web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 105
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 84
Total: 84

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 6  (อ่าน 2039 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
ตอนที่ 6
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 19:14:06 »
ตอนที่ 6

   เช้าวันต่อมาหญิงสาวตัวเล็กเตรียมตัวออกไปทำงานตามปกติแต่เมื่อเดินไปยังรถเธอก็พบเข้าใครบางคนที่มายืนรออยู่ก่อนแล้ว
   “เธอมาทำอะไรไม่ใช่สิฉันควรจะถามว่าเธอเข้ามาได้ยังไง”
   รวิกานต์ยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมกับชี้ไปที่รั้วบ้านของเธอทั้งคู่
   “นี่ปีนรั้วเข้ามาเหรอน่าจับส่งตำรวจจริงๆ”
   “ถ้ารอให้คุณมาเปิดประตูชาตินี้ก็ไม่รู้จะได้เข้าหรือเปล่า”
   ละอองดาวมองหน้าคนพูดที่ดูจะไม่ใส่ใจกับการกระทำของตัวเองเลยแม้แต่น้อยด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจแต่เธอก็ทำได้เพียงถอนหายใจแรงๆออกมาเท่านั้นเพราะไม่สามารถทำอะไรคนตัวสูงได้จริงๆ
   “เอาล่ะๆช่างเถอะว่าแต่มีอะไรไม่ทราบ”
   “มาขอคุณไปส่งทำธุระในเมืองหน่อย”
   คนตัวเล็กชำเลืองมองเข้าไปที่บ้านของคนพูดก่อนจะดึงสายตากลับมา
   “รถที่บ้านเธอก็มี”
   “ก็ไม่อยากขับ”
   “เลยจะให้ฉันเป็นสารถีให้ว่างั้น”
   “แค่ขอให้ไปส่ง”
   “แต่ฉันไม่ได้เข้าเมืองเสียใจด้วย”
   พูดจบละอองดาวก็เปิดประตูขึ้นรถทันทีแต่กลับโดนคนที่ยืนอยู่ดึงประตูไว้ไม่ให้ปิด
   “เธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”
   “ไอ้เราก็กะว่าทำธุระเสร็จจะพาไปกินข้าวกับพี่กรซะหน่อยว๊าๆแย่จัง”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาอย่างสุดแสนเสียดายก่อนจะยิ้มออกมาแบบกวนๆพร้อมกับโบกมือให้คนในรถช้าๆ
   “ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้า”
   คนตัวเล็กทำท่าคิดหนักอย่างเห็นได้ชัดจนรวิกานต์ต้องงัดไม้ตายที่เพิ่งนึกได้เมื่อกี้มาใช้
   “อย่าคิดมากโอกาสยังมีอีกเยอะ…ถ้าพี่กรไม่เสร็จพี่อรไปซะก่อนนะ”
   คนพูดเอ่ยออกมาอย่างขำๆแต่คนฟังนี่สิชักจะหัวเราะตามไม่ออกซะแล้วละอองดาวกระชากประตูรถปิดอย่างแรงก่อนจะลดกระจกลงเพื่อเรียกให้คนที่ยืนอึ้งอยู่ขึ้นรถ
   รวิกานต์รีบวิ่งขึ้นรถอย่างเร็วเพราะเกรงว่าหากชักช้าไปมากกว่านี้คนที่จะโดนอัดไม่ใช่อรวรรณแต่คงเป็นเธอแน่ๆ
   ระหว่างทางคนขับเอาแต่วุ่นกับการกดรับสายและโทรออกจนคนนั่งข้างๆเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยแต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเหมือนคนขับจะอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา
   “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลื่อนประชุมพูดไม่รู้เรื่องหรือไง!”
