ๆ ก็หวงน้องขึ้นมา" "เปล่าแต่ฉันแค่รู้สึกขนลุกเวลาที่แกพูดถึงยัยนั่น" คำว่ายัยนั่นสามารถระบุตัวของคนที่เอ่ยถึงได้ทันทีหากแต่ก็ยังไม่มีใครเข้าใจอยู่ดีว่าทำไมนิลลดาถึงได้ไม่ชอบหน้ารุ่นน้องคนนี้ได้มากถึงขนาดนี้ "นี่แกยังไม่เลิกเกลียดน้องเกมอีกเหรอ" "ฉันไม่ได้เกลียด" นิลลดาปฏิเสธเสียงแข็งหากแต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะฟังไม่ขึ้นเมื่อในเวลานี้ได้มีสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายคู่มองจ้องมาให้นึกกระอักกระอ่วนในอารมณ์มากขึ้นทุกที "อะไร!?" "ก็พวกฉันสงสัยว่าทำไมแกถึงได้ไม่ชอบน้องเกม" "นั่นสิฉันว่าน้องเค้าออกจะน่ารัก" "ฉันเห็นด้วยยิ้มทีโลกก็สดใสใครเห็นก็ต้องหันมองตามจนคอแทบหัก" นี่คือเรื่องจริงที่อาจจะฟังเกินไปบ้างหากแต่เมื่อสะดุดเข้ากับความน่ารักของกรวีร์เหตุการณ์ที่เกินจริงนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ "แล้วยังไงฉันไม่มีทางไปรวมอยู่กับกลุ่มคนพวกนั้นแน่ๆ" "แกอิจฉาน้องเค้ามากไปหรือเปล่า" "ฉันเนี่ยนะอิจฉา" "ก็ใช่น่ะสิฟังจากที่เล่าๆ มาและเห็นกับตาบางส่วนฉันก็รู้แล้วว่าน้องเกมแย่งความสนใจจากคนในบ้านแกไปจนหมดแกก็เลยพานไปโกรธไม่ชอบหน้าน้องเค้า" นี่คือเรื่องจริงที่ทุกคนในที่นี้สัมผัสได้เพราะทุกครั้งที่มีกรวีร์อยู่ด้วยนิลลดาก็จะถูกลดความสำคัญลงไปในทันทีไม่เว้นแม้แต่ในกลุ่มของพวกเธอเอง "ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น" "จริงอะ" นิลลดาตวัดสายตาคู่ไม่พอใจใส่คนที่พยายามเจาะลึกในความรู้สึกของตัวเองหากแต่การปะทะคารมก็ต้องหยุดลงเมื่อคนกลางของเรื่องกำลังเดินใกล้เข้ามา "เกลียดๆ แบบนี้แหละตัวหวงเลยนะฉันว่า" ใครอีกคนยังคงพูดแซวให้นิลลดาต้องหันไปมองตาขวางก่อนจะตวัดสายตากลับไปจับจ้องยังคนที่อยู่ในหัวข้อการสนทนา "ฉันบอกตรงนี้เลยนะว่าถ้าใครอยากได้ยัยนั่นก็เอาไปเลยดีเสียอีกจะได้ไม่อยู่รกหูรกตาให้รำคาญลูกตาอยู่แบบนี้" นิลลดาเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะหันไปมองคนรอบโต๊ะที่มองมาทางตัวเองด้วยสายตาล้อเลียนนั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวนึกอยากจะแก้ตัวเพิ่มหากแต่ดูเหมือนจะต้องกลืนสิ่งที่คิดลงคอเสียก่อนเพราะหากเอ่ยอะไรออกมาในตอนนี้ใครอีกคนคงได้รู้แน่ว่ากำลังถูกนินทาอยู่ในขณะนี้ "มาแล้วค่ะ" พลอยใสเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นความนิ่งเงียบเกิดขึ้นในกลุ่มที่ไม่น่าจะหุบปากได้นานเกินนาทีนั่นทำให้นึกสงสัยว่าคนทั้งกลุ่มอาจกำลังพูดถึงตัวเองกับเพื่อนรักอยู่ก็เป็นได้ "เอาวางไว้แล้วแกกับ?