web stats

ข่าว

 


อีกครึ่งของหัวใจ : ตอนที่ยี่สิบเก้า

โพสต์โดย: ลำเนา วันที่: 12 กันยายน 2017 เวลา 13:14:51 อ่าน: 464

   มิรายิ้มๆ หลังจากแยกย้ายจากกลุ่มเพื่อน หากแต่ว่า รถดนุซึ่งตาม มานั้นทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก ถึงแม้จะพูดคุยกันก่อนแยกย้าย  ดนุอาสาจะขับรถตามมาส่งจนถึงคอนโดมีเนียม แต่มิราไม่อยากให้ตามไปคงต้องหาทางหลบเลี่ยงเข้าซอยลัดเลาะไปตามเส้นทางที่นับเงินเคยพามาและก็ได้ผล เพราะดนุขับตามมาห่างๆ จึงไม่ทันสังเกตเห็นรถยนต์คันที่มิราขับนั้นเลี้ยวเข้าซอยไป

   นับเงินนั่งทำงานเพลินๆ ได้ยินเสียงไขประตูห้องเลยยิ้มออกไม่คิดว่า มิราจะแวะมา หลังจากไปรับประทานอาหารมากับเพื่อน

   "ดึกแล้ว ยังทำงานอยู่หรือ ตัวเล็ก" นับเงินยิ้มๆ กับคนที่ไม่ได้เดิน เข้ามาแค่เพียงชะโงกหน้ามาให้เห็น

   "เข้ามาก่อนดีไหม ไปยืนชะโงกอยู่ทำไมน่ะ"

   "มานี่สิ ขี้เกียจถอดรองเท้า แวะมาแป๊บเดียว จะไปอาบน้ำนอนแล้ว"   "ถอดให้ก็ได้นะ รองเท้าน่ะ"

   "ยื่นหน้ามา ขอหอมแก้มทีก็พอแล้วล่ะ" มิรายิ้มๆ กับคนที่ทำหน้าตาแปลกๆ เดินมาที่หน้าห้อง

   "ฝรั่งก็น่ารักไปนะ" นับเงินอมยิ้มหันแก้มไปตามบัญชาของมิรา

   "รักเมื่อไร บอกด้วยนะ จะได้รู้ตัว" มิรายิ้มๆ จูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากของนับเงินที่ขยับตอบรับเล็กน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้ม

   "ขอคลีนหัวใจอีกหน่อยน่ะ จะได้สบายใจและบอกได้อย่างเต็มปาก"

   "เจ้าค่ะ ไปนอนแล้ว สตางค์ก็นอนได้แล้วนะ งานไม่ได้รีบขนานนั้น"

   "ดูงานรอมิรากลับ ฝันดี รีบอาบน้ำนอนนะ ฝรั่ง"

   "ไนท์ๆ จ๊ะ ไปแล้วนะ"

   "ไนท์ๆ ฝันดีนะ" นับเงินยิ้มๆ มองดูคนที่เดินตรงไปที่ลิฟต์ เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของตัวเอง แถมยังหันมาส่งจูบคล้ายๆ ตอนที่ออกจากห้องเสื้ออีก นับเงินยิ้มให้กับความน่ารักของมิราที่ดูสบายๆ หรืออาจจะเพราะตัวเองมาก กว่าที่ดูยังมีอะไรค้างคาอยู่ในใจ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่า ยังคงรู้สึกกับ พิชชามากมายขนาดไหน ทั้งๆ ที่กำลังมีมิราเดินเข้ามาในชีวิต ซึ่งแอบคิดอยู่เหมือนกันว่า ไม่ค่อยยุติธรรมนักสำหรับมิรา

   พิชชาหายเงียบไปทำให้นับเงินรู้สึกหัวใจนิ่งๆ กับความเศร้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ต้องขอบคุณคนที่เดินดุ่ยๆ เข้ามา ช่วยให้ยิ้มและหัวเราะได้ โดยเริ่มจากการยียวนกวนประสาท นับเงินยิ้มๆ เมื่อมิราเข้ามานั่งอยู่ด้วยในรถ

