Yuri-Read
รายชื่อนักเขียน A- Z => n-ew => กว่าจะรักกัน...เท่าวันนี้ => ข้อความที่เริ่มโดย: n-ew ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 14:06:12
-
-บทที่ ๒-
เช้าวันนี้แดดใสแจ๋ว พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแต่หัววัน และที่สำคัญวันนี้เป็นวันหยุดของดลยา เธอได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าประตูบ้าน เลยวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วเสียงดังโครมคราม ด้วยเข้าใจว่าเป็นวุฒิชัย เพื่อนที่อยู่ซอยถัดไปเอาหนังสือที่ยืมไปมาคืน
“มาแต่เช้าเลยนะแก...อ้าว...คุณป้าสาวิตรีมาหาแม่เหรอคะ หนูนึกว่าเพื่อนเลยเสียงดังไปหน่อย แฮะๆ...เชิญค่ะ” ดลยารีบยกมือไหว้เพื่อนของแม่ ก่อนจะเชื้อเชิญให้เข้าบ้าน แล้ววิ่งจู๊ดนำเข้าบ้านไปก่อน โดยไม่ทันมองว่ามีใครอีกคนเดินตามเพื่อนของแม่เข้ามาด้วย
“แม่ค๊า...ป้าสาวิตรีมาหาค่ะ” ตะโกนโหวกเหวกบอกแม่ซึ่งอยู่หลังบ้าน
“เบาๆ หน่อยลูก โตเป็นสาวแล้วนะเราน่ะ ยังทำตัวเป็นลิงเป็นค่างอยู่อีก อายป้าเค้ามั่ง” แม่ชี้หน้าคาดโทษ แต่ไม่ได้ทำให้หญิงสาวสลดลงเลยแม้แต่น้อย ยังหันมายิ้มระรื่นกับเพื่อนแม่ ซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“อายทำไมคนกันเองใช่ไหมคะป้า” พอหันมาหาผู้เป็นป้าที่เดินตามหลังมา ก็ชะงักงันกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ป้าสาวิตรี ก่อนจะร้องเสียงดังอย่างลืมตัว
“คุณ...” ร่างบางผงะถอยร่นไปเล็กน้อย อย่างตระหนก ที่เห็นคู่อริมายืนอยู่ตรงหน้า หรือว่าจะตามมาเอาเรื่องเธอด้วยเรื่องเมื่อวาน แต่ก็แข็งใจถามออกไป
“คุณมาที่นี่ทำไม...” ไม่มีเสียงตอบกลับ นอกจากรอยยิ้มยียวน
“เอ้า...รู้จักกันแล้วเหรอ” สาวิตรีถามอย่างแปลกใจ
“บังเอิญเจอกันเมื่อวานเช้าค่ะแม่ น้องเค้าเข้าใจว่ารันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะคะ” มิรันตีบอกผู้เป็นแม่แทน เมื่อเห็นสาวน้อยยืนอ้าปากหวอตกใจไม่หาย
“นี่พี่รันไง หรือมิรันตีลูกสาวป้าเอง ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่หนูยังตัวเล็กๆ คงจะจำกันไม่ได้แล้วล่ะ นี่น้องดิวลูกสาวป้ากัลยาไงลูก จำน้องได้ไหมตอนเด็กๆ ชอบไปร้องขอขนมลูกกินบ่อยๆ น่ะ” สาวิตรีแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ดลยาหน้าแดงเข้มอย่างอับอาย และพาลโกรธคนที่ส่งยิ้มกริ่มมาให้อย่างเคืองๆ โชคดีที่แม่ออกมาขัดจังหวะได้ทัน
“ไม่หาน้ำหาท่ามาให้ป้าเค้าล่ะ ลูกคนนี้ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวเอาซะเลย” กัลยาเดินบ่นลูกสาวออกมาจากหลังบ้าน
