web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 128
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 122
Total: 122

ผู้เขียน หัวข้อ: Vampire Hunter the beginning Chapter 3 : สาวนิรนาม  (อ่าน 2569 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
Vampire Hunter the beginning Chapter 3 : สาวนิรนาม
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 19:38:31 »


Chapter 3 :   สาวนิรนาม

ดวงตาของเธอมองแผ่นหนังในมือเป็นระยะขณะควบม้าไปตามทางที่มันบอก  หวังว่าเจ้าแผนที่ของแม่มดเฮเลนน่าคงไม่ได้หลอกเธอให้ออกมาเก้อหรอกนะ  ฟลอเรนหยุดม้าอยู่ข้างบ้านร้างหลังหนึ่งที่ปรากฏในแผ่นหนังว่ามีรอยเท้าแปลกๆเต็มไปหมด  แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเชื่อมันอย่างสนิทใจ  ที่มาก็เพราะต้องการจะลองของด้วยล่ะ 

อีกอย่าง  เธอสงสัย  ปีศาจอะไรถึงจะมาเดินเล่นตอนกลางวันได้  หรือพวกมันมีแหวนแบบแวมไพร์ฝาแฝดนั่นเหมือนกัน ?

หวังว่า  เฮเลนน่าคงไม่ได้ทำให้ใครพร่ำเพรื่อนะ  ไม่งั้นจะกลับไปตีให้ก้นลาย..

บรรยากาศมันเงียบจนน่าสงสัย  หรือเพราะมันเป็นบ้านร้างกลางป่า  คฤหาสน์ร้างหลังนี้ดูน่าประหวั่นพรั่นพรึงกว่าบ้านของแวมไพร์ฝาแฝดที่อยู่แยกจากหมู่บ้านเสียอีก  มันใหญ่โตกว่าแต่ไม่มาก  หากแต่เพราะต้นไม้ใหญ่อายุร่วมร้อยปีที่ขนาบข้างแผ่กิ่งก้านปกคลุมมันหนาทึบ  แสงแดดจึงส่องผ่านมาถึงตัวตึกได้ยาก  ทั้งเถาวัลย์ที่พันไปรอบๆตัวอาคารยิ่งทำให้มันมีสภาพไม่ต่างจากปราสาทผีสิงดีๆนี่เอง

หรือเพราะแสงอาทิตย์ส่องมาไม่ถึง  ปีศาจจึงมาใช้อยู่อาศัย.?

แต่มันคืออะไรกันล่ะ  ไลเคนหรือว่า..?  แล้วมันมีเท่าไหร่..?  ฮันเตอร์คิดวุ่นวายในสมอง  เธอบังคับม้าสีขาวปลอดให้วิ่งเยาะๆวนอยู่ห่างจากปราสาทที่ว่าไกลพอสมควร  ยังไม่ต้องการเสี่ยงหากไม่แน่ใจ  ประสบการณ์ที่สั่งสมมาปีกว่ากับการเป็นนักล่าปีศาจและการได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอจากครูฝึกและผู้ช่วยของเขาทำให้เธอใจเย็นพอและใช้สมองมากกว่าจะวู่วาม 
ฟลอเรนก้มมองแผ่นหนังในมืออย่างพิเคราะห์อีกครั้ง  จุดดำๆอยู่ภายในตำแหน่งที่ปรากฏเป็นตัวปราสาทมากมาย  แต่เธอไม่เชื่อมัน  เพราะงั้น..ฉันต้องเข้าไปดู

ตัดสินใจแล้วก็กระโดดลงจากหลังม้าอย่างสง่า  เธอลูบใบหน้าเจ้าเพื่อนคู่ใจร่วมทาง  ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  “เฮอร์มีส..”  เธอเอ่ยชื่อม้าหนุ่มที่เติบโตมาพร้อมๆกับเธอ  มันเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเธออายุครบสิบปี 

ท่านเคาท์ฟิลิปส์ ลุงของเธอให้เอาไว้  เขาบอกว่าเขาเจอมันหลงอยู่ในป่าตามลำพังตอนที่ไปล่าสัตว์  มันเป็นลูกม้ากำพร้าที่งดงามสง่ายิ่งนักจึงตั้งใจจับมันมาให้หลานที่รักของเขา  เขาให้เธอตั้งชื่อให้มัน  และเธอเลือกชื่อ “เฮอร์มีส” เพราะเป็นเทพเจ้าที่จะคุ้มครองรักษาเหล่านักเดินทาง  เธอรู้จากหนังสือที่ร่ำเรียนมา  และเธอก็คิดว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น รู้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดมาเพื่อเดินทาง  และเธอไม่เคยหยุดนิ่ง.. 