จะไปไหนก็ไปเลยฉันจะคุยกับเพื่อนฉัน" นิลลดาเอ่ยไล่คนที่ทำให้ตัวเองนึกอึดอัดหากยิ่งมองเห็นรอยยิ้มล้อเลียนของเพื่อนๆ ก็ยิ่งทำให้ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเพราะทุกอย่างมันไม่มีความจริงเจือปนอยู่เลยสักนิด อย่างเธอเนี่ยนะจะหวงคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้า ไม่มีทาง! เธอนึกอยากจะถีบหัวส่งใครคนนั้นเสียด้วยซ้ำคนอื่นๆ จะได้หันมาสนใจเธอบ้างไม่ใช่เอาแต่โอ๋ยัยเผือกนี่ให้นึกโมโหอยู่ทุกวันแบบนี้ "แกนี่ยังไงนะพวกฉันอยากคุยกับน้องพลอยกับน้องเกมมากกว่าคุยกันเองอีก" "นั่นสิเจอหน้ากันทุกวันยังจะคุยอะไรอีก" ดูเพื่อนแต่ละคนของเธอสิที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเลือกอยู่ฝ่ายไหนและคงไม่ต้องรอคำตอบเมื่อคนที่เธอขับไล่ทั้งสองถูกฉุดให้นั่งลงเป็นที่เรียบร้อยและที่ทำให้รู้สึกขัดใจก็คงจะเป็นการวางตำแหน่งในการนั่ง สายตาและรอยยิ้มของแต่ละคนนั้นสื่อความหมายได้ดีว่ากำลังคิดจะทำอะไรนิลลดาผลักคนที่นั่งข้างๆ ให้เขยิบห่างออกไปอย่างอารมณ์เสียหากแต่ดูเหมือนยิ่งผลักก็ยิ่งมีแรงดันกลับมาให้นึกหงุดหงิด "ไม่มีที่นั่งที่อื่นงั้นเหรอ" กรวีร์หันไปมองคนที่ตวาดใส่ตัวเองอย่างงงๆ หากแต่มันใช่ความผิดของเธอเสียที่ไหนในเมื่อเพื่อนของคนโวยวายต่างหากที่ดึงเธอให้มานั่งตรงนี้ "ยังจะมองหน้าอีกลุกไปเลยนะ" "คุณนิลลดาขาใครจะนั่งตรงไหนจะเดือดร้อนอะไรนักหนาคะ" "ฉันไม่ชอบนั่งใกล้คนแปลกหน้า" "แปลกที่ไหนนี่น้องเกมที่อยู่ข้างบ้านแกไง" "ใช่แถมตอนไปเรียนยังพ่วงตำแหน่งน้องรหัสแกอีก" "ช่ายยยย แล้วที่สำคัญพวกฉันรู้มาว่าเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวแกด้วยนะเพราะฉะนั้น?" "พอๆ หยุดพูดจะทำอะไรก็ทำหยุดสาธยายเสียที?น่ารำคาญ!" น้ำเสียงห้วนถูกเอ่ยออกมาเพื่อหยุดทุกเหตุผลที่เป็นเรื่องจริงหากแต่คนเดียวที่ได้รับสายตาคาดโทษกลับเป็นคนที่ไม่ได้เอ่ยเถียงเลยสักคำอย่างกรวีร์ให้เจ้าตัวต้องแอบลอบถอนหายใจยาวๆ และนึกอยากเร่งเวลาให้เดินไปเร็วๆ นี่เพียงแค่อาทิตย์แรกของการสังสรรค์เธอยังถูกเล่นงานเสียอ่วมถึงเพียงนี้หากต้องมาร่วมด้วยทุกอาทิตย์เธอคงได้หยอดน้ำข้าวต้มในสักวันเป็นแน่หากแต่เพราะความจำเป็นจึงทำให้เลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ ความกังวลผุดเข้ามาในความคิดพร้อมๆ กับคำถามสุดท้ายที่ทำให้หนักใจเป็นที่สุด?ว่า?แล้วเมื่อไหร่กันล่ะที่เรื่องบางเรื่องจะจบลงเสียที? เมื่อไหร่ที่ทุกอย่างจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ จะทำแบบนั้นได้จริงๆ หรือ?จะทำได้จริงๆ ใช่ไหม????
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|