   นี่เป็นอีกประโยคหนึ่งที่ทำให้รวิกานต์ขนลุกไปทั้งตัวทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกมามันดูน่ากลัวขนาดเธอไม่ใช่คนถูกว่าโดยตรงยังรู้สึกหวิวมาขนาดนี้แล้วคนในสายไม่ร้องไห้ไปแล้วหรือนี่
   “ถ้าทำไม่ได้ก็เก็บข้าวของออกไปได้เลย”
   จบประโยตหญิงสาวตัวเล็กก็กดวางสายก่อนจะโยนมือถือไปไว้เบาะหลังแบบหน้าตาเฉย
   “เคลียร์งานเสร็จซะที”
   รวิกานต์ยกมือเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาทั้งๆที่แอร์ในรถถือว่าเย็นมากในระดับหนึ่งแต่เพียงได้ยินการเจรจาของคนตัวเล็กก็ทำให้เธอรู้สึกเสียวไปหมดทั้งตัว
   “เป็นอะไรนั่งเงียบเชียว”
   “เปล่าแค่ไม่อยากให้คุณเสียสมาธิ”
   คนฟังหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยินไม่อยากจะเชื่อว่าคนข้างๆจะคิดอย่างนั้นจริงๆ
   “ไม่อยากจะเชื่อ”
   คนตัวสูงหันไปเป่าปากโล่งอกที่นางยักษ์ได้กลายร่างกลับมาเป็นคนธรรมดาแล้วอย่างน้อยที่สุดเธอก็น่าจะมีชีวิตรอดจากการนั่งรถคันนี้แล้ว
   “ว่าแต่คราวหน้าช่วยนัดหรือบอกล่วงหน้าหน่อยนะฉันจะได้เตรียมตัว”
   “ก็เห็นคุณออกบ้านซะสายเลยนึกว่าไม่ได้ทำงาน”
   “อยู่ไหนฉันก็ทำงานได้…ไม่ได้ลอยไปลอยมาเหมือนใครบางคนหรอก”
   “ว่าใคร”
   “ไม่ต้องคิดมากว่าให้เธอนั่นแหละอยู่กันแค่นี้ยังไม่รู้อีก”   
   รวิกานต์แทบจะกระโจนไปบีบคอคนที่ว่าให้เธอแล้วไหนจะรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้นั่นอีกมันน่านักแต่มานั่งคิดดีๆหากเธอทำแบบนั้นคนที่จะถูกสอยให้ร่วงก่อนน่าจะเป็นเธอมากกว่า   “พูดเรื่องจริงอึ้งเลยเหรอ”
   “เปล่าไม่รู้จะคุยอะไร”
   “งั้นเล่าเรื่องพี่ชายเธอมาสิฉันจะได้รู้ว่าคุณกรชอบหรือไม่ชอบอะไร”
   ละอองดาวเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปอมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
   “ก็ได้…พี่กรชอบสีเขียวแต่ฉันชอบสีฟ้าพี่กรไม่ชอบกินเผ็ดแต่ฉันชอบกินเผ็ดแซบๆยิ่งถูกใจมาก”
   คนพูดยิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อนึกถึงอาหารจานโปรด
   “เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าฉันอยากรู้แค่เรื่องคุณกร”
   “คุณชอบพี่ชายฉันก็ต้องเอาใจฉันด้วยมันเป็นเรื่องที่ถูกที่สุด”
   “สิบล้านนี่ยังไม่พออีกเหรอ”
   คนตัวเล็กเอ่ยออกมาเบาๆแต่กลับทำให้คนฟังถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
   “พอมั้ยอะ”
   น้ำเสียงและใบหน้าใสซื่อที่ถูกส่งมาทำเอารวิกานต์แทบอยากจะกระโดดลงรถแต่นั่นเป็นเพียงความคิดเมื่อสิ่งที่เธอทำได้คือการพยักหน้าพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้คนถามเท่านั้น
   “โอเคงั้นต่อเลย”   
   “ค่ะต่อก็ต่อเอ่อ…พี่กรเป็นคนฉลาดรอบคอบสุขุมนุ่มลึก…”
   รวิกานต์ยังพูดไม่จบก็ถูกคนที่นั่งข้างๆพูดแทรกทันที   
   “แต่ฉันว่าข้อนี้เธอน่าจะตรงข้ามกับพี่ชายหมดเลยนะ”   
   ละอองดาวหัวเราะชอบใจกับประโยคที่ตัวเองเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปเจอกับใบหน้าบูดของคนที่เธอว่าให้
   “หลอกด่ากันชัดๆ”
   “เรื่องจริงทั้งนั้น”
   “ค่ะ!ชายในฝันของคุณดูดีที่ซู๊ด…”
   “แน่นอนยะ”
   “เค้าถึงว่าความรักทำให้คนตาบอด”
   “แล้วอยากตาบอดโดยไม่มีความรักหรือเปล่าล่ะ”   
   คนฟังถึงกับถอยหลังติดประตูรถเพราะเกรงว่าประโยคที่ได้ยินอาจจะเป็นจริงได้