“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ  แต่หากว่า ข้ากลับมาช้าเกินไป  หรือเจ้าได้ยินเสียงสัญญาณที่เราตกลงกันไว้  เจ้ารีบไปจากที่นี่ทันที  เข้าใจนะ”  เธอบอกอาชาคู่บุญ  มันยกขาคู่หน้าขึ้นในอากาศสามวินาทีเป็นสัญญาณของการรับรู้  ไม่ส่งเสียงของฮี้ๆเหมือนม้าทั่วไป  เฮอร์มีสมักจะรู้ดีว่า  หากมากับเธอมันต้องเงียบที่สุด  จะให้ใครรู้ไม่ได้  แม้แต่เสียงเกือกของมันที่กระทบพื้นเวลาวิ่งหรือควบ  ยังเบากว่าม้าธรรมดาทั่วไป  มีแต่หูพิเศษของแวมไพร์หรือผู้มีญาณทิพย์อย่างแม่มดเท่านั้นจึงจะได้ยิน  สมแล้วที่เป็นม้าวิเศษของท่านลุง...

หากแต่ถึงมันจะรู้ดีว่าเธอจะต้องไปทำงาน  ความห่วงใยก็ทำให้มันเผลอใช้ปากงับเสื้อด้านหลังของเธอเอาไว้  ทำให้เธอหยุดกึก  ฟลอเรนถอนหายใจ  นึกแล้วเชียว

“ข้าจะงดของโปรดของเจ้านะเฮอร์มีส..”  เธอหันกลับมาพูดขึงขัง  คราวนี้เจ้าม้าแสนสง่ายอมปล่อยนายหญิงของมันทันที  พูดเรื่องของกินทีไรเป็นเสร็จ  เธอยิ้มและตบลำคอบึกบึนของมันเบาๆ “เจ้าเป็นเด็กดีมาก”  พูดจบก็เดินจากไปให้เจ้าม้ามองตามตาละห้อยด้วยความเป็นห่วงนายของมัน  และเธอรู้  เฮอร์มีสจะรอจนกว่าเธอจะกลับมา  หรือไม่  มันนั่นแหละที่จะเข้าไปช่วยเธอ  หากมันรู้สึกถึงอันตราย...

.....................................

มันน่ากลัวกว่าที่เธอเห็นไกลๆเสียอีก  บ้านร้างหลังนี้  หากเธอเป็นพวกกลัวผีขึ้นสมองคงฉี่ราดตั้งแต่เห็นค้างคาวตัวแรกบินโฉบหัวจนเกือบหลบไม่ทันนั่นแล้ว  แต่นี่เธอก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อนกับค้างคาวอยู่นะ  เมื่อสองอัศวินผู้ช่วยของเธอเป็นแวมไพร์  แค่เพียงไม่เคยเห็นพวกหล่อนแปลงกายเป็นมันเท่านั้น  หรืออัลร์กับแอลแปลงตัวไม่ได้ล่ะ..

แต่มันน่าแปลกนะ  ทำไมคราวนี้พวกหล่อนมาช้าจริง  หรือหาเธอไม่เจอ..

