web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 413
Most Online Ever: 413
(วันนี้ เวลา 20:36:53)
Users Online
Members: 0
Guests: 401
Total: 401

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าของความรัก ตอนที่ 1  (อ่าน 1749 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
เรื่องเล่าของความรัก ตอนที่ 1
« เมื่อ: 30 ธันวาคม 2013 เวลา 09:54:43 »

ตอนที่ 1

ความรักมักมีเรื่องราวมากมายในทุกช่วงของชีวิต สุข เศร้า เหงา คิดถึง เสียใจ ปะปนๆ กันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเจอกับความรู้สึกอย่างไร ณ เวลาใด และความรักระหว่างผู้หญิงสองคนก็กำลังจะถูกบอกเล่าเป็นเรื่องราวที่มีหลากหลายความรู้สึกอยู่มากมายในความรักของผู้หญิงสองคนนี้

หญิงสาวสองคนในบ้านไม้ชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่มากนักตั้งตระหง่านอยู่ท่าม กลางหุบเขาสีเขียวขจี ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกปลูกไว้ทำให้ลมพัดเย็นสบายต้นไม้เหล่านี้ช่วยลดความร้อนให้เบาบางลง เจ้าของบ้านทั้งสองกำลังช่วยกันรดน้ำพรวนดินต้นไม้ที่เจริญเติบโตอยู่รอบๆ บ้าน

บุษบาหรือคุณบุษเป็นบุคคลที่คนในละแวกนี้ให้ความเคารพนับถือในความใจดีและมีเมตตาที่เธอมีให้ไม่ว่ากับเด็กหรือผู้ใหญ่และคนเฒ่าคนแก่

ปทุมมาศมองคนที่กำลังนั่งพรวนดินให้ต้นไม้อย่างขยันขันแข็ง บุษบาดูมีความสุขกับได้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นบุคคล ต้นไม้ หรือแม้แต่สัตว์น้อยใหญ่ก็ได้รับความเอาใจใส่ดูแลจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ห่างนัก เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบ หน้า ปทุมมาศจึงเดินเอาผ้าเช็ดหน้าไปช่วยซับเหงื่อให้บุษบาซึ่งหันมายิ้มให้พอดี

“ขอบคุณจ๊ะ บัว”

“พักก่อนนะคะ บุษ แดดเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาดูแลเอาใจใส่กันต่อ นะคะ ไปหาน้ำเย็นๆ ดื่มกันก่อนดีกว่านะ” ปทุมมาศยืนมือให้บุษบาเพื่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืนและเดินตามเธอเข้ามาในบ้าน

“น้ำลอยดอกมะลิ หอมเย็นชื่นใจค่ะ” ปทุมมาศยื่นขันน้ำที่ลอยดอกมะลิไว้กลิ่นหอมชื่นใจดังที่เธอบอกจริงๆ

“ขอบใจจ๊ะ บัว” บุษบารับขันน้ำแล้วดื่มอย่างช้าๆ เพราะอยากจะดอมดมกลิ่นหอมของดอกมะลิที่ผสมอยู่ในน้ำ หันไปยิ้มให้กับคนที่นั่งลงข้างๆ บุษบาหอมแก้มของปทุมมาศอย่างแผ่วเบาแทนคำขอบคุณอีกครั้ง

ปทุมมาศและบุษบามองดูทิวเขาที่อยู่ไกลออกไป สีเขียวๆ ของต้นไม้ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ลมพัดเย็นสบายมือของทั้งสองเกาะกุมมือของกันและกัน เหมือนอยากจะถ่ายผ่านความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจของกันและกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“เหนื่อยไหมคะ บุษ” ปทุมมาศถามขึ้น

“รอยยิ้มสวยๆ ของบัวทำให้บุษหายเหนื่อยไปนานแล้ว” บุษบายิ้มหวานให้ปทุมมาศ

“หวานแต่เช้าเลยน่าคะ ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้จะใช้ให้พรวนดินรอบบ้านเลยนะ”