   "เหมือนได้กลิ่นกุหลาบเลย" นับเงินรำพึงออกมาเบาๆ มิรายิ้มน้อยๆ ให้คนที่หันมามองสบตาด้วย แต่ไม่ได้พูดอะไร

   "เมื่อวาน พี่ดนุ เอามาให้ตอนเย็น แล้วขอตามไปกินข้าวด้วย"

   "ดีสิ มีชายหนุ่มไปดูแลสาวๆ" นับเงินพูดแต่ไม่ได้หันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เคลื่อนรถเพื่อเดินทางไปยังห้องเสื้อตามปกติ

   "คงดีมั้ง เห็นคุยกับเพื่อนมิราถูกคอเชียว" มิราอยากบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ หลังจากนับเงินขับรถไปเงียบๆ จนกระทั่งสายเรียกเข้าของพิชชานั้นปรากฏขึ้น นับเงินชำเลืองมองแต่ไม่ได้รับสายเพราะกำลังขับรถอยู่

   "เย็นนี้กลับด้วยกันไหม" นับเงินหันมาถาม หลังจากถึงห้องเสื้อและจอดรถเรียบร้อย

   "ไม่กลับกับสตางค์ แล้วมิราจะกลับยังไงล่ะ" มิราถาม มองคนที่หยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและทำท่าจะลุกออกไป แต่ก็ถูกดึงตัวเอาไว้ มิราจูบเบาๆ ไปที่แก้มของคนที่หันมาจ้องมองคนที่ยิ้มทะเล้นให้และเปิดประตูเดินเข้าห้องเสื้อไปก่อน

   "เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่ได้ ยังจะไปหวงเขาอีก ไอ้สตางค์เอ๊ย"

   ณฤดียืนจิบกาแฟอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มมีรถของพนักงานเข้ามาจอด  มากขึ้น ไม่ค่อยมีใครเห็นนักว่า ณฤดีชอบมายืนมองจากทางหน้าต่างบริเวณนี้ ถ้าใครรู้เข้าอาจจะเห็นว่า กำลังจ้องจับผิดพนักงานที่มาทำงานสาย ณฤดียิ้มกับความคิดของตัวเอง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถยนต์ของนับเงินซึ่งพอจะรู้ว่า มิรากับนับเงินนั้นมาทำงานด้วยกัน แต่ภาพที่เห็นมิรากำลังประทับรอยจูบไปที่แก้มของนับเงินนั่น ทำเอาณฤดีคิดถึงอนงค์นารถขึ้นมา จะรู้ไหมว่าน้องทั้งสองคนมีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกกล่าวกับคนเป็นพี่สาวทั้งสองฝ่าย

   "ไอ้สตางค์เอ๊ย อะไรจะไวไฟขนาดนี้" ณฤดีรำพึงออกมาเบาๆ รู้สึก ไม่ค่อยสบายใจนักกับภาพที่เห็น อันที่จริงไม่ได้คิดจะว่าอะไร ถ้าหากนับเงินไม่ได้เพิ่งเลิกราจากพิชชา และถ้าอนงค์นารถรู้เรื่องนี้เข้าจะคิดอย่างไร

   มิรายิ้มจางๆ เมื่อเห็นนับเงินเดินคุยโทรศัพท์พอเข้ามาถึงห้องทำงานก็วางสายพอดี จึงทำทีเป็นไม่สนใจ แต่อันที่จริงถือเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งไม่ควรจะสนใจเพราะจะทำให้ไม่สบายใจเปล่าๆ

   "พีชทะเลาะกับแม่เลยโทรฯ มาร้องไห้ใหญ่เลย" นับเงินบอกกับมิราไม่ได้เจาะจงอะไร เล่าให้ดูเป็นเรื่องปกติเหมือนที่มิรารู้สึกว่า ดอกไม้ที่ได้รับจาก ดนุนั้นเป็นเรื่องปกติเช่นกัน