   “เธอนี่ตลกนะ”
   “แต่คุณน่ากลัว”
   “อยากเห็นที่น่ากลัวกว่านี้มั้ยล่ะ”
   รวิกานต์รีบส่ายหน้าทันทีก่อนจะฝืนยิ้มออกมาแบบกล้าๆกลัวๆ
   “ถามอะไรหน่อยสิ”
   คนตัวสูงเอ่ยออกมาหลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน
   “อะไร”   
   “คุณทำไมชอบใช้กำลังจัง”
   “ฉันเนื๊ยนะ”
   “ก็เอะอะก็ล็อคคอตีเข่ามัดแขนฟันศอก”
   คนพูดแทบไม่หายใจเมื่อได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาเพราะมันคือเรื่องจริงที่เธออยากระบายให้ใครได้ฟังแต่ไม่คิดว่าคนที่เธอเลือกพูดด้วยจะเป็นคนที่กระทำทุกท่าที่เอ่ยออกมากับเธอ
   “ฉันจะบอกให้นะว่าเธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้เจอของดีแบบนี้”
   คนฟังถึงกับอ้าปากค้างนี่เธอควรดีใจใช่มั้ยกับเรื่องที่ได้ยิน
   “เธอก็เห็นว่าฉันอยู่บ้านคนเดียวฉันจึงต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง”
   “คุณทำได้ดีมาก”
   “ได้ลองใช้จริงก็กับเธอนี่แหละไว้มาซ้อมมือกันอีกนะ”
   “ไม่เอาอะ”
   “ก็เธอชมว่าฉันทำดีเธอก็ต้องมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันบ่อยๆสิ”
   รวิกานต์ส่ายหน้าไปมาเธอไม่อยากจะคิดว่าหากต้องกลายมาเป็นกระสอบทรายให้คนข้างๆได้ฝึกมือไปตลอดมันจะน่ากลัวมากขนาดไหน
   “ที่นี่แหละจอดรออยู่นี่นะเดียวมา”
   จู่ๆคนตัวสูงก็เปลี่ยนเรื่องพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จอดรถของคอนโดแห่งหนึ่ง
   “เธอจะให้ฉันรอในรถเนื๊ยนะ”
   “แป๊บเดียวเองไปละ”
   พูดจบรวิกานต์ก็วิ่งตัวปลิวออกไปจากรถทันทีทิ้งให้คนตัวเล็กต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่เพียงลำพังในรถผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคนที่บอกให้รอก็ยังไม่โผล่หัวมาสักทีละอองดาวพยายามหาเพลงฟังเพื่อดับอารมณ์ที่เริ่มจะระอุขึ้นเรื่อยๆไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะสามารถนั่งรอใครได้นานมากขนาดนี้
   ละอองดาวก้มลงเก็บของที่ทำหล่นที่พื้นก่อนจะนำขึ้นมาวางไว้ที่เดิมแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาภาพที่เห็นก็ทำให้เธอถึงกับอึ้งทำของร่วงลงพื้นอีกครั้ง…ไม่อยากจะเชื่อ!
   คนตัวสูงเดินกลับมายังรถด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าแต่พอก้าวเท้าขึ้นรถเท่านั้นแหละเธอก็พบใบหน้าบูดบึ้งของคนที่รออยู่
   “ไปแป๊บเดียวเองไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนี้เลย”
   “เกินครึ่งชั่วโมงบ้านเธอเรียกว่าแป๊บเหรอ”
   รวิกานต์มองนาฬิกาแว๊บหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ว่าให้เธอ
   “ขอโทษๆเสร็จธุระแล้วเราไปนั่งรอพี่กรที่ร้านอาหารได้เลยนะ”
   “แน่ใจนะว่านัดไว้แล้ว”
   “ไม่มีพลาด”
   คนตัวสูงพูดพร้อมกับดีดนิ้วเสียงดังช่างเป็นท่าทางที่ทำให้คนมองรู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย
   
   ในร้านอาหารสองสาวนั่งรอเวลาอยู่ครู่หนึ่งชายหนุ่มที่นัดไว้ก็เดินทางมาถึงละอองดาวยังยิ้มไม่ทันจะสุดก็ต้องค่อยๆหุบยิ้มลงเพราะใครบางคนที่เดินมากับภาสกรหญิงสาวตัวเล็กหันไปมองหน้าคนที่เป็นตัวการในนัดครั้งนี้เชิงคำถามแต่กลับได้รับเพียงการส่ายหน้าไปมา
   “ขอโทษทีที่มาสายสวัสดีครับคุณดาว”