“ขอโทษทีนะสาที่ปล่อยให้รอ พอดีทำกับข้าวติดพันไปหน่อย เอ๊...นี่ใครล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นยายรัน...” กัลยามองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อนรัก ก่อนจะเอ่ยทักอย่างคลับคล้ายคลับครา
“จะใครที่ไหนล่ะ ยายรันนั่นแหล่ะ” สาวิตรีบอกยิ้มๆ
“ต๊าย...โตเป็นผู้ใหญ่สวยขนาดนี้เชียว ถ้าเจอกันข้างนอกนี่จำกันไม่ได้จริงๆ เลยนะเนี่ย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” ลูบหลังไหล่หญิงสาวเบาๆ เมื่อมิรันตีเข้าไปกราบที่ตัก
“กลับมาได้สองสามวันแล้วล่ะ มัวแต่ไปหาเพื่อนเค้านะแหล่ะ เลยไม่ได้พามาหาเธอ วันนี้ต้องจองคิวล่วงหน้านะ ถึงพามาได้เนี่ย” สาวิตรีบอกเพื่อนรัก แต่ก็อดกระแหนะกระแหนลูกสาวไม่ได้
“แหม...แม่ก็ พอดีไม่ได้เจอเพื่อนนานมากนะคะคุณป้า ก็เลยต้องเจอกันให้หายคิดถึงหน่อย” อ้อมแอ้มบอกเพื่อนแม่อย่างเขินๆ
“เป็นธรรมดาจ๊ะ เอ๊...แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่เลยหรือเปล่าจ๊ะ” บอกยิ้มๆ อย่างเข้าใจ
“มาอยู่เลยค่ะป้า ไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียวอีก พี่นนท์ก็ย้ายออกไปอยู่ใกล้ที่ทำงานเค้าล่ะ แม่เค้าบ่นเหงาค่ะ” บอกยิ้มๆ เมื่อเห็นอีกคนประคองถาดใส่น้ำ เดินหน้ามุ่ยเข้ามา
“เอ้า...วางให้มันดีๆ เดี๋ยวน้ำก็หกเลอะเทอะพอดีกัน แล้วมาไหว้พี่รันเค้าซะด้วย น้องดิวไงจำกันได้หรือเปล่า” บอกพร้อมกับดึงลูกสาวที่กำลังจะเดินออกไปให้นั่งลงข้างๆ
“สวัสดีค่ะ ... “ ยกมือไหว้ตามคำสั่งแม่ อย่างเสียไม่ได้โดยไม่ยอมสบสายตาที่มองมา
“ตอนที่รันไปเรียน น้องเค้ายังเด็ก ยังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เลย แต่ตอนนี้โตเป็นสาว...ว ...สวย ใครจะจำได้คะป้า” มิรันตีแกล้งลากเสียง พร้อมส่งสายตาล้อเลียน ทำให้ดลยายิ่งรู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าลูกสาวเพื่อนแม่สักเท่าไหร่ แต่ทำได้เพียงนึกค่อนขอดในใจ ‘ยายบ้า...ทำไมจะต้องทำสายตาแบบนั้นด้วยนะ’
“แล้วหนูรันจะทำงานเลยหรือไงจ๊ะ” กัลยาเอ่ยถามอย่างเอ็นดู
“จะทำธุรกิจกับเพื่อนค่ะ ตอนนี้ก็กำลังคุยๆ กันอยู่ น่าจะอีกสักเดือน ตอนนี้อยากจะพักให้หายเหนื่อยก่อนน่ะค่ะ”
“เค้าบอกเบื่อเป็นลูกจ้างคนอื่นแล้ว ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน” สาวิตรีพูดเสริมยิ้มๆ อย่างภาคภูมิใจในตัวลูกสาว
“ดีแล้วล่ะจ๊ะ จะทำเกี่ยวกับอะไรเหรอ พอจะมีตำแหน่งว่างให้เจ้าดิวหน่อยไหมล่ะ นี่ก็อีกไม่กี่วันก็จะจบแล้วล่ะ ก็ยังห่วงๆ อยู่” กัลยาเอ่ยบอกด้วยถือว่าเป็นคนกันเอง