   "นึกว่าจะเข้ามาดูชุด" มิราบอก เพราะชุดพิชชานั้น บางชุดใกล้จะเสร็จแล้ว คงทันตามนัดหมายที่ได้พูดคุยกันเอาไว้

   "เห็นว่า จะเข้ามานะ" นับเงินบอกแอบชำเลืองมองคนที่ยังคงนั่งนิ่งๆ จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่

   "รับทราบค่ะ" มิราพูดเพียงแค่นั้น

   "ตกลงพรุ่งนี้ไปเขาดินเนอะ" นับเงินบอก มิราหันมายิ้มๆ แล้วพยักหน้าไม่คิดว่า นับเงินยังจำได้ว่าเคยพูดคุยเรื่องพาไปเที่ยวกันเอาไว้

   "ตัวเล็กจำได้ด้วย" มิรายิ้ม

   "ไม่ค่อยมีใครเข้ามาให้จดจำบ่อยๆ นี่ อ๊ะ น้อยนิดแต่ตั้งใจให้" นับเงินนำดอกมะลิลาที่เบ่งบานสามดอกวางข้างๆ มือมิรา ซึ่งส่งกลิ่นหอมขจรขจายจนคนที่นั่งนิ่งๆ ยิ้มๆ รีบหันมาและสูดกลิ่นหอมนั้นในทันที มิรายิ้มหยิบดอกมะลิอย่างทะนุถนอมขึ้นมาหนึ่งดอก ตั้งใจจะบอกขอบคุณคนที่นำมาให้แต่เห็นเดินออกไปด้านนอก และกลับเข้ามาพร้อมกับใบตองทีถูกพับเป็นกระทงใบน้อยวางให้ นับเงินหยิบดอกมะลิสองดอกที่วางอยู่ค่อยๆ วางลงในกระทงใบนั้น มิรามองสบตากับคนที่มองอยู่พอดี

   "เอามาเข้าประกวดสู้กุหลาบช่อใหญ่เมื่อวานหรือ" มิราถาม

   "อันนี้ไม่ถึงหนึ่งบาทเลยมั้ง จะไปสู้ได้อย่างไร" นับเงินพูดพึมพำเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

   "นำหน้าไปตั้งเยอะแล้ว ไม่ได้ใจง่ายให้ใครถูกเนื้อต้องตัวเหมือนใครบางคนหรอกนะ" มิราแลบลิ้นล้อนับเงินที่ยิ้มเจื่อนๆ ในทันที

   "อะไรก็ไม่ดีสักอย่าง น่าสงสารตัวเองจริงจริ๊ง" มิรายิ้มๆ หันมองไปรอบๆ ไม่เห็นใครจึงเดินมาจูบที่ศีรษะของคนที่ยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่า นั่นคงเป็น  สิ่งที่แทนคำขอบคุณเรื่องดอกมะลิ

   "พอใจหรือยัง ช่างว่านักนะ" มิราเอามือทาบทับไปที่ศีรษะของนับเงินอย่างทะนุถนอม

   "คู่แข่งเป็นร้อยปะเนี่ย" นับเงินทำหน้าไม่ค่อยดีนัก

   "ยอมแพ้ก็ได้นะ ถ้ามิราไม่มีค่าขนาดนั้นน่ะ"

   "เรื่องอะไร อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ใกล้ๆ จะอ้อนต่อไปเรื่อยๆ" นับเงินทำหน้าทะเล้นให้คนที่เดินกลับไปนั่งทำงาน

   "คู่แข่งข้างนอกไม่น่ากลัว คนในใจนั่นแหละ น่ากลัวกว่า" นับเงินได้ยินเข้าถึงกับสะอึก บางทีแอบสงสัยว่า มิราเรียนภาษาไทยมาจากมารดาจริงหรือ เพิ่งมาจากอเมริกาจริงหรือ ทำไมใช้ภาษาได้ดีจนทำเอาคนไทยแท้ๆ จุกเลยทีเดียว เมื่อได้ยินสิ่งที่มิราพูด