“ได้เลย บัวอยากให้ทำอะไร บุษจะทำให้ทุกอย่างเท่าที่ทำได้เลยค่ะ”

“จริงนะ ขอตอนนี้เลยได้หรือเปล่าคะ”

“ไม่ต้องมาทำตาหวานใส่แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องขอก็รู้นะ” บุษบาจูบเบาๆ ที่ริม ฝีปากของปทุมมาศที่ยิ้มกับความน่ารักและรู้ใจที่บุษบามีให้เธอเสมอมา

“หวานน่ารักแบบนี้เสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะ ดีใจนะที่ได้รักบุษ และบัวจะรักบุษจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเลยค่ะ” ปทุมมาศมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนที่กำลังจะจูบเธออีกครั้ง

สายลมพัดเอื่อยๆ ปะทะสองร่างกายที่ตระกองกอดกันและกันมองดูทิวเขาสีเขียว ความสุขของคนทั้งสอง คือการได้อยู่ชิดใกล้ในสถานที่เงียบๆ ไม่ต้องมีอะไรมากมายนัก มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ กับคนที่รักคือ ความสุขอันแท้จริงที่ทั้งสองสาวคิดเหมือนกัน

“สวัสดีค่ะ น้าบุษ น้าบัว” เสียงทักทายดังมาจากหน้าบ้าน

“สวัสดี ยัยจี๊ด” เสียงที่ทักทายเจ้าของบ้านคือจีรธรหรือจี๊ดหลานสาวของบุษบาที่แวะมาเยี่ยมเยียนน้าสาวทั้งสองของเธออยู่เป็นประจำถึงแม้จะไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แต่เมื่อใดที่กลับมาเมืองไทยเธอก็จะ
มาที่นี่เสมอ

“กลับมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกน้าก่อนเลย ยังคุยกับน้าบัวเลยนะ ว่าเราน่ะสงสัยจะทำงานที่โน่นสักพักก่อนกลับ” บุษบารับไหว้หลานของเธอ

“ถึงเมืองไทยสองสามวันแล้วค่ะ หลังจากโดนแม่บ่นได้สองสามวันก็รีบแจ้นมาหาน้าบุษกับน้าบัวนี่แหละ” จีรธรยิ้มแหยๆ เมื่อพูดถึงมารดาของเธอ

“นินทาแม่บาปนะ จี๊ด” ปทุมมาศบอกกับหลานสาวของบุษบาซึ่งก็เหมือนเป็นหลานสาวแท้ๆ คนหนึ่ง เธอรู้สึกแบบนั้นมานานแล้วตั้งแต่จีรธรยังตัวเล็กอยู่เลย

“ไม่ได้นินทาค่ะ แค่เล่าให้น้าฟังต่างหาก อ้อของฝากน้าบุษกับน้าบัวเพียบเลยนะคะ แม่ฝากมาค่ะ แค่บอกว่าจี๋ดจะมาหาน้าบุษ แม่ก็รีบแพคของเสียยกใหญ่ ฝากความคิดถึงมาด้วยนะคะ”

“คุณแม่สบายดีนะคะ” ปทุมมาศถามขึ้น

“สบายดีค่ะ อ้อมีฝากเพิ่มมานิดหน่อยด้วยค่ะ” จีรธรยิ้มทะเล้นให้กับน้าทั้งสองคนของเธอที่ทำท่าแปลกใจ

“สั่งอะไรเพิ่มว่ามาซิ” บุษบาพูดขึ้น

“ไม่ได้ค่ะ ฝากถึงน้าบัวคนเดียว ต้องกระซิบบอกค่ะ” จีรธรยิ้มกว้างให้กับปทุมมาศแล้วเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่าง

“มีลับลมคมนัยนะเรา เดี๋ยวน้าก็ไล่ตะเพิดกลับกรุงเทพเสียเลยนะ” บุษบายิ้มกับความน่ารักของหลานสาว แต่สิ่งที่หลานสาวกระซิบบอกปทุมมาศก็ทำให้คนที่ได้ยินยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าให้จีรธรหลานสาวของเธอ