ป่วยการที่จะรอใครให้เสียเวลา  ฟลอเรนตัดสินใจค่อยๆย่องอย่างระแวดระวังเข้ามาในตัวบ้าน  มันมืดมากจนเธอต้องอาศัยจุดไฟเย็นส่องทาง  ใจจริงก็อยากจะหยิบแผนที่ของแม่มดใจดีขึ้นมาดูอีกรอบ  หากแต่คงไม่ถนัด  อีกมือเธอกระชับกับอาวุธคู่ใจเอาไว้  กริชสั้นมั่นอยู่ในมือ  พร้อมที่จะใช้ได้ทุกเมื่อ  แต่หมดจากมันแล้ว  เธอยังมีอาวุธอีกเป็นกะตั้ก  ซ่อนเอาไว้ในแจ็กเก็ต  สายคาดที่ลำตัวและต้นขา  น้ำหนักของมันไม่เป็นปัญหากับเธอเพราะอยู่กันมาตั้งแต่เธอยังไม่สิบขวบด้วยซ้ำ  หากจะถามว่าของสะสมของสาวน้อยหน้าหวานอย่างเธอคืออะไร  ก็อาวุธพวกนี้แหละ  ไม่ต้องคิดนาน  แต่คงฟังคงแทบช็อค  ดูจากปฏิกิริยาของหนุ่มๆที่มาดูตัวเธอแต่ละคน   พวกเขาเหงื่อแตกซิกและดูลนลานทันทีที่ได้รู้  กลัวอยู่ๆเธอนึกบ้าเลือดคว้ามันมาเชือดคอเขาหรือไง..  น่าตลกจริง..

ความเงียบของบ้านหลังนี้มันแปลกพิลึก  เพราะถึงไม่เห็น  เธอก็รู้สึกเหมือนมีบางคนกำลังมองเธอทุกฝีก้าว  แล้วพวกเขาหรือพวกมันแอบซุ่มอยู่ที่ไหน  จงใจจะเล่นซ่อนหากับเธอหรือ..  ทั้งเธอยังรู้สึกถึง..กลิ่นไอปีศาจ..

เวลานี้บอกตามตรง  เธออยากให้อัลร์หรือแอลมาถึงสักที  พวกหล่อนมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่า  คล้ายเป็นเรดาห์ตรวจจับปีศาจ  แต่จิตสัมผัสของเธอจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อปีศาจได้เข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว  มันเป็นข้อเสียที่เธอเป็นมนุษย์

หากแต่อยู่ๆขายาวที่กำลังก้าวเดินก็ชะงัก  สายลมเย็นพัดวูบที่ต้นคอทำให้เธอย่อตัวลงในทันทีและทันใดนั้นเธอเห็นชัดถึงเงาดำที่พุ่งไปกระทบผนังห้อง  มันคืออะไร

“ใครน่ะ!”  ฟลอเรนหลุดปาก  เธอสาดแสงไฟเย็นในมือไปมาเมื่อเห็นว่าเงาดำนั่นยังพุ่งไปพุ่งมาอยู่ใกล้กับเพดาน  ต้องมีตัวอะไรสักอย่างเล่นตลกกับเธออยู่แน่ๆ

พยายามนึกว่าปีศาจอะไรที่จะทำแบบนี้ได้จากสิ่งที่เรียนมา  ก็พบว่ากับเวลานี้เธอคิดไม่ออก  สิ่งเดียวที่เธอนึกออกก็คือกริชอาคมในมือ  ฟลอเรนหรี่ตาและคำนวณทิศทางจากการเฝ้ามองมันมาสักพัก   และเธอปากริชออกไปในที่สุด 

ฉึก !  เธอเม้มปากอย่างขัดใจ  ครั้งแรกมันพลาด  ฟลอเรนยกมือขึ้นในอากาศ  บ่นสองสามคำ  กริชที่ปักคาอยู่ที่ผนังก็กลับมาอยู่ในมือดั่งเก่า มันเป็นของเธอ  มันเชื่อฟังเธอเสมอเพราะถูกตีขึ้นมาเฉพาะให้เธอและลงคาถามาเพื่อเธอเท่านั้น  ต้องขอบคุณแฮนเซลล่ะงานนี้  เขาไม่ใช่แค่ครูฝึกสอนฮันเตอร์  แต่เหมือนญาติสนิทของเธอคนหนึ่ง