   ภาสกรเอ่ยออกมาอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้คนที่มาด้วย
   “ขอบคุณค่ะกรสวัสดีค่ะน้องกานต์แล้วก็คุณดาว”
   อรวรรณเอ่ยทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มที่เธอมาด้วย
   “นั่งรอกันนานหรือยังครับ”
   รวิกานต์ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะแอบสะกิดคนที่นั่งนิ่งเหมือนโดนสาปให้ได้คืนสติกลับมา
   “คุณดาวดูเหนื่อยๆนะครับ”
   “อ๋อ…ไม่หรอกค่ะอาจเพราะ…”
   หญิงสาวสบตากับคู่อริอย่างเป็นทางการครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้ารวิกานต์
   “เพราะต้องไปส่งกานต์หลายที่น่ะตั้งแต่เช้าเป็นสารถีคงจะเหนื่อยแย่”
   รวิกานต์พูดออกมาแทนเพราะขืนให้อีกคนพูดคาดว่าวงอาจแตกได้
   ภาสกรพยักหน้ารับรู้ก่อนจะชำเลืองมองไปยังละอองดาวที่วันนี้ดูจะไม่ค่อยยิ้มเอาซะเลยจากนั้นทั้งโต๊ะก็ลงมือสั่งอาหารมาทานโดยมีอรวรรณเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องเมนูเด็ดของร้านนี้และเมื่ออาหารมาเสริฟทุกคนก็ไม่ผิดหวังอย่างที่เจ้าหล่อนคุยจริงๆ
   รวิกานต์สะกิดคนที่เอาแต่เขี่ยอาหารในจานไปมาทำอย่างกะเด็กหาของถูกใจไม่เจออย่างนั้นแหละ
   “มีอะไร”
   “ทำไมไม่กิน”
   “ไม่มีอารมณ์”
   คนตัวเล็กพูดพร้อมกับมองไปยังชายหญิงคู่ตรงหน้าที่ดูเอาใจกันมากจนเธอแทบอยากจะคว่ำโต๊ะโดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่น่าเอาปูผัดผงกะหรี่เทใส่หน้า
   “กินซะหน่อยสิ”
   รวิกานต์ยื่นจานที่แกะเปลือกกุ้งเรียบร้อยแล้วให้ละอองดาวก่อนจะสับเปลื่ยนจานของคนตัวเล็กออก
   “ฉันไม่กิน”
   “ที่นี่ของสดมากนะไม่ลองจะเสียดาย”
   “เรื่องของฉัน”
   ละอองดาวสะบัดหน้าไปมองทางอื่นแต่ก็ยังแอบมองจานที่วางตรงหน้าเป็นระยะๆรวิกานต์ยิ้มออกมาอย่างรู้ทันก่อนจะจัดอาหารชุดเด็ดลงไปวางที่จานให้คนงอแงต้องรีบหันมาอย่างเร็ว
   “เนื้อปูของแท้ไม่มีเปลือกถ้าไม่รีบหม่ำอาจโดนแย่งได้”
   คนพูดทำท่าเลียริมฝีปากไปมาจนละอองดาวต้องเอื้อมมือไปจับซ้อมมาทิ่มที่เนื้อปูเอาไว้
   “ของฉันอย่าคิดแย่ง”
   ท่าทางเด็กหวงของทำเอาคนช่างแกล้งถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นก่อนที่จะรีบปิดปากเพราะเกือบโดนคนตัวเล็กยกปูทั้งตัวมาจิ้มที่หน้า
   “น่ารักจังเลยนะคะคู่นี้”
   อรวรรณเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนสงสัยก่อนจะหันไปขอความเห็นจากชายหนุ่มที่นั่งมองทั้งสองสาวไม่ต่างไปจากเธอ
   “กรก็เห็นด้วยกับอรใช่มั้ยคะ…ว่าคู่นี้เค้าน่ารัก”
   ภาสกรไม่ได้ตอบอะไรออกมานอกจากรอยยิ้มที่ดูฝืนๆความจริงเขาก็สังเกตเห็นอะไรหลายๆอย่างที่ดูเป็นความลับระหว่างละอองดาวกับน้องสาวของเขาแต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะสายตาของเพื่อนบ้านสาวยังคงจับจ้องอยู่ที่เขา…
   ส่วนทางด้านคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังเมามันกับรสชาติของอาหารที่ทั้งสดและอร่อยอย่างที่คนข้างๆเชิญชวนจริงๆจนเธอไม่อยากจะเชื่อเพราะใช่ว่าตัวเองจะไม่เคยลิ้มลองอะไรแบบนี้มาก่อนหากแต่ครั้งนี้มันได้ความรู้สึกที่แตกต่างและดีอย่างไม่น่าเชื่อหรืออาจเป็นเพราะคนที่มาทานด้วยคือคนที่เธอพอใจจึงทำให้มื้อนี้ได้อรรถรสอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน…
   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.