“สัญญานะคะ น้าบัว”

“จ๊ะ น้าสัญญา” สองสาวต่างวัยยิ้มให้กัน

“ตกลงมีความลับอะไรกันน้าหลานสองคนนี้” บุษบาถามขึ้นด้วยความสงสัย

“จี๊ดรู้ เดี๋ยวน้าบัวก็ต้องเล่าให้น้าบุษฟัง อิจฉาจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจี๋ดจะเจอใครสักคนที่รักจี๊ดมากๆ เหมือนน้าสองคนที่รักกันหรือเปล่านะคะ” จีรธรยิ้ม

“ยังเด็กอยู่เลยนะเราน่ะ จะรีบไปไหน ใช้ชีวิตของตัวเองก่อนก็ได้”

“มีบ้างชีวิตก็กระชุ่มกระช่วยดีออกนะคะ” จีรธรยิ้มทะเล้น

“ไปเรียนเมืองนอกตั้งหลายปี ไม่มีหนุ่มๆ มาจีบบ้างหรือคะ จี๊ด” ปทุมมาศถามขึ้น

“ก็มีบ้างค่ะ น้าบัว แต่จี๊ดมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเรียนอยากกลับมาเมืองไทย ก็เลยไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เลยเป็นโสดมาจนทุกวันนี้ค่ะ”

“นึกว่าแสบเสียจนไม่มีใครสนใจเสียอีก” บุษบาพูดแซวหลานของตัวเองจนปทุมมาศตีเบาๆ เข้าที่แขนเป็นการปรามที่ไปแหย่หลานแบบนั้น

“โดนจนได้” จีรธรรำพึง

“ก็ไม่จริงหรือไง ตอนเด็กๆ แม่เราเรียกเราว่าจี แต่แสบเสียจนเป็นยัยจี๊ดมาจนทุกวันนี้ น้าสงสัยมากเลยนะ ใครกันที่จะมาปราบเราได้” บุษบาพูดแล้วอมยิ้มกับหน้าบึ้งๆ ของหลานรักของเธอ

“บุษก็ชอบไปแหย่หลาน”

“จริงนะบัว” บุษบาหัวเราะเล็กๆ

“ไม่มีใครรักก็ไม่เห็นเป็นไร แค่น้าบัวกับน้าบุษรักแล้วก็เอ็นดูจี๊ดเหมือนทุกวันนี้ จี๊ดก็มีความสุขมากแล้วค่ะ” จีรธรขยับเข้าไปใกล้ๆ ให้
น้าทั้งสองของเธอกอด

“ช่างอ้อนเหลือเกิน” สามสาวส่งเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

เสียงรถจอดที่หน้าบ้านทำให้สามสาวชะเง้อมองออกไปที่ด้านนอก ก่อนที่เจ้าของบ้านทั้งสองจะเดินออกไปดูผู้ที่มาเยี่ยมเยือน รถกระบะจอดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเหงาปกคลุมรถคันนั้นได้ สาวสวยร่างระหงเดินลงมาจากรถ สองสาวเจ้าของบ้านหันมาสบตากัน

“สวัสดีค่ะ” ผู้อ่อนวัยกว่าพนมมือไหว้และกล่าวทักทายเจ้าของบ้านทั้งสอง

“สวัสดีค่ะ คุณ” บุษบาและปทุมมาศทักทายและรับไหว้หญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่า

“ปานวาดค่ะ คุณบุษ คุณบัว” ปานวาดแนะนำตัวเองกับผู้ใหญ่ทั้งสอง

“สวัสดีอีกครั้งค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”

“ปาน เป็นปลัดอำเภอเพิ่งมาใหม่ค่ะ อยากมากราบและขอคำแนะจากคุณทั้งสองค่ะ เพราะทราบว่าคนที่นี่ให้ความเคารพนับถือ ปานก็เลยจะขออนุญาตมากราบฝากเนื้อฝากตัวค่ะ”

“อ้อ คุณปลัด” บุษบาเชิญปานวาดเข้ามานั่งในบ้านพร้อมกันแนะนำจีรธรให้รู้จักกับปลัดปานวาด