ฉึก!  ฉึก!  และฉึก!  เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังจนปวดหู  ในที่สุดเกมส์ปาเป้าของเธอก็จบ  เงามืดร่วงลงสู่พื้นและกลายสภาพเป็นแมวดำตัวมหึมาที่อาจจะเรียกว่าเป็นเสือดำจะเหมาะกว่าถ้าหากว่าที่ปลายหางของมันไม่ได้มีจุดสีน้ำตาลทอง 

ฮันเตอร์มองจ้องมัน  ยังชั่งใจว่าจะเข้าไปดูดีหรือไม่ในเมื่อเจ้าแมวยักษ์ยังนิ่งสนิท  มันตายหรือเปล่า  หากแต่ไม่กี่วินาทีให้หลัง  เธอกลับต้องจ้องมองมันตาแทบหลุด  อยู่ๆร่างแมวสีดำก็กลับกลายเป็นหญิงสาว  หล่อนผมบลอนด์เรียกได้ว่าสีเดียวกับปลายหางแมว  แต่สีผิวเธอเห็นไม่ชัด  ห้องมันมืด  แต่ก่อนอื่น  ควรจะหาอะไรให้หล่อนใส่ก่อนดีกว่าไหม  เสื้อผ้าสักชิ้นก็ไม่มีติดตัว 

แต่เดี๋ยวก่อน..หล่อนเป็นปีศาจนะ..ฟลอเรน..  เสียงเล็กๆในหัวเธอเอ่ยเตือนแต่เหมือนเธอไม่ได้ยินมัน  ฮันเตอร์ก้าวไปดึงผ้าม่านฝุ่นเกาะออกจากหน้าต่างบานใหญ่  โยนมันทิ้งกับพื้นเหมือนขยะไร้ค่า  สกปรกนัก   เธอปัดมือขยะแขยงแล้วหันมาหาร่างบนพื้น  ขมวดคิ้วมองหล่อน  แสงรำไรยังพอให้เห็นหญิงสาวที่นอนตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดจากฤทธิ์กริชอาคม  ผิวหล่อนงดงามปานน้ำผึ้ง  ไม่ขาวซีดเหมือนเธอ  เพราะแบบนี้สีของเจ้าแมวจึงเป็นสีดำหรือ..  เธอพยายามอนุมาน..  แต่ก็เลิกสนใจมันก่อนจะสรุปได้ 

ฟลอเรนกระชากผ้าคลุมที่ใส่ทับเสื้อแจ็ตเก็ตออกจากตัวเองและเข้าไปห่อตัวหญิงสาวผู้นั้น  เธอไม่ลืมดึงกริชออกจากตัวหล่อนด้วย  หญิงสาวร้องเจ็บปวด  แต่เธอต้องดึงของมีคมที่ปักคาที่หลังหล่อนออกในครั้งเดียวไม่เช่นนั้นแผลจะฉกรรจ์กว่านี้ 

“ชี่..  เจ้าไม่เป็นไร  ข้าไม่ได้กะจะเอาเจ้าถึงตาย”  เธอบอกหล่อน  หากแต่ผู้หญิงแมวยังขู่ฟ่อทำท่าจะกัดเธอ  หล่อนดิ้นหนีไป  “นี่..  ข้าบอกแล้วไง  ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก  เจ้าเป็นใคร  พูดภาษาคนได้ไหม..”  ฟลอเรนพยายาม  ยกสองมือเปล่าให้ดูว่าเธอไม่มีอาวุธแล้ว  ก็กริชเก็บเรียบร้อยแล้วในฝัก  แต่จะชักออกมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้  อย่าตุกติกล่ะ  แมวเหมียว..