   ณฤดีบอกเล่าเรื่องราวที่ได้เห็นไปเมื่อเช้าให้กับอนงค์นารถได้รับรู้เอา ไว้ว่า น่าจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างมิรากับนับเงิน คนที่ได้ยินการบอกเล่าถึงกับถอนใจ อาจจะเพราะเรื่องราวของนับเงินที่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นานนัก มิราอาจจะเข้ามาผิดจังหวะผิดเวลา ซึ่งคนทำหน้าที่ปลอบใจนั้นอาจจะรู้สึกดี แต่กับคนที่อ่อนแออยู่นั้นจะใช่ความรู้สึกดีหรือไม่ กลัวจะเป็นแค่การเยี่ยวยา จนทำให้คิดไปเองว่า กำลังรู้สึกดีกับน้องสาวของเธอ

   "หมอนงอย่าคิดมากนักเลยค่ะ น้องโตๆ กันแล้ว ปล่อยไปก่อน บางทีอาจจะดีก็ได้นะ ถ้าสองคนรู้สึกดีต่อกันอย่างที่หนูเล็กเห็น" ณฤดีพูดปลอบ

   "หนูเล็กก็รู้ว่า สตางค์น่ะ รักยายพีชมากขนาดไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกอาการเสียใจให้ใครได้เห็นหรอกว่าไหมล่ะ" อนงค์นารถถอนใจอีกครั้ง

   "ยายพีชเองก็ยังมาป้วนเปี้ยน วอแว อยู่พอสมควร ไม่รู้คิดอะไร"

   "นั่นล่ะที่นงเป็นห่วง เกิดกลับมาดีกัน มิราจะทำอย่างไร" อนงค์นารถพูดคล้ายถามณฤดี แต่รู้ดีว่า คำตอบนั้นไม่ใช่สำหรับณฤดีคนที่จะตอบได้ควรจะเป็นน้องสาว ซึ่งก็คือนับเงินมากกว่า

   "คุณญาคงยอมปล่อยกลับมาหรอกนะ ตัวติดกันแจขนาดนั้น"

   "คุณญาจะไปทำอะไรได้ ถ้ายายพีชจะทำเหมือนที่ทำกับสตางค์"

   "ก็จริง รายนั้นไม่ค่อยโตนัก บางทีเวลาอาจจะช่วยให้คิดอะไรได้บ้างหลังจากนี้" ณฤดีนึกถึงพิชชาอดีตคนรักของนับเงินที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตามลักษณะนิสัยของเด็กที่โดนตามใจมา

   "แต่มิราโตจากที่โน่น อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ นงอาจจะคิดเป็นห่วงน้องแบบคนไทยอย่างพวกเรา หวังว่า มิราจะไม่เป็นอย่างนับเงิน ถ้าหากวันหนึ่งสิ่งที่หนูเล็กเห็นไม่ได้ทำให้มิรามีความสุข" อนงค์นารถยิ้มให้กับคนที่สวม กอดและจูบปลอบโยนไปที่หน้าผาก

   "เราสองคนจะเป็นพี่สาวที่ดูแลมิราอย่างดี ถ้าไอ้เจ้าสตางค์ทำให้มิราเสียใจ หนูเล็กจะเป็นคนดุน้องเอง" ณฤดียิ้มๆ กับสิ่งที่พูด จะว่าไปน้องสาวของตัวเองนั้นเป็นคนที่ฟังเหตุผลของคนอื่น แต่จะคิดและตัดสินใจอีกครั้งไม่ ได้ถึงกับเชื่อในสิ่งที่พูดนัก แม้กับผู้ใหญ่อย่างคุณยายทั้งสองบ้านและป้าพิม นับเงินรับฟังและนำไปคิดต่อว่า สิ่งที่ได้ถูกสอนมานั้น คือ สิ่งที่ดีและถูกต้องสำหรับตัวเองหรือไม่ คำเตือนของผู้หลักผู้ใหญ่บางทีอาจจะใช้ไม่ได้นักในยุคปัจจุบัน คงต้องเอามาปรับใช้เสียมากกว่า ณฤดีเคยได้ยินนับเงินบอกอย่างนั้น

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น