“สวัสดีค่ะ” ปานวาดทักทายจีรธรก่อน

“สวัสดีค่ะ” จีรธรก็ทักทายเช่นกัน

ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านพูดคุยกับปลัดคนใหม่ที่แวะมาเยี่ยนเยียน จีรธรสังเกตระคนสงสัยเพราะเธอไม่เคยรู้จักใครที่เป็นผู้หญิงและมาเป็นปลัดมาก่อน งานมันไม่น่าจะเหมาะกับผู้หญิงนักในความรู้สึกของเธอ แถมคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้ดูทะมัด ทะแมงออกไปทางผู้ชาย แต่กลับเป็นสาวสวยดูอ้อนแอ้นเสียด้วยซ้ำ

“จะไหวหรือนี่ คุณปลัด” จีรธรรำพึงกับตัวเอง

“อะไรนะคะ” ปานวาดหันไปถามเมื่อได้ยินสิ่งที่จีรธรรำพึง

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”

หลังจากมากราบฝากเนื้อฝากตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปานวาดจึงขอตัวกลับ บุษบาจึงให้จีรธรออกไปส่งที่หน้าบ้าน หลานสาวของท่านแสดงท่าทางอิดออด

“ไปส่ง คุณปลัด แทนน้าหน่อยนะ ยัยจี๊ด” บุษบาพูดขึ้น ปานวาดยิ้มๆ เมื่อได้ยินชื่อเล่นของจีรธร ซึ่งทำหน้าง้ำเมื่อเห็นปลัดอมยิ้มเดินนำหน้าเธอออกมา สองสาวมาหยุดยืนอยู่ที่รถ

“ถามจริงขำอะไรกันคะ” จีรธรถามขึ้น

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไร ทำไมชื่อจี๊ด มันน่าขำตรงไหนกัน”

“ชื่อก็สมกับตัวคุณดีนะคะ” ปานวาดยังคงยิ้มอยู่

“ยังจะยิ้มอีก” จีรธรรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าปลัดคนนี้สักเท่าไหร่ ท่าทางจะชอบกวนโมโหคน

“อ้อไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงปานจะเป็นผู้หญิง แต่ปานก็จะทำหน้าที่ของปานอย่างดีที่สุด แล้วก็จะช่วยดูแลคุณน้าของคุณทั้งสองคนอย่างดีที่สุดด้วยค่ะ”

“อยู่ให้ครบเดือนก่อนดีไหมคุณ” จีรธรอมยิ้มจ้องตากับปานวาดที่กำลังจ้องมาที่เธอ

“คุณหนูแท้ๆ เลยเนอะ นี่ถ้าไม่เจอวันนี้ จะไม่เชื่อเลยนะคะ ว่าคุณจี๊ดเป็นหลานคุณน้าทั้งสอง คุณหนูซะขนาดนี้” ปานวาดยิ้มแล้วเดินไปขึ้นรถขับออกไปทันทีทิ้งให้จีรธรยืนโมโหอยู่คนเดียว

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยปลัดปากร้าย” จีรธรพูดอย่างหงุดหงิด

บุษบากับปทุมมาศยืนมองหลานสาวที่ต่อปากต่อคำกับปลัดปานวาดซึ่งเพิ่งขับรถออกไปเมื่อสักครู่ สองท่านยิ้มให้กัน

“แสบไหมล่ะ หลานสาวคุณบัว” บุษบาถามปทุมมาศ

“แสบค่ะ แต่ก็น่ารักนะคะ ปลัดเจอคุณจี๊ดบ่อยๆ ท่าจะแย่แน่ๆ” ปทุมมาศยิ้มให้บุษบา

“พี่บุญฝากบอกอะไรมากับจี๊ดคะ เห็นกระซิบกระซาบกัน” บุษบาถามขึ้น

“ก็ฝากบุษ ให้บัวช่วยดูแล บัวก็เลยบอกจี๊ดฝากบอกพี่บุญว่า บัวจะดูแลบุษอย่างดีที่สุดเท่าที่ชีวิตบัวจะทำได้ค่ะ หลานสาวบุษรักน้าสาว
ของเขามากนะ รายนั้นต้องให้บัวสัญญาเลยล่ะค่ะ ว่าจะดูแลน้าสาวเขาอย่างดี” ปทุมมาศยิ้มให้กับบุษบา