“เจ้าออกไปซะ!”  เจ้าหล่อนตวาดแว๊ด  ฮันเตอร์กระพริบตา  พูดได้นี่หว่า  แล้วเมื่อกี้ขู่เป็นแมวอยู่ทำไม

“ทำไมข้าต้องออก  ที่นี่มีอะไรหรือ”  ฟลอเรนถามขณะมองสังเกตความหลุกหลิกในดวงตาสีฟ้าของอีกสาว..แมว..  “หรือว่ายังมีใครอื่นอีกนอกจากเจ้า”  นางแมวที่มองซ้ายมองขวาอยู่หันมาจ้องหน้าเธอเหมือนเธอพูดโดนใจ

“ออกไป..  ออกไป..  ถ้าเจ้าไม่อยากตายตั้งแต่ยังเด็ก”  หล่อนพูดเน้นเสียง  มองเธอเหยียดๆราวกับเห็นเธอเป็นเด็กข้างถนน  เห็นแล้วก็อยากจะเตือนความจำหล่อนเสียหน่อยว่า  เมื่อกี้ใครปักมีดที่หลังหล่อน  แต่ช้าก่อน  อย่าวู่วาม  เดี๋ยวงานเสีย..

“เจ้าชื่ออะไร   และเป็นปีศาจประเภทไหน  ทำไมมาอยู่ที่นี่”  ฮันเตอร์ถามเหมือนไม่ได้ยินคำไล่  นางแมวตรงหน้ามองประหลาดใจกลับมาและหล่อนก็ทำท่าราวกับนึกบางอย่างออก

“เจ้าคือ..คุณหนูมาแชล.?”  หล่อนถามหน้าตาตื่น  เธอยิ้มอ่อนโยน  ค่อยขยับไปหาหล่อนที่ตอนนี้อยู่ติดผนัง  และท่าทางจะกลัวเธอมากกว่าเมื่อครู่  ทำไมนะ

“ใช่..  เจ้ารู้จักข้า?”  เธอถาม  หล่อนพยักหน้าเร็ว  “โอเค..  เช่นนั้นเจ้าบอกข้าสิ  เจ้าเป็นใคร  หากเป็นไปได้ข้าจะช่วยเหลือ  ยกเว้นเจ้าจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่น  ต่อชาวเมืองนี้”  บอกขึงขัง  หล่อนหรี่ตามองเธออย่างชั่งใจ  กล้าๆกลัวๆ  “ข้าไม่ฆ่าใครมั่วๆหรอกนะ  ข้าเป็นฮันเตอร์ที่มีคุณธรรมอยู่”  เธอย้ำ  หล่อนทำท่าเหมือนเชื่อแล้ว  นางแมวอ้าปากจะพูดบางอย่าง  หากแต่เงาดำที่โผล่วูบวาบเข้ามาทางหน้าต่างก็ทำให้ชะงัก  หล่อนกรี๊ดเสียงแสบแก้วหู   สองมือเธอยกขึ้นปิดสองหูตัวเอง

“แวมไพร์!”   

“ฟลอเรน!  เป็นไงบ้าง”  เสียงที่ดังขึ้นหลังจากนั้นพาให้เธอลดมือลง  ตรงหน้ามีแวมไพร์ฝาแฝดยืนอยู่  ตัวสูงเหมือนเสา  พวกหล่อนแทบจะบังนางแมวมิดอยู่แล้ว

“อัลร์..  แอล..  ฉันเจอ....”  ฮันเตอร์นิ่งค้าง  ร่างหญิงสาวที่เคยอยู่ตรงหน้าหายไป  เธอลุกพรวดและเดินแหวกกลางสองแวมไพร์ไปที่ผนังห้อง  “หายไปไหน  หายไปแล้ว!”  ส่งเสียงถามวุ่นวาย  แวมไพร์ทั้งสองก็มองหน้ากัน  และแฝดน้องก็บุ้ยหน้าให้พี่สาวเป็นคนพูด

“อะไรฟลอเรน   อะไรหาย..?”  อัลร์เดินตามฮันเตอร์  เธองง  ปกติฟลอเรนไม่เคยดูลุกรนแบบนี้มาก่อน  ที่สำคัญเธอเห็นรอยเลือดเป็นกองอยู่ที่พื้น  ตามเสื้อผ้าหล่อนอีกประปราย  สายตาแวมไพร์มองได้ชัดเจน

“แมว..  นางแมว..  ผู้หญิงกลายร่างเป็นแมวได้  โอ้ไม่ใช่สิ..   แมวกลายร่างเป็นผู้หญิงได้  หล่อนหายไป” 