“แม่...ถามหนูก่อนหรือเปล่าว่าหนูอยากไปทำไหม...หนูเรียนการเงินมานะคะ จะไปทำอะไรให้เค้าได้” แย้งแม่เบาๆ อย่างรู้สึกอายที่แม่ทำแบบนั้น
“เรียนการเงินมาเหรอคะ ดีเลยพี่กำลังอยากได้คนดูแลเรื่องนี้ให้อยู่พอดีเลย เอาเป็นว่าพี่จองตัวไว้เลยนะคะ”
“จริงเหรอจ๊ะหนูรัน ป้าดีใจที่สุดเลยถ้าน้องได้ไปทำงานกับหนูรัน ป้าจะได้เลิกห่วงเค้าซะที” กัลยาเอ่ยออกมาอย่างดีอกดีใจ
“แม่ค่ะ หนูอยากทำงานธนาคาร ยังอยากเป็นสาวแบงค์ อยู่นะคะ” โต้แย้งแม่ออกไปอย่างขัดใจ ยิ่งเห็นอีกคนทำตาแพรวพราวยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“จะไปเดินหางานทำไมให้ยุ่งยากล่ะ เงินเดือนเด็กจบใหม่จะได้สักเท่าไหร่เชียว ทำกับพี่เค้าดีแล้ว บ้านอยู่ใกล้กัน ไปด้วยกันประหยัดค่ารถไปด้วย...ใช่ไหมจ๊ะหนูรัน” ดุลูกสาวเบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้มิรันตี
“ใช่ค่ะคุณป้า แต่ถ้าน้องเค้าอยากทำตามความฝันของเค้า ก็ให้น้องเค้าลองดูก่อนก็ได้นะคะ แต่พี่อยากให้น้องดิวลองคิดดูดีๆ มีงานรออยู่แล้ว จะไปแย่งที่คนอื่นทำไม ส่วนเรื่องเงินเดือนพี่ให้ 3 เท่าของเงินเดือนตามวุฒิเลยค่ะ ลองคิดดูก่อนก็ได้นะคะ ยังเหลือเวลาให้คิดได้อีกนานค่ะ” บอกยิ้มๆ
“เห็นไหม พี่เค้าให้เงินเดือนเยอะขนาดนั้น ยังจะบ้าไปเดินหางานต๊อกๆ อยู่อีกเหรอ”
“มันเกี่ยวกับความมั่นคงต่างหาก” บอกออกไปอย่างขัดเคืองใจ ที่แม่เห็นคนที่เธอไม่ค่อยชอบ ดีไปหมดทุกอย่าง
“เอ๊...ลูกคนนี้ ดื้อจริงเชียว”
“อย่าไปดุแกนักเลย ให้เวลาเด็กเค้าได้คิดทบทวนอีกทีล่ะกัน ของแบบนี้เราจะไปบังคับเค้ามากไม่ได้หรอก อีกอย่างหนูดิวก็ยังเรียนไม่จบ บริษัทยายรันก็ยังไม่ได้เปิด อย่าเพิ่งมาทะเลาะกันเลย” สาวิตรีรีบปรามเพื่อน
“ก็ดูมันสิ เอาแต่ใจตัวเอง...เอ่อ...ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันซะเลยนะ ทำกับข้าวเสร็จแล้วล่ะ ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับหนูรันเลยล่ะกันนะจ๊ะ ดิวไปจัดโต๊ะไป” บ่นที่ลูกสาวไม่ได้อย่างใจ ก่อนจะเอ่ยชวนเพื่อน ดลยารีบลุกออกไปตามคำสั่งแม่เงียบๆ อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวหนูไปช่วยดีกว่าค่ะ” บอกพร้อมกับเดินตามหญิงสาวที่ก้าวยาวๆ เข้าไปในครัวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง อย่างขัดใจอะไรบางอย่าง
“ทำหน้าบึ้งแบบนั้นจะอร่อยเหรอคะ” มิรันตีแกล้งล้อเบาๆ ก็ตั้งแต่เธอเดินตามเข้ามาช่วยจัดนั่นจัดนี่ ยังไม่มีทีท่าว่าสาวเจ้าจะคลายใบหน้าที่บูดบึ้งลงเลย