“บุษรักบัวนะ” บุษบาโอบเอวปทุมมาศและค่อยๆ กระชับขึ้นเล็กน้อย

“บัวก็รักบุษมากนะ” ปทุมมาศกระซิบบอกบุษบาและจูบเบาๆ ที่แก้มของคนที่โอบกอดเธออยู่

จีรธรเดินบ่นพึมพำเข้าบ้านมา รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อเห็นน้าสาวทั้งสองคนยืนยิ้มให้เธอ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ปะทะคารมไปกับปลัดสาวเมื่อสักครู่มลายหายไปทันที ประกายตาของน้าสาวทั้งสองบ่งบอกถึงความสุขที่คงจะเกิดขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง

“ยิ้มของน้าบัวกับน้าบุษ ทำให้จี๊ดหายโมโหเลยค่ะ” จีรธรยิ้มให้น้าสาวทั้งสอง

“โมโหเรื่องอะไร จี๊ด” บุษบาถามทั้งๆ ที่รู้ว่าจีรธรโมโหอะไร

“ก็โมโหคุณปลัดอ้อนแอ้นของน้าบุษซิคะ”

“ปลัดของน้าซะที่ไหน”

“ช่างเถอะคะ ไม่รู้เป็นปลัดได้ไง พูดกวนโมโหชะมัด”

“ไปกวนเขาก่อนหรือเปล่าล่ะคะ” ปทุมมาศถาม

“อ้าวน้าบัวถามเหมือนเข้าข้างคุณปลัดเลยนะคะ โอ้โหมาแป๊บเดียวเรียกคะแนนเสียงไปได้เยอะ ถ้าสมัครผู้แทนคงได้รับเลือกตั้งแน่ๆ” จีรธรทำคิ้วขมวด

“มาขอกอดที น้าบัวก็ต้องเข้าข้างจี๊ดอยู่แล้วค่ะ” ปทุมมาศกอดปลอบหลาน สาวของคนที่เธอรัก

“ขอบคุณค่ะ น้าบัว ค่อยยังช่วยหน่อย มีพวกแล้ว” จีรธรยิ้มทะเล้นให้น้าสาวทั้งสองของเธอ

“บัวก็ไปตามใจ” บุษบาพูดขึ้น

“ไม่คุยแล้วเรื่องคุณปลัด คุยเรื่องน้าบุษกับน้าบัวดีกว่า จี๊ดเรียนจบแล้วโตพอที่จะฟังเรื่องเล่าของน้าบุษกับน้ำบัวแล้วนะคะ เรื่องเล่าของ
ความรัก น้าบุษสัญญาไว้ ถ้าจี๊ดโตแล้วน้าบุษจะเล่าให้ฟัง”

“ยังไม่ลืมอีกหรือเรา จำได้ว่าน้าบอกเราไว้ตั้งแต่เราเรียนมัธยมเลยนะ”

“ไม่เคยลืมเลยค่ะ ตั้งตารอด้วยซ้ำไป อยากรู้มากเลยค่ะ ขนาดแม่ยังยอมแพ้ความรักที่น้าบัวมีให้น้าบุษ เรื่องของความรักของน้าทั้งสองคนก็น่าจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์แน่ๆ เพราะแม่ของจี๊ดดื้อหัวชนฝาไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว”

“มิน่า เขาถึงพูดกันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” บุษบากับปทุมมาศอมยิ้มก่อน ที่จะเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้หลานสาวยืนหน้าง้ำอยู่คน
เดียว

“จี๊ดรู้ว่าจี๊ดหัวดื้อ แต่จี๊ดก็รักน้าบุษกับน้าบัวนะคะ” จีรธรยิ้มกับตัวเอง




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.