แวมไพร์ฝาแฝดมองหน้ากันอีกครั้ง  นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา  อัลร์จึงจับตัวฟลอเรนที่เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นให้ยืนนิ่งๆ จ้องตาถามแต่ไม่ได้สะกดจิต  เธอสะกดจิตฮันเตอร์ไม่ได้ เคยลองแล้วแต่ไม่สำเร็จ  ฟลอเรนเป็นคนพิเศษ  มีอำนาจแฝงมากมาย

“ไหนบอกหน่อย  เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นที่นี่  นางแมวอะไร”  ถามจริงจังคราวนี้เด็กสาวก็ได้สติกลับมา  หล่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังเป็นฉากๆ และเธอก็มาสะดุดอยู่ที่ตอนที่แมวยักษ์กลายเป็นคน  อัลร์หันไปมองถามความเห็นแฝดน้อง  แอลทำท่าคิด  และอาจจะคิดได้แล้ว  น้องของเธอเคยเจอเรื่องแปลกๆมาเยอะ  เพื่อนเยอะ  เที่ยวเก่ง

“จะว่าเป็นเสือสมิงแบบความเชื่อของคนแถบตะวันออกก็คงไม่ได้   เธอบอกว่าเป็นแมว..”  แอลว่าและพูดต่อ  “แต่ฟลอเรน   แน่ใจนะว่านั่นเป็นแมว  บางทีอาจจะเป็นเสือดำ  ถ้าเสือดำ  ฉันยังจะพอรู้จักบ้าง  หล่อนร้องเหมียวๆหรือไง เธอถึงคิดว่าเป็นแมว” 

“เอ่อคือ..”  ฮันเตอร์ฟังแล้วกลับมาคิดทบทวน  และดีดนิ้วเปาะจนสองคนตกใจ  “ไม่ได้ร้องเลยค่ะ  มีแต่ขู่   โอ้..คำราม..”

“ถ้างั้น..  เสือ..  ฉันฟันธง”  แอลสรุปฉับ  อัลร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย  แต่เธอเองที่กลับไม่แน่ใจในความคิด  “แต่เสือสมิงไม่มีในแถบบ้านเมืองเรา  งั้นที่เห็นนี้คืออะไร..” 

อ้าวไหงงั้นล่ะแอล.. ไหนว่ารู้..  พี่สาวมองหน้าเธอเหมือนจะพูดแบบนี้  เธอยิ้มแหยๆ  หล่อนถอนหายใจเซ็ง

“นั่นสิ..คืออะไร..”  ฟลอเรนเลียนแบบคำพูดอีกคนและมองหน้ากัน   คิดไม่ตก  สองคนส่ายหน้าให้กัน  เงียบกันไปจนกระทั่งเสียงอัลร์พูด

“หล่อนบาดเจ็บใช่ไหม..  งั้นคงหนีไปไม่ได้ไกล  ฉันจะไปลองตามหาดู  และจะจับมาให้เธอ” แวมไพร์ตัวสูงไม่รอฟังคำถาม  หล่อนหายไปต่อหน้าต่อตาคนมอง 

“โชว์ออฟอีกแล้วพี่ฉัน”  แฝดน้องพึมพำ  อีกสาวก็หันมามองหน้า  เธอยักไหล่เหมือนเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไรเลย  ฟลอเรนเลิกสนใจที่จะถาม  หล่อนเปลี่ยนเรื่อง

“ตอนที่พวกคุณเข้ามา  เจอใครหรืออะไรแปลกๆบ้างไหมคะ” 

แอลส่ายหน้า “โทษทีฟลอเรน  ฉันไม่เห็น”  แต่บอกไปแล้วหล่อนดูแปลกใจ  ต้องอธิบาย  ขี้สงสัยจริง  “ฉันกับอัลร์มาทางหน้าต่าง..ฟลอเรน”  คราวนี้ฮันเตอร์พยักหน้า  แล้วหันไปก้มหน้าดูบางอย่างในมือแทน  แอลขยับไปยืนใกล้  ได้ยินหล่อนบ่นทันที