“เกี่ยวอะไรด้วย...” ถามเบาๆ แต่เสียงยังแข็งกระด้างอย่างไว้ท่า
“เกี่ยวสิ ถ้าเราทำหน้าบูดหน้าบึ้ง บ่งบอกถึงอารมณ์ข้างในไม่ดี ทำอะไรมันก็จะออกมาไม่ดี คนที่เค้ามองมาก็จะพาลกินอะไรไม่อร่อยด้วย” บอกพร้อมกับยักคิ้วให้น้อยๆ ทำเอาคนที่ฟังเกือบหลงเคลิ้ม ชักสีหน้าทันทีเมื่อเห็นหน้ากวนๆ นั้น
“ชิ...ทำเป็นรู้ดี ฉันไม่ใช่เด็กนะ จะได้มาหลอกได้ง่ายๆ”
“อื้ม...ไม่เด็กแล้วจริงๆ ด้วย...” มิรันตีแกล้งจ้องมองหน้าอกที่เด้งคับเสื้อออกมาสายตาแพรวพราว ทำเอาสาวเจ้ารีบยกมือกอดอกอย่างลืมตัว หน้าแดงซ่านอย่างเขินอายสายตานั้น ก่อนจะส่งเสียงต่อว่า
“บ้า...” แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไป มิรันตีมองตาม ยิ้มอย่างรู้สึกสนุกที่ได้แกล้ง และเห็นใบหน้าที่เขินอายของหญิงสาว
ขณะที่นั่งทานข้าวกัน กัลยาก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ
“สา...เอ่อ...อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะจ๊ะ พอดีพ่อของเจ้าดิวเค้าจะย้ายไปประจำที่ตราดอยู่วันสองวันนี่แล้ว ฉันก็คงต้องตามไปดูแล ห่วงก็แต่ยายตัวยุ่งนี่แหล่ะ ถึงแม้จะมีป๋อมอยู่ด้วยแต่ก็ไม่วางใจเลย อยากจะขอให้เธอกับหนูรันช่วยดูแลดิวมันหน่อยจะได้ไหม...พอทางโน้นเข้าที่เข้าทาง ฉันก็คงจะกลับมาอยู่กับลูกล่ะ” กัลยาเอ่ยบอกเพื่อนด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ
“โธ่โอ๊ย...เรื่องแค่นี้เอง เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันยินดีจะดูแลให้อย่างเต็มที่เลย หนูดิวก็เหมือนลูกสาวฉันคนหนึ่งเหมือนกัน ยิ่งมีรันอยู่ด้วยเธอไม่ต้องกลัวเลย จะให้ดูแลน้องอย่างดี ไม่ต้องห่วง” สาวิตรีตบลงไปบนหลังมือเพื่อนเบาๆ
“ได้ยินแบบนี้ฉันค่อยเบาใจหน่อย เหลือเทอมสุดท้ายแล้ว พอเค้าจบออกมาทำงานทำการแล้ว ก็คงหมดห่วงแล้วล่ะ ป้าฝากน้องด้วยนะจ๊ะหนูรัน” ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันมาฝากฝังกับมิรันตี ที่ยิ้มรับอย่างเต็มอกเต็มใจ ต่างจากอีกคนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ อย่างขัดเคืองใจที่แม่เที่ยวไปฝากตัวเองไว้กับคนอื่น เหมือนกับเธอเป็นเด็ก
“อย่าไปดื้อกับป้ากับพี่เค้านะ” หันมาบอกลูกสาว ซึ่งได้แต่รับคำเบาๆ
“ค่า...”
มิรันตีอมยิ้มน้อยๆ อย่างถูกใจ เมื่อมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวงอง้ำ เหมือนคนที่เอาแต่ใจตัวเองแล้วโดนขัดใจ ยิ่งเงยหน้ามาเห็นเธอมองอยู่ ยังสะบัดหน้าค้อนขวับวงใหญ่ให้ ทำเอาเธอกลั้นเสียงหัวเราะแทบไม่อยู่ ...