“แปลกนะ  แผนที่บอกว่าที่นี่มีปีศาจเต็มไปหมด  แต่ฉันเจอแค่แมว..  ไม่ใช่ๆ  เสือดำที่ความจริงเป็นผู้หญิง  มันเป็นไปได้ยังไง  หรือแผนที่จะหลอกเรา”  ประโยคนี้เรียกความสนใจไปจากแวมไพร์ได้ในทันที  แอลแบมือขอแผ่นหนังไปเพ่งดูท่าทางพิเคราะห์  ไม่นานเกินรอ  เสียงพึมพำก็ดังขึ้น

“ฟลอเรน..  มันไม่ได้หลอกเธอ   ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น” 

ฮันเตอร์กับแวมไพร์จ้องหน้ากันเหมือนจะถามความจริง  และความจริงก็ปรากฏกับสายตาพวกเธอโดยไม่ต้องมีใครพูด  เมื่อตอนนี้พวกเธอต่างก็ต้องชักอาวุธขึ้นมาตั้งท่ารับแขกไม่ได้รับเชิญ  หรือเจ้าของบ้านที่เธอมาบุกรุกกันแน่  ไม่แน่ใจ

หมาขนปุยตัวเขื่องกระโจนเข้าใส่แอลจากทางประตู  หากแต่แวมไพร์สาวไวยิ่งกว่าลม  หล่อนหลบมัน  เตะมันอัดข้างฝา  พาเสียงร้องเอ๋งดังสนั่น  แต่มันไม่จบแค่นั้น  เจ้าหมาสลัดฝุ่นออกจากขนยาว  มันพุ่งเข้าหาสาวตัวสูง  หมายจะขย้ำคอ  และหล่อนไม่หลบแล้ว  แกว่งขวานฟาดเข้าที่ตัวมันเน้นๆ เลือดสาดกระเซ็นจนต้องพากันกระโดดหลบ  เดี๋ยวเสื้อผ้าเปื้อน 

“สุดยอด  แอล Score one!”  ฟลอเรนยกนิ้วให้สาวแวมไพร์ที่หล่อนซัดไลเคนจนหมอบโดยไม่ได้รอลุ้น  ไม่ให้เธอได้สนุกด้วยเลย  แต่ไม่ใช่  มันยังไม่หมด  ที่นี่ไม่ได้มีไลเคนแค่ตัวเดียว  เมื่อเสียงตะโกนดัง

“ฟลอเรน  ข้างหลัง!”  แม้จะไม่ทันตั้งตัวรับ  หากแต่สัญชาตญาณนักล่าก็พาปืนสั้นที่ข้างเอวตัวเองขึ้นมาทันที   ฟลอเรนหันเร็วลั่นไกหนึ่งนัด  เข้าที่กลางหน้าผากหมาตัวยักษ์จนเกิดรูโบ๋  มันล้มตึงก่อนจะถึงตัวเธออีก  ฮันเตอร์ยิ้มให้แวมไพร์ที่ยกนิ้วชม

แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ไลเคนตัวสุดท้ายที่นี่  คราวนี้มันไม่ได้โผล่เข้ามาทีละตัวด้วย  สองสาวสวยเลิกยกยอกันชั่วคราว  หันมาคุยกับเจ้าขนปุยก่อนแต่ไม่ใช่ด้วยปาก  แต่ด้วยมีด  ขวานและปืน  และคฤหาสน์ที่เคยเงียบสงัดก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังก้อง  ซากหมาซากคนเป็นกองพะเนินทั้งบ้าน   ทั้งนักล่าและผู้ช่วยช่วยกันทำงานขันแข็ง   แรงไม่มีตกจนกระทั่งไลเคนตัวสุดท้ายหมดลมหายใจ  พวกเธอยิ้มเมื่องานจบสิ้นและเตรียมจะกลับออกไป   

หากแต่ขณะที่กำลังจะพากันออกจากบ้าน  ฟลอเรนแน่ใจว่าเธอได้ยิน   เสียงกรีดร้องดังมาจากที่ไกลๆ  เกิดอะไรขึ้นที่ไหน  หรือว่า..อัลร์

ฮันเตอร์หันมองหน้าแวมไพร์ที่เดินมาใกล้   เธอแน่ใจว่าแอลได้ยินเหมือนที่เธอได้ยิน  หล่อนพยักเพยิดหน้าให้เป็นสัญญาณ  เธอยิ้มรับรู้ความหมาย  ฟลอเรนผิวปากเสียงเหมือนนกหวีด  ไม่กี่นาทีเจ้าเฮอร์มีสก็มาปรากฏตรงหน้า  ลดตัวลงให้เธอขึ้นหลังอย่างเคย   เด็กสาวตวัดตัวขึ้นไปนั่งบนอานทันที  ร้อนใจอยากไปดูแมว  ไม่ใช่สิ..เสือ.. 

ไม่รู้ป่านนี้ถูกอัลร์หักคอไปหรือยัง  นั่นเสียงหล่อนแน่ๆ ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น  ชักเป็นห่วง   อัลร์ได้ชื่อเรื่องความโหดเสียด้วยสิ  อย่าเพิ่งฆ่านะ  รอฉันก่อน..

“ไปก่อนเลยฟลอเรน   เดี๋ยวฉันตามไป  มีบางอย่างที่นี่ยังไม่เสร็จ”  แอลบอก  เด็กสาวพยักหน้ารับ  บังคับม้าตัวขาวและควบมันออกไปจนฝุ่นตลบ  รีบร้อนเหมือนเคย  แต่ก็สมเป็นฟลอเรน..
.
“โอเค..  ตอนนี้ก็ถึงงานฉัน   ไม่ใช่สิ..งานเธอ..”  แวมไพร์พึมพำ ถัดมาก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง  และหญิงสาวคนหนึ่งออกมาจากหลังต้นไม้  หล่อนยิ้มรู้กัน  “เอาเลย..เฮเลนน่า  อยากสนุกไม่ใช่เหรอ”  เจ้าหล่อนได้แต่ยิ้มไม่พูด  มือขาวแบออกมาด้านหน้าตัวและเปลวไฟก็ลุกพรึ่บเหนือฝ่ามือหล่อน   มันร้อนจนแวมไพร์ต้องถอยหนี   แน่นอนเธออาจตายได้เพราะไฟ   หากแต่ไม่นานเท่าไหร่ในมือของแม่มดสาวก็ปราศจากเปลวเพลิง   มันเปลี่ยนไปปรากฏที่คฤหาสน์ใหญ่เบื้องหน้าแทน  และอีกไม่นานมันก็จะเหลือแต่ซาก

“เรียบร้อย”  แม่มดพูดเสียงใส  หันไปยิ้มหวานกับแวมไพร์ข้างๆ “แล้วเอาไงต่อ  จะตามฟลอเรนไปไหม.?”  เธอหยั่งเชิงคู่ขา  อย่างที่คิด  แอลส่ายหน้ายิ้มและคว้ามือเธอดึงไปอีกทาง  คนละทางกับที่สาวฮันเตอร์กับม้าคู่ใจไป  สงสัยไม่อยากไปเป็นกขค.

แต่ก็ดี..บางทีหล่อนอาจจะให้รางวัลเธอเรื่องช่วยวางเพลิง  เธอคิดและยิ้มกับมันอย่างดีใจ  หากแต่ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นมาให้ต้องคิ้วขมวด  เสือดำ..เธอเป็นใครกัน  หรือฉันจะรู้จักเธอ..?



........................................


มาอีกแว้ว..  แม้คนอ่านจะน้อย..  เม้นท์ไม่ค่อยมี...

ยังดีมีตั้งเม้นท์นึง   กับคนกดไลค์ในเฟส  เหอๆๆ

แต่ไม่เป็นไร   รักแฟนตาซี  จึงมีเรื่องนี้ขึ้น..  และยังคงรักมันต่อไป...   ~:Emo13:~ ~:Emo13:~

ขอบคุณคนเม้นท์และคนไลค์ด้วยค่ะ  ~:Emo11:~ ~:Emo17:~




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.